ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 643 ตบหน้า
แสงดาวเข้มข้นดับสูญ คล้ายกับดวงดาวจำนวนนับไม่ถ้วนในทะเลดาวแตกสลายพร้อมกัน
หนงอวี่ซวนมองกระบองไม้ไผ่ยาวห้าคืบในมือเยี่ยนจ้าวเกออย่างประหลาดใจเหลือแสน ถูกฟาดจนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นอยู่ชั่วขณะ
พลังและกลิ่นอายอันแข็งแกร่ง ไม่มี
คลื่นปราณวิญญาณที่ยิ่งใหญ่ ไม่มี
จิตพลังอันลี้ลับ ก็ยังไม่มี
ไม่ว่าจะมองอย่างไร ก็เป็นแค่กระบองไม่ไผ่ที่ธรรมดาจนไม่อาจธรรมดาไปมากกว่านี้ เหมือนกับเด็ดออกมาจากในป่าไผ่ที่ไหนสักแห่ง
แต่ว่าไม้ไผ่ที่ดูไม่สะดุดตานี้ กลับฟาดหมวกเกราะดาราเรืองรองซึ่งเป็นอาวุธวิญญาณชั้นต่ำจนดับแสง
หนงอวี่ซวนถึงกับมีความรู้สึกว่า การเชื่อมต่อความรู้สึกระหว่างตนกับหมวกเกราะดาราเรืองรอง อ่อนแอลงเพราะเหตุนี้
หมวกเกราะดาราเรืองรองไม่อาจแสดงความสามารถ ตัวหนงอวี่ซวนอยู่ในสภาวะถูกธาตุไฟเข้าแทรก ส่วนเกล็ดย้อนเหมันต์ของเยี่ยนจ้าวเกอเข่นฆ่ามาถึงเบื้องหน้าแล้ว!
มังกรที่เกิดจากรูปญาณวรยุทธ์ปะทะใส่หน้าอกของหนงอวี่ซวน ชนยอดฝีมือที่โดดเด่นที่สุดแห่งยุคของสำนักแสงสว่างกระเด็นออกไป
ลำแสงเป็นดวงๆ กระจัดกระจาย หนงอวี่ซวนกระอักเลือดออกมาอย่างหยุดไม่อยู่อีกครั้ง ได้รับบาดเจ็บสาหัส
เยี่ยนจ้าวเกอสาวเท้าไปเบื้องหน้า กดดันหนงอวี่ซวนต่อ
หนงอวี่ซวนที่ได้รับบาดเจ็บทั้งภายนอกภายในเงยหน้ามองเยี่ยนจ้าวเกออย่างไม่ยอมเล็กน้อย พร้อมกับมองวังฝูงมังกรที่ไม่สั่นไหวอีก และค่อยๆ กลับคืนสู่ความสงบเบื้องบน
‘ดาบราหู หรือว่าจะยังมีซากเหลือเอาไว้? ตกอยู่ในมือคนผู้นี้หรือ?’
หนงอวี่ซวนตาลาย เทียบกับอาการบาดเจ็บบนร่างแล้ว ตนถึงกับแพ้จอมยุทธ์มหาปรมาจารย์ที่มาจากโลกเบื้องล่าง ยิ่งทำให้เขารู้สึกคับข้องใจจนอยากกระอักเลือด
โดยเฉพาะความพ่ายแพ้ในครั้งนี้ เป็นเพราะทำตัวเองเสียเป็นส่วนใหญ่
ก่อนหน้านี้ เขาได้หลอมเปลี่ยนพลังของพระราหูรวมกับกระบวนท่าที่ตนเองฝึกปรือ พลังที่เดิมทีก็โดดเด่นอยู่แล้ว ยิ่งเหนือกว่าคนในระดับเดียวกัน ทำให้จิตใจของเขาฮึกเหิมยิ่งนัก
กระนั้นวันนี้กลับพ่ายแพ้ยับเยิน เพราะพลังกัดกร่อนของพระราหูที่ตนหลอมเปลี่ยนเอง เป็นการถูกคนตบหน้าจนไม่รู้ทิศรู้ทางในช่วงเวลาที่รุ่งโรจน์ที่สุดโดยแท้
ซ้ำคนที่ตบ ยังเป็นเยี่ยนจ้าวเกอที่อยู่นอกเหนือความคาดหมายของเขาด้วย!
สำนักแสงสว่างจนปัญญาที่โลกแปดพิภพจะจำกัดพลังของยอดฝีมือที่อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสามขึ้นไป
จนปัญญาที่ความตั้งส่วนใหญ่ของสำนักถูกราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องและสำนักความมืดดึงดูดไว้
จนปัญญาที่มหาปรมาจารย์อย่างเยี่ยนจ้าวเกอสามารถใช้อาวุธระดับเทพอย่างตราประทับตะวันได้
แต่ว่าจอมยุทธ์สำนักแสงสว่างทุกคนรวมถึงหนงอวี่ซวนคิดไม่ถึงเลยว่า จะเสียท่าเยี่ยนจ้าวเกออย่างสาหัสในทะเลหวงเจียบนโลกซ้อนโลก
ที่เยี่ยนจ้าวเกอกับคนของเขากว่างเฉิงหาวิธี ‘ขึ้น’ มาบนโลกซ้อนโลกเจอ แล้วเสาะหาขุมกำลังที่เป็นศัตรูคู่อาฆาตของตน เพื่อขอให้เป็นผู้สนับสนุน คนในสำนักแสงสว่างไม่เคยไม่คาดถึงเรื่องนี้มาก่อน
ทว่าตามที่ได้คาดหมายไว้ เยี่ยนจ้าวเกอที่มายังโลกซ้อนโลกได้แต่หนีบหางทำตัวเป็นคน[1] ต่อมากลับตบหน้าตน ทำให้หนงอวี่ซวนสติหลุดอยู่ชั่วขณะหนึ่ง
นอกจากนี้ สถานการณ์ตรงหน้าก็ไม่มีโอกาสให้เขาทวงศักดิ์ศรีกลับมาแล้ว
หากสู้ต่อไป ไม่ต้องให้เยี่ยนจ้าวเกอลงมือ เขาก็จะถูกธาตุไฟเข้าแทรก มีอันตรายถึงชีวิตอยู่ดี
หนงอวี่ซวนสุดท้ายมองเยี่ยนจ้าวเกอแวบหนึ่ง ไม่ได้ทิ้งคำพูดอะไรไว้ ก่อนจะหนีไปยังที่ไกลออกไปด้วยพลังทั้งหมดโดยไม่หันหน้ากลับ
เขาลังเลเล็กน้อย เพราะจอมยุทธ์สำนักความมืดกับคังจิ่งหยวน ผู้สืบทอดกระบี่กาลเคลื่อนคล้อยน่าจะหมายตาเขาไว้แล้ว
เยี่ยนจ้าวเกอแค่ยกมือ ถึงกับทำร้ายหนงอวี่ซวนซึ่งเป็นยอดฝีมือที่อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสาม ขั้นรวมรูประยะท้าย เรื่องนี้ทำให้พวกคังจิ่นหยวนตกตะลึงนัก
แต่ว่าพวกคังจิ่นหยวนดูออกอย่างรวดเร็วแล้ว ไม่รู้เพราะเหตุใด ตัวหนงอวี่ซวนกลับเกิดปัญหา
คังจิ่นหยวนเย่อหยิ่งอวดดี มีแค้นย่อมชำระ เมื่อครู่เสียท่าหนงอวี่ซวน ขณะนี้เปลี่ยนเป้าหมาย กลับพุ่งใส่หนงอวี่ซวน
ผู้อาวุโสสำนักความมืดมองเยี่ยนจ้าวเกอ ดวงตาปรากฏความลังเล
เยี่ยนจ้าวเกอยิ้ม “ข้าแซ่เยี่ยน เยี่ยนจ้าวเกอ ไม่รู้ว่า อู๋จื่อซิว ผู้อาวุโสอู๋กับเนี่ยเซิ่ง ผู้อาวุโสเนี่ยทางหอสักการะย่อยที่เกาะเซิ่งเหอของสำนักท่าน ได้กล่าวถึงข้าที่หอสักการะหลักหรือไม่?”
ผู้อาวุโสสำนักความมืดผู้นี้งงงัน “ท่านคือเยี่ยนจ้าวเกอ? แต่ท่านสมควรอยู่ที่เกาะเซิ่งเหอถึงจะถูก”
ชายหนุ่มแบมือ “พูดไปก็ละอายใจนัก ในขณะที่พิธีกรรมของสำนักท่านกำลังดำเนินอยู่ ข้าถูกม้วนเข้าไปโดยไม่ทันระวัง ดีที่รักษาชีวิตไว้ได้ รู้สึกตัวอีกทีก็อยู่ที่หอสักการะหลักสำนักท่านแล้ว อีกทั้งยังถูกพลังของอาทิตย์ย้อนจันทร์ย้อนครอบคลุมไว้”
“ต่อจากนั้นก็คลำทางมาโผล่ที่นี่ เมื่อครู่เกือบถูกพลังอาทิตย์ย้อนจันทร์ย้อนที่ระเบิดขึ้นระเบิดร่างเป็นผุยผง ตอนนี้รอดตายมาได้”
ผู้อาวุโสสำนักความมืดผู้นั้นฟังอย่างสับสน มองเยี่ยนจ้าวเกออย่างอึ้งๆ ‘ถูกพิธีอาทิตย์ดำจันทร์ยะเยือกม้วนเข้าไป ควรถูกพลังของพิธีกรรมบดขยี้ที่เกาะเซิ่งเหอแล้ว ต่อให้ไม่ตาย ก็ไม่สมควรถูกส่งมายังที่หอสักการะหลักกระมัง’
เขาพิจารณาเยี่ยนจ้าวเกอตั้งแต่หัวจรดเท้า ในใจสั่นสะท้าน ‘เหมือนที่พวกผู้อาวุโสอู๋บอก อายุจริงของคนผู้นี้ยังมีอายุไม่ถึงสามสิบปี!’
อายุน้อยถึงเพียงนี้ กลับมีระดับพลังฝึกปรือสูงขนาดนี้แล้ว อีกทั้งพลังยังทะลุฟ้าทะลุดินอีกต่างหาก
ถึงแม้ว่าเมื่อครู่หนงอวี่ซวนจะพ่ายแพ้เพราะถูกธาตุไฟเข้าแทรก แต่ผู้อาวุโสแห่งสำนักความมืดผู้นี้ก็เห็นการลงมือของเยี่ยนจ้าวเกอกับตา ทำให้เขาตื่นตระหนกยิ่ง
โดยเฉพาะเยี่ยนจ้าวเกอยังแก้ไขการระเบิดของอาทิตย์ยะเยือกจันทร์ดำได้ ความสามารถนี้น่าตกตะลึงเช่นกัน
ผู้อาวุโสแห่งสำนักความมืดท่านนี้แม้จะไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ แต่ในใจสงสัยว่าที่หนงอวี่ซวนถูกธาตุไฟเข้าแทรก น่าจะเป็นฝีมือของเยี่ยนจ้าวเกอ!
พรสวรรค์เช่นนี้ พลังฝึกปรือระดับนี้ ความสามารถที่แปลกประหลาดแข็งกร้าวเช่นนี้ ทำให้เขาอดรู้สึกหวั่นใจไม่ได้
ขณะที่เขากำลังคิดว่าต่อจากนี้ควรทำอย่างไรอยู่นั่นเอง ฟ้าดินที่อยู่ไกลออกไปพลันสั่นไหว คลื่นคลั่งหลายสายม้วนพัดสี่ทิศ กระทบบริเวณที่ทุกคนอยู่อย่างรวดเร็ว
เยี่ยนจ้าวเกอมองไปทางด้านนั้นเช่นกัน เห็นแสงสว่างไร้สิ้นสุด ส่องฟ้าดินกลายเป็นสีขาวโพลน ไม่เห็นทัศนียภาพใดอีก
ความหนาแน่นของปราณวิญญาณ ความงดงามของฟ้าดิน ความแข็งแกร่งของเขตแดน เหนือกว่าโลกอย่างโลกแปดพิภพ โลกปีศาจอัคคี โลกผืนสมุทร และโลกลอยน้ำ
หากจะให้พลังของจอมยุทธ์ส่งผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมของที่นี่ จำเป็นต้องมีระดับสูงกว่านี้
คิดจะก่อให้เกิดอาเพศที่ปั่นป่วนเช่นนี้ขึ้นมาที่นี่ จอมยุทธ์ที่ทำลายนภา ได้พบปะเทพแท้จริงยังมีน้อยคนที่สามารถทำได้
แสงสว่างอันยิ่งใหญ่ที่ครอบคลุมท้องฟ้าของทะเลหวงเจียให้เหมือนกับทะเลควัน หาได้ยากนัก
“หลัวจื้อเทา!” ผู้อาวุโสสำนักความมืดผู้นั้นร้องโพล่งออกมา
เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้าเล็กน้อย
เจ้าสำนักแสงสว่าง ‘สวรรค์รุ่งโรจน์’ หลัวจื้อเทา
แต่ว่าในแสงสว่างไร้สิ้นสุด มีธารน้ำที่รางเลือนไม่ชัดเจนรินไหล เหมือนกับเวลาเคลื่อนคล้อย แยกทะเลแสงจากหนึ่งเป็นสอง
ชายชราผอมแห้ง แก่หงำเหงือกผู้หนึ่งเหยียบอยู่บนกระแสเวลา
ถึงแม้หน้าตาของเขาจะชราสุดขีด แต่สายตาทั้งสองกลับอ่อนเยาว์ปราดเปรียว เหมือนกับเด็กทารกที่เพิ่งเกิดไม่นาน
ชายชราถือกระบี่ไว้ในมือ ประกายกระบี่ดุจกระน้ำ ผ่านไปยังที่ใด เวลาในมิติเหมือนกับเปลี่ยนเป็นเชื่องช้า
เป็นกระบวนท่ากระบี่กาลเคลื่อนคล้อยเช่นกัน
เขาต่อสู้กับเจ้าสำนักแสงสว่างหลัวจื้อเทา ส่วนเจ้าสำนักความมืดโจวฮ่าวเซิงที่อยู่ไกลออกไปก็กำลังต่อสู้กับจักรพรรดิเสวียนมู่อ๋องอยู่ ยังมียอดฝีมือระดับสุดยอดจับคู่เข่นฆ่ากันอยู่ด้วย
ราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องพบหอสักการะหลักสำนักความมืดก็ลงมืออย่างเต็มที่ ดึงขนเส้นเดียวสะเทือนทั่งร่าง ยอดฝีมือระดับสุดยอดของทะเหลวงเจียแทบทุกคน ในขณะนี้ต่างถูกม้วนเข้ามาในสงครามใหญ่ครั้งนี้
เยี่ยนจ้าวเกอเข้าไปในวังฝูงมังกร ตัววังจมลงไปในท้องทะเล เพื่อไม่ให้โดนลูกหลงจากสงครามของพวกหลัวจื้อเทา
แต่ว่าเทียบกับสำนักแสงสว่างที่เป็นศัตรูครู่อาฆาตในตอนนี้แล้ว ในยามนี้สิ่งที่เยี่ยนจ้าวเกอนึกถึงมากกว่าก็คือประกายกระบี่ที่เหมือนกับกระแสเวลานั้น
‘กาลเคลื่อนคล้อยอะไรกัน…’ เยี่ยนจ้าวเกอหยีตา ‘เป็นวรยุทธ์ที่เกิดจากคัมภีร์นภากาลเวลาชัดๆ’
……………………………………….
[1] หนีบหางทำตัวเป็นคน หมายถึง ทำตัวสงบเสงี่ยม