ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 563 ขี่มังกร
เยี่ยนจ้าวเกอต้องการเศษชิ้นส่วนดวงตาราชันสายฟ้ามาโดยตลอด ถ้าหากได้เศษชิ้นส่วนมามากกว่าเดิม เขาย่อมยินดี
ถึงอย่างไรดวงตาราชันสายฟ้าที่อยู่ในสภาพสมบูรณ์ก็คืออาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูง เหนือกว่าเสื้อคลุมนภา บรรทัดสุริยันวัดสวรรค์ นิ้วมังกรทั้งเก้า และกระบี่ล่องลอยที่เป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นต่ำ
แน่นอนว่าตอนนี้เยี่่ยนจ้าวเกอรู้แล้ว ถ้าหากดวงตาราชันสายฟ้าสมบูรณ์ สภาพแวดล้อมของโลกแปดพิภพ โลกผืนสมุทร และโลกลอยน้ำจะไม่อาจรองรับได้
นอกเสียจากว่าดวงตาราชันสายฟ้าจะหลับไหล เหมือนกับตราประทับตะวันและมงกุฎจันทรา ไม่กระตุ้นพลังทั้งหมด
หลายปีมานี้ หลังจากระดับของเยี่ยนจ้าวเกอยิ่งมายิ่งสูงขึ้น พลังยิ่งมายิ่งแข็งแกร่ง เขาจึงใช้อานุภาพทั้งหมดของเศษชิ้นส่วนดวงตาราชันสายฟ้าที่ตนมีอยู่ในมือได้
กลับเป็นเศษชิ้นส่วนดวงตาราชันสายฟ้า ที่ไม่ได้ช่วยเขามากเหมือนเดิมแล้ว
แต่หลังจากได้ชิ้นส่วนอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชิ้นใหม่มา อานุภาพของเศษดวงตาราชันสายฟ้าก็แข็งแกร่งขึ้น
ตอนนี้ถ้าหากว่าได้จากโลกผืนสมุทรเพิ่มอีก ก็อาจจะแข็งแกร่งขึ้นอีก
เยี่ยนจ้าวเกอหรี่ตา แสงสายฟ้าด้านในกะพริบอย่างต่อเนื่อง เศษชิ้นส่วนดวงตาราชันสายฟ้าที่ซ่อนอยู่ในตาคล้ายกับจะพุ่งออกมาได้ทุกเวลา
“พวกเราไปเถอะ” ชายหนุ่มเดินนำหน้า สีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง ส่วนพวกฟู่เอินซูและเกาเทียนจงติดตามอยู่ด้านหลัง
ปราณมังกรมากมายรวมตัวกันด้านหน้าทุกคน กลายเป็นหัวมังกรขนาดมหึมา อ้าปากส่งเสียงร้องคำราม
พวกเยี่ยนจ้าวเกอที่เดินทางอยู่ด้านในเหมือนกับเข้าไปในท้องมังกร
ปราณมังกรที่น่าเกรงขาม กับปราณความตายที่สกปรกผสมผสานกัน ทำให้เกิดเป็นสมดุลอันน่าอัศจรรย์ กระจายไปทั่วที่ว่างรอบๆ
การเดินทางอยู่ข้างใน ปราณความตายมีอันตราย ทุกคนไม่อาจหลบเลี่ยงความน่ากลัวของมันพ้น
แต่ว่าเมื่อมีปราณมังกรหลอมกับร่าง กลับทำให้จิตใจของผู้คนเปิดกว้าง ขอแค่สงบจิตใจไม่ให้ถูกปราณมังกรคุกคาม ภายใต้การหลอมรวมของปราณมังกร ร่างกายเลือดเนื้อของทุกคนจะรู้สึกได้ถึงความสดชื่นอย่างชัดเจน เหมือนได้รับการชำระล้าง
พวกเกาเทียนจงเดินไปเดินมา ต่างมองเยี่ยนจ้าวเกอที่อยู่ด้านหน้าด้วยความตกตะลึง
เพราะพวกเขาเห็นทั่วทั้งร่างของเยี่ยนจ้าวเกอมีปราณสีดำลอยขึ้นรางๆ จากนั้นก็ถูกปราณมังกรทำลายทิ้ง
นั่นไม่ใช่วิชามารที่เยี่ยนจ้าวเกอฝึกปรือ แต่เขาอาศัยปราณมังกรหลอมร่าง ขับความสกปรกที่แฝงอยู่ในจุดลมปราณของตนออกมา
ในการใช้ชีวิต หากร่างกายละเอียดมากเกินไป มาตรว่าจะเป็นจอมยุทธ์ที่มีพลังฝึกปรือล้ำลึก ร่างกายก็จะสั่งสมการบาดเจ็บเล็กๆ น้อยๆ หลายรูปแบบไว้โดยไม่รู้ตัว
มีอาการบาดเจ็บบาดเจ็บจำนวนหนึ่งที่ค้นพบได้ทันเวลา และดูแลได้ทันเวลา แต่บางส่วนที่พบเมื่อสายไป จะค่อยๆ สั่งสมทีละน้อยๆ
ยามปกติไม่เป็นไร แต่เมื่อรอจนอายุขัยหมดลง หรือไม่ร่างกายได้รับบาดเจ็บหนัก จะพบว่าปัญหาเล็กน้อยที่สะสมในยามปกติจะรวมตัวและทับซ้อนกัน จนไม่อาจกลับเป็นเหมือนเดิม เหมือนการก่อทรายเป็นเจดีย์อย่างไรอย่างนั้น
ในตอนที่มีตัวกระตุ้นปรากฏขึ้น ปัญหาเล็กจะกลายเป็นปัญหาใหญ่ บ้างคือแก่ชราเร็วเกินไป บ้างการฟื้นฟูอาการบาดเจ็บช้าเกินไป ไม่อาจรักษาได้โดยสิ้นเชิง ทิ้งต้นเหตุของโรคร้ายไว้
ในตอนนี้ เยี่ยนจ้าวเกอกำลังจัดการปัญหาเล็กน้อยเหล่านี้อยู่
ทุกคนต่างคิดทำเช่นนี้ แต่การจะทำให้หมดจดและได้ผลชัดเจนเหมือนเยี่ยนจ้าวเกอ กลับไม่มีใครทำได้
เยี่ยนจ้าวเกอมีสีหน้าสงบนิ่งยิ่ง เพียงสัมผัสกับการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดในสุสานมังกรอย่างเงียบๆ
‘เนื่องจากมิติบิดเบี้ยว เวลาจึงสับสน มีบางที่เร็วกว่าด้านนอก มีบางที่ช้ากว่าด้านนอก ไม่อาจแยกแยะได้อย่างแม่นยำ’
ชายหนุ่มค่อยๆ มั่นใจมากขึ้น ‘บ้างช้าบ้างเร็ว ทว่าก็ต่างชดเชยกัน น่าจะไม่มีปัญหา’
ถึงแม้ในใจจะเป็นห่วงสถานการณ์ของโลกแปดพิภพ แต่เยี่ยนจ้าวเกอก็ยังคงสงบจิตใจ รักษาความใจเย็นไว้
ภาพของที่ว่างเบื้องหน้าเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง
บางครั้งมีฟ้าโปร่งด้านบน ปรากฏทะเลเมฆไร้ขอบเขต
บางครั้งมีคลื่นสีมรกตและบึงน้ำเย็นไล่ซ่าๆ ทั้งยังมีแม่น้ำและคลื่นทะเลซัดสาด
แม้จะเดินเพียงไม่กี่ก้าว แต่ทุกคนก็เดินผ่านสถานที่นับไม่ถ้วน มองเห็นภาพทิวทัศน์ต่างๆ นาๆ
ครั้นลองหันกลับไปมอง กลับพบว่าสิ่งที่เห็นก่อนหน้ากลับไม่โผล่ขึ้นมาอีก
ฟู่เอินซูพึมพำ “เป็นภาพความทรงจำของเผ่ามังกรที่ตายที่นี่สลัก เป็นสถานที่ที่พวกมันเคยอยู่”
“เผ่ามังกรที่ตายที่นี่เกรงว่าจะมีจำนวนนับไม่ถ้วน ดังนั้นจึงมีภาพซึ่งมีสีสันมากมายขนาดนี้”
เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้า “คิดว่าน่าจะเป็นเช่นนั้นขอรับ”
เพียงแต่ภาพที่สับสนเหล่านี้หมายถึงมิติเวลาของที่นี่ปั่นป่วน ทำให้คนหลงทางได้โดยง่าย
สุสานมังกรเหมือนกับเป็นเขาวงกตขนาดยักษ์ ถ้าหากไม่มีวิธีแก้ เดินเข้ามาก็ไม่มีประโยชน์
ระหว่างที่เดินอยู่นั้น จิตใจของเยี่ยนจ้าวเกอพลันรู้สึกหวาดหวั่น
เขาหยิบเกล็ดมังกรแตกสองสามชิ้นออกมาจากในถุงย่อส่วน
เกล็ดมังกรเหล่านี้ได้มาจากที่อยู่เดิมของจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์มังกรน้ำแข็งในโลกแปดพิภพ ไม่ได้มาจากมังกรน้ำแข็งที่ถูกแช่แข็งอยู่ในเสาน้ำแข็ง แต่เป็นเกล็ดของเผ่ามังกรตัวอื่น
เกล็ดมังกรเหล่านั้นแตกร้าว เยี่ยนจ้าวเกอคิดจะเชื่อมต่อซ่อมแซม แต่ยากเกินไป จึงทำไม่สำเร็จ
การหายสาบสูญของจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์มังกรน้ำแข็ง เป็นไปได้ว่าจะเกี่ยวข้องกับแดนฝูงมังกรฝังกระดูก
ครั้นหยิบออกมา เกล็ดมังกรไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงใด
เยี่ยนจ้าวเกอไม่รีบร้อน ยังคงเดินอยู่ในสุสานมังกรอย่างอดทน
ไม่รู้ว่าเดินไปนานเท่าไร จู่ๆ เยี่ยนจ้าวเกอก็รู้สึกว่าเกล็ดมังกรที่กำไว้ในมือเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน
เมื่อเงยหน้ามองไป ถึงพบว่าพวกตนกำลังเดินเลียบแม่น้ำยาวสายหนึ่ง
น้ำในแม่น้ำพลันขยายใหญ่ขึ้น เกล็ดมังกรในมือของเยี่ยนจ้าวเกอได้รับการเหนี่ยวนำจากพลังไร้รูปร่าง พุ่งลงไปในน้ำ
ลักษณะนั้นเหมือนกับใบไม้หล่นลงสู่ราก
เยี่ยนจ้าวเกอไม่ได้ขัดขวาง เพียงมองเกล็ดมังกรพุ่งลงไปในน้ำอย่างเงียบๆ ครู่ต่อมา น้ำในแม่น้ำที่บ้าคลั่งก็ทะลักขึ้น ลอยอยู่มาบนพื้้น
ในกระแสน้ำมีมังกรสีเหลืองเข้มตัวหนึ่งพุ่งออกมา
เงามังกรนั้นเกิดจากน้ำในสายน้ำและลำแสงรวมตัวกัน หลังจากปรากฏตัวขึ้นมาก็ชะงักเล็กน้อย ไม่ได้โจมตีพวกเยี่ยนจ้าวเกอที่อยู่ตรงหน้า กลับพยักหน้าให้กับชายหนุ่มด้วยซ้ำ
เยี่ยนจ้าวเกอเห็นดังนั้นพลันยิ้มขึ้น ทำเอาพวกฟู่เอินซูกับเกาเทียนจงที่อยู่ด้านหลังจุ๊ปากชมเชย
มังกรสีเหลือพุ่งออกมาจากสายน้ำ ม้วนพวกเยี่ยนจ้วเกอเอาไว้ จากนั้นก็โฉบลงไปในกระแสน้ำอีกครั้ง
มันเคลื่อนที่ในน้ำอย่างราบรื่น ขณะเดียวกันพวกเยี่ยนจ้าวเกอก็พบว่าภาพตรงหน้าเปลี่ยนแปลงติดต่อกัน
มังกรเหลืองพาพวกเขาเดินทางในสุสานมังกร
ปราณมังกรและปราณความตายในสุสานมังกรไม่ส่งผลกระทบด้านลบต่อพวกเยี่ยนจ้าวเกออีก
ระหว่างนั่งบนหลังมังกร เยี่ยนจ้าวเกอรู้สึกโดยฉับพลันว่าชิ้นส่วนดวงตาราชันสายฟ้าในตาขวาของตัวเองเคลื่อนไหวรุนแรงมากขึ้น
มังกรพาทุกคนแหวกมิติเวลาหนาหนักที่สับสน สุดท้ายหยุดลงในแดนหิมะแห่งหนึ่ง
ในพายุหิมะปรากฏเงาคนขึ้น หนึ่งในจำนวนนั้นก็คือเจ้าสำนักอัสนีเรืองรองที่สำนักถูกทำลายไปแล้ว เกิ่งฮุย ‘ราชันสายฟ้าสีชาด’
เนื่องจากมังกรเหลือง เกิ่งฮุยจึงไม่พบการดำรงอยู่ของพวกเยี่ยนจ้าวเกอได้ทันที
ตอนนี้เขากำลังมองคนตรงหน้า “เยี่ยนจ้าวเกอนั่นพักอยู่ที่เขาหงส์วิเศษ สุดท้ายก็เป็นคนฝ่ายธรรมะ อีกทั้งยังได้นิ้วมังกรทั้งเก้าไปด้วย”
“ไม่ว่าข้าจะไม่ชอบใจลิ่นเชียนเฉิงอย่างไร แต่หลังจากเขาตายไป พลังของฝ่ายธรรมะก็เหนือกว่าเรา หากเป็นเช่นนี้ต่อไป จะช้าจะเร็วสุดท้ายต้องตาย”
“หลิวซั่ว ท่านคิดจะทำอย่างไร?”