ตำนานสุยอวิ๋นยอดกุนซือ - ตอนที่ 31 เตรียมการสร้างค่ายลับ (2)
ผ่านไปปีกว่า ข้าเห็นว่ามีรายได้มากพอแล้วจึงเริ่มลดการออกแบบสินค้าลง จะออกแบบสินค้าเพียงเดือนละหนึ่งชิ้นเพื่อเป็นสัญลักษณ์เท่านั้น และให้กลุ่มพ่อค้าที่เคยร่วมมือกันมาร่วมประมูล ภายหลังพวกพ่อค้าเหล่านี้จึงจัดตั้งสมาคมกลไกสวรรค์ขึ้นมาเสียเลย ซึ่งแฝงนัยว่าเป็นสมาคมที่ร่วมมือกับหอกลไกสวรรค์ หากต้องการเข้าร่วมสมาคมจะต้องมีผู้แนะนำสามคนและได้ต้องรับความเห็นชอบจากหอกลไกสวรรค์เสียก่อน
ไม่นานสมาคมกลไกสวรรค์ก็กลายเป็นสมาคมที่มีอำนาจอิทธิพลแข็งแกร่งในหนานฉู่ ข้าที่ได้เป็นหุ้นส่วนโดยไม่ต้องลงทุนได้รับกำไรหนึ่งในสิบส่วนของพ่อค้าทั้งหมดในสมาคม เพียงปีแรกข้าก็มีรายได้ถึงหกแสนตำลึงแล้ว พ่อค้าเหล่านี้มีความน่าเชื่อถืออยู่ในเกณฑ์ดี มีกำลังทรัพย์มาก และเป็นผู้มีอิทธิพลแข็งแกร่ง แม้ข้าไม่อาจควบคุมกิจการของพวกเขาได้ แต่หากสูญเสียข้าไปจะทำให้พวกเขาเสียหายอย่างน่าอนาถจนมิอาจทนมอง ในจุดนี้ทำให้พวกเขายอมทำเพื่อข้าทุกอย่างนอกจากการก่อกบฏ
นอกจากนี้ข้าเริ่มฝึกฝน ‘ค่ายลับ’ แล้ว ค่ายลับคือรหัสที่ข้าตั้งขึ้นเพื่อใช้เรียกกองกำลังที่ข้าควบคุมด้วยตนเอง ข้าเริ่มด้วยการสอนพวกเขาอ่านตำราเรียนรู้อักษร แม้ไม่ถึงขั้นเขียนโคลงแต่งบทประพันธ์ ก็ต้องอ่านตำราและบทกวีที่ข้าตั้งใจคัดเลือกมาให้ได้อย่างเชี่ยวชาญ และเพราะข้าไม่อยากให้คนที่รู้จักแต่เข่นฆ่าสังหารมาอยู่ข้างกาย พวกเขาจึงต้องเรียนรู้มารยาทพิธีการและการแสดงเพิ่มเติม เพื่อแสดงบทบาทและสีหน้าต่างๆ ยามปรากฏตัวข้างกายข้า
จากการไตร่ตรองและศึกษาร่วมกันอย่างละเอียดของข้า เสี่ยวซุ่นจื่อ และเฉินเจิ่น พวกเราจึงแบ่งค่ายลับออกเป็นสี่กลุ่ม
กลุ่มแรกเรียกว่ากลุ่มพยัคฆ์ กลุ่มนี้เชี่ยวชาญการโจมตีดุดันมีพลังทำลายอันเฉียบคม เป็นกำลังหลักของการเข่นฆ่าทำลายศัตรู พวกเขาเชี่ยวชาญวรยุทธ์ของยุทธภพ สามารถสังหารจอมยุทธ์ที่มีระดับวรยุทธ์เหนือกว่าตนเองได้ ทั้งยังสามารถรวมกลุ่มเป็นกองทหาร ล้อมสังหารศัตรูหรือป้องกันตนเองเพื่อรอกำลังเสริม สวมบทบาทเป็นได้ทั้งองครักษ์และทหาร
กลุ่มที่สองข้าเรียกว่ากลุ่มมังกร กลุ่มนี้มีจำนวนน้อย ทว่าทุกคนล้วนเป็นผู้เยาว์ที่เชี่ยวชาญทักษะพิเศษบางอย่าง ข้าทุ่มเทถ่ายทอดความรู้ที่เคยเล่าเรียนมาให้พวกเขาทั้งหมด ซึ่งคนเหล่านี้จะสนใจด้านใดด้านหนึ่งเป็นพิเศษ และศึกษาความรู้ด้านนั้นอย่างมานะบากบั่น ข้าถ่ายทอดความรู้เฉพาะทางให้พวกเขา บางคนเชี่ยวชาญการจัดกระบวนทัพ บางคนเชี่ยวชาญการโจมตีใต้น้ำ บางคนเชี่ยวชาญการก่อสร้าง ในอนาคตคนเหล่านี้จะปฏิบัติภารกิจได้ด้วยตัวคนเดียว นับเป็นผู้มีความสามารถที่เหมาะจะเคลื่อนไหวลำพัง ข้าส่งพวกเขาออกไปจัดการงานที่มีลักษณะแตกต่างกันออกไป ส่วนใหญ่เป็นสมาชิกหอกลไกสวรรค์ที่หานอู๋จี้รับผิดชอบ
กลุ่มที่สามเรียกว่ากลุ่มลับ ชำนาญด้านการแกะรอย พรางตัวและลอบสังหาร ปกติข้าจะไม่ให้คนกลุ่มนี้ปรากฏตัวข้างกาย เพียงให้พวกเขาไปปฏิบัติภารกิจที่ข้ามอบหมายเท่านั้น เนื่องจากกลุ่มนี้ค่อนข้างไร้อนาคต ข้าจึงทำสัญญากับพวกเขาว่าจะให้พวกเขาทำงานเพื่อข้าสิบปี ภายในสิบปีนี้ห้ามมีพันธะผูกพัน หลังจากสิบปีพวกเขาจะได้ทรัพย์สินจำนวนมากและได้ออกไปใช้ชีวิตเฉกเช่นคนธรรมดา แน่นอนว่าตอนนั้นพวกเขาจะยังทำงานให้ข้าอยู่ แต่เป็นงานไม่อันตราย ทุกครั้งที่ปฏิบัติภารกิจสำเร็จก็จะได้ค่าตอบแทนที่สมน้ำสมเนื้อ
กลุ่มที่สี่เรียกว่ากลุ่มแฝง พวกเขาถูกฝึกให้เป็นสายลับแฝงตัวชั้นยอด มีความสามารถในการปลอมตัวเป็นบุคคลในบทบาทอาชีพต่างๆ เพื่อสอดแนมหาข้อมูล จุดเด่นของพวกเขาไม่ใช่วรยุทธ์ แต่เป็นการปลอมตัวและการสอดแนม
หลังการฝึกฝนสิ้นสุดลง ข้าก็คัดเลือกคนจากค่ายลับมาแปดคน พวกเขาต่างเป็นผู้โดดเด่นที่สุดของแต่ละกลุ่ม โดยจะปลอมตัวเป็นบ่าวรับใช้ที่ข้าสั่งการได้โดยตรง ทั้งยังเป็นเสมือนองครักษ์ของข้าด้วย เพื่อให้พวกเขาปฏิบัติตามคำสั่งของข้าได้ตลอดเวลาและง่ายต่อการจัดการข้าจึงให้พวกเขาใช้แซ่เจียงทั้งหมด โดยมีชื่อว่า ชื่อจี้ เต้าหลี ไป๋อี้ อวี๋หลุน ซานจื่อ ฉวีหวง หวาหลิว และลวี่เอ่อร์ โดยชื่อเรียกจะเป็นรหัสของพวกเขาด้วย หากเกิดการสูญเสียหรือเปลี่ยนตัว ผู้มาแทนที่จะใช้นามนี้เช่นกัน
แม้เด็กเหล่านี้จะยังเยาว์ ทว่าด้วยการสั่งสอนของเสี่ยวซุ่นจื่อทำให้พวกเขาประสบความสำเร็จด้านวรยุทธ์อย่างสูง แม้เสี่ยวซุ่นจื่อจะไม่อาจสอนวิชาของตนให้ได้ แต่ก็สอนวิชาที่ข้าเรียบเรียงให้พวกเขาได้ ทั้งยังฝึกสู้กันด้วย เด็กเหล่านี้เป็นพวกแสวงหาความแข็งแกร่งโดยสันดาน เพื่อรับมือเสี่ยวซุ่นจื่อได้ให้มากขึ้นสักหลายกระบวนท่าจึงฝึกฝนกันอย่างมานะบากบั่น ทำให้พัฒนาฝีมือไปถึงมาตรฐานที่กำหนดไว้ได้ ส่วนเด็กที่ไม่ตรงตามความต้องการหรือไม่เด็ดเดี่ยวหนักแน่นพอ สุดท้ายจะถูกเสี่ยวซุ่นจื่อทำลายวรยุทธ์และใช้ยาที่ข้ามอบให้เพื่อทำลายความทรงจำ ซึ่งกระบวนการนี้จะทำต่อหน้าเด็กคนอื่นๆ เพราะเสี่ยวซุ่นจื่อบอกวิธีจัดการผู้ที่ไต่เต้าไปไม่ถึงมาตรฐานกับพวกเขาแต่แรกแล้ว จากนั้นเสี่ยวซุ่นจื่อจะจัดแจงให้เด็กเหล่านี้ไปทำงานอื่นๆ ที่มั่นคงกว่า ภายใต้การปลูกฝังอย่างมีแบบแผนของข้าและเสี่ยวซุ่นจื่อ เด็กเหล่านี้จึงรู้จักเพียงจงรักภักดีต่อข้า ไม่มีความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของหนานฉู่และต้ายง ในที่สุดข้าก็ตั้งกองกำลังที่เป็นของตนเองได้สำเร็จ
เมื่อจัดตั้งกองกำลังแล้วย่อมต้องใช้งาน ข้าเห็นว่าตอนนี้สถานการณ์ของหนานฉู่ค่อนข้างมั่นคง จึงให้เด็กเหล่านี้สับเปลี่ยนหมุนเวียนกันไปทำภารกิจที่แตกต่างกัน โดยมีข้าเป็นผู้คิดกลยุทธ์และเฉินเจิ่นเป็นผู้สั่งการ เพื่อให้พวกเขาเติบโตจากหน่ออ่อนกลายเป็นต้นไม้ที่สุกงอม มีความโหดเหี้ยมอำมหิตมากขึ้น และเย็นชาไร้ใจมากขึ้น
ในหมู่ภารกิจเหล่านั้นมีภารกิจใหญ่อยู่สองอย่าง ภารกิจแรกคือกำจัดกลุ่มการค้าที่เกิดความละโมบในผลกำไรจนคิดอยากควบกลืนหุ้นในส่วนของข้า ข้าให้ค่ายลับออกปฏิบัติการเพื่อเป็นการเชือดไก่ให้ลิงดู โดยให้กลุ่มแฝงรับหน้าที่รวบรวมข่าวกรอง กลุ่มลับรับผิดชอบกำจัดยอดฝีมือที่กลุ่มการค้าจัดจ้างรวมไปถึงผู้ดูแลระดับสูงของกลุ่มการค้าแต่ละฝ่าย ส่วนกลุ่มพยัคฆ์เข้าโจมตีรวดเร็วดุจอสนีบาต สังหารทุกคนในกลุ่มการค้ารวมสามร้อยกว่าชีวิตจนสิ้นชีพอย่างอนาถ ด้านกลุ่มมังกรจะใช้สัญญาที่สอดคล้องกับกฎหมายเก็บรวบรวมทุกสิ่งทุกอย่างที่สมควรเป็นของข้าคืนมา นี่เป็นปฏิบัติการที่ข้าวางกลยุทธ์ด้วยตนเอง ทั้งเย็นชาไร้ใจ วางกลยุทธ์รอบคอบ และให้ผลลัพธ์ชัดเจน ด้วยเหตุนี้จึงไม่มีผู้ใดกล้าโกหกหลอกลวงหอกลไกสวรรค์อีก แม้จะมีผู้บริสุทธิ์หลายคนต้องตายไปในการกวาดล้างนี้ แต่สำหรับข้าแล้ว การตายของพวกเขาสร้างพลังข่มขู่ได้มากทีเดียว ในตอนที่คนเหล่านี้เลือกที่จะล่วงเกินข้าหรือทรยศข้าก็สมควรพิจารณาผลลัพธ์ไว้แล้ว
ผลลัพธ์ที่ตรงไปตรงมาที่สุดของภารกิจในคราวนี้ก็คือหอกลไกสวรรค์กลายเป็นองค์กรใต้ดินอย่างสมบูรณ์ทำให้ผู้คนทั่วไปไม่ต้องหวาดหวั่นเรื่องความลึกลับของมันอีก และเพราะพวกเรากล้าทำเรื่องนองเลือดเช่นนี้ หอกลไกสวรรค์จึงกลายเป็นตัวแทนแห่งความโหดเหี้ยมและกลิ่นคาวเลือด พวกเขาเฝ้ารอผลกำไรที่จะได้รับจากพวกเรา พวกเขาหวาดกลัวการล้างแค้นจากพวกเรา สุดท้ายหอกลไกสวรรค์ที่มีภาพลักษณ์เช่นนี้จึงหยัดยืนได้อย่างมั่นคง
ส่วนภารกิจที่สองเป็นภารกิจที่พัวพันกับแว่นแคว้นและเรื่องส่วนตัว ก่อนหน้านี้สายลับของต้ายงที่อยู่ในหนานฉู่สังเกตเห็นมูลค่าของหอกลไกสวรรค์ เหลียงหวั่นจึงวางแผนปฏิบัติการโดยส่งคนไปข่มขู่หลอกล่อพ่อค้าคนหนึ่งของสมาคมกลไกสวรรค์และใช้เขาเพื่อเข้าร่วมงานประมูล ต้องการใช้ประโยชน์จากโอกาสการร่วมมือคราวนี้เข้าควบคุมหอกลไกสวรรค์เสีย แต่นางโลภเกินไป แม้พ่อค้าคนนี้จะได้รับโอกาสการร่วมมือไปอย่างราบรื่น ทว่าไม่นานความเคลื่อนไหวของพวกเขาก็ถูกสมาชิกกลุ่มมังกรพบ จากนั้นเครือข่ายสมาชิกกลุ่มลับและกลุ่มแฝงก็ตรวจสอบมูลเหตุออกมาได้
หลังจากข้าได้รับรายงานก็จัดให้มีการรวมตัวครั้งหนึ่ง โดยประกาศไปว่าหัวหน้าหอกลไกสวรรค์จะปรากฏตัวในงานนี้ เหลียงหวั่นได้ทราบข่าวก็ส่งลูกน้องคนหนึ่งมาร่วมงานด้วย ทว่ากลับถูกพวกข้าล้อมสังหารแทน คราวนี้เสี่ยวซุ่นจื่อสวมหน้ากากลงมือสังหารยอดฝีมือที่เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของเหลียงหวั่นด้วยตนเอง ส่วนพ่อค้าคนนั้นถูกตัดออกจากผู้มีคุณสมบัติร่วมงานประมูล ทั้งยังบีบให้เขามอบผลกำไรในหนึ่งปีนี้มาให้ข้าด้วย เมื่อเป็นเช่นนี้ แม้เขาจะไม่ล้มละลายแต่ก็สูญเสียความน่าเชื่อถือและทรัพย์สินไปจำนวนมาก เพียงไม่นานก็ตกต่ำอย่างมิอาจหวนคืน
นับว่าข้าได้ปกป้องชื่อเสียงของหอกลไกสวรรค์ ได้แสดงจุดยืนของหอกลไกสวรรค์ที่อยู่เหนือสรรพสิ่งและมิอาจรุกราน ทั้งยังได้โจมตีความเย่อหยิ่งของเหลียงหวั่นอย่างแสนสาหัสอีกด้วย ช่างน่าพึงพอใจเสียจริง
เมื่อข้าเห็นความเสียหายของเหลียงหวั่น เสี่ยวซุ่นจื่อก็ไปสืบเสาะด้วยตัวเองจึงได้รู้ว่าเหลียงหวั่นถูกตำหนิและลงโทษจากฝ่ายต้ายง ข้าเพียงกล่าวออกไปอย่างเย็นชาว่า “สตรีนางนี้นางลืมหน้าที่ของตนเองไปแล้ว นางรับผิดชอบทำหน้าที่เป็นสายสืบเพื่อเสาะหาข้อมูลของราษฎรและการทหารแห่งหนานฉู่ ไม่ควรพัฒนากองกำลังของตนโดยพลการ หากมิใช่ว่าคนในราชสำนักหนานฉู่โง่งมและอ่อนแอเกินไป นางคงถูกสังหารไปนานแล้ว หากมิใช่ว่าข้าต้องการเก็บชีวิตนางไว้ ขอเพียงเขียนจดหมายให้เต๋อชินอ๋องฉบับเดียว จ้าวเจวี๋ยก็จะใช้อำนาจทางการทหารของเขากำจัดนางจนสิ้นซาก”
เสี่ยวซุ่นจื่อถาม “ใต้เท้า ท่านคิดจะจัดการนางเมื่อใด”
ข้าทอดสายตามองไปไกลๆ “รอก่อน โอกาสจะมาถึงในอีกไม่นาน ตอนนี้ต้ายงอยู่ไม่สุขแล้ว เสี่ยวซุ่นจื่อ ภารกิจคราวนี้พวกเราสูญเสียสมาชิกไปจำนวนหนึ่ง ดังนั้นเจ้าต้องฝึกฝนวรยุทธ์พวกเขาให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ส่วนข้าก็จะพัฒนาความรู้และไหวพริบของพวกเขาต่อไป ตอนนี้พวกเราจะเสียหายอีกไม่ได้แล้ว ข้าไม่มีเวลาอีกสองปีให้เสียเปล่าแล้ว”
ข้ามองรายงานข่าวกรองในมือ นั่นเป็นข่าวกรองที่สมาชิกกลุ่มแฝงในต้ายงส่งมาให้
‘ยงอ๋องทำศึกที่ชายแดนเป่ยฮั่นอย่างราบรื่น อีกไม่นานจะได้ชัย’
‘ฉีอ๋องขยันฝึกทหาร’
‘กรมกลาโหมของต้ายงกำลังเรียกเกณฑ์ทหาร’
‘จักรพรรดิต้ายงแต่งตั้งเริ่นไห่วั่งอดีตแม่ทัพภาคแห่งกองเรือขึ้นรับตำแหน่งอีกครั้ง’
แม้ข่าวทั้งหมดจะกระจัดกระจายแต่ข้ากลับเห็นอะไรหลายอย่าง ข้าทอดสายตามองไปยังเมฆครึ้ม ณ ฝั่งฟ้า รู้ดีว่าอีกไม่นานพายุจะโหมกระหน่ำ แม้พายุนี้จะสาหัสสากรรจ์ชนิดที่ข้าอาจถูกมันโหมใส่ แต่ข้าจะพยายามสุดชีวิตเพื่อแก้แค้นให้นาง
ข้ามองแหวนที่นิ้วกลางข้างขวา ผลิรอยยิ้มบางๆ
ตอนต่อไป