ตำนานสุยอวิ๋นยอดกุนซือ - ตอนที่ 23 โศกนาฏกรรมงานมงคล (3)
ตอนที่ 23 โศกนาฏกรรมงานมงคล (3)
ดวงตาของหลินถงเต็มไปด้วยแววตาหวาดผวา นางกระตุกแขนเสื้อของพี่สาวเบาๆ แล้วถามว่า “ท่านพี่ สิ่งใดคือกู่ประสานใจ”
หลินปี้มองมาทางเย่ว์ชิงเยียน แต่เย่ว์ชิงเยียนกลับเบี่ยงหน้าหนี หลินปี้ถอนหายใจแล้วตอบว่า “กู่ประสานใจเป็นกู่พิษที่ประหลาดที่สุดชนิดหนึ่งของหนานเจียง กู่ชนิดนี้มีนิสัยรักความสะอาดชอบความหนาวเย็น ชมชอบกินแต่เลือดดรุณี มีชื่อเรียกอีกอย่างว่าราชาแห่งกู่ เพราะขอเพียงต้องพิษกู่ชนิดนี้เข้าก็จะไม่มีทางช่วยเหลือได้อีก
หากต้องการเลี้ยงกู่ประสานใจ จะต้องใช้เด็กสาวที่เพิ่งเข้าวัยปักปิ่นคนหนึ่ง เอาเลือดและโอสถป้อนให้มันกินทุกวัน แล้วยังต้องเก็บราชากู่ไว้ข้างตัว ให้ผิวหนังสัมผัสทั้งวันทั้งคืน มิอาจหย่อนหยานได้ เป็นระยะเวลาสามปีถึงเจ็ดปี แล้วแต่คุณสมบัติร่างกายกับสติปัญญาของดรุณีผู้นั้น
ภายในเวลาหลายปีดังกล่าว หากเลี้ยงราชากู่สำเร็จ กู่ตัวนี้จะฝังตัวอยู่ในหัวใจของเจ้าของ คนกับกู่ประสานเป็นหนึ่ง จิตใจเชื่อมต่อกัน ขอเพียงเจ้าของกู่สั่งทางความคิด ราชากู่ก็จะฝังกู่ตัวลูกบนร่างผู้ใดก็ตามที่อยู่ในรัศมีการมองเห็นได้ทันที หลังจากนั้นขอเพียงเจ้าของกู่ตั้งใจก็จะบังคับความเป็นความตายของคนที่ต้องพิษกู่คนนั้นได้
กู่พิษชนิดนี้ยังมีความพิเศษอีกอย่างหนึ่ง นั่นก็คือหลังจากถูกฝังกู่ตัวลูกแล้ว หากได้กินยาจากเจ้าของกู่ ผู้ต้องพิษกู่จะเชื่อมใจกับเจ้าของกู่ได้ มิว่าพันขุนเขาหมื่นวารีกางกั้นก็มิอาจขวางหัวใจพวกเขามิให้เชื่อมกัน ดังนั้นจึงเรียกกันว่ากู่ประสานใจ แม่นางเย่ว์คงจะมีร่างกายเป็นเตาหลอมอันยอดเยี่ยม ใช้เวลาเพียงสองสามปีก็เลี้ยงราชากู่สำเร็จ แม่นางเย่ว์คงทุ่มเทไปไม่น้อยสินะ”
หลินปี้กล่าวจบก็มองเย่ว์ชิงเยียนอย่างเสียดาย แล้วกล่าวว่า “ถงเอ๋อร์ สิ่งที่น่ากลัวที่สุดของกู่ชนิดนี้ก็คือมันมิเพียงทำร้ายผู้อื่น แต่ยังทำร้ายตนเองด้วย กู่ตัวนี้ต้องกลืนกินโลหิตของนายทุกวัน แต่ละวันปริมาณที่กินจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และหลังจากกระตุ้นกู่ให้ทำร้ายคน มันก็จะยิ่งต้องการโลหิตเพิ่มอีกหลายเท่า แม่นางเย่ว์เลือดลมพร่อง ผิวพรรณดุจหิมะ คงเป็นเพราะสาเหตุนี้
เรื่องนี้ยังมิเท่าไร ต้องทราบว่าแม้พิษกู่จะน่ากลัว แต่ก็ยังมีวิธีกำราบ แต่หากแม่นางเย่ว์ตายใต้คมอาวุธ ราชากู่ตัวนั้นจะแหวกร่างออกมาสูบกินโลหิตในร่างแม่นางเย่ว์จนหมด หลังจากนั้นราชากู่ตัวนี้จะมีชีวิตอยู่บนโลกได้อย่างอิสระ ระยะสิบลี้รอบบริเวณที่มันอยู่ ไม่มีทางมีคนหรือเดรัจฉานรอดชีวิตอยู่ได้ ต่อให้ยามแม่นางเย่ว์ตายไม่มีเลือดออก ราชากู่ไม่มีโอกาสแหวกร่างออกมาและตกตายไปพร้อมกับแม่นางเย่ว์ แต่ถึงอย่างนั้นคนที่แม่นางเย่ว์เคยใช้พิษกู่ด้วยทั้งหมดก็จะตายไปพร้อมกันทุกราย
นี่เป็นกรณีที่แม่นางเย่ว์ควบคุมราชากู่ได้ หากแม่นางเย่ว์มอบโลหิตให้มิพอ ถ้าเช่นนั้นราชากู่ตัวนี้จะย้อนกลับมากัดกินเจ้าของ ดังนั้นต่อให้เป็นตัวแม่นางเย่ว์เองก็มิอาจควบคุมอันตรายจากกู่ประสานใจชนิดนี้ได้ นี่จึงเป็นสาเหตุที่ทั้งใต้หล้าล้วนถือว่ากู่ประสานใจเป็นสิ่งต้องห้าม เพียงแต่กู่ประสานใจสาบสูญไปนานแล้ว คิดไม่ถึงว่าจะยังมีคนฝึกอยู่อีก”
เย่ว์ชิงเยียนสีหน้าเฉยเมย แต่มือขวากลับอดไม่อยู่กุมข้อมือซ้ายไว้ ใต้ผืนผ้าไหมที่มัดอยู่ตรงนั้น คือตำแหน่งที่นางใช้เข็มทองเจาะเลือดออกมาทุกวัน ร่องรอยบาดแผลยังคงเหลืออยู่
หลินถงเอ่ยอย่างเสียดายอย่างยิ่ง “โธ่ พี่สาวเย่ว์ กู่ประสานใจนี่น่ากลัวเช่นนี้ ท่าน ท่านมีเลือดไว้เลี้ยงมันเท่าไรกัน รีบคิดหาวิธีกำจัดมันเสียเถิด”
ดวงตาของเย่ว์ชิงเยียนทอแสงอบอุ่นขึ้นวูบหนึ่ง เมื่อครู่นางปล่อยให้หลินปี้อธิบายก็เพราะต้องการใช้คำพูดของหลินปี้ทำให้ทุกคนหวาดกลัว เช่นนี้ตนจึงจะควบคุมทุกคนได้สะดวก แต่ความเป็นห่วงเป็นใยของหลินถงกลับทำให้นางซาบซึ้งยิ่งนัก ในใจคิดว่า มิว่าจะเกิดอันใดขึ้น ข้าจะไม่สังหารนาง สายตาของนางจับบนร่างเจียงหย่งแล้วเอ่ยเสียงราบเรียบ “ท่านอาเขย ท่านยังไม่ยอมมอบแบบต่อเรือให้อีกหรือ”
ดวงตาของเจียงหย่งฉายแววเสียดายสุดซึ้งออกมาวูบหนึ่ง แล้วกล่าวว่า “ชิงเยียน เจ้าเป็นถึงคุณหนูสูงศักดิ์ เหตุใดจึงฝึกวิชาชั่วร้ายอำมหิตเช่นนี้ เจ้ารู้หรือไม่ ต่อให้เจ้ามีอำนาจน่าเกรงขามยามนี้ แต่นั่นจะคงอยู่เพียงชั่วบุปผาบาน ไม่มีทางยืนยาว ผู้ใด ผู้ใดให้เจ้าฝึกวิชาเช่นนี้”
เย่ว์ชิงเยียนเผยสีหน้าแน่วแน่ออกมา แล้วกล่าวว่า “ท่านอาเขย ขออภัยด้วย” กล่าวจบก็ตั้งใจจะกระตุ้นพิษกู่ ทว่าเวลานี้เอง เสียงกลองศึกพลันดังขึ้นนอกประตู องครักษ์ตระกูลเย่ว์ที่เฝ้าพิทักษ์อยู่หน้าประตูห้องโถงพิธีเหล่านั้นกรีดร้องดังระงม ทุกคนมองออกไปก็เห็นร่างขององครักษ์เหล่านั้นถูกศรปักอยู่บนจุดสำคัญ
เย่ว์อู๋จิวขมวดคิ้ว เขาก้าวมาถึงหน้าประตูแล้วมองออกไปด้านนอก ห่างออกไปร้อยก้าว แนวโล่หลายชั้นกำลังปกป้องกลุ่มมือธนูในเครื่องแบบทหารเรือตงไห่ซึ่งกำลังง้างธนูเตรียมยิงอยู่ ชายฉกรรจ์ร่างใหญ่คนหนึ่งเอ่ยเสียงดัง “คนด้านในจงฟัง รอบสถานที่นี้ถูกพวกข้าล้อมเอาไว้แล้ว พวกเราตงไห่มิมีสิ่งอื่น แต่หากกล่าวถึงพลธนูล้วนแต่เป็นมือธนูชั้นยอด หากพวกเจ้ายังเหิมเกริม อย่าโทษลูกธนูของพวกเราไร้ไมตรี”
กล่าวจบชายฉกรรจ์ร่างใหญ่ผู้นั้นก็ยกคันธนูยาวขึ้นยิงศรเสียง[1]ดอกหนึ่งออกมา ลูกธนูคมนับร้อยนับพันดอกตามมาด้านหลัง เย่ว์อู๋จิวตกใจยิ่งนัก เขารีบร้อนเตะประตูห้องโถงแล้วหลบไปด้านข้าง จากนั้นก็ได้ยินเสียงประหนึ่งลูกเห็บตกกระหน่ำใส่พื้น บานประตูถูกลูกศรคมยิงจนทะลุ เสียงชายฉกรรจ์ผู้นั้นดังขึ้นนอกประตูอีกครั้ง “ท่านโหว เชิญท่านออกคำสั่ง หากมีคนกล้าไม่เชื่อฟัง อีกหนึ่งเค่อพวกเราจะจุดไฟเผาเรือนเสีย”
เย่ว์อู๋จิวหน้าเสียในบัดดล “ท่านโหว ได้ยินว่าทหารเรือตงไห่แต่ละกองล้วนมียอดมือธนูอยู่จำนวนหนึ่ง ร้อยก้าวยิงทะลุใบหลิว เอาชีวิตคนรวดเร็วดั่งอสนีบาต วันนี้ได้เห็น ช่างสมคำร่ำลือจริงๆ ขอเชิญท่านโหวออกคำสั่งให้พวกเขาถอยไปก่อนเถิด มิเช่นนั้นหากทำร้ายถูกชิงเยียนขึ้นมา น่ากลัวว่าพวกเราคงมิอาจหนีพ้นการไล่ล่าของราชากู่ได้”
เจียงหย่งเอ่ยเสียงเรียบ “ที่นี่คือตงไห่ มิใช่ดินแดนที่ผู้อื่นจะมาตัดสินใจได้ หลานชิงเยียน เจ้ารามือดีหรือไม่ เรียกพิษกู่ในตัวไห่เทากลับไปก่อนเป็นอย่างไร”
เย่ว์ชิงเยียนสีหน้าซีดเผือดกว่าเดิม นางหันไปมองเย่ว์เหวินฮั่น เย่ว์เหวินฮั่นจึงเอ่ยขึ้นเสียงเย็นชา “ท่านอาเขย เรื่องมาถึงตอนนี้ พวกเราไม่มีทางให้ถอยแล้ว อีกอย่างขอเพียงชิงเยียนมีเวลาเพียงชั่วครู่ มือธนูเหล่านั้นก็หนีไม่พ้นพิษกู่เช่นกัน”
เจียงหย่งหัวเราะ “หากชิงเยียนกระตุ้นพิษกู่ ก็จำเป็นต้องเสียโลหิตและแรงใจ เจ้าไม่กลัวนางถูกราชากู่ย้อนกลับมากัดกินหรือ”
เย่ว์เหวินฮั่นเอ่ยอย่างไม่แยแส “หากเป็นเช่นนั้นมีสิ่งใดไม่ดีเล่า แหลกลาญไปด้วยกันทั้งสองฝ่ายยามนี้เท่ากับได้ตายร่วมกับขุนนางใหญ่คนสูงศักดิ์มากมาย เหวินฮั่นกับน้องสาวตายก็มิเสียดาย ท่านอาเขย ท่านน่าจะทราบดี หากข่าวที่ชิงเยียนมีกู่ประสานใจอยู่ในร่างรั่วออกไป เกรงว่าผู้คนคงตบเท้ายกขบวนมาประณามความผิด มิบังคับให้น้องสาวข้าโดดเข้ากองไฟก็คงมิยอมเลิกราโดยดี ผู้คนทั้งใต้หล้าล้วนเป็นศัตรูกับพวกเราพี่น้อง ตายเพิ่มสักสองสามคนมีสิ่งใดไม่ดีเล่า หากท่านอาเขยมิยอมสั่งให้ลูกน้องลดธนูลง เกรงว่าหลานชายคงต้องล่วงเกินแล้ว”
ทันใดนั้นหลี่เสี่ยนก็พุ่งเข้ามา หนึ่งกระบวนท่าตบเย่ว์เหวินฮั่นจนล้มคว่ำ จากนั้นจึงชักกระบี่ยาวที่เอวออกมาจ่อลำคอของเย่ว์เหวินฮั่นไว้ การเคลื่อนไหวไม่กี่ครั้งนี้ของเขาว่องไวยิ่งนัก ทุกคนต่างกลัวพลาดพลั้งจึงละล้าละลัง ไหนเลยจะคิดว่าหลี่เสี่ยนจะใจกล้าเช่นนี้ แม้เขามีหยกล้ำค่าคุ้มกาย แต่ผู้คนในที่แห่งนี้แต่ละคนล้วนฐานะสูงศักดิ์ หากตายขึ้นมาสักสองสามคนจริง เกรงว่าหลี่เสี่ยนคงมิอาจมอบคำอธิบายให้ได้ เป็นดังคาด เมื่อเย่ว์ชิงเยียนเห็นสถานการณ์ สีหน้าก็เปลี่ยนไปโดยพลัน นางกระตุ้นพิษกู่ทันที ชิ่งอ๋องหลี่คังกรีดร้องฟุบลงไปกับพื้น
หลี่เสี่ยนกลับสีหน้าไม่เปลี่ยน แล้วหัวเราะเอ่ยว่า “คุณหนูเย่ว์เลอะเลือนแล้ว เจ้าเคยได้ยินว่าราชวงศ์มีความผูกพันให้คนในครอบครัวตั้งแต่เมื่อใด ขอเพียงตัวข้าหลี่เสี่ยนปลอดภัย ไหนเลยจะสนใจว่าผู้อื่นเป็นหรือตาย คุณหนูกับพี่ชายรักกันมาก หากยินยอมหยุดมือมอบตัวเสีย ผู้แซ่หลี่รับประกันว่าจะไม่ทำร้ายพี่ชายน้องสาวของพวกเจ้า อีกอย่างคุณหนูไม่อยากหลุดพ้นจากชะตาถูกราชากู่ตัวนั้นกลืนกินหรือไร หากคุณหนูยินดี ข้าจะถวายหนังสือต่อฝ่าบาทรวบรวมหมอชื่อดังทั่วหล้ามารักษาคุณหนู แม้มีโอกาสรอดเพียงน้อยนิด แต่ก็ดีกว่านั่งรอความตายเช่นนี้มิใช่หรือ”
เย่ว์ชิงเยียนสีหน้าหวั่นไหวเล็กน้อย แต่ก็กลับมานิ่งสงบอีกครั้งแล้วเอ่ยอย่างเย็นชา “ข้ามิเชื่อคำท่าน แม้แต่ชีวิตพี่ชาย ท่านยังมิสนใจ ข้าจะรู้ได้เช่นไรว่าท่านจะรักษาคำสัตย์”
หลี่เสี่ยนยินดีอยู่ในใจ เย่ว์ชิงเยียนหวั่นไหวแล้ว เป็นเช่นนี้ย่อมดี ทว่าใบหน้าของเขาสีหน้าไม่เปลี่ยนสักนิด “แม่นางเย่ว์ ในเมื่อเจ้าหมั้นหมายกับไห่เทาก็คงรู้จักนิสัยของตัวข้าดี ข้อดีอื่นใดข้าล้วนไม่มี แต่มิเคยกระทำผิดคุณธรรมตระบัดสัตย์ เพียงแต่ข้ามีนิสัยประหลาด หากมีคนบีบบังคับข้า ข้าจะดึงดันสร้างความลำบากให้เขาถึงที่สุด
ต่อให้วันนี้แม่นางสังหารพี่สาม ลูกพี่ลูกน้องกับหลานชายของข้าต่อหน้าข้า ข้าก็ไม่มีทางก้มหัววิงวอน แต่ข้าสาบาน หากแม่นางลงมืออำมหิต ต่อให้ข้าฝ่าวงล้อมออกไปได้เพียงผู้เดียว สักวันตระกูลเย่ว์แห่งหนานหมิ่นต้องตกอยู่ในกำมือของข้า ข้าจะไม่ประหารตระกูลของแม่นางเก้าชั่วโคตร แต่จะให้คนตระกูลเย่ว์แห่งหนานหมิ่นทั้งหมดกลายเป็นคนชั้นต่ำ ให้พวกเขาถูกผู้อื่นเหยียบย่ำใต้ฝ่าเท้าไปทั้งชาติ ไร้ค่าดั่งดินโคลน”
เย่ว์ชิงเยียนสีหน้าเปลี่ยนไปทีละน้อย นางเกิดในตระกูลสูง เคยอ่านกฎหมายบ้านเมืองมาก่อน ย่อมทราบว่าบุรุษสตรีชนชั้นต่ำ มิอาจแต่งงานกับประชาชนธรรมดาได้ ดังนั้นบุรุษสตรีรูปงามของชนชั้นล่างมักตกต่ำกลายเป็นนางคณิกานายบำเรอ คำขู่ของหลี่เสี่ยนทั้งน่าหวาดหวั่นและตรงไปตรงมา ทว่าเวลานี้เอง เย่ว์เหวินฮั่นจู่ๆ ก็พุ่งลำคอตรงไปหากระบี่ของหลี่เสี่ยน หลี่เสี่ยนมือไวตาไว ขยับคมกระบี่หลบได้ทัน แต่เย่ว์อู๋จิวก็ฉวยโอกาสช่วยเย่ว์เหวินฮั่นกลับไป
หลี่เสี่ยนมองรอยเลือดบนลำคอของเย่ว์เหวินฮั่นอย่างจนปัญญา แล้วคลี่ยิ้มเอ่ยว่า “ดูท่าพวกเจ้าจะชนะแล้วสินะ”
เย่ว์เหวินฮั่นลุกขึ้นยืนโดยไม่สนใจการประคองของเย่ว์อู๋จิว เขาเดินโซเซไปยืนอยู่ข้างกายเย่ว์ชิงเยียน จากนั้นเอ่ยว่า “ฉีอ๋อง โปรดอย่าลงมือบุ่มบ่ามอีก มิเช่นนั้นอย่ากล่าวโทษหากพวกเราลงมือสังหารคน ท่านอาเขย ให้ลูกน้องของท่านทิ้งอาวุธยอมแพ้เสีย มิเช่นนั้นหลานคงได้แต่เอาชีวิตน้องชายก่อนแล้วค่อยเจรจากับท่าน”
เจียงหย่งใจสะท้าน สั่งเสียงดังอย่างจนปัญญา “หย่วนซิน อย่าเพิ่งลงมือ รอคำสั่งจากข้า”
เย่ว์เหวินฮั่นเผยสีหน้าเด็ดเดี่ยวออกมา ทุกคนต่างยิ้มฝืดเฝื่อนอยู่ในใจ เหตุไฉนสองพี่น้องนี่จึงล้วนใจกล้ามิกลัวตายเช่นนี้ กล่าวกันว่าบุตรตระกูลมั่งคั่ง แม้แต่ริมระเบียงยังไม่ยอมนั่ง พวกเขาทำเช่นนี้ไปไยเล่า
[1]ศรเสียง ลูกศรที่ติดชิ้นส่วนที่ทำให้เกิดเสียงเอาไว้ ชิ้นส่วนที่ว่าอาจทำจากเหล็ก กระดูกสัตว์หรืองาช้างและอื่นๆ เป็นทรงกลมรีที่มีช่องให้ลมลอดผ่าน เวลายิงออกไปจะทำให้เกิดเสียง
ตอนต่อไป