ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 598 หวงกวงเลี่ยผู้ตกตะลึง
ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกเข้าใกล้ยอดเขา ใช้มือทาบบนผา แสงสีขาวหนาหนักที่ห่อหุ้มยอดเขาพลันกระเพื่อมเหมือนกับคลื่นน้ำ ปริออกกลายเป็นระลอกคลื่นระลอกแล้วระลอกเล่า
เยี่ยนจ้าวเกอยื่นมือซ้ายออกมาเขียนค่ายกลอาคมหลายสายกลางอากาศ ลวดลายอาคมเกาะกลุ่มกันอยู่บนกลางที่ว่างไม่สลาย
หลังจากที่ลวดลายอาคมมากมายประกอบกันกลายเป็นลวดลายค่ายกลที่ลี้ลับซับซ้อนแล้ว เยี่ยนจ้าวเกอก็กำมือขวาเป็นหมัดแล้วต่อยออกไป
ลวดลายค่ายกดติดอยู่บนยอดเขาที่เปล่งประกายสีขาวเบื้องหน้า เพราะการกระตุ้นจากเจตจำนงหมัดวรยุทธ์ของเขา
ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกมือไม่หยุดลง กระตุ้นญาณจริงแท้ของตัวเองเพื่อเพิ่มพลังให้กับมัน
ขนาดของยอดเขาค่อยๆ เริ่มเล็กลง ส่วนตราอาคมขนาดมหึมาที่ครอบคลุมอยู่ด้านบนก็หมุนวนเร็วมากขึ้น
จิตพลังของค่ายกลเทพไท่อี้ถล่มทลายเปลี่ยนแปลงไม่หยุดยั้ง บางครั้งเคลื่อนบางครั้งหยุด บางครั้งเร็วบางครั้งช้า มิติที่อยู่รอบๆ ฟ้าดินแห่งนี้เริ่มเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง
ในค่ายกลมีพลังที่แข็งแกร่งเริ่มเคลื่อนไหวอย่างผิดปกติราวกับกำลังตื่นขึ้น
เหมือนกับมีความตั้งใจที่บ้าคลั่งพุ่งออกมาจากด้านใน ข้างหูของเยี่ยนจ้าวเกอกับร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกถึงกับมีเสียงคำรามดังขึ้นอย่างเลือนราง
แต่ว่าหลังจากการเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องของผนึก เจตจำนงที่แผดคำรามนั้นค่อยๆ เริ่มอ่อนแรงลง ถึงแม้จะขัดขืนไม่หยุด ทว่าสภาวะพลังก็เปลี่ยนเป็นลดต่ำ จนกระทั่งหายไป
ยอดเขายิ่งมายิ่งเล็กลง กลับเป็นลวดลายค่ายกลเหนือยอดเขาเริ่มขยายใหญ่อย่างช้าๆ จากนั้นก็รูปร่างของค่ายกลเทพไท่อี้ถล่มทลายก็ค่อยๆ สมบูรณ์ขึ้นในตอนท้าย
เยี่ยนจ้าวเกอมองไปในค่ายกล เขาเห็นด้านในแสงสีขาวหนาหนักมีเงาคนสี่คนแยกอยู่กันสี่ด้าน
ค่ายกลเทพไท่อี้ถล่มทลายเปิดออกอีกครั้ง แสงสีขาวหลายสายครอบคลุมฟ้าดินทั้งสี่ทิศ กลายเป็นโลกสีขาว ที่ว่างด้านในและด้านนอกตัดขาดจากกัน
ด้านในโลกแสงสีขาว ยอดเขาแห่งนั้นค่อยๆ สลาย เหลือเพียงตราอาคมเบื้องล่างที่ยังบิดเบี้ยวไม่หยุด
ใจกลางตราอาคมมีจุดสีดำเล็กๆ จุดหนึ่ง มันดูเล็กจิ๋วอย่างยิ่ง แต่กลับมอบความรู้สึกหนักอึ้งถึงขีดสุดให้กับผู้คนเหมือนกับหลุมดำ
ชายหนุ่มมีสีหน้าไม่แปรเปลี่ยน มองร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกแวบหนึ่ง
ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกร่างจมลงด้านล่าง ในมือปรากฏหอกมังกรมัจฉาสีดำทอง
หลังจากร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกแทงหอกออก ที่ปลายหอกก็ปรากฏจุดสีดำขลับ เหมือนกับม้วนประกายแสงที่อยู่รอบๆ เข้าไปด้วยกัน หนึกอึ้งจนไม่อาจหนักไปกว่านี้ได้อีก
เมื่อหลุมดำขนาดเล็กทั้งสองพบกัน มิติรอบๆ พลันบิดเบี้ยวมากกว่าเดิม ตรงขอบมีความรู้สึกฉีกกระชากอย่างเลือนราง
กลางหลุมดำใจกลางค่ายกลเทพไท่อี้ถล่มทลายมีกลิ่นอายทำลายล้างที่ร้อนแรงส่งออกมา เสียงคำรามที่น่ากลัวนั้นดังขึ้นอีกครั้ง เหมือนกับพยายามดิ้นรนเป็นครั้งสุดท้าย
ทว่าแสงสีขาวหลายสายก็พุ่งลงด้านล่างสะกดมันไว้ใหม่
ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกจิ้มปลายหอก หลุมดำทั้งสองหายไปพร้อมกัน
จุดดำเล็กๆ ที่อยู่กลางค่ายกลเทพไท่อี้ถล่มทลายสลายไป เหลือเพียงแต่ตราอาคมแผ่นหนึ่งที่จมลงก้นทะเล
ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกใช้มือขวายกหอกขึ้น ผลักฝ่ามือซ้ายลงด้านล่าง คลื่นใต้ทะเลซัดสาด ก่อนจะรวมตัวกันเป็นข่ายอาคม เก็บตราอาคมเอาไว้ด้านใน
และในตอนนี้ ประกายสีขาวที่เปล่งแสงอยู่บนค่ายกลเทพไท่อี้ถล่มทลายด้านบนก็ค่อยๆ จมลง ค่ายกลพังทลายลงกลางทางอย่างเชื่องช้า
หลังจากแสงสีขาวสลายไปแล้ว เงาคนสี่คนที่แยกกันอยู่สีด้านก็ค่อยๆ ปรากฏรูปร่างขึ้น
เยี่ยนตี๋ ผู้อาวุโสม่อ ซ่งอู๋เลี่ยงปรากฏตัวขึ้นมา หวงกวงเลี่ยก็ไม่มีข้อยกเว้น
ก่อนหน้านี้ หวงกวงเลี่ยถูกค่ายกลเทพไท่อี้ถล่มทลายจับไว้ด้านใน ในตอนนี้พลังของค่ายกลสลายไปแล้ว เขากลับไม่ยินดี
ถึงแม้จะติดอยู่ในค่ายกล แต่ทั้งสี่คนก็ยังพอจับการไหลของเวลาได้คร่าวๆ หวงกวงเลี่ยรู้สึกได้ว่ายังห่างจากระยะเวลาสามปีอีกมากนัก
เขากว่างเฉิงย่อมหวังให้ค่ายกลถูกแก้ไขก่อนเวลาเพื่อต้อนรับการกลับมาของเยี่ยนตี๋มากที่สุด
ตราบใดที่สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ไม่มีวิธีแก้ไข ย่อมหวังให้ทางทะเลตะวันออกรักษาสภาพการณ์ในตอนนี้ต่อไป
ปราชญ์ภาพวาดผู้อาวุโสม่อที่ไม่ได้เข้าร่วมการต่อสู้ภายในของเผ่ามนุษย์ไม่ต้องพูดถึงชั่วคราว สามคนที่เหลืออยู่ไม่ได้มีแค่หวงกวงเลี่ยคนเดียว เยี่ยนตี๋และซ่งอู๋เลี่ยงต่างติดอยู่ข้างใน
สามคนอยู่ด้านในด้วยกัน สถานการณ์ในโลกภายนอกย่อมเป็นประโยชน์ต่อสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์กับตำหนักอัสนีสวรรค์
‘หรือว่า…พวกเขาจะขอให้สำนักแสงสว่างจากโลกซ้อนโลกลงมายังแปดพิภพ’ ถ้าหากเป็นการกระทำของสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ นี่เป็นความเป็นไปได้เพียงหนึ่งเดียวที่หวงกวงเลี่ยนึกออก
ความเป็นไปได้นี้ทำให้หวงกวงเลี่ยเกิดความรู้สึกมากมาย
เขาไม่อยากจะเห็นภาพเช่นนี้ แต่ว่าแรงกดดันของความเป็นจริงที่เยี่ยนตี๋และเขากว่างเฉิงมอบให้ ทำให้เขาได้แต่เงียบงัน
ทว่าค่ายกลเทพไท่อี้ถล่มทลายค่อยๆ สลายไป คนที่ปรากฏตัวเบื้องหน้าหวงกวงเลี่ยในตอนนี้กลับไม่ใช่คนของสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ กลับเป็นคนหนุ่มที่เขาสลักลึกไว้ในควาทรงจำ
เยี่ยนจ้าวเกอแห่งเขากว่างเฉิง
เมื่อเห็นเยี่ยนจ้าวเกอ จิตใจของหวงกวงเลี่ยพลันหนักอึ้ง
ส่วนเยี่ยนตี๋ที่เห็นเยี่ยนจ้าวเกอกลับยิ้มขึ้นมา
บนใบหน้าของเยี่ยนจ้าวเกอปรากฎรอยยิ้มเช่นกัน “รอนานแล้ว โชคดีที่ไม่นับว่าสายเกินไป”
เยี่ยนตี๋ไม่ได้พูดอะไร กลางคิ้วของเขามีลวดลายอาคมสีทองรูปสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูนกำลังหมุนวนไม่หยุด
นั่นเป็นการทำความเข้าใจจิตพลังของค่ายกลและการเปลี่ยนแปลงของปราณวิญญาณรอบๆ อย่างละเอียดในฐานะผู้โน้มนำค่ายกล หลังจากที่ค่ายกลเทพไท่อี้ถล่มทลายถูกเปิดออก
ครั้นผู้อาวุโสม่อเห็นเหตุการณ์นี้ก็พยักหน้าช้าๆ ‘ความสามารถในการทำความเข้าใจสูงล้ำจริงๆ แตกฉานทุกสรรพวิชา สมกับเป็นอัจฉริยะ’
ในดวงตาของซ่งอู๋เลี่ยงค่อยๆ ปรากฏแววริษยา
หวงกวงเลี่ยที่อยู่ด้านข้างเมื่อมองภาพนี้ค่อนข้างประดักประเดิดอยู่บ้าง
หลังจากเขาเงียบงันเล็กน้อย ก็วูบไหวร่าง ผละไปก่อนค่อยว่ากล่าว ทว่าลำแสงด้านหน้าพลันสั่นไหว ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกของเยี่ยนจ้าวเกอบังอยู่ด้านหน้าเขา
ก่อนหน้านี้หวงกวงเลี่ยเห็นการคงอยู่ของร่างแยกสมุทรสุดขอบโลก ในตอนนี้อีกฝ่ายขวางทางไว้จริงๆ ใบหน้าเคร่งขรึมในตอนแรกของหวงกวงเลี่ยกลายเป็นสีดำเหมือนกับก้นหม้อ
เยี่ยนจ้าวเกอมองหวงกวงเลี่ยพลางถามอย่างสงบนิ่ง “จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์แห่งบูรพาคิดไปที่ใด? ถ้าหากจะไปยอดเขาเรืองรองก็ไม่จำเป็น เพราะที่นั่นกลายเป็นที่ร้างไปแล้ว”
หวงกวงเลี่ยสายตากลายเป็นเคร่งเครียด “เป็นไปไม่ได้”
ทั่วทั้งร่างของชายชราเปล่งแสงสีทองเหมือนกับตะวันขึ้นฟ้า สาดส่องให้ทั่วบริเวณขาวโพลน
เขามองเยี่ยนจ้าวเกออย่างเย็นชา สุดท้ายสายตาหยุดนิ่งอยู่ที่ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลก “ใต้เท้าเป็นใคร?”
ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกยิ้มเล็กน้อย “ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้”
ครั้นสังเกตเห็นสีหน้า การพูดจา และน้ำเสียงของร่างแยกสมุทรสุดขอบโลก หวงกวงเลี่ยก็ชะงักเล็กน้อย จากนั้นก็สำรวจเยี่ยนจ้าวเกอและร่างแยกสมุทรสุดขอบโลก ถึงแม้เขาจะผ่านมรสุมมามากมาย ในตอนนี้กลับนิ่งอึ้งอยู่กับที่ “นี่คือ…ร่างแยกของเจ้า?! เจ้าถึงกับหลอมร่างแยกจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสองได้เลยหรือ?”
ผู้อาวุโสม่อกับซ่งอู่เลี่ยงเมื่อได้ยินก็อ้าปากตาค้างเช่นกัน
ถึงแม้เยี่ยนตี๋จะรู้สึกประหลาดใจ แต่เมื่อสำรวจเยี่ยนจ้าวเกอกับร่างแยกสมุทรสุดขอบโลก ครู่ต่อมาใบหน้าก็ปรากฏแววชมเชย
หวงกวงเลี่ยสงบสติ มองร่างแยกสมุทรสุดขอบโลก จากนั้นจึงมองหอกมังกรมัจฉาในมือของมัน เขากล่าวเสียงทุ้มว่า “ต่อให้เป็นเช่นนี้ หากบอกว่าเจ้าทำลายตำหนักอัสนีสวรรค์ทิ้งข้ายังเชื่อ แต่ถ้าหากเจ้าบอกว่าทำลายยอดเขาเรืองรองของข้าได้ นั่นเป็นไปไม่ได้เด็ดขาด”
เยี่ยนจ้าวเกอยักไหล่ “เจ้ากำลังคิดว่าต่อให้สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าต้านทานข้าไม่ได้ ก็สามารถขอให้คนจากสำนักแสงสว่างบนโลกซ้อนลงโลงมาได้ใช่หรือไม่?”
ม่านตาของหวงกวงเลี่ยพลันหดตัว หัวใจตกลงไปอยู่ก้นเหว
ในผนึกทะเลตะวันออกเมื่อหนึ่งปีก่อน การสนทนาระหว่างทั้งสองฝ่ายทำให้พวกเยี่ยนจ้าวเกอรู้ว่าสำนักของหวงกวงเลี่ยมีการติดต่อกับโลกซ้อนโลก ทว่าเมื่อได้ยินชายหนุ่มเรียกชื่อสำนักแสงสว่างได้ จิตใจของหวงกวงเลี่ยก็พลันตึงเครียด
รู้จักสำนักแสงสว่าง และตอนนี้เยี่ยนจ้าวเกอยืนอยู่ที่นี่ เช่นนั้นก็หมายความว่า…
แต่ว่า เป็นไปได้อย่างไร?!
ดวงตาของหวงกวงเลี่ยแข็งค้าง จิตใจตื่นตระหนกเหลือประมาณ ทำให้เขาต้องกลั้นหายใจ เบื้องหน้าเห็นดาวลายตา ก่อนจะค่อยๆ มืดสลัวลง