ตำนานสุยอวิ๋นยอดกุนซือ - ตอนที่ 25 สยบคลื่นลมตงไห่ (2)
ตอนที่ 25 สยบคลื่นลมตงไห่ (2)
ประกายตาสงสัยของเย่ว์เหวินฮั่นทำให้ลู่ช่านยิ้มเจื่อน “ความสามารถในการโยนความผิดให้ผู้อื่นของผู้ดูแลใหญ่ช่างล้ำเลิศเสียจริง ข้าทราบเรื่องเหล่านี้เพราะคนผู้หนึ่ง หลายวันก่อนอาจารย์เจียงเจียงเจ๋ออาจารย์ผู้มีพระคุณของผู้แซ่ลู่ส่งสารมาหาข้า กล่าวว่ามีคนคิดฉวยโอกาสยามผู้แซ่ลู่มาเป็นราชทูตที่ตงไห่ทำร้ายข้า หากพวกท่านพี่น้องต้องการทราบว่าเหตุใดผู้แซ่ลู่ล่วงรู้เรื่องเหล่านี้ มิสู้หาวิธีไปถามท่านอาจารย์เจียงเถิด”
หลี่เสี่ยนฟังจบก็ด่าทันที “คิดแล้วว่าต้องเป็นอุบายของเขา แต่ลู่ช่าน ไฉนเขาจึงขอให้เจ้าช่วย นี่มันเรื่องอะไรกัน หรือเขาลืมไปแล้วว่าหนานฉู่มีคนอยากสังหารเขามากเท่าไร”
ลู่ช่านยิ้มละไมตอบว่า “ฉีอ๋อง ข้าเองปรารถนาจะให้ท่านอาจารย์กลับคืนหนานฉู่ยิ่งนัก แต่น่าเสียดายท่านอาจารย์คงไม่มีเยื่อใยใดเหลือให้หนานฉู่อีกแล้ว แต่สถานที่ขังตัวประกันตระกูลเย่ว์ ผู้อื่นคงมิสะดวกลงมือนัก แล้วอีกทั้งท่านอาจารย์คงยังคิดถึงลูกศิษย์คนนี้อยู่ จึงทนปล่อยให้ข้าถูกผู้อื่นทำร้ายมิได้กระมัง” ลู่ช่านคิดต่อในใจ แต่ข้าจะมิบอกท่านหรอกว่าตัวประกันตระกูลเย่ว์ถูกขังอยู่ในค่ายทหารของกองทหารราชองครักษ์ในเมืองเจี้ยนเย่
สายตาเย่ว์เหวินฮั่นฉายแววลังเลเล็กน้อย มิว่าเขาเคียดแค้นเย่ว์อู๋จิวอย่างไร หากเป็นห่วงบิดากับผู้อาวุโสของตน เขาก็ยังมีเรื่องหนึ่งที่ต้องรู้ให้กระจ่าง ถึงสุดท้ายเย่ว์อู๋จิวจะได้ชัย ในตัวเขาก็ยังมีเลือดตระกูลเย่ว์ไหลเวียนอยู่ หากปล่อยให้คนนอกมาควบคุมตระกูลเย่ว์ เช่นนั้นตนจึงทำผิดมิอาจให้อภัยอย่างแท้จริง
เย่ว์เหวินฮั่นครุ่นคิดครู่หนึ่งก็พลันกระจ่าง มิว่าลู่ช่านกล่าวจริงสักกี่ส่วน แต่เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าบิดาของตนจะอยู่ในมือลู่ช่าน ในเมื่อตนกับน้องสาวตั้งใจจะตายอยู่แล้ว ถ้าเช่นนั้นก็ต้องลองหาวิธีว่าจะทำอย่างไรให้ตระกูลเย่ว์ได้ผลประโยชน์มากที่สุด ทว่าไม่ว่าจะทำอันใดก็ห้ามทำอันตรายตงไห่โหวกับบุตรชาย เพราะถึงอย่างไรก็มีเพียงพวกเขาที่น่าจะมีผลประโยชน์ร่วมกับตระกูลเย่ว์
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เย่ว์เหวินฮั่นก็คลี่ยิ้ม “ชิงเยียน ในเมื่อเรื่องเป็นเช่นนี้แล้ว พวกเราก็มิจำเป็นต้องฝืนใจตนเองแล้ว เจ้าปลุกไห่เทาให้ฟื้นขึ้นมาก่อนเถิด” เย่ว์ชิงเยียนพยักหน้าเบาๆ แววตาละอายใจแล่นผ่านดวงตา เพราะมิว่าอย่างไรเจียงไห่เทาก็เป็นสามีของนาง เจียงไห่เทาที่นอนอยู่บนพื้นเริ่มส่งเสียงครางเบาๆ เพียงครู่เดียวก็ฟื้นขึ้นมา เขาได้สติก็กุมกระบี่ทันที แต่กลับไม่โจมตีพี่น้องตระกูลเย่ว์ ด้วยเขามิใช่คนบุ่มบ่าม
ลู่ช่านยิ้มละไมเอ่ยว่า “เจ้าตระกูลน้อยเย่ว์ ท่านต้องจำไว้เรื่องหนึ่ง แม้กู่ประสานใจมิอาจแก้ได้ แต่มิใช่จะขับไล่มิได้ ปลายราชวงศ์ตงจิ้น หลังจากคดีสลดนับไม่ถ้วนที่กู่ประสานใจก่อ หมอชื่อดังทั่วหล้าจึงมิมีผู้ใดไม่เคยวิจัยวิธีกำจัดมัน หยกปี้เสียของฉีอ๋องเป็นสมบัติพิสดารที่ฟ้าประทานมา ปกป้ององค์ชายมิให้ถูกพิษกู่ทำร้ายได้ ประคำเมล็ดโพธิ์ห้วงทุกข์ก็มีฤทธิ์ดุจเดียวกัน แต่ยังมีสูตรลับอีกอย่างหนึ่ง ใช้ปรุงถุงหอมป้องกันผู้พกพามิให้พิษกู่ทำร้ายได้เช่นกัน แม้เวลาที่ออกฤทธิ์จะมินาน แต่หากเป็นผู้สูงศักดิ์มีอำนาจ จะปรุงสักแปดถุงสิบถุงก็เป็นเรื่องง่ายยิ่งนัก” กล่าวจบ ลู่ช่านก็หยิบถุงหอมใบหนึ่งออกมาจากอกเสื้อ แม้อยู่ไกลนัก แต่เย่ว์ชิงเยียนก็ยังขมวดคิ้ว ถอยหลังไปหลายก้าว
ตงไห่โหวสีหน้าเปลี่ยนไปทันทีแล้วเอ่ยว่า “แม่ทัพลู่ สิ่งนี้ท่านเจียงก็มอบให้ท่านหรือ”
ทุกคนฟังแล้วก็ทราบโดยพลันว่าเขาเกิดสงสัยขึ้นมาแล้ว เรื่องเช่นนี้หากเจียงเจ๋อไม่บอกเขาสักนิดก็ออกจะทำเกินไปอยู่บ้าง
ลู่ช่านยิ้มเจื่อน “ข้าก็อยากจะกล่าวเช่นนั้น น่าเสียดายที่ไม่ใช่ ก่อนเกิดเรื่องข้ามิทราบว่าวิธีที่คุณหนูเย่ว์ใช้กำราบศัตรูจะเป็นกู่ประสานใจ สิ่งที่ข้าเอ่ยเมื่อครู่บางส่วนเป็นสิ่งที่ท่านอาจารย์บอกกล่าว แต่บางสิ่งก็เป็นการคาดเดา สูตรยานี้แม้ผสมยาก แต่สำหรับทุกท่านแล้วล้วนมิใช่เรื่องยากอันใด ทว่ากู่ประสานใจไม่ปรากฏมาหลายปีแล้ว ดังนั้นทุกท่านจึงไม่ได้เตรียมตัวก็เท่านั้น ถุงหอมนี่เดิมทีเป็นของที่ใต้เท้าฝูพกมา ตอนยังเล็กข้าซุกซนจึงเคยฝึกวิชามือไวมาเล็กน้อย ใต้เท้าฝูท่าทางตื่นเต้นเกินไป ก่อนลงจากเรือเขาใช้มือคลำบางสิ่งอยู่หลายครั้ง ตอนเข้ามาในห้องโถงพิธีข้าจึงล้วงชิงมา พอเมื่อครู่ได้ยินว่าเป็นกู่ประสานใจ ข้าจึงรู้สึกว่าตนช่างโชคดีนัก”
ฝูอวี้หลุนอุปทูตแห่งหนานฉู่เป็นเพียงคนไม่สำคัญในสายตาทุกคนจึงไม่มีผู้ใดสนใจเขา เวลานี้ทุกคนเพิ่งหันไปมองก็เห็นเขาฟุบอยู่บนเก้าอี้เสียแล้ว เดิมทีทุกคนคิดว่าเขาเป็นบัณฑิตไร้ประโยชน์จึงมิสนใจ แต่เมื่อได้ยินลู่ช่านกล่าวเช่นนี้จึงพบว่าฝูอวี้หลุนถูกสกัดจุดไว้ ดวงตาเบิกโต ในดวงตาเต็มไปด้วยความหวาดผวา
ลู่ช่านยกถุงหอมในมือขึ้นมาจรดจมูก แล้วคลี่ยิ้มเอ่ยว่า “ใต้เท้าฝูคงจะเตรียมส่งโลงศพข้ากลับหนานฉู่กระมัง แต่เกรงว่าผู้แซ่ลู่คงมิปล่อยให้ท่านสมหวัง เจ้าตระกูลน้อยเย่ว์ รายชื่อมรณะของพวกท่านอย่างน้อยก็มีสองคนที่จะไม่ตายแล้ว ขอเพียงพวกเรารอดไปได้ ชะตาของตระกูลเย่ว์ย่อมถูกกำหนดแล้ว หากเป็นห่วงตระกูลเย่ว์ ข้าคิดว่าทั้งสองท่านควรเลือกหนทางที่ดีกว่า”
เย่ว์เหวินฮั่นถอนหายใจเอ่ยว่า “เอาเถิด ตระกูลเย่ว์ก็ทำเรื่องผิดคุณธรรมมามากมาย ไม่แปลกที่จะมีวันนี้ ตระกูลเย่ว์ตกอยู่ในมือท่านแม่ทัพก็ดีกว่าผู้อื่นอยู่บ้าง ชิงเยียนเรียกพิษกู่กลับมาเถิด พวกเราไม่จำเป็นต้องหยิบเกาลัดกลางกองไฟแทนผู้อื่นแล้ว”
เย่ว์ชิงเยียนขานรับ ผู้ที่ต้องพิษกู่เหล่านั้นจึงเริ่มทยอยได้สติกลับมา
เย่ว์อู๋จิวหน้าซีดจนเป็นสีเทา เวลานี้ในใจเขามีเพียงความคิดเดียว เหตุไฉนคนเหล่านั้นจึงไม่โผล่หัวออกมาเล่า หากคนเหล่านั้นปรากฏตัว มีกำลังพลพอจัดการทุกคนในครั้งเดียว เหวินฮั่นกับชิงเยียนต้องคล้อยตามความคิดของข้าแน่ เขาเริ่มขยับถอยหลังพลางคิดในใจว่าต้องไปรวมตัวกับพวกเขาให้ได้
ทว่าเวลานี้เอง หญิงสาวงามเด่นผู้หนึ่งก็ก้าวออกมาจากห้องโถงด้านหลัง ในมือนางถือกระบี่ยาว ปลายกระบี่ยังคงมีเลือดเปื้อน นางมองเย่ว์อู๋จิวแล้วเอ่ยอย่างเย็นชา “ผู้ดูแลใหญ่ ท่านอย่าได้เพ้อฟันจะไปรวมตัวกับพวกเขาเลย ข้าสังหารคนที่พวกเขาส่งมาแฝงตัวในหมู่แม่สื่อกับหญิงรับใช้แล้ว ตอนนี้พวกเขายังมิทราบว่าท่านล้มเหลว บางทีหลังจากพวกเขายอมมอบตัว ท่านอาจมีโอกาสพบหน้าพวกเขา”
เย่ว์อู๋จิวมองสตรีนางนั้น แล้วเอ่ยออกมาอย่างเจ็บปวด “เซวียซื่อ เจ้าตำหนักเฟิ่งอู่บอกว่าเจ้าเป็นคนของพวกนาง เหตุใดเจ้าจึงทรยศ”
เซวียฮูหยินเอ่ยด้วยสีหน้าเย็นชา “ไม่ผิด ก่อนหน้านี้ข้าเป็นคนของพวกนางก็จริง แต่พวกนางลืมเสียแล้วว่าข้าสะบั้นสัมพันธ์กับพวกนางนานแล้ว ไม่ผิด พวกเขากล่าวว่าจะรักษาชีวิตสามีข้า แล้วยังบอกอีกว่าจะให้ข้าได้เป็นภรรยาเอก แต่ผู้ที่ข้าแต่งงานด้วยคือบุรุษผู้ยืนค้ำแผ่นฟ้า มิใช่หุ่นเชิดที่ขอเพียงมีชีวิตรอดไปวันๆ เย่ว์อู๋จิว ท่านก็อย่าปวดใจเพราะล้มเหลวนักเลย ตั้งแต่แรกพวกนางก็ไม่คิดจะยกตระกูลเย่ว์ทั้งหมดให้ท่านอยู่แล้ว พวกนางตั้งใจเก็บชีวิตสามีข้าไว้ก็เพื่อหาโอกาสกำจัดท่าน”
เย่ว์อู๋จิวเอ่ยอย่างขมขื่น “ในเมื่อเจรจาขอหนังจากเสือ ข้าย่อมเตรียมพร้อมไว้แล้ว ไม่มีทางปล่อยให้พวกนางมีโอกาสควบคุมตระกูลเย่ว์ได้เด็ดขาด ขอเพียงรักษาฐานรากของตระกูลเย่ว์ไว้ แล้วได้ความลับของตระกูลไห่มา อนาคตที่ตระกูลเย่ว์จะกลายเป็นเจ้าแห่งมหาสมุทรเพียงผู้เดียวย่อมนับวันรอได้ การที่พวกเขาคิดจะมาควบคุมกิจการ สำหรับข้าไม่สำคัญอันใดสักนิด แต่เซวียซื่อ เจ้ามิกลัวข้าเปิดเผยตัวตนของเจ้าจริงหรือ ภรรยาที่ถูกสามีทอดทิ้ง สตรีที่วางแผนจะวางยาพิษสังหารทายาทของสามี มีหน้าอันใดรั้งอยู่ข้างกายเหวินฮั่น”
เซวียฮูหยินสีหน้าไม่เปลี่ยนสักนิด แล้วเอ่ยเสียงเรียบเฉย “ความผิดในอดีตของข้าได้รับบทลงโทษนานแล้ว อีกประการหนึ่งสามีก็ทราบเรื่องของข้าตั้งแต่แรก พวกท่านคิดใช้สิ่งนี้ข่มขู่ข้า ช่างโง่เขลาเหลือเกิน”
เย่ว์อู๋จิวมองเย่ว์เหวินฮั่น เมื่อเห็นสีหน้าเขาราบเรียบดังกล่าวจริง จึงอดไม่ไหวกล่าวขึ้นว่า “ที่แท้เรื่องที่พวกเจ้าสามีภรรยาทะเลาะกันล้วนเป็นเรื่องแหกตา”
เย่ว์เหวินฮั่นเอ่ยสียงเย็นชา “ไม่ พวกเรามิเสแสร้งถึงขั้นนั้น ช่วงนี้ข้ากับชิวเสวี่ยความคิดขัดแย้งกันจริง”
เย่ว์อู๋จิวสีหน้าสงบลงมาก ก่อนจะเอ่ยว่า “เรื่องที่ขอความช่วยเหลือจากคนนอกนี่ เซวียซื่อคงทำเองโดยพลการ เหวินฮั่นมิได้เห็นด้วยสินะ”
เซวียฮูหยินมิกล่าวคำใด ทว่าใบหน้าฉายแววหม่นเศร้า เย่ว์เหวินฮั่นกลับเอ่ยว่า “ผู้ดูแลใหญ่ช่างรู้จักข้าดั่งฝ่ามือตนจริงๆ ไม่ผิด ชิวเสวี่ยปิดบังข้าเขียนจดหมายฉบับหนึ่งไปให้สามีเก่าของนาง เรื่องนี้ต่างหากเป็นสาเหตุที่ข้ามิอาจอภัยให้นางได้”
เย่ว์อู๋จิวหัวเราะรวดร้าวอย่างสุดกลั้น แล้วกล่าวว่า “ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ เซวียฮูหยินมิเสียทีเป็นศิษย์ของสำนักเฟิงอี้ ถึงขั้นคิดวิธีขอความช่วยเหลือตลบหลังเช่นนี้ออกมาได้ แม่ทัพเผยสามีเก่าของฮูหยินวันนี้เป็นแม่ทัพใหญ่คนสนิทของจักรพรรดิต้ายง ผู้บัญชาทัพแห่งเจียงเป่ย หอกวางข้างหมอนพร้อมรอคำสั่งทำให้หนานฉู่ทั้งบนล่างมิมีผู้ใดไม่กลัดกลุ้ม มิกล้าประมาทแม้สักน้อย
ข้าได้ยินมาว่าหลังจากเหตุการณ์สำนักเฟิงอี้ก่อกบฏครานั้น หากมิใช่เขาถวายหนังสือทั้งที่ยังบาดเจ็บเพื่อขอเมตตาแทนบิดาท่าน เกรงว่าบิดาท่านคงรักษาตำแหน่งไว้มิได้แล้ว น่าเสียดายข้าคิดเสมอว่าสตรีจิตใจคับแคบจึงคิดไม่ถึงว่าฮูหยินจะยอมขอความช่วยเหลือจากเขา หากเขาได้รับจดหมาย แล้วทราบว่าตระกูลเย่ว์จะลงมือกับตงไห่ ย่อมต้องเคลื่อนไหวแน่นอน แต่เหตุไฉนข้าดูแล้วฝั่งตงไห่เหมือนจะยังมิทราบเรื่องเล่า”
เวลานี้เซวียชิวเสวี่ยจึงได้แต่เผยยิ้มฝืดเฝื่อน นับตั้งแต่มาถึงตงไห่ นางก็ตั้งตารออยู่ทุกวันหวังว่าจะมีคนติดต่อตนเอง ทว่ากลับไม่มีเลยสักคน หากมิใช่วันนี้เห็นโหรวหลันกับเงามารหลี่ซุ่นองครักษ์คนสนิทของเจียงเจ๋อ น่ากลัวว่านางคงจิตใจพังทลายตั้งแต่ก่อนเข้าพิธีกราบไหว้ฟ้าดินแล้ว
ฉีอ๋องบ่นพึมพำ “สุยอวิ๋นใช้เล่ห์เพทุบายอีกแล้วใช่หรือไม่”
ตอนต่อไป