ตำนานสุยอวิ๋นยอดกุนซือ - ตอนที่ 77 ขุนเขาธาราสามพันลี้ (2)
หรงเยวียนส่งสายลับทั้งหมดในมือออกไป มินานก็ทราบสถานการณ์ของฝั่งเจียงไหว สงครามหนนี้กระทบถึงสองฝั่งแม่น้ำไหวสุ่ย สงครามดุเดือดยิ่งนัก
เดือนสอง วันที่ยี่สิบหก ชุยเจวี๋ยถูกลอบสังหาร ซู่โจวเสียเมือง ชุยเจวี๋ยถอยไปรักษาเซียวเซี่ยน
เดือนสอง วันที่ยี่สิบเจ็ด หยางซิ่ววางแผนบุกซื่อโจวมิสัมฤทธิ์ผลจึงข้ามแม่น้ำบุกสวีเฉิง สองกองทัพปะทะกันที่ซื่อโจวกับสวีเฉิงหลายหน ผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะ
เดือนสอง วันที่ยี่สิบแปด หยางซิ่วทิ้งแม่ทัพส่วนหนึ่งบุกโจมตีซื่อโจว ตนเองนำกองเรือล่องคลองส่งน้ำจู่โจมฉู่โจว
เดือนสอง วันที่ยี่สิบเก้า กองทัพหนานฉู่ตีสวีเฉิงแตกก่อนจะทลายเขื่อนปล่อยน้ำท่วมซื่อโจว จางเหวินซิ่วถูกบีบให้ถอยไปทางฉู่โจว แต่ถูกหยางซิ่วดักขวางทาง
เดือนสาม วันที่หนึ่ง หลังจากจางเหวินซิ่วสู้รบตลอดหนึ่งวันหนึ่งคืน เผยอวิ๋นก็ออกจากฉู่โจวไปรับกองทัพซื่อโจว สองกองทัพถอยกลับมายังฉู่โจว หยางซิ่วล้อมเมืองไว้
เดือนสาม วันที่สอง หลังจากโหมบุกห้าวัน เซียวเซี่ยนก็แตก กองทัพไหวซีร่วมกับค่ายเฟยฉีไล่ตีกองทัพต้ายงจนถูกดักซุ่มกลางเขาจิ่วหลี่ ลู่อวิ๋นกับสืออวี้จิ่นนำกองทัพทะลวงฝ่าวงล้อม ถอยกลับมารักษาเซียวเซี่ยน
ทว่าศึกใหญ่หนนี้กลับมิเกี่ยวข้องกับกองทัพเซียงหยางแม้แต่นิดเดียว ทุกครั้งที่หรงเยวียนคิดถึงจุดนี้ เขารู้สึกราวกับหัวใจถูกมีดกรีดเฉือน เพลิงริษยาสุมสรวง แต่เดิมเขาก็เป็นคนใจแคบ หนก่อนลู่ช่านได้ชัยชนะครั้งใหญ่ แต่ตัวเขามิได้รับแม้แต่ค่าความเหนื่อยยาก
เรื่องนี้พอตกอยู่ใต้ขี้ปากของคนที่มีเจตนาแอบแฝงก็กลายเป็นหลักฐานแน่นหนาว่าลู่ช่านอิจฉาริษยาลูกน้องที่เก่งกาจกว่าตน
ยามนี้ลู่ช่านเปิดศึกฝั่งเจียงไหวเองโดยไม่นึกถึงกองทัพเซียงหยางแม้แต่น้อย แล้วยังทำในขณะที่ตัวเขาเองยังยุ่งอยู่กับศึกทางทะเลฝั่งอู๋เย่ว์ มอบหมายการทำศึกให้กับหยางซิ่ว สือกวนกับเด็กปากยังมิสิ้นกลิ่นน้ำนมอย่างลู่อวิ๋นกับสืออวี้จิ่น มองไม่เห็นกำลังรบของกองทัพเซียงหยางอย่างสิ้นเชิง การดูหมิ่นเช่นนี้ทำให้หรงเยวียนเกิดความคิดอยากจะชิงความดีความชอบขึ้นมา
เดือนสาม วันที่หก บนยอดเขาเซี่ยนซาน ข้าชื่นชมหน้าผาหินแกะสลักอักษรที่เก่าแก่ยิ่งกว่าราชวงศ์ก่อน ในใจสงบดั่งผืนน้ำ ขณะที่กำลังพินิจพิเคราะห์ตัวอักษรเลือนรางเหล่านั้น ฮูเหยียนโซ่วก็ผลุนผลันเดินเข้ามารายงานว่า “ท่านโหว หรงเยวียนมุ่งไปทางหนานหยางแล้วจริงๆ”
ข้าได้ยินก็ถอนหายใจแผ่วเบา “หรงเยวียนผู้นี้เป็นคนรู้จักแต่เก่าก่อนของข้า คนผู้นี้มีความรู้ความสามารถเหนือผู้อื่น แต่จิตใจคับแคบเกินไป หนก่อนเขามิได้รับปูนบำเหน็จจากเจี้ยนเย่ ในใจริษยาเคียดแค้นอยู่แล้ว หนนี้ลู่ช่านยกทัพออกรบแต่มิให้เขายุ่งเกี่ยว จะมิให้เขาโมโหชิงชังได้เช่นไร คำกล่าวที่ว่าผลประโยชน์ทำให้สติปัญญาทึ่มทื่อ เพียงวางอุบายให้เขาคิดว่าแม่ทัพจ่างซุนเดินทางไปช่วยฝั่งไหวตงจริงๆ เขาย่อมต้องหาโอกาสออกรบสร้างความดีความชอบหนใหญ่เป็นแน่ เทียบกับความดีความชอบครั้งใหญ่ในการตีไหวเป่ยกลับคืนมาแล้ว หากเขายึดหนานหยางมาได้ หนานฉู่ย่อมมีโอกาสบุกโจมตีอู่กวน รุกคืบไปทางกวนจง ความดีความชอบใหญ่หลวงเช่นนี้หากเขามิหวั่นไหวก็คงมิใช่หรงเยวียนแล้ว”
ฮูเหยียนโซ่วหัวเราะ “แผนการของท่านโหวร้ายกาจก็ตรงที่ข่าวสารทั้งหมดล้วนเป็นความจริง เพียงแต่หาวิธีให้หรงเยวียนรู้ข่าวมากขึ้นสักหน่อย แล้วให้แม่ทัพจ่างซุนใช้กลยุทธ์ลดทหารเพิ่มเตาไฟทำให้หรงเยวียนผู้นั้นไม่สงสัยเรื่องที่กองทัพหนานหยางยกทัพไปตะวันออกแม้แต่น้อย เขาจึงเกิดละโมบความดีความชอบขึ้นมา น่าเสียดายแม่ทัพจ่างซุนวางกำลังทหารมากมายไว้ที่หนานหยางแล้ว น่ากลัวว่าหรงเยวียนหนนี้คงไปมิได้กลับ”
ข้ายิ้มละไม ตอบว่า “หรงเยวียนไปตีหนานหยางก็เพราะอยากจะได้คุณงามความชอบสักหน่อยเท่านั้น ระหว่างทางเขาต้องลังเลอยู่แน่ว่าจะรุกหรือจะถอย หากมีลมพัดหญ้าไหวเพียงเล็กน้อย มิแน่เขาอาจจะวิ่งกลับมาเซียงหยางทันทีก็เป็นได้ ดังนั้นต้องล่อเขาไปให้ถึงหนานหยางจึงจะสำเร็จ มีเพียงพ่ายแพ้ที่หนานหยางเท่านั้น เขาจึงจะรีบร้อนหวนกลับเซียงหยาง ถึงยามนั้นกองทัพเราจะดักซุ่มระหว่างทางขวางทางถอยของเขาเอาไว้
หรงเยวียนคิดจะลอบตีหนานหยางย่อมพาทหารม้าเกราะเบาขึ้นเหนือแล้วเหลือกองทัพทหารรักษาเมืองไว้เฝ้าเมืองเซียงหยาง ดังนั้นกองทัพใหญ่ของพวกเราจะล้อมเซียงหยาง หากทำลายกำลังหลักที่หรงเยวียนพาออกไปได้ นับจากนี้เซียงหยางจะไม่มีกำลังพลยกทัพออกมารบอีกต่อไป หากฉวยโอกาสตีเซียงหยางมาได้ก็จะเป็นชัยชนะครั้งใหญ่ ถึงยามนั้นขอเพียงสวีโจวยังอยู่ในมือกองทัพเรา ต่อให้เสียไหวหนานทั้งหมดไปก็มิใช่เรื่องสำคัญอันใดแล้ว”
ฮูเหยียนโซ่วกล่าวอย่างเลื่อมใส “แผนการจู่โจมจิตใจของท่านโหวป้องกันยากที่สุดแล้ว ก่อนหน้านี้มิว่าอย่างไรก็คิดไม่ถึงว่าหรงเยวียนจะออกจากเซียงหยางยกทัพขึ้นเหนือ”
ข้าฟังแล้วก็เอ่ยขึ้นว่า “ใช่เพียงเจ้าคิดมิถึงเสียที่ไหน แผนการเดิมของข้าตั้งใจจะใช้ข่าวลือยั่วยุให้หรงเยวียนออกจากเมืองมาทำศึก ปล่อยให้เขาชนะติดกันสักสองสามหน หลังจากนั้นล่อกำลังหลักของทหารม้าเซียงหยางออกมาสังหาร แต่คิดมิถึงว่าสงครามฝั่งเจียงไหวจะปะทุขึ้นก่อนเวลา ข้าถึงเพิ่งคิดออกว่าใช้โอกาสนี้กับจิตใจอันคับแคบของหรงเยวียนให้เป็นประโยชน์ได้ หลอกเขาให้ยกทัพเหน็ดเหนื่อยมาโจมตีเมืองห่างไกล ส่วนพวกเราก็ฉวยโอกาสยึดเซียงหยาง การลงมือหนนี้มิว่าสำเร็จหรือไม่ เซียงหยางก็จะมิใช่หนามแหลมในลำคอของต้ายงอีกต่อไป”
หลังจากกล่าวจบ ข้าก็มิสนใจฮูเหยียนโซ่วที่กำลังยืนใช้ความคิดใคร่ครวญอยู่ตรงนั้น ข้ายืนอยู่บนยอดเขาเซี่ยนซานทอดมองออกไปไกล เมืองเซียงหยางกับแม่น้ำฮั่น อวี๋เหลียงโจว จนไปถึงเขาลู่เหมินฝั่งตรงข้ามแม่น้ำฮั่นทยอยปรากฏขึ้นในสายตา ผ่านไปอีกครึ่งวัน ที่แห่งนี้ก็จะมีไฟสงครามลุกโชน เมืองที่สูญเสียแม่ทัพผู้บัญชาการไปมิทราบว่ายังจะเป็นปราการเหล็กได้อีกหรือไม่
สถานการณ์ในช่วงครึ่งเดือนต่อมาพลิกผันรวดเร็วยิ่งนัก ตอนแรกมิว่าอย่างไรก็คิดมิถึงว่าศึกใหญ่หนที่สองของต้ายงกับหนานฉู่จะเริ่มต้นขึ้นรวดเร็วเช่นนี้
เดือนสาม วันที่เจ็ด จ่างซุนจี้ส่งแม่ทัพมั่วเยี่ยบุกตีเซียงหยาง ตัดขาดเส้นทางระหว่างเซียงหยางกับหนานหยาง
เดือนสาม วันที่แปด หรงเยวียนตีซินเหยี่ยแตก
เดือนสาม วันที่เก้า หรงเยวียนบุกหนานหยางแต่มิอาจกำชัย แล้วทราบข่าวว่าจ่างซุนจี้มิได้เคลื่อนทัพไปช่วยเจียงไหว
เดือนสาม วันที่สิบเอ็ด หรงเยวียนเปิดศึกกับจ่างซุนจี้ที่ซินเหยี่ย สถานการณ์มิสู้ดี
เดือนสาม วันที่สิบสอง หรงเยวียนสูญเสียไพร่พลมากมายแต่ฝ่าวงล้อมสำเร็จ
เดือนสาม วันที่สิบสาม เมืองฝานเฉิงแตก หรงเยวียนถูกสกัดอยู่ที่แม่น้ำฮั่น
เดือนสาม วันที่สิบสี่ กองทหารรักษาเมืองเซียงหยางออกจากเมืองจะมารับหรงเยวียนแต่มิสำเร็จ
เดือนสาม วันที่สิบห้า หรงเยวียนกับจ่างซุนจี้เปิดศึกกันอีกหนที่แม่น้ำถังไป๋ จ่างซุนจี้เป็นฝ่ายเสียท่ากองทัพเสียหายเล็กน้อย
เดือนสาม วันที่สิบหก หรงเยวียนอ้อมฝั่งตะวันตกของฝานเฉิง หมายจะข้ามแม่น้ำฮั่นกลับเข้าเซียงหยาง แต่ถูกมั่วเยี่ยขัดขวาง
เดือนสาม วันที่สิบเจ็ด เซียงหยางแตก หรงเยวียนเห็นสถานการณ์มิอาจกอบกู้ได้แล้วจึงยกกองทัพที่เหลือข้ามแม่น้ำฮั่นถอยร่นมายังอี๋เฉิง ระหว่างทางถูกดักซุ่มที่ด่านเฟิงหลิน เหลือทหารม้าและทหารเดินเท้าเพียงสามพันนายหนีรอดมาได้
ระหว่างที่ฝั่งเซียงหยางโรมรันห้ำหั่น สงครามฝั่งเจียงไหวก็ดุเดือดอย่างยิ่ง
เพราะชุยเจวี๋ยมิอาจออกรบ เดือนสาม วันที่สี่ เผยอวิ๋นจึงสั่งการให้จางเหวินซิ่วมาช่วยกองทัพของชุยเจวี๋ย จนกระทั่งถึงเดือนสา มวันที่สิบเก้า กองทัพไหวซีกับจางเหวินซิ่วทำศึกกันบริเวณเซียวเซี่ยนกับเขาจิ่วหลี่ทั้งหมดสิบเจ็ดหน เซียวเซี่ยนถูกเปลี่ยนมือหลายครั้งหลายครา สองฝ่ายต่างเสียหายหนักหนา จางเหวินซิ่วเสียไพร่พลจนหมดสิ้น จำต้องถอยกลับมารักษาสวีโจว กองทัพไหวซีโหมบุกสองวันก็ยังมิอาจเอาชนะ
เดือนสาม วันที่ยี่สิบสอง จิงฉือยอดแม่ทัพแนวหน้าแห่งกองบัญชาการศึกเจียงหนานของต้ายงเดินทางมาถึงสวีโจว เอาชนะค่ายเฟยฉีใต้กำแพงเมืองสวีโจว กองทัพไหวซีของหนานฉู่ถอยร่นตลอดคืนไปรักษาซู่โจว
เดือนสาม วันที่ยี่สิบสี่ จิงฉือบุกตีซู่โจวมิสำเร็จจึงเปลี่ยนทางไปยังฉู่โจว ยามนั้นเผยอวิ๋นป้องกันฉู่โจวมาเกือบหนึ่งเดือนแล้ว ยามฉู่โจวตกอยู่ในอันตรายได้ความช่วยเหลือจากจิงฉือ ขวัญกำลังใจของทหารจึงเพิ่มพูนขึ้นมาก
เดือนสาม วันที่ยี่สิบห้า หยางซิ่วได้ข่าวเซียงหยางเสียเมือง พร้อมกับที่กองหนุนของสวีโจวเดินทางมาถึง เขาจึงมิอาจมิถอยไปรักษาแม่น้ำไหวสุ่ย ทว่าเมืองในครอบครองของต้ายงในแถบไหวหนานเหลือฉู่โจวเพียงแห่งเดียว
จนถึงตอนนี้ ในที่สุดสงครามใหญ่ระหว่างต้ายงกับหนานฉู่ที่กินเวลาหนึ่งเดือนก็จบลง แต่โชคร้ายของหนานฉู่ยังมิจบ ตอนนี้ยังมิต้องพูดถึงว่าเรื่องที่ยึดเจียงไหวสำเร็จแต่เสียเซียงหยางได้กำไรหรือขาดทุน เพราะความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในสู่จงเป็นสิ่งที่ทำให้คนตกตะลึงยิ่งกว่า
ตั้งแต่เมื่อต้นปีมีข่าวลือแล้วว่าอวี๋เหมี่ยนคิดทรยศเพราะมิได้รับพระราชทานรางวัล แม้ข่าวลือนี้จะถูกลู่ช่านปฏิเสธ แต่ในใจซั่งเหวยจวินกลับวิตกกังวล หลังจากเทศกาลหยวนเซียวจึงส่งขันทีไปเป็นผู้ตรวจการกองทัพ
นี่เป็นเรื่องปกติของหนานฉู่ แม้ลู่ช่านจะมิพอใจแต่ก็ทำอันใดมิได้ ไหนเลยจะคิดว่าขันทีผู้นั้นเรียกสินบนมิสำเร็จจึงถวายหนังสือกล่าวความเท็จตำหนิว่าอวี๋เหมี่ยนมีใจคิดคดอยู่หลายหน แม้จะมิได้ผลเพราะลู่ช่าน แต่ความคลางแคลงใจของซั่งเหวยจินก็ยิ่งหนักหนาขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายจึงมอบหมายให้ผู้ตรวจการกองทัพผู้นั้นคุมเสบียงของกองทหารรักษาด่านจยาเหมิง ผลปรากฏว่าขันทีผู้นั้นละโมบยักยอกเสบียงกับเบี้ยหวัดไปมากกว่าครึ่ง ทำให้ทหารรักษาด่านจยาเหมิงไร้เสบียงไร้เบี้ยหวัด จิตใจสั่นคลอน
หลังจากลู่ช่านทราบข่าวจึงถวายหนังสือถึงเจี้ยนเย่ เรียกร้องให้เรียกตัวขันทีกลับมาสอบสวนความผิด ขันทีผู้นั้นทราบเรื่องเข้าก็หวาดกลัวความผิด ลอบแปรพักตร์ไปเข้ากับต้ายงร่วมมือจากด้านใน ทำให้ในเดือนสาม วันที่ยี่สิบเก้า ฉินหย่งจู่โจมด่านจยาเหมิงสายฟ้าแลบ อวี๋เหมี่ยนต้องถอยกลับมารักษาเจี้ยนเก๋อ
บางทีสิ่งเดียวที่ทำให้ราชสำนักหนานฉู่วางใจได้อยู่บ้างก็คือ กองกำลังอาสาของอู๋เย่ว์ภายใต้การควบคุมดูแลของลู่ช่านป้องกันแนวชายฝั่งไว้ได้อย่างมั่นคง กองทัพต้ายงมิอาจบุกเข้ามาในอ่าวหังโจวได้ง่ายๆ อีก
แต่ชัยชนะเล็กๆ ของอู๋เย่ว์ย่อมทดแทนความสูญเสียที่เซียงหยางกับสู่จงมิได้ กลางเดือนสี่ กองทัพใหญ่ของฉีอ๋องหลี่เสี่ยนมาถึงสวีโจว การก่อตั้งกองบัญชาการศึกเจียงหนานทำให้ราชสำนักหนานฉู่อกสั่นขวัญแขวน ยามนั้นลู่ช่านได้รับข่าวการศึกแล้ว เขาจึงฝากศึกทางอู๋เย่ว์ไว้กับแม่ทัพใต้บัญชา ส่วนตนเองรีบเดินทางไปเจียงเซี่ยเพื่อบัญชาการสงคราม
หลังจากหลี่เสี่ยนมาถึงสวีโจวก็สั่งการจ่างซุนจี้ให้ลงใต้จากเซียงหยาง เดินทางผ่านหุบเขาแม่น้ำฮั่นบุกโจมตีเจียงหลิง เดือนสี่ วันที่ยี่สิบเอ็ด หรงเยวียนได้รับคำสั่งจากแม่ทัพลู่ช่านให้ทิ้งเมืองอี๋เฉิง รักษาจิ้งหลิงให้จงได้ จ่างซุนจี้บุกตีหลายหนก็มิสัมฤทธิ์ผล ลู่ช่านยกทัพจากเจียงเซี่ยล่องตามแม่น้ำฮั่นมาเสริมทัพจิ้งหลิง เอาชนะจ่างซุนจี้ใต้กำแพงเมือง
จ่างซุนจี้พ่ายแพ้ถอยไปยังอี๋เฉิง หรงเยวียนวู่วามมิฟังคำสั่งยกกองทัพไล่ตามโจมตี จ่างซุนจี้ทิ้งอี๋เฉิงขึ้นเหนือหวนกลับเซียงหยาง หรงเยวียนไล่ตามมาจนถึงด่านเฟิงหลิน คิดมิถึงกองทัพต้ายงจะใช้แผนเก่าซ้ำ ดักซุ่มอีกหนจนหรงเยวียนพ่ายแพ้ถอยกลับมา แต่แล้วลู่ช่านกลับนำกำลังเสริมเร่งเดินทางมายังด่านเฟิงหลินจู่โจมสายฟ้าแลบ กองทัพต้ายงรับมือมิทัน ด่านเฟิงหลินแตก กองทัพต้ายงเสียหายอย่างหนักถอยไปรักษาเซียงหยาง ลู่ช่านทราบว่าเซียงหยางมิอาจตีจึงรามือ
ยามนั้นฉินหย่งทำศึกที่เจี้ยนเก๋อนานแล้วแต่มิประสบผลจึงอ้อมเส้นทางอินผิง หมายจะผ่านหลงอัน เจียงโหยวไปยังเหมียนหยาง อวี๋เหมี่ยนได้รับสารพันลี้จากลู่ช่านจึงแบ่งทหารมาคุ้มกันหลงอัน ฉินหย่งบุกโจมตีอยู่นานแต่ยึดเมืองมิสำเร็จ จึงถอยกลับไปรักษาด่านจยาเหมิง
เผยอวิ๋นได้กองหนุนช่วยเหลือจึงโหมโจมตีไหวตง หยางซิ่วอาศัยกองเรือล่องไปมาในแม่น้ำไหวสุ่ยกับลำคลอง กองทัพต้ายงรุกคืบแต่ละก้าวยากเย็นแสนเข็ญ มิอาจข้ามแม่น้ำไหวสุ่ยแม้แต่ครึ่งก้าว ไหวตงสถานการณ์ชะงักนิ่ง ฝั่งไหวซีสือกวนป้องกันซู่โจวด้วยตนเอง แม่ทัพต้ายงจิงฉือโหมบุกอยู่เดือนกว่า เมืองจึงแตก สือกวนถอยไปรักษาจงหลี ก่อนจากไปยังเผาซู่โจวจนวอดวาย เหลือเพียงผืนดินไหม้เกรียมผืนหนึ่ง
กองทัพต้ายงสู้รบมานานเหนื่อยล้านัก แต่แนวป้องกันของจงหลีกลับแข็งแกร่ง ทั้งยังมีค่ายเฟยฉีช่วยรบ กองทัพต้ายงจึงจำต้องยกพลเข้าไปในไหวซี
หนานฉู่สู้รบติดพันมาครึ่งปีก็เหนื่อยล้ายิ่งนัก กองเรือตงไห่บุกปล้นอู๋เย่ว์หลายหน แม้กองเรืออวี๋หังได้กองกำลังอาสาช่วยเหลือจึงมิเสียหายหนักหนา แต่บริเวณชายฝั่งสามสิบลี้มิมีชาวบ้านคนใดกล้าอาศัยอยู่อีก กิจการของอู๋เย่ว์เสียหายย่อยยับ แม้กองทัพต้ายงได้ชัยชนะเป็นส่วนมาก แต่กองทัพหนานฉู่ก็ต่อสู้ยืนหยัดได้อย่างมั่นคง สงครามยืดเยื้อ มิมีฝั่งใดคว้าชัยชนะได้เบ็ดเสร็จเด็ดขาด
ยามสารท เดือนสิบ ซั่งเหวยจวินส่งราชทูตเจรจาสงบศึกกับสวีโจว เจ้าแผ่นดินกับขุนนางต้ายงกำลังลำบากกับความทรหดตียากของหนานฉู่จึงตกลงสงบศึกปรองดองชั่วคราว การเจรจาสงบศึกกินระยะเวลาสี่เดือน ต้ายงเรียกร้องให้หนานฉู่มอบดินแดนเป็นข้อแลกเปลี่ยนการสงบศึก ซั่งเหวยจวินหวั่นไหว แต่ลู่ช่านยืนกรานไม่ยินยอม โต้เถียงกันอยู่หลายเดือน การเจรจาสงบศึกล้มเหลว
ปีต่อมาสงครามอุบัติขึ้นอีกหน ฉินหย่งเดินทัพผ่านถนนหมี่ชังเข้าดินแดนสู่ ผ่านปาจงยึดปาจวิ้น แม้สู่จงได้ตระกูลลู่ปกครองมาหลายปี แต่สุดท้ายก็เป็นดินแดนเก่าของแคว้นสู่
เซี่ยโหวหยวนเฟิงแห่งกรมวินิจการณ์มาเยือนปาจวิ้นด้วยตนเอง ภายในเวลาไม่กี่เดือน ปาจวิ้นก็มั่นคง ในระหว่างนี้กองทัพขุยโจวของหนานฉู่กับอวี๋เหมี่ยนจากเมืองเจี้ยนเก๋อกระหนาบโจมตีสองทาง แต่ก็ถูกฉินหย่งตีจนถอยกลับไป เส้นทางระหว่างสู่จงกับตงหนานถูกตัดขาด
รัชศกหลงเซิ่งปีที่เก้า เดือนแปด หลี่จื้อรับข้อเสนอของเจียงเจ๋อ เสนอให้เจรจาสงบศึก ใช้เจี้ยนเก๋อ เฉิงตูแลกกับปาจวิ้นและกองทัพหนานฉู่ใต้บัญชาอวี๋เหมี่ยนจำนวนหนึ่ง เดือนเก้าการเจรจาสงบศึกสัมฤทธิ์ผล หนานฉู่สูญเสียดินแดนกว่าครึ่งของสู่จงที่ยึดครองมาหลายปี ลู่ช่านมิสนใจความคิดเห็นของผู้ใด ให้อวี๋เหมี่ยนคอยรักษาปาจวิ้น ทั้งยังวางกำลังทหารจำนวนมากไว้ที่ขุยโจวเป็นกองหนุนของปาจวิ้น
หนึ่งปีหลังจากนั้น กองทัพต้ายงมิได้บุกมาตีอีก อวี๋เหมี่ยนคุมปาจวิ้นอย่างไม่มีช่องโหว่แม้แต่น้อย กองทัพต้ายงไร้โอกาสล่องตามแม่น้ำลงมา เจียงหลิงกับเจียงเซี่ยมั่นคงดุจเขาไท่ซาน กองทัพต้ายงบุกจิ้งหลิง สุยโจวอีกหลายหนแต่ล้วนมิสำเร็จ แม้แนวรบของไหวซีกับไหวตงจะเปลี่ยนแปลงไปมาอยู่ตลอดเวลา แต่สุดท้ายกองทัพต้ายงก็มิอาจยึดดินแดนเจียงไหวได้เบ็ดเสร็จ สงครามใหญ่ดำเนินต่อกันมาสามปี กองทัพหนานฉู่ใต้บัญชาของลู่ช่านยิ่งรบยิ่งแข็งแกร่ง เมื่อมีชัยภูมิอันได้เปรียบของเจียงไหวกับความเหนือกว่าของกองเรือ สงครามก็ตกสู่สถานการณ์ยืดเยื้อ