ตำนานสุยอวิ๋นยอดกุนซือ - ตอนที่ 85 แค้นใจเซียงหยาง (2)
ลู่ช่านถอนหายใจ “ไฉนข้าจะมิทราบว่าการกระทำเช่นนี้จะชักนำให้ถูกตำหนิ แต่พี่หรงก็น่าจะทราบสถานการณ์ในราชสำนัก หากข้าขอคำสั่งก่อนเคลื่อนไหวจริงๆ เกรงว่ากองทัพต้ายงก็คงล่วงรู้เป้าหมายของกองทัพเราแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นยามแม่ทัพอยู่ไกลย่อมมีบ้างที่มิฟังบัญชาเจ้าแผ่นดิน ในเมื่อผู้แซ่ลู่เป็นผู้คุมกองทัพย่อมทำได้เพียงทุ่มเทสุดกำลัง
เซียงหยางป้องกันง่ายบุกตียาก ข้าจะพยายามล่อจ่างซุนจี้ออกจากเมืองอันแข็งแกร่ง พี่หรงฉวยโอกาสบุกยึดเซียงหยาง ระหว่างนั้นหากเหตุการณ์พลิกผัน พี่หรงตัดสินใจตามสถานการณ์ได้ทันที”
หรงเยวียนดวงตาทอประกายเย็นยะเยือกกล่าวตอบว่า “แม่ทัพใหญ่รู้หรือไม่ หากหนนี้มิอาจยึดเซียงหยางกลับคืน อัครมหาเสนาบดีซั่งต้องเอาผิดท่านแม่ทัพเป็นแน่ ยามนี้เจ้าแคว้นขึ้นปกครองด้วยพระองค์เองแล้ว อำนาจที่คอยรักษาชีวิตท่านแม่ทัพถูกราชสำนักริบคืนแล้ว หากท่านแม่ทัพตัดสินใจเองเพียงลำพังจะต้องถูกคนจับเป็นจุดอ่อนแน่”
ลู่ช่านตอบอย่างมิแยแส “หากยึดเซียงหยางกลับมาได้ ต่อให้ผู้แซ่ลู่ต้องแบกรับโทษก็มิมีปัญหา พวกเรากับศัตรูสองฝ่ายทำศึกยืดเยื้อกันมาหนึ่งปีกว่าแล้ว ตอนนี้เป็นเวลาที่กองทัพต้ายงหย่อนยาน ส่วนกองทัพเรานอนฟืนแข็ง ชิมดีขมคอยหาโอกาสชำระแค้นล้างอายอยู่
สงครามที่เจียงไหว อู๋เย่ว์ยังติดพันเป็นจังหวะให้ฉวยโอกาสยกทัพบุกจิงเซียงได้พอดี เซียงหยางเป็นเมืองยุทธศาสตร์สำคัญในการชิงชัยระหว่างเหนือใต้ หากยึดเซียงหยางมิได้ เจียงหลิง เจียงเซี่ยล้วนจะถูกคุกคาม กองทัพเราจะไม่มีต้นทุนในการข่มขู่กองทัพศัตรู”
หรงเยวียนฟังจบก็ตอบอย่างขึงขัง “ผู้น้อยจะทุ่มสุดกำลัง หากยึดเซียงหยางกลับมามิได้ มิมีทางยอมถอนทัพ”
ลู่ช่านโล่งใจขึ้นเล็กน้อย แม้หรงเยวียนจะนิสัยมิเข้ากับเขา ทั้งยามนี้ยังหันไปพึ่งพิงซั่งเหวยจวิน แต่เขาเชื่อว่าหากมีโอกาสชิงเซียงหยางกลับมา หรงเยวียนจะฟังคำสั่งและสู้อย่างมิเสียดายสิ่งที่ต้องแลก คิดจะชิงเซียงหยางกลับมา หากมิได้รับการสนับสนุนจากหรงเยวียน ความหวังย่อมน้อยลงมาก
พอคิดถึงตรงนี้เขาก็หันไปมองหรงเยวียน พอดีกับที่หรงเยวียนกำลังมองมาทางเขาพอดี สายตาของทั้งสองคนสบกัน พวกเขาต่างสัมผัสความกระเหี้ยนกระหือรือและความฮึกเหิมได้จากดวงตาของอีกฝ่าย การยกทัพบุกยึดเซียงหยางทำให้จิตใจของทั้งสองรวมเป็นหนึ่งเดียว เวลานี้ความบาดหมางก่อนหน้าจึงคล้ายมลายหายไร้ร่องรอย
เดือนแปด วันที่สิบสอง ลู่ช่านนำกองทัพล่องทวนน้ำจากเจียงเซี่ยถึงอี้หยาง ทางใต้ของอี้หยางมีด่านอยู่สามด่าน ได้แก่ด่านอู่เซิ่ง ด่านผิงจิ้งและด่านจิ่วหลี่ ด่านอู่เซิ่งกับด่านจิ่วหลี่อยู่ในกำมือของกองทัพหนานฉู่ ส่วนด่านผิงจิ้งอยู่ในมือของกองทัพต้ายง ทั้งสามด่านตั้งอยู่ทแยงมุมกัน พวกมันล้วนป้องกันง่ายบุกตียาก ดังนั้นแม้ว่าสองกองทัพจะทำศึกดุเดือดกันมาหลายปี แต่น้อยครั้งนักจะเปิดศึกกันที่นี่ ทว่าลู่ช่านเริ่มลงมือกับที่แห่งนี้มาตั้งแต่หลายปีก่อน เขาวางแผนมานานปี พอกองทัพใหญ่ยกประชิด ไม่กี่วันก่อนอี้หยางก็ถูกตีแตก แม่ทัพผู้รักษาเมืองอี้หยางสู้จนตัวตาย
เดือนแปด วันที่สิบห้า ลู่ช่านยกทัพออกจากอี้หยาง กรีทาทัพยังประจิมทิศยึดเยวียนเฉิง เติ้งโจวราบรื่นดุจผ่าปล้องไผ่ ลู่ช่านคิดว่าบุกกะทันหันหนนี้ จ่างซุนจี้ต้องยกทัพออกมารับศึกเองอย่างแน่นอน ต้ายงมีแม่ทัพมากมาย หากกล่าวถึงความสามารถในการรบ แถบหนานหยางมีเพียงจ่างซุนจี้ที่เทียบเคียงลู่ช่านได้ เมืองเซียงหยางกำแพงสูงคูน้ำลึก ป้องกันง่ายโจมตียาก แต่หนานหยางค่อนข้างขาดกำลังพล หากจ่างซุนจี้ห่วงรากฐาน เขาย่อมต้องกลับมาบัญชาการทัพที่หนานหยางเป็นแน่
ผู้ใดจะคาดคิดว่าจ่างซุนจี้กลับส่งเพียงแม่ทัพใต้บัญชาคนหนึ่งนามว่ามั่วเยี่ยมารับศึก สองทัพสู้รบที่เหอเน่ย มั่วเยี่ยพ่ายแพ้ถอยกลับไปรักษาหนานหยาง ลู่ช่านบุกลงใต้ ตีด้านหลังของเซียงหยาง มั่วเยี่ยนำทัพจู่โจมจากด้านหลัง ลู่ช่านดักซุ่มที่ซินเหยี่ย มั่วเยี่ยล่วงรู้จึงมิกล้ารุกคืบ ลู่ช่านทิ้งยอดแม่ทัพไว้รักษาซินเหยี่ย ตนเองนำกำลังหลักลงใต้สู่เซียงหยาง
เทียบกับความราบรื่นของฝั่งลู่ช่าน หรงเยวียนแต่ละก้าวกลับยากเย็นแสนเข็ญ เดือนแปด วันที่สิบสี่ เขาออกจากจิ้งหลิงขึ้นเหนือ หมายมาดจะยึดเซียงหยาง คิดมิถึงจ่างซุนจี้กลับมิสนใจการคุกคามของลู่ช่าน แต่นำกองทัพใหญ่มารักษาอี๋เฉิงด้วยตนเอง
สองทัพรบติดพันอยู่ระหว่างอี๋เฉิงกับจิ้งหลิงสิบกว่าวัน พอหรงเยวียนทราบว่าลู่ช่านเดินทัพอ้อมจู่โจมด้านหลังเซียงหยาง ในใจก็โกรธจัด ยกทัพโหมบุกอี๋เฉิง จ่างซุนจี้ลอบส่งทหารมาซ่อนตัวอยู่ในป่าชานเมืองตอนกลางคืน วันต่อมาเมื่อหรงเยวียนโหมบุกอี๋เฉิง ทหารก็ดักซุ่มสี่ทิศ ตีกองทัพหนานฉู่แตกพ่ายครั้งใหญ่ หรงเยวียนพ่ายแพ้ถอยกลับมารักษาจิ้งหลิง จ่างซุนจี้บุกจิ้งหลิง หรงเยวียนป้องกันอย่างเหนียวแน่นอยู่หกวัน
เดือนแปด วันที่ยี่สิบเจ็ด ตอนจิ้งหลิงตกอยู่ในวิกฤติ จู่ๆ จ่างซุนจี้ก็ถอยทัพผละจากไป หรงเยวียนสืบข่าวจนทราบว่าเซียงหยางถูกลู่ช่านตีแตกแล้ว หลังจากหรงเยวียนทราบข่าวนี้ เพลิงโทสะพลันแล่นเข้าหัวใจ หรงเยวียนผู้บาดเจ็บหนักตั้งแต่ยามป้องกันเมืองกระอักเลือดออกมาไม่หยุด ก่อนจะล้มหมอนนอนเสื่อลุกไม่ขึ้น
เดือนแปด วันที่ยี่สิบเก้า หรงเยวียนหวนกลับเจียงหลิงพร้อมโทสะ เขาส่งฎีกาถึงราชสำนักหนานฉู่ ร้องเรียนว่าแม่ทัพใหญ่ลู่ช่านมิได้รับคำบัญชาจากเจ้าแคว้น แต่กลับบุ่มบ่ามยกทัพออกไป ทำให้แม่ทัพและทหารใต้บัญชารวมถึงกองทัพของพวกพ้องตกอยู่ในอันตราย โอหังเหิมเกริม มิจงรักภักดี กระทำการตามอำเภอใจ
ลู่ช่านตีเซียงหยางแตกก็รู้สึกผิดคาดยิ่งนัก การป้องกันของเมืองเซียงหยางหย่อนยานอย่างยิ่ง เพียงเก้าวันก็ถูกกองทัพหนานฉู่ตีสำเร็จ ลู่ช่านสอบถามเชลยที่จับมาจึงทราบว่าเดือนแปด วันที่เจ็ด เจียงเจ๋อแห่งกองบัญชาการศึกเจียงหนานเดินทางมายังเซียงหยางด้วยตนเอง หลังจากหารือเป็นการลับกับจ่างซุนจี้ก็ลอบแบ่งทหารสามหมื่นนายออกไป มิทราบว่ามุ่งหน้าไปที่ใด
ด้วยเหตุนี้ เมืองเซียงหยางจึงขาดกำลังพลป้องกันเมืองจนทำให้ลู่ช่านฉวยโอกาสสำเร็จ ในใจลู่ช่านทราบดีว่าเจียงเจ๋อมากเล่ห์เพทุบาย ในใจวิตกกังวลจึงส่งทหารสอดแนมออกไปสี่ทิศเพื่อสืบข่าวสถานการณ์ของกองทัพต้ายง ในใจของเขาเจียงเจ๋อเพียงผู้เดียวเทียบได้กับทหารชั้นยอดนับแสนนายของกองทัพต้ายง
เมื่อสมาธิถูกแบ่ง เขาจึงนำทหารไปบุกตีทัพของจ่างซุนจี้จากด้านหลังเพื่อช่วยเหลือหรงเยวียนมิทันกาล ในความคิดของเขา หรงเยวียนป้องกันเมืองจิ้งหลิงที่มีปราการแข็งแกร่งอยู่ ต่อให้มิชนะก็มิเป็นปัญหา ทว่าเขากลับลืมปมในใจของหรงเยวียน ความล่าช้าเพียงไม่กี่วัน สุดท้ายนำไปสู่เรื่องน่าเสียใจที่มิอาจย้อนคืนได้
เดือนแปด วันที่ยี่สิบหก ลู่ช่านได้รับข่าวว่าเจียงเจ๋อซ่องสุมทหารอยู่กู่เฉิง เขาครุ่นคิดสามตลบก็ทิ้งแม่ทัพใต้บัญชาให้รักษาเซียงหยาง ตนเองนำทหารมุ่งหน้าไปกู่เฉิงเพื่อยกทัพบุกตีเมือง แม้กู่เฉิงเป็นเมืองขนาดไม่ใหญ่ แต่เป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญของกองทัพในการป้องกันกองเรือที่ล่องมาจากแม่น้ำฮั่น ทั้งยังมีกำลังทหารมากมายป้องกันอยู่ ชั่วเวลาเร่งรีบจึงมิอาจบุกตีสำเร็จในคราเดียว
ข้ายืนสะบัดพัดแผ่วเบาอยู่บนกำแพงเมือง มองดูกองทัพหนานฉู่ที่สวมชุดเกราะวาววับด้านล่าง จากนั้นคลี่ยิ้มน้อยๆ เอ่ยกับฮั่วฉงผู้ยืนทำหน้าเคร่งขรึมอยู่ด้านหลัง “เจ้าเคยเห็นลู่ช่านนำทัพออกศึกที่อู๋เย่ว์มาแล้ว เดาได้หรือไม่ว่ากู่เฉิงจะป้องกันได้ถึงเมื่อใด”
ฮั่วฉงยิ้มจืดเจื่อน เหลือบมองแม่ทัพฉางเลี่ยงผู้ยืนบัญชาทหารให้ป้องกันเมืองอยู่บนกำแพงเมือง ในใจคิดว่าโชคดีที่คนผู้นั้นมิได้ยินคำพูดของท่านอาจารย์ แต่ปากกลับทำได้เพียงตอบว่า “สงครามบนทะเลที่อู๋เย่ว์ แม่ทัพลู่ทำศึกกับจิ้งไห่กงอยู่สองสามหน ศิษย์เคยได้เฝ้าดูจากด้านข้าง แม่ทัพลู่บัญชาการทหารได้ดั่งเทพ ทุกคราจิ้งไห่กงล้วนถอนหายใจ หากมิใช่ว่ากองเรือตงไห่ชำนาญการสู้รบบนทะเล คงยากจะเลี่ยงความพ่ายแพ้
เพียงดูจากหนนี้ที่เขาสร้างหนทางใหม่ เดินทัพจากอี้หยางวกกลับโจมตีด้านหลังของเซียงหยางก็พอ ทำศึกเช่นนี้ช่างเหมือนอาชาสวรรค์เหยาะย่างนภา แม้ต้ายงของพวกเรามีแม่ทัพผู้เลื่องชื่อมากมาย แต่มิแน่ว่าจะเทียมเท่า หากไม่มีปัจจัยอื่นเข้ามา น่ากลัวว่ากู่เฉิงคงป้องกันได้ไม่ถึงสิบวัน”
ข้าพึมพำเสียงเบาอย่างอดมิไหว “แม้นี่จะเป็นความจริง แต่เจ้าไม่ไว้หน้าข้าเกินไปแล้ว มิว่าจะพูดอย่างไรข้าก็เป็นอาจารย์ของลู่ช่าน ข้าต้องพ่ายแพ้แน่นอนนักหรือไร”
ฮั่วฉงได้ยินคำนี้ก็มิกล้าส่งเสียงตอบ เสี่ยวซุ่นจื่อกลับหัวเราะหยัน “คุณชายมิเคยบัญชาทัพออกรบ ป้องกันได้สิบวันล้วนเป็นเพราะความดีความชอบของแม่ทัพฉาง หากท่านสอดมือเข้าไปยุ่ง เกรงว่าคงน้อยลงสักสองสามวัน”
แม้เสียงของเขามิดัง แต่ฮูเหยียนโซ่วกับพวกองครักษ์ที่คุ้มกันอยู่ไม่ไกลทางด้านหลังต่างได้ยินชัดเจน พวกเขาพยายามกลั้นหัวเราะ มิกล้าส่งเสียงออกมา
ข้าส่ายศีรษะอย่างจนปัญญา มิกล้าเถียงคำพูดของเสี่ยวซุ่นจื่อ ต่อมาก็มองใต้กำแพงเมืองแล้วถอนหายใจ “น่าเสียดายเขามีเวลามิถึงสิบวันแล้ว ลู่ช่านเป็นคนเปิดเผย ทั้งยังถือกำเนิดในตระกูลขุนนาง รู้จักความเลวร้ายในจิตใจคนน้อยนัก ข้าเดาได้ว่าอีกไม่นานเขาจะต้องยกทัพมาเซียงหยาง
ความตั้งใจเดิมของเขาก็คือคิดจะฉวยโอกาสที่จ้าวหล่งยังขึ้นปกครองบ้านเมืองเองได้มินานยึดเซียงหยางกลับมาในช่วงที่เขายังทำตามอำเภอใจได้อยู่ เพื่อให้มั่นใจได้เพิ่มสักหน่อย เขาจะต้องรวมทัพกับหรงเยวียนมาบุกโจมตีเป็นแน่ ดังนั้นข้าจึงให้จ่างซุนจี้เพิ่มด้านนี้ลดด้านนั้น ไปขวางหรงเยวียนเอาไว้
หรงเยวียนเข่นเขี้ยวคี้ยวฟันเรื่องที่เสียเมืองเซียงหยางมิเคยลืม ลู่ช่านใช้เขาเป็นแม่ทัพกองทัพรองก็เพราะเขาต้องทุ่มสุดกำลังสู้จนตัวตายอย่างแน่นอน
ด้วยชื่อเสียงเลื่องระบือของลู่ช่าน ตามหลักแล้วจ่างซุนจี้สมควรออกรบด้วยตนเอง เมื่อเป็นเช่นนี้หรงเยวียนก็จะฉวยโอกาสยามเมืองว่างเปล่าบุกตีเซียงหยาง เมื่อเป็นดังนี้มิเพียงจะบรรลุป้าหมายของเขา แต่ยังชดเชยความบาดหมางกับหรงเยวียนได้อีก เรียกได้ว่ายิงนัดเดียวได้นกสองตัว แต่ข้าดันให้จ่างซุนจี้ไปขวางหรงเยวียนไว้ ปล่อยให้ความดีความชอบในการยึดเซียงหยางถูกลู่ช่านแย่งไป
ในความคิดของลู่ช่านนี่เป็นเรื่องที่ช่วยมิได้ จะปล่อยเซียงหยางไว้รอหรงเยวียนมายึดก็คงมิได้กระมัง ทว่าหรงเยวียนแต่เดิมก็จิตใจคับแคบ ทั้งยังบาดหมางกับลู่ช่านมาก่อนอีก แต่เดิมหนนี้ยอมร่วมมือยกทัพออกรบเพื่อลบแค้นที่เซียงหยางในวันวาน แต่พอเซียงหยางถูกลู่ช่านชิงมาได้ เพลิงโทสะในใจหรงเยวียนย่อมมากพอให้เขาทำเรื่องที่ขาดสติปัญญา ความโกลาหลในหนานฉู่กำลังจะอุบัติแล้ว ลู่ช่านไหนเลยจะยังออกรบอย่างสบายใจได้อีกเล่า”