ตำนานสุยอวิ๋นยอดกุนซือ - ตอนที่ 25 ศึกนองเลือดล้างบาง (1)
ปีอู้อิ๋น รัชศกหลงเซิ่งปีที่หนึ่ง เดือนสาม วันที่เก้า กองเรือเจ๋อโจวของต้ายงประจัญบานกับกองเรือชิ่นโจวของเป่ยฮั่นบนลำน้ำชิ่นสุ่ย กองทัพต้ายงสูญเสียเสบียงและอาวุธเกือบครึ่ง หลิวไต้รองแม่ทัพของกองรือเป่ยฮั่น บุตรคนที่สี่ของจิ่นจวิ้นอ๋องถูกจับเป็นเชลย
…ประชุมพงศาวดาร บันทึกต้ายงเล่มที่สาม
ข้ายืนอยู่บนเรือโหลวฉวนอย่างสบายอุรา พลางเงยหน้ามองลูกศรเต็มท้องฟ้าอย่างเบื่อหน่าย ความจริงเพราะว่าแม่น้ำแถบนี้มิได้กว้างมากเป็นพิเศษ เสี่ยวซุ่นจื่อพาข้าหนีขึ้นฝั่งได้หากเกิดอันตราย ดังนั้นข้าจึงวางท่าเยือกเย็นไร้ความหวั่นกลัวได้ หากมีอันตรายจริงๆ น่ากลัวว่าข้าคงให้เสี่ยวซุ่นจื่อพาข้าหนีไปนานแล้ว
ข้ายืนดูความโกลาหลเหนือผืนน้ำเบื้องหน้าจนรู้สึกเหน็ดเหนื่อยเล็กน้อย อยากหาเก้าอี้สักตัวมานั่งยิ่งนัก แต่เมื่อคำนึงถึงการปลุกขวัญกำลังใจทหาร ยืนตัวตรงแน่วอยู่ตรงนี้น่าจะดีกว่า สู้กันมาเกือบหนึ่งชั่วยาม น่าจะมีกองหนุนของต้ายงจากบริเวณใกล้ๆ มาแล้ว แต่ข้าเงยหน้าชะเง้อมองกลับไม่มีเงาของผู้ใด ในใจรู้สึกไม่สบายใจอย่างห้ามมิได้ หรือกองทัพเป่ยฮั่นจะออกมาท้าสู้ แต่ยามนี้เมืองจี้ซื่อมิมั่นคง พวกเขาจะออกมารบในเพลานี้ได้เช่นไร
ขณะที่ในใจข้าขบคิดไม่หยุด ซูชิงที่อยู่ด้านหลังข้าก็เอ่ยเสียงเย็นชา “ใต้เท้า ผู้น้อยลองตรองอย่างถี่ถ้วนแล้ว กองเรือกองนี้น่าจะก่อตั้งขึ้นใหม่เมื่อต้นปีกลาย แม่ทัพผู้บัญชาการเหล่าทหารเรือผู้นั้นคือจี๋เซิ่ง แม่ทัพคนสนิทของเจ้าแคว้นเป่ยฮั่น ผู้น้อยได้รับข่าวสารแจ้งว่าเขาก่อตั้งกองทหารกองใหม่อยู่ตอนบนของแม่น้ำชิ่นสุ่ย แต่จี๋เซิ่งมิลงรอยกับหลงถิงฟยมาตลอด
ข่าวที่ผู้น้อยได้รับมารายงานว่าเขาขอราชโองการฝึกปรือทหารกองใหม่เพื่อต่อกรกับหลงถิงเฟย ด้วยเหตุนี้ผู้น้อยจึงมิได้สนใจเป็นพิเศษ ยามนี้เมื่อคิดดูแล้ว พวกเขาน่าจะใช้ทะเลาสาบต้นน้ำชิ่นสุ่ยเป็นที่ฝึกปรือกองเรือ เพราะว่ามียอดฝีมือพรรคมารปกป้องอยู่ ทหารสอดแนมที่พวกเราส่งไปจึงมิอาจแทรกซึมผ่านแนวป้องกันของที่แห่งนั้นได้ ยิ่งไปกว่านั้น ยามนั้นผู้น้อยได้รับคำสั่งให้ดำเนินแผนการใหญ่ในแถบชิ่นโจว จึงเป็นเหตุให้เลินเล่อเช่นนี้ ขอใต้เท้าโปรดอภัย”
ข้าโบกมือ กล่าวว่า “เรื่องมาจนถึงยามนี้ พูดมากไปก็หามีประโยชน์ไม่ แต่จี๋เซิ่งผู้นั้นเดิมทีน่าจะมิใช่ผู้ที่ชำนาญด้านกองเรือกระมัง เหตุไฉนจึงกลายเป็นผู้บัญชาการกองเรือได้”
ซูชิงขบคิดอยู่ครู่หนึ่งก็เอ่ยว่า “ผู้น้อยคิดว่าเรือรบของกองเรือเป่ยฮั่นน่าจะเป็นเรือเหมิงชงแบบของหนานฉู่ คิดว่าคงมีแม่ทัพกองเรือของหนานฉู่มาช่วยฝึกฝนให้ แม้จี๋เซิ่งจะเป็นแม่ทัพทหารม้า แต่เขาเกิดในครอบครัวคนหาปลาของลำน้ำชิ่นสุ่ย อย่างน้อยก็เหมาะสมกว่าแม่ทัพคนอื่นกระมัง”
ข้าชี้แม่ทัพหนุ่มที่เมื่อครู่ยิงลูกศรสามดอกใส่ข้าผู้นั้น เวลานี้เขานำเรือหลายลำหมายฝ่าการขัดขวางเข้าไปจัดการกับเรือขนเสบียง เขาแกล้วกล้าชำนาญศึก ข้าค่อนข้างสนใจอย่างห้ามมิได้
ซูชิงมองเขาพริบตาหนึ่ง ทันใดนั้นดวงตาก็ทอประกายเย็นเยียบ กล่าวว่า “คนผู้นี้เป็นเชื้อพระวงศ์แห่งราชวงศ์เป่ยฮั่น บุตรคนที่สี่ของจิ่นจวิ้นอ๋องนามว่าหลิวไต้ บุตรทั้งหลายของจิ่นจวิ้นอ๋องส่วนใหญ่ล้วนมิเอาถ่าน มีเพียงบุตรอนุภรรยาผู้นี้เก่งกาจทั้งบุ๋นบู๊ เดิมทีจวิ้นอ๋องตั้งใจจะแต่งตั้งเป็นซื่อจื่อ แต่พระชายาจวิ้นอ๋องมีชาติกำเนิดมาจากตระกูลใหญ่ในเป่ยฮั่นย่อมมิยินยอมให้ตำแหน่งซื่อจื่อหลุดมือ นางสร้างความลำบากให้หลิวไต้หลายครั้งหลายหน ด้วยเหตุนี้จิ่นจวิ้นอ๋องจึงถูกบีบให้ส่งหลิวไต้มาเป็นแม่ทัพในกองทัพ คิดมิถึงว่าคนผู้นี้จะกลับกลายเป็นแม่ทัพกองเรือ”
ข้าถอนหายใจ “เชื้อพระวงศ์เป่ยฮั่นช่างมีคนเก่งมากมายจริง หลิวไต้ผู้นี้แต่เดิมก็คงเป็นแม่ทัพทหารม้า เพิ่งศึกษาการรบทางน้ำมามินานนัก แม้ยามนี้มีข้อบกพร่องอยู่เล็กน้อยแต่ก็นับว่าเก่งกาจหายากยิ่ง หากจับเป็นคนผู้นี้ได้ ศึกนี้ถึงพวกเราจะเสียหายสักเล็กน้อยก็คุ้มค่า”
ข้าเห็นเขารุกเข้าจู่โจมอยู่หลายหนแต่มิอาจฝ่าการขัดขวางของกองเรือฝั่งเราไปโจมตีเรือเสบียงด้านหลังได้ ในใจก็เกิดความคิดบางประการ เมื่อลองขบคิดเพิ่มอีกสักหน่อยก็กระซิบบอกจวงหรู่ “ปล่อยเขาเข้าไป หลังจากนั้นยอมเสียเสบียงส่วนน้อย จับตัวเขามาสังหารได้หรือไม่ คนผู้นี้เป็นถึงเชื้อพระวงศ์เป่ยฮั่น แล้วยังเป็นทหารเรือผู้มีพรสวรรค์ หากจับคนผู้นี้มาสังหารได้ กองเรือเป่ยฮั่นต้องเสียขวัญกำลังใจเป็นแน่ ถึงเวลาเหนือลำน้ำชิ่นสุ่ยย่อมเป็นใต้หล้าของกองทัพเราแล้ว”
จวงหรู่ตอบอย่างลำบากใจ “หากเสบียงเสียหาย เกรงว่าฉีอ๋องจะลงโทษได้”
ข้าคลี่ยิ้ม “ขอเพียงจับตัวคนผู้นี้มาสังหารได้ ข้าจะรับไว้แต่เพียงผู้เดียว”
บนหน้าของจวงหรู่เผยสีหน้าโล่งใจ แล้วเหวี่ยงแขนโบกธงในมือ ไม่นานหลิวไต้ผู้นั้นก็ทะลวงฝ่าแนวป้องกันของกองเรือต้ายงมาได้อย่างราบรื่น เขานำทหารพุ่งเข้าไปอย่างยินดีระคนประหลาดใจ ทหารเรือบนเรือลำนั้นต่างใช้ธนูไฟ พริบตาเดียวเปลวเพลิงและควันไฟก็ลามเลียเหนือผืนน้ำ เรือเสบียงหลายลำลุกติดไฟ
ข้าทราบจุดประสงค์ของเขา เขาต้องการเผาเสบียงเหล่านั้นให้สิ้นเพื่อทำลายขวัญกำลังใจของกองทัพเรา ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อเขาเผาเรือเสบียงแล้วก็ยังกระหนาบโจมตีหน้าหลัง โจมตีขบวนเรือของกองเรือต้ายงได้อีก เขาพาเรือรบของกองทัพเป่ยฮั่นมากมายแล่นผ่านช่องว่างทะลวงผ่านไปได้อย่างราบรื่น เรือรบเหล่านั้นแต่เดิมก็ค่อยๆ หลงเข้ามาในกระบวนทัพเรือของต้ายงอยู่แล้ว ยามนี้เมื่อเห็นโอกาสจึงบุกฝ่าไปด้านหลัง
กองเรือเป่ยฮั่นบุกโจมตีได้อย่างราบรื่นจนมิทันสังเกตว่า นอกจากเรือเสบียงมากกว่าครึ่งที่รู้เท่าทันสถานการณ์ถอยหลังหลบไป ยังมีเรือเสบียงอีกสิบกว่าลำหลีกออกไปสองฟากฝั่งตั้งแต่ตอนที่จวงหรู่ออกคำสั่งให้เปิดแนวป้องกันในตอนแรก เรือเหล่านั้นค่อยๆ ตีวงล้อมเรือรบที่หลิวไต้นำอยู่ ใบหน้าของจวงหรู่ฉายแววอำมหิต เขาออกคำสั่งคำหนึ่ง เรือเสบียงเหล่านี้พลันแล่นเข้ามาตรงกลางประหนึ่งสูญเสียการควบคุม ทหารบนเรือจุดไฟบนเสบียงเสร็จก็ทยอยกระโดดลงน้ำเอาชีวิตรอด เรือติดไฟสิบกว่าลำล้อมพวกหลิวไต้เอาไว้
แม่ทัพหนุ่มผู้นั้นเห็นเช่นนี้ สีหน้าพลันซีดเผือด เขาล่องมาตามกระแสน้ำ ทราบว่ามิอาจหันหัวเรือกลับได้ทันท่วงที จึงได้แต่ออกคำสั่งให้บุกไปข้างหน้าต่อ เวลานี้เอง เรือเสบียงหลายลำที่ถอยหลังหลบไปก่อนหน้านี้ก็ทอดสมอหยุดเรือกลางแม่น้ำ ขวางลำอยู่บนผิวน้ำ เรือรบของหลิวไต้ฝ่าทะลุกองเพลิงมาได้ก็พุ่งเข้าชนมันพอดี ทหารของกองทัพต้ายงบนเรือเสบียงเหล่านั้นยิงธนูไฟออกมาอย่างพร้อมเพรียง เรือเสบียงเหล่านั้นเพลิงลุกโหมท่วมฟ้า ขังเรือรบสิบกว่าลำนั่นของหลิวไต้ไว้กลางทะเลเพลิง
เวลานี้ จี๋เซิ่ง แม่ทัพกองเรือเป่ยฮั่นผู้นั้นเห็นท้ายกองทัพต้ายงเพลิงลุกโหมกระหน่ำ สายตาถูกควันไฟบดบัง ยามแรกยังดีใจว่าหลิวไต้เผาเสบียงของกองทัพศัตรูได้แล้ว ผู้ใดจะรู้ว่าไม่นานเสียงแตรสัญญาณเศร้าสลดก็ดังมาจากด้านหลัง จี๋เซิ่งได้ยินเข้า ก้นบึ้งหัวใจพลันเย็นเฉียบ เห็นชัดว่าหลิวไต้จนตรอกแล้ว แม้ใจอยากช่วยเหลือ ทว่าเมื่อเห็นเรือรบต้ายงแห่แหนเข้ามารอบทิศ เขาก็รู้ว่าหากสู้ต่อต้องไม่รอดเป็นแน่ จึงได้แต่ออกคำสั่งถอยทัพ เรือรบของเป่ยฮั่นเร็วกว่าของต้ายง ใช้เวลาไม่นานก็หายไปจากสายตาของกองทัพต้ายง
จวงหรู่เห็นกองทัพศัตรูถอยหนีไปแล้วจึงรีบออกคำสั่งให้เก็บกวาดสนามรบ ค้นหาจับตัวเชลย ทหารเป่ยฮั่นที่ยังเหลืออยู่เกือบทั้งหมดล้วนสู้จนตัวตาย ความกล้าหาญของพวกเขาทำให้เหล่าทหารต้ายงนับถืออยู่ในใจ มีเพียงหลิวไต้ผู้ตั้งใจจะสู้ตายแต่สุดท้ายถูกทหารต้ายงผู้เก่งกาจในทางน้ำหลายนายพลิกเรือคว่ำจนตกลงมาในแม่น้ำเท่านั้นที่ถูกจับเป็น
ศึกนี้กองทัพต้ายงสูญเสียเรือเสบียงไปทั้งสิ้นสิบแปดลำ เรือรบสิบเก้าลำ ส่วนกองทัพเป่ยฮั่นสูญเสียเรือเหมิงชงไปเจ็ดลำ เรือโต้วเจี้ยนสิบสองลำ แม้เทียบกันแล้วกองทัพต้ายงยังถือว่าพ่ายแพ้ แต่นายทหารบนเรือต่างหัวเราะอย่างเบิกบาน ครั้งนี้กองเรือเป่ยฮั่นลอบจู่โจมอย่างมิมีเค้าลางแม้แต่น้อยยังถูกตีจนถอยร่นกลับไป กองทัพต้ายงที่เตรียมพร้อมแล้วย่อมมีความสามารถพอต่อสู้ชิงชัยบนแม่น้ำชิ่นสุ่ย มีกำลังมากพอทำให้กองเรือเป่ยฮั่นมิอาจล่องลงใต้
ส่วนความจริงที่ว่าพวกเขาเองก็ไม่มีกำลังพอกำชัยชนะกลับมิทำให้พวกเขากังวล ถึงอย่างไรเป้าหมายสำคัญของกองเรือเจ๋อโจวก็คือการขนส่งเสบียง มิใช่การทำศึกกับกองเรือเป่ยฮั่น อีกทั้งพวกจวงหรู่ก็ทราบว่าการจับตัวหลิวไต้มาได้ เพียงพอทำให้ทหารในกองเรือเป่ยฮั่นที่เพิ่งก่อตั้งเสียความมั่นใจแล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงเบิกบานลิงโลด ส่วนเสบียงที่เสียหายไปน่ะหรือ พวกเขาย่อมมิเก็บมาใส่ใจแล้ว ผู้ใดให้ข้าบอกจะรับไว้แต่เพียงผู้เดียวเล่า
ข้าจ่ายทองหนึ่งร้อยตำลึงอย่างยินดี แล้วให้ทหารที่จับเป็นตัวหลิวไต้มากลุ่มนั้นไปแบ่งกันเอาเอง สั่งให้คนพาหลิวไต้ที่สำลักน้ำในแม่น้ำจนหมดสติไปขังไว้ใต้ท้องเรือเสร็จ ข้าจึงกลับไปยังห้องพัก หน้าบูดบึ้งเขียนจดหมายฉบับหนึ่งส่งให้ฉีอ๋อง บอกกล่าวเรื่องที่สูญเสียเสบียงแก่เขา แม้ข้าจะอนุญาตให้จวงหรู่สละเสบียงจำนวนหนึ่ง แต่เรือสิบแปดลำก็ออกจะมากเกินไปเล็กน้อย ทว่าเมื่อคิดถึงสินค้าล้ำค่าที่ตกอยู่ในกำมืออย่างหลิวไต้ ข้าก็ยังคงยิ้มอย่างกระหยิ่มยิ้มย่อง