ตำนานสุยอวิ๋นยอดกุนซือ - ตอนที่ 84 วาโยเย็นฉ่ำ จันทร์กระจ่าง (2)
ตอนที่ 84 วาโยเย็นฉ่ำ จันทร์กระจ่าง (2)
ข้ายิ้มน้อยๆ ตอบว่า “องค์ชาย แม้เจียงเจ๋อเชี่ยวชาญการใช้จารชน ทว่าเรื่องเช่นนี้ต้องใช้คนที่มีความคิดละเอียดรอบคอบ ปกติกระหม่อมทำงานสุกเอาเผากิน จะรับภาระสำคัญเช่นนี้ได้อย่างไร ยิ่งไปกว่านั้น ก่อนหน้านี้กระหม่อมเจ็บหนักเพิ่งจะเริ่มดีขึ้น อยากจะพักรักษาตัวดีๆ งานเหนื่อยกายเหนื่อยใจเช่นนี้ เกรงว่ากระหม่อมคงทำมิไหว”
ดวงตาของสืออวี้กับเซี่ยโหวหยวนเฟิงล้วนฉายแววตกตะลึง แต่เดิมพวกเขาคิดว่าเจียงเจ๋อต้องการกุมอำนาจตรวจการไว้เอง แต่คิดไม่ถึงว่าเขากลับปฏิเสธ ในใจสืออวี้รู้สึกละอายพลางคิดว่า ข้าสมควรทราบอยู่แล้วว่าเจียงเจ๋อเป็นผู้มีจิตใจสูงส่ง ไม่เคยคิดแย่งชิงอำนาจ
เซี่ยโหวหยวนเฟิงกลับมีประกายร้อนแรงลุกโชนในดวงตา สำนักตรวจการนี่ตั้งขึ้นมาเพื่อเขาโดยแท้ เขาเชื่อมั่นว่าตนเองมีคุณสมบัติรับตำแหน่งในเงามืดประเภทนี้ ยิ่งไปกว่านั้น ตำแหน่งนี้แม้มีตำแหน่งต่ำแต่อำนาจมากล้น หากปล่อยให้คนใกล้ตัวรับผิดชอบ ยงอ๋องย่อมกังวลว่าอำนาจจะถูกแบ่ง นี่คงเป็นสาเหตุที่เจียงจ๋อยืนกรานปฏิเสธกระมัง
ทว่าเดิมทีตนเป็นคนของฝ่ายรัชทายาท ยามนี้ลูกน้องของยงอ๋องซึ่งคุมอำนาจมากมายในกองทหารกับราชสำนักต่างระแวงเขาแทบทุกคน หากตนรับตำแหน่งนี้ ยงอ๋องย่อมวางใจได้ เพราะตนมียงอ๋องเป็นที่พึ่งเพียงหนึ่งเดียว เพื่อปกป้องอำนาจการปกครองของยงอ๋อง ตนย่อมต้องทุ่มเทสุดกำลัง มิกล้าเลินเล่อและมิกล้าคิดทรยศ
เวลานี้หลี่จื้อก็คิดจุดนี้ออกเช่นกัน เขาอดมองเซี่ยโหวหยวนเฟิงไม่ได้ เซี่ยโหวหยวนเฟิงปฏิกิริยารวดเร็วยิ่งนัก เขาเผยสีหน้าจงรักภักดีออกมาในทันใด หลี่จื้อพยักหน้าเล็กน้อยแต่ไม่เอ่ยอันใด
การโต้ตอบกันครั้งนี้ ข้าเห็นอยู่ในสายตาทั้งหมด ในใจอดรู้สึกยินดีมิได้ ความจริงแม้ข้าไม่พูด ช้าเร็วยงอ๋องก็คงคิดก่อตั้งกรมกองสำหรับตรวจสอบภายในสักกองขึ้นมา ทว่าเมื่อข้าเสนอขึ้นมาแต่กลับไม่ยอมรับตำแหน่งผู้รับผิดชอบกรมกองแห่งนี้ ยงอ๋องย่อมไว้ใจข้าขึ้นอีก แน่นอนยงอ๋องย่อมคิดออกว่าเซี่ยโหวหยวนเฟิงเป็นตัวเลือกที่ดี เพราะเขาต้องภักดีต่อยงอ๋องเท่านั้นจึงจะยังมีเกียรติยศความมั่งคั่งรออยู่ ในความเห็นของข้า เซี่ยโหวหยวนเฟิงก็เป็นตัวเลือกที่ดีเช่นกัน แม้เขากลิ้งกลอก จิตใจโหดเหี้ยม แต่ก็เป็นผู้ที่รู้จักสถานการณ์คนหนึ่ง เขารู้ความร้ายกาจของข้า หากยงอ๋องมิคิดสังหารข้า เขาไม่มีวันมีเรื่องกับข้าแน่นอน
ผ่านไปครู่หนึ่ง ยงอ๋องได้สติกลับมาจึงเอ่ยว่า “สุยอวิ๋น อีกสองสามวันจะเป็นพิธีแต่งตั้งตำแหน่งรัชทายาทของข้า ท่านเป็นผู้มีความชอบอันดับหนึ่ง ต้องมาชมพิธีให้ได้เล่า”
แน่นอน ข้าตอบรับด้วยความยินดี แล้วถามต่อว่า “องค์ชาย หลังท่านขึ้นเป็นรัชทายาทย่อมปกครองบ้านเมืองได้อย่างเป็นทางการ ท่านมีแผนไว้ว่าอย่างไร”
ยงอ๋องตอบว่า “ข้ากราบทูลเสด็จพ่อแล้วว่าเหวยกวนผู้เป็นราชเลขาคนเดิมเกี่ยวพันกับการก่อกบฏ มิอาจดำรงตำแหน่งอัครมหาเสนาบดีได้ เสด็จพ่อต้องการให้ซื่อจงเจิ้งเสียขึ้นรับตำแหน่งราชเลขา ตัวข้าเห็นด้วยแล้ว ส่วนเสด็จพ่อก็ตกลงให้จื่อโยวรับตำแหน่งเสนาบดีฝ่ายขวา”
ข้าปรบมือแล้วเอ่ยว่า “องค์ชายช่างปรีชาจริงๆ แม้ท่านจื่อโยวจะเป็นอัจฉริยะด้านงานบริหาร แต่หากตอนนี้เข้าสำนักราชเลขาธิการทันที ผลงานที่สั่งสมคงยังมิพอ มิหนำซ้ำยามนี้ผู้คนทั้งในนอกราชสำนักยังอ่อนไหวอยู่ เจิ้งซื่อจงคุณธรรมสูงส่ง ชื่อเสียงโด่งดัง รับช่วงต่อตำแหน่งราชเลขาธิการย่อมคุมสถานการณ์ได้
เสนาบดีฝ่ายขวาก็เป็นตำแหน่งฝ่ายบริหารตำแหน่งหนึ่ง หัวหน้าคณะเสนาบดีคนปัจจุบันเป็นคนขลาด จื่อโยวรับตำแหน่งเสนาบดีฝ่ายขวาย่อมลงมือในสำนักเสนาบดีได้เต็มที่ สำนักเสนาบดีปกครองหกกรมโดยตรง องค์ชายคงฉวยโอกาสนี้จัดระเบียบหกกรมใหม่ได้ ผ่านไปสักสองสามปี ท่านจื่อโยวก็เข้าสำนักราชเลขาธิการได้แล้ว ทว่าหากเป็นเช่นนี้ ตำแหน่งซื่อจงจะให้ผู้ใดรับหน้าที่เล่า ตำแหน่งนี้ต้องให้คนเที่ยงตรงกล้าถวายคำทัดทานมารับหน้าที่”
หลี่จื้อคลี่ยิ้ม “สุยอวิ๋นช่างเข้าใจความนัยลึกซึ้งของเรื่องเหล่านี้ดีจริง เจิ้งซื่อจงออกมาดำรงตำแหน่งราชเลขาธิการเป็นสิ่งที่ทุกคนคาดหวัง ส่วนผู้ที่จะเป็นซื่อจงคนใหม่ ข้าคิดเอาไว้แล้ว ข้าตัดสินใจจะให้เว่ยกั๋วกงเฉิงซูรับตำแหน่ง”
ข้าอึ้งไปครู่หนึ่งก็เอ่ยว่า “เว่ยกั๋วกงหรือ” ภาพของเว่ยกั๋วกงเฉิงซูผู้มีท่าทีเกียจคร้านหน่อยๆ อยู่เสมอผุดขึ้นในสมอง
สืออวี้แย้มยิ้ม “ถูกต้องแล้ว แม้เว่ยกั๋วกงยามปกติจะไม่เคร่งขนบธรรมเนียมอยู่บ้าง แต่มีนิสัยซื่อสัตย์ภักดี ให้เขาดำรงตำแหน่งซื่อจง แม้เป็นการเปลี่ยนขุนนางทหารมาเป็นขุนนางพลเรือน แต่ประการแรกองค์ชายไม่ต้องการให้ท่านผู้เฒ่าลงสนามรบอีกแล้ว อีกประการหนึ่งจะทำให้ฝ่าบาทวางพระทัยได้”
ข้าครุ่นคิดแล้วก็รู้สึกจริงดังว่า เว่ยกั๋วกงเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุดจริงๆ หวนนึกถึงในอดีตยามสำนักเฟิงอี้เปี่ยมอำนาจที่สุด ผู้เฒ่าคนนี้ก็ยังกล้าออกมาพูดสิ่งที่ถูกต้อง ยิ่งไปกว่านั้นเขากับฝ่าบาทมีความสัมพันธ์แน่นแฟ้น แล้วเขายังเป็นคนกลางที่ดียิ่งคนหนึ่ง คงจะป้องกันไม่ให้เจิ้งเสียกับสืออวี้ขัดแย้งกันได้
ยงอ๋องเล่าอย่างกระตือรือร้น เอ่ยต่อว่า “อีกเรื่องหนึ่ง แม่ทัพใหญ่ตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งแล้ว ข้าจึงแต่งตั้งแม่ทัพฉินหย่งรับตำแหน่งแม่ทัพกองทหารราชองครักษ์ เมื่อเป็นเช่นนี้ เสด็จพ่อกับข้าล้วนวางใจได้”
ข้ายิ้มละไม ดูเหมือนว่าเจิ้งเสีย ฉินอี๋กับเฉิงซู ขุนนางภักดีเหล่านี้จึงจะเป็นต้นไม้เขียวขจีไม่โรยราอย่างแท้จริง
ตอนนี้เอง หลี่จื้อพลันหันมามองข้า แล้วเอ่ยอย่างไม่สบายใจเล็กน้อย “แต่มีอยู่เรื่องหนึ่ง ข้าละอายต่อท่านแล้ว ข้าเคยขอร้องเสด็จพ่อให้พระราชทานสมรสให้ท่านและฉางเล่อ แต่เสด็จพ่อเป็นห่วงว่าร่างกายท่านอ่อนแอขี้โรคจึงมิยอมอนุญาตให้แต่งงาน แต่ท่านวางใจเถิด ผ่านไปอีกสักปีสองปี เมื่อร่างกายท่านดีขึ้นแล้ว ข้าจะขอพระราชทานสมรสจากเสด็จพ่ออีกครั้ง ท่านไม่ต้องกังวล เสด็จพ่อออกพระราชโองการเพิ่มราชทินนามให้ฉางเล่อเป็นองค์หญิงหนิงกั๋วฉางเล่อ แล้วยังสร้างตำหนักให้นางอีก ดูท่าเสด็จพ่อคงไม่บังคับฉางเล่อให้แต่งกับผู้อื่นแล้ว พวกท่านยังอายุน้อย รออีกสักปีสองปีต้องได้ครองคู่กันแน่นอน”
ข้าลอบหัวเราะในใจ ข้ารู้นานแล้วว่ายงอ๋องต้องหาจังหวะเอ่ยเรื่องนี้เพื่อปลอบไม่ให้ข้าหมดกำลังใจ ดังนั้นข้าจึงแสร้งทำท่าเศร้าสร้อยคล้ายเสียใจ ระหว่างพูดคุยหลังจากนั้น ข้าเหมือนสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เริ่มพูดจาสะเปะสะปะเล็กน้อย สุดท้ายยงอ๋องจึงได้แต่ขอตัวจากไป หลังจากยงอ๋องจากไป ข้าจึงเรียกเสี่ยวซุ่นจื่อมาทันที แล้วบอกเขาว่าให้เริ่มแผนการได้แล้ว
เพื่อทำให้สถานการณ์มั่นคงอย่างรวดเร็ว พิธีแต่งตั้งรัชทายาทจึงจัดขึ้นเดือนสิบ วันที่ยี่สิบห้า วันนั้นเจียงเจ๋อซือหม่าของยงอ๋องต้องลมหนาวล้มหมอนนอนเสื่อจึงมิได้เข้าร่วมพิธี ด้วยเหตุนี้ยามรถม้าหน้าตาธรรมดาคันหนึ่งแล่นออกจากเมืองจึงไม่มีผู้ใดคิดว่าข้าอยู่ในรถม้า ข้าผู้เปลี่ยนมาใส่อาภรณ์สีเขียวธรรมดาล่วงหน้าแล้วกำลังเล่นพัดในมือพลางคิดว่าได้ทิ้งช่องโหว่อันใดไว้หรือไม่
การจากไปเมื่อยงอ๋องขึ้นรับตำแหน่งรัชทายาทเป็นสิ่งที่ข้าตัดสินใจไว้นานแล้ว ประการแรกบุญคุณความแค้นตอบแทนเสร็จสิ้น รั้งอยู่ข้างกายยงอ๋องต่อไปก็ไม่มีประโยชน์อันใด อัจฉริยะทางการทหารและการปกครองรอบตัวยงอ๋องมีมากมายนัก
ส่วนอีกประการหนึ่ง ในเหตุการณ์ก่อกบฏที่พระราชวังเลี่ยกง ข้าเผยความร้ายกาจออกมาจนหมดเพื่อองค์ชาย เรื่องนี้ไม่เพียงทำให้พวกปรมาจารย์ซือเจินหวั่นเกรง แม้แต่พวกเจิ้งเสียกับฉินอี๋ก็หวาดหวั่นอยู่ในใจ หากข้าอยู่ข้างกายยงอ๋องต่อ พวกเขาคงกังวลทุกเวลาว่ายงอ๋องจะใช้แผนการอัน ‘อำมหิต’ ของข้า
แทนที่จะให้พวกเขาระแวงความใส่พระทัยอันบริสุทธิ์ของยงอ๋องเพราะเหตุนี้ มิสู้ข้าจากไปเสียดีกว่า ฐานะในตอนนี้ของยงอ๋อง ไม่มีความจำเป็นต้องเหลือจุดด่างพร้อยเช่นการโปรดปรานเสนาธิการผู้ใช้อุบายสกปรกโหดเหี้ยมเอาไว้ ดังนั้นข้าจึงตัดสินใจนานแล้วว่าจะจากไป การที่จักรพรรดิต้ายงไม่ยอมพระราชทานสมรสก็เป็นหนึ่งในแรงจูงใจให้ข้าไปเช่นกัน
ข้าฉวยจังหวะที่ทุกคนในจวนยงอ๋องวุ่นวายอยู่กับพิธีแต่งตั้งของยงอ๋อง ให้เสี่ยวซุ่นจื่อไปรับโหรวหลันมาก่อน หลังจากนั้นจึงอาศัยช่วงที่การคุ้มกันหละหลวม ให้พวกเฉินเจิ่นกับหานอู๋จี้มารับออกจากฉางอัน ระหว่าทางข้าสร้างร่องรอยลวงไว้มากมาย ต้องหายไปท่ามกลางทะเลผู้คนได้อย่างราบรื่นแน่นอน
ข้าลูบดวงหน้าน้อยของโหรวหลันที่กำลังหลับสนิทแผ่วเบาแล้วถอนหายใจเฮือกหนึ่ง ความเสียดายเพียงหนึ่งเดียวก็คือการไร้วาสนากับองค์หญิง วันนี้องค์หญิงหนิงกั๋วฉางเล่อฐานะสูงศักดิ์นัก จะตัดใจให้นางไปร่อนเร่ทั่วสี่คาบสมุทรกับข้าได้อย่างไรเล่า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อข้าจะไม่กลับมาที่ต้ายงอีกแล้ว
ตอนต่อไป