ตำนานสุยอวิ๋นยอดกุนซือ - ตอนที่ 44 ประกาศศักดาวางแผนการ (1)
ตอนที่ 44 ประกาศศักดาวางแผนการ (1)
ต้ายง รัชศกอู่เวยปีที่ยี่สิบเจ็ด เดือนสิบ วันที่สิบหก เจียงเจ๋อเข้าค่ายใหญ่เจ๋อโจวครั้งแรก ได้รับแต่งตั้งเป็นผู้ตรวจการกองทัพ สั่งโบยแม่ทัพประกาศศักดา ขุนศึกทั้งหลายยอมรับนับถือ หัวใจของเหล่าทหารกลับคืนเป็นน้ำหนึ่งใจเดียว
…พงศาวดารฉู่ราชวงศ์หนาน บันทึกธาราเคียงเมฆ
หลายวันหลังจากนั้น ในที่สุดก็เดินทางมาถึงค่ายใหญ่ที่เจ๋อโจว ข้ามองเห็นค่ายใหญ่ซึ่งมีธงทิวทอดเรียงราย ซุ่มซ่อนไอสังหารแต่ไกล ในใจมิรู้อย่างไรจึงเกิดความรู้สึกหยิ่งผยอง เบื้องบนมียงอ๋องเจ้าแผ่นดิงผู้ปรีชา ตรงกลางมีเหล่าแม่ทัพผู้เก่งกาจ เบื้องล่างมีทหารหาญนับพันหมื่น หากต้ายงมิอาจรวมใต้หล้าเป็นหนึ่ง ก็คงเพราะมิใช่เจตจำนงของฟ้าจริงๆ
ฉีอ๋องเดินมาถึงหน้ารถม้าแล้วยิ้มแย้มเอ่ยว่า “สุยอวิ๋น ครั้งนี้ท่านนั่งรถม้าไม่ได้แล้ว ข้าบัญชาให้คนเตรียมม้าศึกนิสัยเชื่องไว้ตัวหนึ่ง ท่านน่าจะไม่มีปัญหากระมัง”
ข้ายิ้มละไมตอบ “น่าจะไม่มีปัญหา”
กล่าวจบข้าก็ได้เสี่ยวซุ่นจื่อประคองลงจากรถม้าแล้วขึ้นอาชาศึกที่ฉีอ๋องกล่าวว่าเชื่องตัวนั้น แม้ไข้หวัดจะยังไม่หายสนิทดี แต่ก็ไม่เป็นปัญหาหนักหนาแล้ว อาภรณ์สีเขียวพลิ้วตามลมดูมีราศีไม่หยอก ในใจข้านึกยินดีที่สภาพอเนจอนาถยามเอาชีวิตรอดจากการตกน้ำวันนั้นไม่มีคนเห็นมากมายนัก ข้าบังคับอาชาติดตามอยู่ด้านหลังฉีอ๋องหนึ่งก้าว มุ่งหน้าไปยังค่ายใหญ่
ขณะที่อยู่ห่างค่ายใหญ่ราวสองสามลี้ ประตูค่ายก็เปิดออก ทหารม้าสวมชุดเกราะวาววับสองแถวเดินขบวนเรียงแถวออกมา แม่ทัพชั้นยอดนับร้อยตามมาด้านหลัง บังคับอาชาเข้ามาต้อนรับด้วยตนเอง เมื่อรวมกับทหารคนสนิทท่าทางดุร้ายแต่ละคนด้านหลังพวกเขา ในความเห็นข้าดูไม่เหมือนมาต้อนรับ แต่แลดูประหนึ่งมาท้ารบเสียมากกว่า
เมื่อแม่ทัพเหล่านั้นมาถึงตรงหน้าพวกเรา แต่ละคนก็สะบัดดาบคำนับ หลังจากนั้นเอ่ยเสียงดัง “ผู้น้อยน้อมต้อนรับแม่ทัพใหญ่กลับค่าย”
โชคยังดีที่ข้าเองก็เคยอยู่ในกองทัพมาก่อนจึงไม่ถูกเสียงตะโกนของพวกเขาข่ม ข้ากวาดสายตาไวๆ มองดูหน้าตาของแม่ทัพเหล่านี้ให้ชัด มีบางส่วนค่อนข้างคุ้นหน้าเพราะเคยเห็นหน้าในจวนยงอ๋องมาก่อน เพียงแต่ตอนอยู่จวนยงอ๋องข้าเก็บตัวมาก ปรากฏตัวน้อย จึงมิได้รู้จักเท่าใดนัก ถึงกระนั้นข้าก็จดจำคนผู้นั้นที่ยืนอยู่หัวแถวของเหล่าแม่ทัพได้ชัดเจน เขาก็คือจิงฉือ ลูกศิษย์ผู้ไม่ชอบอ่านหนังสือเป็นที่สุดคนนั้นของข้านั่นเอง ได้ยินว่าเขากลายมาเป็นผู้ช่วยของฉีอ๋องแล้ว ไม่พบหน้ากันสองปี ท่าทางเขาสุขุมขึ้นกว่าเดิม กลิ่นอายความมุทะลุน้อยลงอยู่บ้าง
แม่ทัพมากกว่าครึ่งเป็นคนแปลกหน้า สายตาที่พวกเขามองมายังฉีอ๋องเปี่ยมล้นด้วยความภักดี ข้าจำได้ว่าเคยเห็นคนสองคนในนั้นอยู่ข้างกายฉีอ๋อง พวกเขาคงเป็นแม่ทัพคนสนิทของฉีอ๋อง แม่ทัพเหล่านี้แบ่งออกเป็นสองฝ่ายอยู่เลาๆ ตรงกลางมีระยะห่างกั้นกลางอย่างเห็นได้ชัด ระหว่างกันแบ่งแยกชัดเจน ข้ายิ้มเจื่อน ไม่รู้ว่าฉีอ๋องจงใจไม่ผูกมิตรกับแม่ทัพที่โอนเอียงเข้าข้างยงอ๋องหรือไม่ หากเขายอมใส่ใจ อย่างน้อยแม่ทัพเหล่านี้ก็คงไม่แบ่งพรรคแบ่งพวกอย่างโจ่งแจ้ง
หลังจากฉีอ๋องคำนับตอบก็เอ่ยเสียงดัง “ผู้แทนพระองค์ของฝ่าบาทอยู่ที่ใด”
ข้าย่อมทราบว่าเหตุใดฉีอ๋องจึงร้อนใจอยากพบผู้แทนพระองค์ของฝ่าบาทเช่นนี้ กฎทหารของต้ายงตราไว้ ผู้ไม่มีตำแหน่งทางทหารมิอาจล่วงล้ำค่ายทหารตามใจ ยามนี้ข้าไม่มีตำแหน่งขุนนางทหาร ต่อให้เป็นฉีอ๋องก็ไม่สะดวกปล่อยให้ข้าเข้าไปในค่าย
หลังจากเสียงตะโกนดังของฉีอ๋อง ก็มีคนเอ่ยเสียงดังตอบ “ทูลเชิญพระบรมราชโองการ ฉีอ๋องหลี่เสี่ยน ฉู่เซียงโหวเจียงเจ๋อรับราชโองการ”
ข้าเงยหน้ามอง ขุนนางชุดสีแดงผู้ทูนราชโองการแพรต่วนสีเหลืองไว้เหนือหัวขี่อาชาออกมาจากประตูค่าย หลี่เสี่ยนกับข้ารีบลงจากหลังม้า โต๊ะบูชาจัดเตรียมไว้ก่อนเรียบร้อยแล้ว จิงฉือพาแม่ทัพทั้งหลายมารายล้อมรอบตัวหลี่เสี่ยนกับข้าแล้วคุกเข่าฟังราชโองการ
ขุนนางผู้นั้นอ่านราชโองการรอบหนึ่งด้วยเสียงดังกังวาน แม่ทัพทั้งหลายต่างฟังเข้าใจ การแต่งตั้งฉู่เซียงโหวเจียงเจ๋อเป็นผู้ตรวจการกองทัพก็เพื่อให้สะดวกกระทำการ ค่ายใหญ่เจ๋อโจวทั้งบนล่างล้วนต้องผ่านการตรวจสอบของเจียงเจ๋อ ความจริงแล้วหลายวันที่ผ่านมา ในใจแม่ทัพเหล่านี้ก็พอเดาเนื้อหาที่เขียนในราชโองการได้แล้ว แต่งตั้งเป็นผู้ตรวจการกองทัพก็ไม่ใช่เรื่องพิเศษอันใด เพียงแต่ว่าทุกคนล้วนทราบความสัมพันธ์ระหว่างฝ่าบาทกับฉีอ๋อง หากแต่งตั้งผู้อื่น แม่ทัพเหล่านี้คงอดสงสัยมิได้ว่าฝ่าบาทไม่วางใจฉีอ๋องและเตรียมจะลงมือกับฉีอ๋องแล้ว
ทว่าเมื่อแต่งตั้งเจียงเจ๋อเป็นผู้ตรวจการกองทัพย่อมไม่เหมือนกันแล้ว แม่ทัพผู้มีตำแหน่งสูงในกองทัพล้วนทราบว่าเจียงเจ๋อผู้นี้คือกุนซือคนสนิทของฝ่าบาท เรื่องราวของเจียงเจ๋อพวกเขาก็ทราบมาไม่น้อย แม่ทัพฝ่ายยงอ๋องย่อมทราบความร้ายกาจของเจียงเจ๋อ พวกเขาเชื่อว่าหากคนผู้นี้เป็นผู้ตรวจการกองทัพ ถ้าเช่นนั้นฉีอ๋องย่อมไม่มีหนทางให้คิดคดได้
ส่วนแม่ทัพฝั่งฉีอ๋องก็ทราบว่าการที่ฉีอ๋องได้มาพิทักษ์เจ๋อโจว ‘สร้างความชอบชดใช้ความผิด’ เป็นเพราะคนผู้นี้ทิ้งสารแนะนำฝ่าบาทเอาไว้ มิหนำซ้ำฉีอ๋องยังเป็นคนไปเชิญคนผู้นี้มาด้วยตนเอง ต่อให้เป็นคนโง่อีกเท่าใดก็ย่อมทราบความเคารพนับถือที่ฉีอ๋องมีต่อเขา ดังนั้นแม้แม่ทัพในกองทัพจะมีช่องว่างระหว่างกันอยู่ แต่ทุกคนกลับยอมรับตัวตนของผู้ตรวจการกองทัพผู้นี้
แต่ถึงแม้ชื่อเสียงของเจียงเจ๋อจะค่อนข้างโด่งดัง ทว่าเหล่าบัณฑิตอ่อนแอเป็นคนประเภทที่แม่ทัพทั้งหลายไม่อยากจะเข้าใกล้นัก ยิ่งพ่วงตำแหน่งผู้ตรวจการทัพมาด้วย แม่ทัพนายกองทั้งหลายยิ่งยากเลี่ยงไม่ให้เกิดความรู้สึกหวั่นเกรงและผลักไส ปฏิกิริยาเหล่านี้มิได้เกี่ยวข้องกับตัวตนของเจียงเจ๋อแต่อย่างใด
หลังประกาศราชโองการและกล่าวขอบคุณผู้แทนพระองค์แล้ว ฉีอ๋องก็ออกคำสั่งเรียกประชุม นี่เป็นเรื่องใหญ่ของกองทัพ หากออกคำสั่งเรียกประชุมแล้วมาไม่ทันเวลาจะต้องถูกตัดศีรษะ แต่การประชุมวันนี้กลับน่าหวาดหวั่นยิ่งกว่าก่อนหน้านี้ ภายในกระโจมหลังใหญ่ ราชองครักษ์หู่จีกับทหารคนสนิทของฉีอ๋องยืนอยู่สองฟากฝั่ง แม้วันก่อนจะร่วมแรงร่วมใจกันรบราฆ่าฟัน จนวันนี้ไม่ระแวงกันเหมือนยามแรกเริ่ม แต่กระนั้นก็ยังต้องการวัดฝีมือสูงต่ำกันอยู่ ทั้งสองฝ่ายจึงล้วนวางท่าดุดัน
แม่ทัพทั้งหลายที่ปลดอาวุธเดินเข้ามาในกระโจมต่างรู้สึกว่าแผ่นหลังเย็นวาบ สั่นสะท้านอยู่ในใจอย่างห้ามไม่ได้ ทว่าแม่ทัพเหล่านี้ล้วนเป็นแม่ทัพผู้ห้าวหาญที่เข่นฆ่าผ่านโลหิตและเปลวเพลิงมา หลังจากตกตะลึงยามแรก ย่อมมิอดทนต่อความหยิ่งผยองขององครักษ์คนสนิทเหล่านี้ พวกเขาต่างเผยไอสังหารออกมาด้วย ทำให้บรรยากาศด้านในกระโจมหลังใหญ่ตึงเครียดราวกับจะลุกไหม้ได้ในทันทีทันใด
ในใจหลี่เสี่ยนยิ้มเจื่อน เหลือบมองเจียงเจ๋อผู้นั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวแรกตรงฝั่งขวา ในใจคิดว่า หากข้าบังคับห้ามปราม น่ากลัวว่าจะยิ่งกระตุ้นความขัดแย้ง หน้าที่ของท่านคือแก้ไขความเป็นอริในหมู่ทหาร ไฉนจึงยังนิ่งเฉยอีกเล่า คิดพลางก็ส่งสายตาให้อีกหลายหน
ข้าย่อมเห็นสถานการณ์ ในใจคิดว่า หากพวกเขาตีกันขึ้นมา ไยมิใช่ข้าจะแลดูไร้ความสามารถ ข้าพินิจดูแม่ทัพทั้งหลายรอบหนึ่ง จากนั้นสายตาก็จับอยู่บนร่างของจิงฉือ ดูท่าเอาเขามาลงดาบน่าจะดี
ทำเช่นนี้ใช่ว่าจะอยุติธรรมกับเขา ค่ายใหญ่เจ๋อโจวแบ่งออกเป็นสองฝักสองฝ่าย ก็เพราะเขานี่แหละเป็นหัวหอกฝ่ายยงอ๋อง มิใช่ว่าเจ้าหมอนี่คิดจะแย่งชิงอำนาจหรืออะไรหรอก แต่บังเอิญเขาดันเป็นคนโผงผาง ยามปกติมักทำตัวหย่อนยานในเรื่องมารยาทอยู่แล้ว มิหนำซ้ำคนผู้นี้ยังเป็นคนตรงไปตรงมา กับฝ่าบาทเขามิกล้าบังอาจแม้แต่น้อย แต่กับฉีอ๋องผู้เป็นอริในวันวาน ช่วยไม่ได้ที่เขาจะเมินเฉยอยู่บ้าง
หากเป็นผู้อื่นก็แล้วไปเถิด แต่เขาดันเป็นแม่ทัพคนสนิทของฝ่าบาท ภายในค่ายใหญ่เจ๋อโจวกล่าวได้ว่าถัดจากฉีอ๋องก็คือเขา เขาทำงานอย่างไม่ตั้งใจเช่นนี้ ผู้อื่นจึงคิดว่าฝ่าบาทเจตนาให้เขาถ่วงแข้งถ่วงขาฉีอ๋อง ดังนั้นความเป็นปฏิปักษ์ระหว่างแม่ทัพฝ่ายยงอ๋องกับฉีอ๋องจึงปรากฏออกมา
ซ้ำร้ายจิงฉือผู้นี้ยังเป็นคนรักพวกพ้องอย่างยิ่งคนหนึ่ง คนจำพวกนี้ล้วนชอบเข้าข้างฝ่ายตัวเองอยู่เล็กน้อย หากแม่ทัพสองฝ่ายทะเลาะกัน จิงฉือคนนี้มักนำหน้าคนสนิทและสหายทหารเข้าตะลุมบอน ผลสุดท้ายจึงทำให้ฉีอ๋องจัดการยากขึ้น หากฉีอ๋องปล่อยไว้มิจัดการ ความสามัคคีในหมู่ทหารย่อมง่อนแง่นมิอาจเอาชนะศัตรูได้ แต่หากฉีอ๋องจะสังหารหนึ่งเพื่อเตือนร้อย จิงฉือผู้นี้ก็ดันเป็นทั้งแม่ทัพคนโปรดของฝ่าบาท ทั้งยังทำความผิดโดยไม่ตั้งใจ
วันนี้หากข้าไม่ลงโทษจิงฉือ ย่อมมิอาจปรามแม่ทัพฝ่ายยงอ๋องได้ นี่จึงเป็นเหตุผลที่ข้าจะเอาเขามาลงดาบเสีย
ตอนต่อไป