ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 775 ก้าวหน้าขึ้นอีกขั้น จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสอง
หยินหยางหลอมรวมกันและกัน สี่ลักษณ์ถือกำเนิด พลังหยางโชติช่วง หยินโชติช่วง หยางอ่อน หยินอ่อนในร่างของเยี่ยนจ้าวเกอค่อยๆ สมบูรณ์ขึ้น เริ่มเสถียรอยู่ในสมดุล เชื่อมต่อกันและกัน
ใช้หลักการของคัมภีร์นภาไร้ขอบเขตและคัมภีร์นภาหยินหยางดำเนินการปรับแต่ง ความรู้อันเต็มเปี่ยมของเยี่ยนจ้าวเกอเริ่มหลอมรวมกันแล้ว
ปลาหยินหยางกลายเป็นรูปหยินหยาง ราวกับแสดงถึงหลักการมากมายในโลกได้
มาถึงตอนนี้ เยี่ยนจ้าวเกอได้หยุดดูดปราณวิญญาณที่ผสมปนเปด้านในบ่อเลือดแล้ว
เขามีความสำเร็จในคัมภีร์นภาหยินหยางส่วนหนึ่งแล้ว เริ่มปรับกระบวนท่าวรยุทธ์มากมายในปัจจุบัน เพื่อเตรียมการเพิ่มอีกขั้นหนึ่ง
ตั้งแต่มังกรเขียวในแขนเสื้อบนโลกแปดพิภพแรกสุด จนถึงหมัดอสูรหกวิญญาณ ฝ่ามือนภากว่างเฉิง จนถึงวรยุทธ์ที่สร้างขึ้นมาเองอย่างดัชนีฟ้าคำรน
รวมถึงวิชาลับคัมภีร์ต่างๆ อย่าง วิชาเอกพิสุทธิ์ ดัชนีมังกรเหมันต์เย้ยสมุทร วิชาสิบสองประกายกาฬ คัมภีร์ทำลายสวรรค์ คัมภีร์เทพพระอาทิตย์ คัมภีร์จันทร์นิล คัมภีร์หมัดวรยุทธ์แท้ ก็ปรากฏขึ้นในรูปญาณวรยุทธ์ของเยี่ยนจ้าวเกอเช่นกัน
มีคัมภีร์นภาไร้ขอบเขตเป็นรากฐาน มีคัมภีร์พลิกนภา คัมภีร์นภาหยินหยาง กับคัมภีร์กระบี่สังหารเซียนเป็นพื้นฐาน มีวรยุทธ์อื่นเป็นส่วนในและส่วนนอก รูปญาณวรยุทธ์ของเยี่ยนจ้าวเกอเริ่มกลายเป็นลวดลายอาคมมากมาย
ลวดลายอาคมมายาเหล่านี้ ภายใต้การกระตุ้นญาณจริงแท้ที่ยิ่งใหญ่ เริ่มสลักลงบนวิญญาณของเยี่ยนจ้าวเกอ
เขาเข้าไปในโลกแห่งจิตใจของตัวเองอีกครั้ง ร่างของตัวเองปรากฏอยู่ในสภาพกึ่งโปร่งแสง
ลวดลายอาคมสายแล้วสายเล่าประทับลงบนร่าง ผสมกลมกลืนเข้าไปด้านในอย่างล้ำลึก
เยี่ยนจ้าวเกอสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าความคิดของตัวเองปราดเปรียวขึ้น เข้าใจความน่าอัศจรรย์ของวรยุทธ์มากมายอย่างลึกซึ้งกว่าเดิม
จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นหนึ่ง ขั้นรวมรูประยะต้น เลื่อนเป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสอง ขั้นรวมรูประยะกลาง จะต้องประสานรูปญาณวรยุทธ์ที่ประสานกับกายเนื้อของตนในตอนที่เลื่อนจากขั้นบรรลุธรรมเป็นศักดิ์สิทธิ์ เข้ากับวิญญาณของตัวเองเพิ่มอีกขั้นหนึ่ง
ร่างรวมกับรูป นั่นคือขั้นบรรลุธรรมเป็นระดับศักดิ์สิทธิ์ ส่วนรูปรวมกับวิญญาณ คือการเลื่อนสู่จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสอง
วิธีการประสาน คือการประทับลวดลายอาคมที่เกิดจากรูปญาณวรยุทธ์ลงบนวิญญาณของตัวเอง
เยี่ยนจ้าวเกอนั่งขัดสมาธิบนฝักกระบี่กลืนฟ้า ซึ่งอยู่กลางบ่อเลือดด้านในโลกความจริง
เขาหลับตาทั้งสองข้าง ทว่าเหนือศีรษะกลับมีแสงวิญญาณหลายสายทะลักออกมาจากด้านในอย่างต่อเนื่อง ก่อนจะครอบคลุมเขาไว้
กลิ่นอายที่ไหลออกมารอบๆ เยี่ยนจ้าวเกอเพิ่มระดับขึ้นอย่างต่อเนื่อง
เป็นเพราะอยู่กลางหัวใจของเทาเที่ย สภาพแวบล้อมรอบๆ จึงประกอบกันเป็นฉากกำบัง ถ้าหากว่าเยี่ยนจ้าวเกอก่อให้เกิดความผิดปกติของฟ้าดินที่ด้านนอก จะทำให้สรรพสิ่งทั้งหมดในโลกสั่นไหวไปด้วย
แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น พลังอันแข็งแกร่งก็ยังสั่นไหวบ่อเลือดเบื้องล่าง ทำให้เลือดในบ่อกระเพื่อมขึ้นลง
ตอนนี้เยี่ยนจ้าวเกอที่มีการสั่งสมยิ่งใหญ่เหลือประมาณเลื่อนเป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสอง ขั้นรวมรูประยะกลางสำเร็จแล้ว
ทุกอย่างดูง่ายดายยิ่ง ไม่มีสิ่งใดผิดปกติ แต่หากคนอื่นเห็น กลับทำให้ทุกคนรู้สึกหวั่นเกรงได้
ถึงอย่างไรวันที่เยี่ยนจ้าวเกอเลื่อนจากระดับบรรลุธรรมเป็นศักดิ์สิทธิ์ ก้าวสู่ระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ ก็ห่างจากวันนี้ไม่นาน
เยี่ยนจ้าวเกอลืมตาขึ้น ดวงตากระจ่างใส ลงจากบนฝักกระบี่กลืนฟ้าพร้อมรอยยิ้ม
ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกมือหนึ่งรองเตากลืนดิน มือหนึ่งประคองฝักกระบี่กลืนฟ้า ร่างลอยอยู่เหนือบ่อเลือด กำลังหลับตาทำสมาธิ
การหลอมฝักกระบี่กลืนฟ้าไม่ได้หยุดลงตั้งแต่แรก
หากเก็บฝักกระบี่กลืนฟ้าและเตากลืนดินมาใช้เองได้ เช่นนั้นกระบี่ชั่วร้ายที่กำลังจะถือกำเนิดในฝักกระบี่ก็เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าจะตกมาอยู่ในการครอบครองของเยี่ยนจ้าวเกอเช่นกัน
เพราะว่ากระบี่เล่มนี้ยังไม่สมบูรณ์ หากเยี่ยนจ้าวเกอฉวยโอกาสหลอมมัน ความยากจะเท่ากับของวิเศษอย่างหอกราชาลี้ลับ
ส่วนสำคัญอยู่ที่กระบี่กลืนฟ้ากับเตากลืนดิน
กระนั้นเยี่ยนจ้าวเกอก็ระวังตัวมาก
เจ้าของคนเดิมหลอมกระบี่เล่มนี้โดยไม่ได้ดำเนินตามกรอบ ใช้วิธีการที่ทั้งอันตรายทั้งสุดโต่ง ใช้ซากเลือดเนื้อของอสูรร้ายเทาเที่ยมาเซ่นสรวงของวิเศษที่ผนึกวิญญาณปีศาจของสัตว์ร้ายตัวนี้ไว้
ถ้าหากไร้ความมั่นใจ หรือได้รับผลกระทบจากโลกภายนอก ผลลัพธ์ย่อมยากจะคาดคิด
เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าจะทำให้เทาเที่ยตัวนั้นฟื้นจากความตาย!
แค่มองปราณวิญญาณอันทรงพลังในบ่อเลือดนี้ก็ทราบได้แล้ว ว่าในตอนที่เทาเที่ยตัวนี้ยังมีชีวิตอยู่มีพลังมากขนาดไหน
ตามการคาดคะเนของเยี่ยนจ้าวเกอ ถ้าหากใช้ระดับพลังฝึกปรือของจอมยุทธ์เผ่ามนุษย์มาเปรียบเทียบ ในตอนที่เทาเที่ยตัวนี้ยังมีชีวิตอยู่ อย่างน้อยก็มีพลังอยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเก้า ขั้นสะพานเซียนระยะท้าย
การที่พลังของมันจะเทียบกับยอดฝีมือในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสิบสมบูรณ์ ก็ไม่ใช่ไม่มีความเป็นไปได้
ถ้าหากทำให้เทาเที่ยตัวนี้ยืมศพคืนวิญญาณ ฟื้นคืนชีพขึ้นมาได้จริงๆ ถึงแม้ว่ามันจะอยู่ในสภาพที่วิญญาณและเลือดเนื้อได้รับความเสียหาย แต่ต่อให้คนที่อยู่ในทะเลในตอนนี้ร่วมมือกันก็ไม่อาจสู้กับมันได้
ดังนั้นตอนนี้ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกจึงไม่กล้าแบ่งแยกจิตใจ สมาธิอยู่ที่ฝักกระบี่กลืนฟ้าและเตากลืนดิน
ส่วนเยี่ยนจ้าวเกอ ยามนี้เขายื่นมือออกมากดบนผิวของฝักกระบี่
เยี่ยนจ้าวเกอมีพลังล้ำเลิศเหนือธรรมดาอยู่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นระดับพลังฝึกปรือในปัจจุบันยังก้าวหน้าขึ้นอีกขั้น
เมื่อมีร่างจริงเป็นผู้ช่วย ความเร็วในการหลอมฝักกระบี่กลืนฟ้าและเตากลืนดินของร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกก็ยิ่งมายิ่งเร็วขึ้น
รูปญาณวรยุทธ์กับร่องรอยการสลักที่เจ้าของคนเดิมได้ผสมเข้าไปในของวิเศษ กำลังถูกจิตหมัดวรยุทธ์ของเยี่ยนจ้าวเกอลบทิ้ง
จิตของวิชากระบี่ที่เยี่ยนจ้าวเกอฝึกฝน ถูกประทับลงบนของวิเศษเหล่านี้อย่างไม่ขาดสาย ค่อยๆ แทนที่จิตของเจ้าของคนเดิม
แต่ว่าในตอนนั้นเอง จิตใจของเยี่ยนจ้าวเกอพลันสั่นไหว
จู่ๆ บ่อเลือดใต้เท้าก็มีคลื่นยักษ์สูงเทียมฟ้าพุ่งขึ้นมาอย่างฉับพลัน คิดจะกลบเยี่ยนจ้าวเกอ ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลก และฝักกระบี่กลืนฟ้าไปพร้อมกัน
เยี่ยนจ้าวเกอตอบสนองอย่างรวดเร็ว หลบการจู่โจมจากเลือดด้านล่าง
พร้อมๆ กันนั้น หัวใจของเทาเที่ย กับบ่อเลือดด้านใน ต่างก็สั่นไหวขึ้นมา
การสั่นสะเทือนนี้ไม่ใช่เพราะพิธีกรรมเกิดปัญหา แต่มาจากโลกภายนอก
ชายหนุ่มตอบสนองในทันที ‘มีคนกำลังสั่นสะเทือนวังแห่งนี้ นอกจากนั้นยังไม่ได้มีอยู่แค่ที่เดียวด้วย’
เขานิ่วหน้าขึ้นมา
กระบี่ชั่วร้ายเล่มนี้ได้รับการเซ่นสรวงจนถึงช่วงสำคัญแล้ว ขอเวลาอีกแค่เล็กน้อยก็จะประสบความสำเร็จ
น่าเสียดาย นอกจากตนแล้ว ยังมีคนอื่นๆ เข้ามาในนี้ด้วย อีกทั้งยังก่อให้เกิดความวุ่นวายใหญ่โตขึ้น
หากไม่ระวังแม้แต่นิดเดียว นอกจากการเซ่นสรวงอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงชิ้่นนี้จะล้มเหลวแล้ว ยังอาจจะนำมาซึ่งอันตรายร้ายแรงด้วย
คนที่ก่อให้เกิดความวุ่นวายขึ้นบางทีอาจะไม่ทราบถึงเรื่องนี้ แม้ว่าจะรู้ แต่ก็อยู่กันข้างนอก อาจจะมีโอกาสหนีรอดได้
แต่เยี่ยนจ้าวเกอที่ห่างจากฝักกระบี่กลืนฟ้าเพียงแค่คืบเดียว จะต้องประสบภัยพิบัติอย่างแน่นอน
เขาในตอนนี้รู้สึกได้ว่า วิญญาณปีศาจของเทาเที่ยที่ถูกผนึกไว้ในกระบี่ชั่วร้ายเล่มนั้น พลันมีชีวิตขึ้นมา
บนผิวกระบี่สำริดปรากฏเงาแสงเทาเที่ย มันดูสมจริงยิ่ง ราวกับจะพุ่งออกมาจากด้านในได้
เสียงคำรามที่เหมือนเสียงทารกร่ำไห้แหลมคมบาดหูนัก
หลังจากเยี่ยนจ้าวเกอสงบสติอารมณ์เสร็จ ก็ปล่อยให้ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกหลอมฝักกระบี่กลืนฟ้าต่อ ตัวเขาพุ่งออกไปด้านนอกผ่านเส้นทางที่ใช้เข้ามา
เขาพุ่งทะยานตลอดทาง เส้นทางตรงหน้ากลับปั่นป่วนเพราะการรบกวนจากแสงสีทอง ทำให้ยากจะแยกแยะทิศทาง และยากจะสัมผัสถึงการเคลื่อนที่ของปราณวิญญาณ
แต่ว่าหลังจากเคลื่อนไหวสู่ด้านนอกได้พักหนึ่ง ข้างหูก็มีเสียงสนทนาของคนดังมา
หลังจากเสียงคน ยังมีการสั่นไหวอย่างรุนแรงของปราณวิญญาณตามมาด้วย ทั้งสองฝ่ายกำลังสู้กันอยู่
แต่ว่าทั้งสองฝ่ายเหมือนมีความตั้งใจจะไม่สู้