ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 566 มังกรนับพันนับหมื่น
‘มิติเวลาของที่นี่สับสน คนที่เข้าไปด้านในด้วยกันใช่ว่าจะเดินไปยังเส้นทางเดียวกัน’ เยี่ยนจ้าวเกอมองรอบๆ ไม่เห็นเงาร่างของพวกหลิวซั่วแห่งเกาะวิญญาณหลอน
แต่เนื่องจากความปั่นป่วนของมิติเวลา ข่ายอาคมตรงหน้านี้จึงคงความเสถียรในมิติที่สับสนขนาดนี้ด้านในสุสานมังกรได้ ไม่ไหลตามกระแส เกิดเป็นความอัศจรรย์ที่น่าตกตะลึง
ด้านในข่ายอาคม ถึงแม้จะเหลือแค่กระดูกโครงหนึ่ง แต่เมื่อดูจากอาภรณ์ที่สวมอยู่แล้ว เยี่ยนจ้าวเกอจำได้ทันทีว่าคนผู้นี้คือจอมยุทธ์วัยกลางคนอาภรณ์สีดำ ที่ตนเคยเห็นตอนสัมผัสกับคานวังเทพในโพรงหินก้นทะเลใต้ทะเลตาข่ายดาว ซึ่งจากไปในตอนท้ายนั่นเอง
จอมยุทธ์วัยกลางคนอาภรณ์ดำผู้นี้เคยมีความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยม คิดมาเปิดสุสานมังกร จากนั้นก็จะวกกลับไปจัดการคานวังเทพอีกครั้ง แต่ผลสุดท้ายกลับตายอยู่ที่นี่ เยี่ยนจ้าวเกออดสะท้อนใจชั่วขณะไม่ได้
ชายหนุ่มสั่งความคิด ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกยื่นฝ่ามืออกไปจับข่ายอาคมนั่นไว้
ข่ายอาคมที่ลอยอยู่กลางมิติเวลาที่สับสนกลับไม่ปฏิเสธพลังจากภายนอก ถูกร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกดูดไว้กลางฝ่ามือ
เยี่ยนจ้าวเกอเห็นดังนั้นก็รู้สึกมั่นใจกว่าเดิม ‘เป็นของวิเศษที่มีไว้รับมือกับเวลาและมิติ สามารถป้องกันมิติที่สับสนเช่นนี้ได้ เช่นนั้นก็อาจจะป้องกันการทำลายจากพลังของเขตแดนได้เช่นกัน คนผู้นี้เกรงว่าจะ ‘ลงมา’ จากโลกซ้อนโลกจริงๆ’
แหล่งพลังงานของข่ายอาคมก็คือพัดกระดาษเล่มหนึ่งในมือกระดูก
ชายหนุ่มเก็บพัดกระดาษมา จิตสายหนึ่งไหลออกมาจากในพัด เขาตัดมันออกมา ฉับพลันนั้นคล้ายกับมีเสียงดังขึ้นในสมองของเขา
“ข้าหลงตัวเองมากเกินไป ประเมินแดนฝูงมังกรฝังกระดูกต่ำเกินไป วันนี้สมควรตายอยู่ที่นี่ หาเรื่องใส่ตัว หาเรื่องใส่ตัว!”
“การสละชีพของมังกรทรงอานุภาพขนาดไหน มีอานุภาพขนาดทำลายโลก กลับลากโลกผืนสมุทรแห่งนี้ให้ประสบหายนะไปด้วย”
“โลกซ้อนโลก สุดท้ายก็กลับไปไม่ได้ เกิดจากความมืดมิดก็กลับคืนสู่ความมืดมิด ข้าไม่กลัวตาย แต่เสียดายที่ไม่ได้เห็นความพินาศของพวกทรยศสำนักแสงสว่าง น่าเสียดาย น่าเสียดายนัก!”
นี่คงจะเป็นความคิดก่อนตายของจอมยุทธ์วัยกลางคนอาภรณ์ดำ เยี่ยนจ้าวเกอทำความเข้าใจ ก่อนจะพูดในใจว่า ‘เป็นอย่างที่คิด ในสุสานมังกรต้องระวังแล้วระวังอีก ไม่เช่นนั้นอาจจะพบจุดจบพินาศย่อยยับได้ทุกเวลา ทั้งอาจจะทำให้โลกผืนสมุทรสูญสิ้นไปด้วยได้’
หลังจากเยี่ยนจ้าวเกอมาถึงโลกผืนสมุทรและทำความเข้าใจสถานการณ์ของที่นี่ ในใจก็มีข้อสงสัยหนึ่งมาโดยตลอด
การไหลของเวลาในโลกผืนสมุทรเร็วกว่าโลกแปดพิภพราวๆ ห้าเท่า พููดอีกอย่างก็คือ หลังจากมหาภัยพิบัติเป็นต้นมา ประวัติศาสตร์ของโลกผืนสมุทรยาวนานกว่าโลกแปดพิภพ
ในสถานการณ์เช่นนี้ การพัฒนาอารยธรรมวรยุทธ์ของที่นี่กลับไม่เจริญเท่ากับโลกแปดพิภพ ถึงขนาดด้อยกว่าขั้นหนึ่ง
ต่อมาจึงได้พบว่า ที่นี่มีการบันทึกมรกดวรยุทธ์และการถ่ายทอดก่อนมหาภัยพิบัติไว้มากกว่าโลกแปดพิภพ
การถ่ายทอดวรยุทธ์จำนวนมากต่างเป็นพวกจอมยุทธ์ของที่นี่ศึกษากันเอง จึงเดินไปบนทางอ้อมและทางผิดมากมายอย่างไม่ต้องสงสัย ช้าไปบ้างถือว่าปกติ
แต่ว่าเรื่องเล่าโบราณของโลกผืนสมุทร นอกจากมหาภัยพิบัติในตำนานแล้ว ประวัติศาสตร์ยังมีการเกิดพายุชนิดเปลี่ยนฟ้าดินจำนวนมาก ทุกครั้งจะนำมาซึ่งการบาดเจ็บล้มตายนับไม่ถ้วน ทำให้เหลือเผ่ามนุษย์ในโลกผืนสมุทรน้อยนิด แต่เนื่องจากไม่ชัดเจนพอ จึงถูกฝังกลบในสายธารประวัติศาสตร์อันยาวนาน
ในตอนนี้เยี่ยนจ้าวเกอพอเข้าใจขึ้นแล้ว ว่าหายนะมากมายของโลกผืนสมุทรอาจเป็นเพราะโลกใบนี้กับโลกในสุสานมังกรเชื่อต่อกันแนบชิดที่สุด จึงก่อให้เกิดภัยพิบัติจำนวนมาก
เขาสำรวจโครงกระดูกนั้น พลางถอนใจเล็กน้อย
จอมยุทธ์วัยกลางคนอาภรณ์ดำผู้นี้คงจะไม่ได้เป็นคนเดียว ที่ล้มเหลวในการเข้ามาตามหาของล้ำค่าในสุสานมังกร ผู้ล้มเหลวทุกคนคงจะก่อให้เกิดหายนะกับโลกผืนสมุทรขึ้น
บางทีจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์มังกรน้ำแข็งที่มาจากโลกแปดพิภพ ก็อาจจะเป็นหนึ่งในจำนวนนั้นก็ได้
คิดไปคิดมา สีหน้าของเยี่ยนจ้าวเกอก็ระมัดระวังยิ่งขึ้น
เขาก้มไปมองหุบเหวเหมันต์บรรพกาล เงียบงันไม่พูดจา
พวกเกาเทียนจงได้ยินเยี่ยนจ้าวเกออธิบายสถานการณ์ ต่างมองหน้ากันเอง
เยี่ยนจ้าวเกอเริ่มพิจารณาพัดในมือ หลังจากรับรู้อย่างละเอียด เขาก็เข้าใจขึ้นมา ‘ที่แท้ด้ามพัดทำจากไม้เจี้ยน[1] มิน่าจึงปกป้องคนที่ผ่านบาดแผลแห่งสวรรค์ไม่ให้ได้รับบาดเจ็บจากพลังเขตแดนได้’
‘เมื่อมีของสิ่งนี้ ต่อให้ไม่ได้เป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสี่ ก็มีวิธีไปยังโลกซ้อนโลก’ เยี่ยนจ้าวเกอใช้นิ้วลูบด้ามพัด ‘แต่ว่าสร้างข่ายอาคมในสุสานมังกรมานานขนาดนี้ พลังวิญญาณแทบหมดสิ้นแล้ว คิดจะใช้อีกย่อมจำเป็นต้องวางแผน’
ชายหนุ่มเปิดพัดกระดาษออก เห็นถ้อยคำง่ายๆ ถูกตวัดเขียนอยู่บนตัวพัด ด้านในกลับเหมือนแฝงจิตวรยุทธ์อันลี้ลับไว้
‘ที่แท้เป็นการผสานความมืดและแสงสว่าง พลังทั้งสองขั้วผสมกันอยู่ด้านใน จิตพลังความมืดของจักรวาลค่อนข้างยอดเยี่ยมทีเดียว แต่น่าจะพัฒนาหลังจากมหาภัยพิบัติ มีร่องรอยระบบของสำนักประกายกาฬก่อนมหาภัยพิบัติจำนวนหนึ่ง’
‘อืม รอเดี๋ยว เมื่อครู่เขาพูดถึงสำนักแสงสว่าง เป็นขุมกำลังในโลกซ้อนโลกเหมือนกันหรือ? ในคำพูดมีความเคียดแค้นอยู่ด้วย ถ้าเป็นเช่นนี้ เป็นเพราะแสงสว่างและความมืดเป็นศัตรูกัน? หรือว่าระบบสำนักประกายกาฬจะแบ่งเป็นแสงสว่างและความมืด?”
เยี่ยนจ้าวเกอเห็นชื่อบนตัวพัดเขียนไว้ว่า ‘หร่านเชาแห่งสำนักความมืด’ ในใจพลันเกิดการคาดเดามากมาย
หุบเหวอันมืดมิดเบื้องล่างเหมือนกับไร้ขอบเขต เวลาของพวกเยี่ยนจ้าวเกอซึ่งเดินทางอยู่ด้านในไหลไปอย่างรวดเร็ว
เพียงแต่ในมิติเวลาหนาหนักที่เดี๋ยวเร็วเดี๋ยวช้านี้ กลับทำให้คนแยกแยะไม่ออกว่า ผ่านไปแล้วกี่วัน กี่เดือน หรือกี่ปี
ระหว่างที่เดินทางอยู่ข้างใน พวกเยี่ยนจ้าวเกอได้เจอคนจากสำนักอื่น บ้างก็เป็นพวกเดียวกัน บ้างก็เป็นศัตรู บ้างก็เพียงแค่เดินสวนกัน
ยิ่งเดินทางเข้าไปลึกเท่าไร เขาก็รู้สึกได้ว่าจอมยุทธ์โลกผืนสมุทร รวมถึงจอมยุทธ์เขาหงส์วิเศษเช่นพวกเกาเทียนจงค่อยๆ มีความรู้สึกกระวนกระวาย
พวกเขาเข้ามาในสุสานมังกรนานเกินไป ติดอยู่ข้างใน กอปรกับไม่อาจแยกแยะได้ว่าเวลาด้านนอกผ่านไปนานเท่าไร ถ้าหากเกิดสถานการณ์วุ่นวายขึ้นบนโลกผืนสมุทรคงไม่อาจจัดการได้
ถึงแม้ก่อนจะเข้ามาแต่ละสำนักจะเตรียมการไว้แล้ว และเหลือคนมากพอไว้ปกป้องสำนัก จึงไม่กลัวว่าสำนักอื่นจะวกกลับไปโจมตี อีกทั้งปราชญ์ปีศาจลิ่นเชียนเฉิงที่ลี้ลับที่สุดยังถูกเยี่ยนจ้าวเกอกำจัดทิ้งไปแล้วด้วย
แต่ถ้าหากเป็นเช่นนี้ต่อไป ไม่อาจบอกว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นหรือไม่
พวกเยี่ยนจ้าวเกอเริ่มเห็นคนคิดกลับทางเดิม เพื่อออกจากสุสานมังกร
ไม่รู้ว่าต้องไปต่ออีกนานเท่าไร ในตอนที่รู้สึกว่าอุณหภูมิด้านในหุบเหวค่อยๆ ลดต่ำลงจนมหาปรมาจารย์ขั้นรูปญาณไม่อาจต้านทานได้ จิตใจของเยี่ยนจ้าวเกอก็พลันรู้สึกหวาดหวั่น
เขารู้สึกได้ถึงกลิ่นอายของจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์มังกรน้ำแข็งที่คุ้นเคยหลายส่วนจากที่อยู่เดิม คล้ายกับเมื่อครั้งที่ตนเคยไปตอนอยู่ในโลกแปดพิภพ
เยี่ยนจ้าวเกอรู้สึกฮึกเหิม กระตุ้นให้มังกรเหลืองพุ่งลงด้านล่างเร็วขึ้น
ในที่สุดก็ค่อยๆ เข้าใกล้ก้นเหวมืดมนเบื้องหน้าแล้ว
สิ่งที่ปรากฏด้านหน้าก็คือภาพอันน่าตื่นตะลึง
มังกร ทั้งหมดล้วนเป็นมังกร
ไม่ใช่มังกรเจียวหลง มังกรไร้เขา หรือมังกรหนวดโค้ง ไม่ใช่มังกรเลือดผสม ทั้งหมดล้วนเป็นมังกรแท้
มีจำนวนมากมายนับไม่ถ้วน ไม่ทราบว่ามีมากเท่าไร
กรงเล็บและเกล็ดของฝูงมังกรแวววาว สมจริงเหมือนมีชีวิต ลมปราณโชติช่วงที่ยิ่งใหญ่และลุกไหม้ผสมกับปราณความตายทำลายล้างที่น่าหวาดหวั่น เหมือนกับท้องทะเลกว้างใหญ่ไพศาล
มังกรทุกตัวเหมือนกับยังมีชีวิตอยู่ แต่กลับยืนนิ่งอยู่ก้นหุบเหวเหมันต์บรรพกาล
……………………………………….
[1] ไม้เจี้ยน เป็นไม้โบราณในตำนาน