ตำนานสุยอวิ๋นยอดกุนซือ - ตอนที่ 47 ประกาศศักดาวางแผนการ (4)
ตอนที่ 47 ประกาศศักดาวางแผนการ (4)
หลี่เสี่ยนพยักหน้าเหมือนกำลังขบคิดบางอย่าง “ท่านพูดไม่ผิด ต่อให้หลงถิงเฟยมีสามเศียรหกกร หากไม่มีแม่ทัพผู้เก่งกาจคอยช่วยย่อมมิอาจรบชนะทุกศึก ข้าลืมเลือนจุดนี้ไปจริงๆ เพียงเพราะแม่ทัพต้ายงมากกว่าครึ่งเคยพ่ายแพ้ในมือหลงถิงเฟย ข้าจึงหวั่นเกรงเขาจนลืมความสำคัญของแม่ทัพคนสำคัญทั้งหลายข้างกายเขาไป”
ข้าเอ่ยอย่างเยือนเย็น “หากหลงถิงเฟยคือจิตวิญญาณแห่งกองทัพเป่ยฮั่น แม่ทัพใต้บัญชาของเขาก็คือปีกและมือเท้าของเขา ในเมื่อกำจัดหลงถิงเฟยไม่ง่าย ถ้าเช่นนั้นพวกเราก็ต้องตัดปีกของเขา ตัดมือเท้าของเขาก่อน
บั่นทอนความมุ่งมั่นของเขา ทำลายความมั่นใจของเขา จู่โจมต่อเนื่องเช่นนี้ ต่อให้หลงถิงเฟยเป็นพญาเหยี่ยวก็ต้องร่วงตกมาในตาข่าย ต่อให้เป็นพยัคฆ์ร้ายก็ต้องลงจากเขามาอยู่บนทุ่งราบ องค์ชายยังจะกลัวเขาหนีพ้นฝ่ามือของต้ายงอีกหรือ”
ฉีอ๋องฟังแล้วหัวใจพลันหนาวสะท้าน ผ่านไปเนิ่นนานจึงเอ่ยว่า “พวกเราสมควรลงมือเช่นไร”
ข้าไม่ตอบแต่ลุกขึ้นยืน ผ่านไปครู่หนึ่งจึงเอ่ยว่า “หากองค์ชายยอมทำตามแผนการของข้าและทุกสิ่งดำเนินไปตามแผน ข้ากล้ารับประกันว่าภายในหนึ่งปี หลงถิงเฟยต้องยอมจำนน เป่ยฮั่นจักยอมสวามิภักดิ์ ไม่รู้ว่าองค์ชายจะยอมทำตามหรือไม่”
ฉีอ๋องเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง “คำบัญชาของท่านเจียง หลี่เสี่ยนจักทำตามทุกประการ”
ข้าเอ่ยอีกว่า “เรื่องนี้จะรั่วไหลไปข้างนอกมิได้ มิเช่นนั้นหากหลงถิงเฟยเตรียมการป้องกันแผนการของพวกเราไว้ก่อน จะต้องเปลืองแรงเพิ่มอีก ดังนั้นนอกจากข้ากับองค์ชาย ผู้ใดก็จะทราบความจริงในเรื่องนี้มิได้”
ฉีอ๋องยิ้ม “นี่ย่อมแน่นอน เจ้าแผ่นดินมิระวังวาจาย่อมเสียขุนนาง ขุนนางมิระวังวาจาย่อมเสียศีรษะ ทำการใดมิระวังย่อมกลายเป็นเรื่องร้าย ข้าย่อมทราบความสำคัญของการเก็บรักษาความลับดี”
ข้าเอ่ยอย่างพึงพอใจ “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าก็จะลงมือก้าวแรก การประลองใหญ่สิบวันหลังจากนี้เป็นโอกาสเหมาะพอดี ข้าต้องการเลือกคนผู้หนึ่ง”
หลี่เสี่ยนดวงตาเป็นประกาย ไม่พูดคำใด
การประลองใหญ่สิบวันหลังจากนั้นคึกคักยิ่ง ครั้งนี้ฉีอ๋องออกคำสั่งให้ประลองการจัดกระบวนทัพออกศึก แต่ละกองทัพเลือกหนึ่งพันคนออกมาใช้อาวุธไม้สู้รบกัน ผลของการประลองใหญ่ครั้งนี้ทำให้ผู้คนตกตะลึงอย่างยิ่ง เนื่องจากจิงฉือเพิ่งเริ่มหายจากอาการบาดเจ็บที่ถูกโบย (ความจริงแล้วข้าห้ามไม่ให้เขาออกมาสู้ เพราะตัวเขาแท้จริงมีตำแหน่งเป็นถึงรองแม่ทัพใหญ่ จะมาขันแข่งกับทหารทั้งหลายได้เช่นไร) ดังนั้นกองทัพของเขาจึงมอบหมายให้หัวหน้ากองเซวียนซงนำทัพ แม้เซวียนซงแตกฉานแผนการรบ แต่วิชายุทธ์ไม่สูง น้อยครั้งนักจะได้นำทัพเข้าสู่สมรภูมิ ดังนั้นทุกคนจึงล้วนกล่าวว่าเขาต้องพ่ายแพ้เป็นแน่ ผู้ใดจะคาดคิดว่าเซวียนซงผู้นี้กลับบัญชาการได้อย่างยอดเยี่ยม สู้รบสิบกว่าหน ไม่พ่ายแม้แต่รอบเดียว ต่อให้เอาชนะมิได้ก็ยังเสมอ
เซวียนซงผู้นี้ ข้าเคยได้ยินนามของเขามาก่อน คนผู้นี้หลังจากเข้าฝ่ายยงอ๋องก็ถูกส่งมาเป็นหัวหน้ากองในกองทัพของจิงฉือ ต่อมาจิงฉืออยู่ที่ฉางอันหลายปี คนผู้นี้ก็เป็นผู้ดูแลกองทัพมาตลอด คิดไม่ถึงว่าจะมีฝีมือเช่นนี้ ข้าถอนหายใจอย่างชื่นชมพลางถามฉีอ๋องว่า “องค์ชาย ผู้มีความสามารถเช่นนี้สมควรให้เขาเป็นแม่ทัพจึงจะถูก เหตุไฉนจึงยังให้เขาเป็นหัวหน้ากองอยู่เล่า”
ฉีอ๋องตอบอย่างกระอักกระอ่วน “เป็นสหายร่วมรบในกองทัพมานานปี ผู้ใดมิรู้ว่าเซวียนซงนำกองทัพได้ แต่กฎของต้ายงระบุไว้ว่าผู้ที่มิอาจเข้าสมรภูมิสังหารศัตรูมิอาจเป็นแม่ทัพ แม้เซวียนซงเชี่ยวชาญการจัดการกองทัพ แต่เขาก็มาจากตำแหน่งฝั่งเสนาธิการ ทั้งยังเป็นบัณฑิต ดังนั้นจึงมิอาจให้เขานำทัพได้”
ข้าอดไม่อยู่ หัวเราะออกมา “ในอดีตตงจิ้นล่มสลายเพราะดูถูกขุนนางฝ่ายบู๊ ให้ขุนนางฝ่ายบุ๋นนำทัพจนด้านนอกมิอาจต่อกรคนเถื่อน ภายในมิอาจปราบกบฏ ต่อมาสถานการณ์โกลาหล แม่ทัพแต่ละทิศทยอยแยกดินแดนตั้งตัวเป็นอิสระ นี่ล้วนเป็นข้อเสียของการเน้นบุ๋นมองข้ามบู๊
ยามนี้ต้ายงกำหนดกฎห้ามขุนนางบุ๋นนำทัพก็คงเป็นเพราะเหตุนี้ แต่นี่ก็ออกจะเป็นการแก้ไขความผิดพลาดแบบสุดโต่งเกินไป คนมีความสามารถเช่นนี้มิให้เขาเป็นแม่ทัพ ช่างสิ้นเปลืองสิ่งที่ฟ้าประทานมาให้จริงๆ
มิน่าข้าอ่านบันทึกการทำศึกหลายปีนี้จึงเห็นว่ากองทัพของจิงฉือยามรุกดั่งเพลิงผลาญ ยามตั้งรับดั่งหินผา ข้ายังนึกแปลกใจ นิสัยอย่างจิงฉือ หากให้เขาบุก เขาย่อมเป็นแม่ทัพผู้ห้าวหาญบุกตะลุยไร้เทียมทาน แต่หากให้เขาป้องกัน เกรงว่าคงฝีมือไม่ถึงขั้น ที่แท้ก็มีตัวสำรองเช่นนี้อยู่คนหนึ่ง มีผลงานเช่นนี้กลับให้เขาก้มหัวอยู่ใต้ผู้อื่น จนวันนี้แม้แต่คุณสมบัติเข้ากระโจมประชุมก็ไม่มี ช่างน่าเสียดายจริงๆ”
ฉีอ๋องฟังแล้วหน้าแดงหูแดงอย่างไม่รู้ตัว ความจริงหากหลี่จื้อยังนำทัพอยู่ เกรงว่าคงละเว้นกฎเลื่อนขั้นให้เซวียนซงเป็นแม่ทัพนานแล้ว แต่หลี่เสี่ยนแม้ไม่ได้จงใจสร้างความลำบากให้พรรคพวกในอดีตของหลี่จื้อ แต่ก็คร้านจะเปลี่ยนแปลงกฎที่มีมาแต่เดิมเพื่อเลื่อนขั้นให้แม่ทัพที่เอนเอียงเข้าข้างหลี่จื้อ
ข้าแสร้งทำเป็นมองไม่เห็นแล้วเอ่ยว่า “แต่เป็นเช่นนี้ก็ดี ครั้งนี้เซวียนซงใช้การได้พอดี หากสร้างความชอบใหญ่หลวงเช่นนี้ องค์ชายก็น่าจะเสนอให้เลื่อนขั้นเขาเป็นแม่ทัพได้อย่างถูกต้องชอบธรรม ให้เขานำกองทัพของตนเองได้แล้ว”
หลี่จื้อรีบเอ่ยว่า “ตามท่านว่า ตามท่านว่า”
ข้าหัวเราะเบาๆ สายตาทอดมองออกไปไกล ตรงนั้นจิงฉือกำลังลากเซวียนซงไปคุยอะไรกันอยู่ เพราะอยู่ห่างเกินไปจึงได้ยินไม่ชัดนัก แต่ท่าทางตบหน้าอกอย่างภาคภูมิใจของเขาช่างแลดูน่าขันจริงๆ
เสี่ยวซุ่นจื่อผู้กลับมาอยู่ด้านหลังข้าตั้งแต่เมื่อใดมิทราบ ส่งเสียงบอกว่า “แม่ทัพจิงบอกกับหัวหน้ากองเซวียนว่าเขากับท่านสนิทสนมกันยิ่งนัก จะต้องมีวิธีให้หัวหน้ากองเซวียนได้เป็นแม่ทัพนำกองทัพของตนเองได้แน่นอน”
ข้าเปลี่ยนสีหน้าด้วยความประหลาดใจ คิดไม่ถึงว่าจิงฉือจะใจกว้างและสายตาดีเช่นนี้ ข้าต้องมองเขาใหม่เสียแล้วสิ
ผนวกท้าย กฎกองทัพสิบเจ็ดข้อห้าม ห้าสิบสี่โทษประหาร
ข้อห้ามที่หนึ่ง ยินกลองมิบุก ยินฆ้องมิหยุด ธงชูมิลุก ธงลงมิซ่อน เหล่านี้คือความผิดฐานขัดคำสั่ง ผู้กระทำผิดต้องประหาร
ข้อห้ามที่สอง ขานนามมิตอบ ตรวจแถวมิมา ยามนัดมิปรากฏ ไม่รักษาวินัย เหล่านี้คือความผิดฐานถ่วงรั้งกองทัพ ผู้กระทำผิดต้องประหาร
ข้อห้ามที่สาม ผลักหน้าที่ลาดตระเวน สะเพร่ามิรายงาน ตรวจเวรยามหย่อนหยาน ส่งสัญญาณไม่ชัดเจน เหล่านี้คือความผิดฐานเกียจคร้านในหน้าที่ ผู้กระทำผิดต้องประหาร
ข้อห้ามที่สี่ รำพันโอดครวญ โกรธเคืองแม่ทัพ มิเชื่อฟังข้อบังคับ ขัดขืนคำสั่ง เหล่านี้คือความผิดฐานทำให้แตกสามัคคี ผู้กระทำผิดต้องประหาร
ข้อห้ามที่ห้า สรวลเสเฮฮา เมินเฉยกฎข้อห้าม ออกจากค่ายโดยพลการ เหล่านี้คือความผิดฐานดูแคลนหน้าที่ ผู้กระทำผิดต้องประหาร
ข้อห้ามที่หก อาวุธในความรับผิดชอบ เกาทัณฑ์สายขาด ลูกธนูไม่มีหัว หอกดาบไม่คม ธงขาดแหว่งวิ่น เหล่านี้คือความผิดฐานหลอกกองทัพ ผู้กระทำผิดต้องประหาร
ข้อห้ามที่เจ็ด เล่าลือความเท็จ สร้างเรื่องงมงาย แอบอ้างความฝัน บังอาจกล่าวเหลวไหล ทำให้เหล่าทหารหลงเชื่อ เหล่านี้คือความผิดฐานมอมเมากองทัพ ผู้กระทำผิดต้องประหาร
ข้อห้ามที่แปด ปากคอเราะราย บุ่มบ่ามตัดสินผิดถูก ปลุกปั่นทหาร เสี้ยมให้แตกคอ เหล่านี้คือความผิดฐานใส่ร้ายป้ายสี ผู้กระทำผิดต้องประหาร
ข้อห้ามที่เก้า เดินทัพถึงที่ใด รังแกชาวบ้าน ข่มเหงสตรี เหล่านี้คือความผิดฐานประพฤติชั่ว ผู้กระทำผิดต้องประหาร
ข้อห้ามที่สิบ ปล้นชิงลักขโมยมาเป็นประโยชน์แก่ตน แย่งชิงศีรษะศัตรู เอาเป็นความชอบของตน เหล่านี้คือความผิดฐานลักขโมย ผู้กระทำผิดต้องประหาร
ข้อห้ามที่สิบเอ็ด เหล่าทหารรวมตัวหารือการศึก ลอบเข้ากระโจม สอดแนมฟังแผนการรบ เหล่านี้คือความผิดฐานสอดแนม ผู้กระทำผิดต้องประหาร
ข้อห้ามที่สิบสอง ฟังแผนการ ฟังคำสั่ง แพร่งพรายแก่คนนอก ให้ศัตรูล่วงรู้ เหล่านี้คือความผิดฐานทรยศ ผู้กระทำผิดต้องประหาร
ข้อห้ามที่สิบสาม ยามระดมพลมอบภารกิจ เงียบไม่ตอบรับ ก้มหน้าก้มตา ทำหน้าลำบากใจ เหล่านี้คือความผิดฐานคิดร้ายต่อกองทัพ ผู้กระทำผิดต้องประหาร
ข้อห้ามที่สิบสี่ ยามเดินทัพ แซงหน้าล้าหลัง เอะอะมะเทิ่ง ไม่ทำตามระเบียบที่ฝึกฝน เหล่านี้เรียกความผิดฐานป่วนกองทัพ ผู้กระทำผิดต้องประหาร
ข้อห้ามที่สิบห้า อ้างเจ็บป่วย หลบเลี่ยงการรบ แสร้งเจ็บแสร้งตาย หวังหลบหนี เหล่านี้คือความผิดฐานโป้ปด ผู้กระทำผิดต้องประหาร
ข้อห้ามที่สิบหก ยามดูแลเสบียง ยามแจกจ่ายรางวัล ยักยอกเป็นของตนกับคนใกล้ชิด ทำให้เหล่าทหารเคืองแค้น เหล่านี้คือความผิดฐานยักยอก ผู้กระทำผิดต้องประหาร
ข้อห้ามที่สิบเจ็ด เลินเล่อไม่เห็นศัตรูบุก สอดแนมศัตรูไม่ละเอียด มาถึงบอกไม่ถึง มีมากบอกมีน้อย มีน้อยกลับบอกมีมาก เหล่านี้คือความผิดฐานลวงกองทัพ ผู้กระทำผิดต้องประหาร
ตอนต่อไป