ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ - ตอนที่ 1065 ศึกชุลมุน
เผ่ายมโลกจากเมืองหานสุ่ยกับเมืองเลี่ยเยี่ยนเดิมทีกำลังสู้กับผู้คุ้มกันของเมืองเหลิ่งเยวี่ยที่อยู่ใกล้ตัว ยามนี้เมื่อเผ่ายมโลกจากเมืองเหลิ่งเยวี่ยหนีเอาชีวิตรอดไปทั่วทุกสารทิศจึงถูกพุ่งชนจนปั่นป่วนไปด้วย
“อย่าสับสน รีบกลับมา!”
แม่ทัพระดับแก่นแท้สี่ตนของเมืองเหลิ่งเยวี่ยพากันร้องคำรามลั่นอย่างร้อนรน แม้พวกเขาอยากถอยหนีเช่นกัน แต่เหลิ่งเหมิงที่เป็นหัวหน้ายังไม่เอ่ยปาก พวกเขาย่อมไม่กล้าหนีออกจากที่นี่จริงๆ
อย่างไรก็ตามหากเหลิ่งหมิงเป็นอะไรไปแล้วของบรรณาการชิ้นนั้นที่ตัวเขาถูกปล้นไป นั่นย่อมเป็นเรื่องใหญ่
หากภายหลังเจ้าเมืองเหลิ่งเยวี่ยรู้ว่าตนหนีทัพยามศัตรูประชิด พวกเขาย่อมตกที่นั่งลำบาก
เจ้าเมืองเพียงทำลายป้ายวิญญาณยมโลกในหอเหลิ่งเยวี่ยที่เมืองซึ่งมีวิญญาณเสี้ยวหนึ่งของตนติดอยู่ เช่นนั้นต่อให้หนีไปจนถึงแดนมืดแห่งอื่นก็ยากหลีกหนีพ้นจุดจบดวงจิตเสียหายหนัก อย่างเบาระดับพลังถดถอย อย่างหนักวิญญาณแตกสลายกลายเป็นผีเร่ร่อนไร้สติ
ทว่ายามนี้ทหารเสียขวัญ ศัตรูกดดัน ไหนเลยจะยังมีใครฟังคำสั่งพวกเขาอีก
ในตอนนี้เองแม่ทัพยมโลกตนหนึ่งในนั้นผู้สวมชุดเกราะเงินและมวยผมก็มีแสงสีขาวสว่างขึ้นบนท้องฟ้าเหนือหัว หุ่นกระดูกหัวผีขนาดยักษ์สูงร้อยจั้งสองตัวปรากฏตัวขึ้นอย่างเงียบเชียบ
แขนข้างหนึ่งขยับเพียงหนเดียว ฝ่ามือยักษ์ที่ทาบทับเต็มท้องฟ้าใหญ่เท่าตึกข้างหนึ่งพลันตบลงมายังศีรษะ
แรงกดดันจิตวิญญาณมหาศาลสายหนึ่งร่วงใส่ศีรษะของแม่ทัพมืดตนนี้ในพริบตา
แม่ทัพมืดผู้มวยผมตนนี้รู้สึกว่ารอบร่างถูกบีบอัด ร่างกายไม่อาจกระดิกได้แม้แต่น้อย ในขณะเดียวกันปราณหยินในร่างก็หยุดนิ่ง
เสียงดังสนั่นแผ่นดินสะเทือนขุนเขาสั่นคลอนดังขึ้นครั้งหนึ่ง
อาวุธยมโลกประเภทป้องกันที่เขาเรียกออกมาประสานกับกายเนื้อของเขาอยู่ก่อนแล้ว ถูกฝ่ามือยักษ์สีดำโจมตีจนแหลกเป็นชิ้นอย่างง่ายดายดุจยกฝ่ามือ
“ฟึบ” ปราณดำสายหนึ่งทะลวงผ่านก้อนเลือดเนื้อเละเทะแล้วเหาะหนีไปทิศหนึ่งอย่างสุดชีวิต
หุ่นกระดูกหัวผีขนาดยักษ์ยื่นนิ้วมหึมานิ้วหนึ่งออกมาอย่างเอื่อยเฉื่อยแล้วจี้ดัชนีนิ้วหนึ่งใส่ปราณดำกลางอากาศ
ลูกศรปราณสีดำดอกหนึ่งพุ่งหายวับ ก่อนจะโจมตีปราณสีดำสลายกลายเป็นเถ้าธุลีทันที
ภาพนี้ทำให้แม่ทัพมืดอีกสามตนหน้าถอดสีในทันใด ไหนเลยจะสนใจเหลิ่งเหมิงหรืออย่างอื่นอีก พวกเขาฉวยโอกาสยามที่หุ่นกระดูกหัวผีขนาดยักษ์ยังไม่ทันโจมตีใส่ตนรีบกระตุ้นเคล็ดวิชากลายเป็นลำแสงหลายสายพุ่งเร็วรี่จากไปไกล
ผู้คุ้มกันหลายตนที่ได้รับคัดเลือกมาอีกด้านหนึ่งเห็นสถานการณ์ภาพรวมแล้วก็พากันเก็บอาวุธยมโลกกับวิชา ฉวยจังหวะชุลมุนหนีไปคนละทิศด้วย
เวลานี้หลิ่วหมิงอยู่นอกวงต่อสู้นานแล้ว เมื่อเขาเห็นสนามรบชุลมุนยิ่งนัก ในใจก็คิดเร็วจี๋ ร่างกายขยับวูบเดียวกลายเป็นเงาติดตาเลือนรางหลายร่างเหาะหนีไปไกล
เผ่ายมโลกร่างสูงกับร่างเตี้ยสองตนเสียสมาธิเล็กน้อยเพราะหุ่นระดับดาราพยากรณ์ที่ปรากฏตัวออกมากะทันหัน เมื่อพวกเขาได้สติกลับมา หลิ่วหมิงก็อยู่ห่างออกไปหลายสิบจั้งแล้ว
“เจ้าหนูคิดหนีหรือ? เจ้าจะหนีไปไหน!”
เผ่ายมโลกร่างสูงตวาดลั่น ร่างกายขยับวูบเดียวไล่ตามไปโจมตี
หลิ่วหมิงพลิกฝ่ามือจี้ดัชนีโดยไม่หันศีรษะกลับไป กระบี่วิญญาณมืดแม่ลูกที่อยู่ด้านหน้าทอแสงสีเทาเจิดจ้ากลายเป็นเงากระบี่สีเทาหน้าตาเหมือนกันทุกประการเจ็ดแปดสายฟันใส่เผ่ายมโลกร่างสูงกับร่างเตี้ย จากนั้นกลายเป็นตาข่ายกระบี่สีเทาผืนหนึ่งขวางอยู่เบื้องหน้าทั้งสองตน
ใบหน้าของเผ่ายมโลกร่างสูงฉายแววเหี้ยมโหด สองมือสั่นวูบหนึ่ง ฉาบสองใบก็เปล่งแสงสีดำผืนใหญ่ หมุนติ้วอยู่เบื้องหน้าร่างเขา เสียงกึกๆ ดังกังวานติดกันหลายครั้งพร้อมกับที่สะบั้นเงากระบี่สีเทาทั้งหลายกลายเป็นชิ้นๆ
ชิ้ง!
ฉาบสีดำสองใบฉับพลันประกบเข้าหากันหนีบร่างต้นของกระบี่วิญญาณมืดแม่ลูกเอาไว้
ดวงตาของเผ่ายมโลกร่างสูงทอประกายเหี้ยมเกรียม เขากำลังจะเร่งเร้าพลังของฉาบทั้งสองใบเพื่อสะบั้นกระบี่บินสีเทาเล่มนี้
ทันใดนั้นเองกระบี่วิญญาณมืดแม่ลูกพลันเปล่งแสง กระบี่บินน้อยขนาดเพียงหนึ่งฉื่อกว่าเล่มหนึ่งบินออกมาจากกระบี่วิญญาณมืดแม่ลูกดังฟึบ พุ่งเร็วจี๋ทะลุช่องว่างระหว่างฉาบสองใบของเผ่ายมโลกร่างสูงแล้วเสียบเข้าที่ลำคอของเผ่ายมโลกรูปร่างสูงใหญ่ดุจสายฟ้าแลบ
ความเร็วเพียงชั่วสะเก็ดไฟแลบ!
เผ่ายมโลกรูปร่างสูงใหญ่หน้าถอดสี ระยะห่างใกล้เช่นนี้อยากหลบก็สายไปแล้ว
ทันใดนั้นแสงสีดำก็พุ่งพรวดมาจากด้านข้าง โจมตีลงบนกระบี่บินน้อยดังติง
กระบี่ลูกสั่นไหว ถูกโจมตีเฉออกไปทันที มันพุ่งทะลุหัวไหล่ซ้ายของเผ่ายมโลกร่างใหญ่ดังฟึบ
หลิ่วหมิงอุทานเสียดายในใจ แต่เพราะเคล็ดวิชาของเผ่ายมโลกร่างสูงผ่อนลงชั่วครู่ ฉาบสองใบจึงสูญกำลังลงมาก
หลิ่วหมิงสะบัดมือส่งเคล็ดกระบี่สายหนึ่งออกไปทันที กระบี่แม่ส่งเสียงครวญขึ้นครั้งหนึ่งก็ดิ้นหลุดจากตรงกลางระหว่างฉาบแล้วพุ่งเร็วจี๋กลับมาในมือของเขา
เคล็ดกระบี่ในมือเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว ร่างกายถูกแสงสีเทาสายหนึ่งยกลอยขึ้นกลายเป็นแสงกระบี่สีเทาสายหนึ่งแหวกท้องฟ้าเหาะจากไปไม่แม้แต่จะหันศีรษะกลับมา
เผ่ายมโลกร่างสูงใหญ่แค่นเสียงหยันเบาๆ แล้วอ้าปากพ่นโลหิตคำหนึ่งออกมา
แม้กระบี่ลูกจะโจมตีไม่ถูกจุดสำคัญของเขา แต่ปราณกระบี่อันแหลมคมก็ยังสร้างความเสียหายให้เส้นลมปราณของเขาประมาณหนึ่ง
“พี่ใหญ่ ท่านไม่เป็นไรนะ”
เผ่ายมโลกร่างเตี้ยเก็บกรงเล็บอสูรสีดำที่มือไป แสงสีดำสายนั้นเมื่อครู่ เขาเป็นผู้โจมตีออกไปเอง ช่วยชีวิตเผ่ายมโลกร่างสูงไว้ได้เส้นยาแดงผ่าแปด
“ข้าไม่เป็นไร…”
เผ่ายมโลกร่างสูงพลิกมือเรียกโอสถสีเขียวหม่นเม็ดหนึ่งมากิน สีหน้าซีดเผือดจึงดูดีขึ้นเล็กน้อย จากนั้นเขาจึงเรียกยันต์แผ่นหนึ่งออกมาแปะแผลบนหัวไหล่ เลือดหยุดไหลทันที
“ไป ไล่ตามไป ข้าจะต้องสังหารเขาให้ได้”
เผ่ายมโลกร่างสูงใหญ่ทำสิ่งเหล่านี้เสร็จสิ้น ดวงตาก็ฉายแววเคียดแค้นอย่างที่สุด เขากระตุ้นเคล็ดวิชา ฉาบขนาดเท่าตึกสองใบเหาะกลับมาจากสองฟากฝั่ง
เผ่ายมโลกร่างเตี้ยอ้าปากกำลังจะพูดบางอย่าง เผ่ายมโลกร่างสูงก็ถูกฉาบสองใบประกบเอาไว้ตรงกลาง กลายเป็นจานกลมสีดำขนาดมหึมาจานหนึ่งเสียแล้ว
จานกลมสีดำเลือนหายไปก่อนจะหมุนเร็วจี๋พุ่งไปทางที่หลิ่วหมิงขี่กระบี่หนีไปอย่างดุดัน
เผ่ายมโลกร่างเตี้ยถอนหายใจ สายตากวาดมองไปรอบด้าน
เวลานี้สนามรบที่อยู่ไกลๆ ชุลมุนวุ่นวาย ชั่วขณะหนึ่งมองหาร่างของหญิงสาวชุดสีเงินจากเมืองเลี่ยเยี่ยนไม่พบ
เมื่อหันกลับมามองอีกครั้ง เผ่ายมโลกร่างสูงกับหลิ่วหมิงก็เหาะไล่ตามกันไปไกลหลายลี้แล้ว
เขาจนปัญญาจึงได้แต่ยกสองมือขึ้น กรงเล็บผีสีดำสนิทสองข้างหมุนเร็วไวกลางอากาศกลายเป็นวงล้อเวทสีดำสนิทคู่หนึ่ง หมอกหนาสีดำสนิทสายหนึ่งทะลักออกมาจากวงล้อเวท
ร่างกายกระโจนครั้งเดียว เผ่ายมโลกร่างเตี้ยก็เหยียบวงล้อเวทกลายเป็นแสงสีดำสายหนึ่ง พุ่งเร็วจี๋ไปทางที่หลิ่วหมิงหนีไป
อีกด้านหนึ่งหุ่นระดับดาราพยากรณ์ที่บุรุษร่างยักษ์ชุดฟ้าปล่อยออกมา หลังจากลงมือสังหารแม่ทัพมืดระดับแก่นแท้จากเมืองเหลิ่งเยวี่ยที่คิดหนีอีกตนหนึ่งอย่างรวดเร็วปานสายฟ้าแลบ มันก็แหงนหน้าคำรามยาวคล้ายพลังเวทไม่พอ
เสียงดังกึกก้องประหนึ่งอสนีบาต ทุ้มต่ำผิดปกติ
ทันใดนั้นร่างกายอันโอฬารของมันก็พังทลายกลายเป็นปราณสีดำม้วนถอยกลับกลายเป็นป้ายคำสั่งสีดำแผ่นหนึ่งแล้วถูกบุรุษร่างใหญ่ชุดสีฟ้าที่อยู่กลางอากาศเก็บกลับไปในมือ
ในเวลาเดียวกันเผ่ายมโลกจากเมืองหานสุ่ยกับเมืองเลี่ยเยี่ยก็ปรับกระบวนทัพอย่างรวดเร็วของแม่ทัพมืดระดับแก่นแท้หลายตนเริ่มนำพวกเขาแยกย้ายไล่โจมตีเผ่ายมโลกของเมืองเหลิ่งเยวี่ยที่หนีไปทั่วทุกสารทิศ
ใจกลางสนามรบอันอลหม่าน เหลิ่งเหมิงมองสถานการณ์ศึกรอบด้าน สีหน้าถมึงทึงดุจสายน้ำ
ในตอนนี้เองแม่ทัพมืดระดับแก่นแท้จากเมืองหานสุ่ยที่สวมชุดเกราะสีฟ้าหน้าตาเหมือนกันทุกประการสองตนก็พาผู้คุ้มกันเผ่ายมโลกจากเมืองหานสุ่ยยี่สิบกว่าตนค่อยๆ ล้อมเข้ามาจากสี่ด้านแปดทิศ
หางตาของเหลิ่งเหมิงกระตุก ดวงตาทอประกายเย็นยะเยือก มือข้างหนึ่งใช้เคล็ดวิชา ส่วนมืออีกข้างหนึ่งยกขึ้นคว้าอากาศ ทวนวงเดือนสีเงินยาวสองจั้งเล่มหนึ่งปรากฏขึ้นในมือทันที
ร่างกายที่สูงถึงสามจั้งกับทวนวงเดือนสีเงินเล่มยาวใหญ่ยักษ์เล่มหนึ่งทำให้เขาแลดูน่าเกรงขามขึ้นมากในทันใด!
เขาสะบัดทวนวงเดือนสีเงินในมือใส่ความว่างเปล่าตรงหน้าด้วยสีหน้าเรียบเฉย ทันใดนั้นผิวของทวนวงเดือนก็มีปราณสีดำพลุ่งพล่านออกมา เงาแรดยักษ์ตาเดียวที่มีลวดลายยมโลกสีเงินกับสีดำเต็มตัวปรากฏตัวขึ้น บนหัวมีกระดูกแหลมงอกออกมามากมาย
ทันทีที่ปรากฏตัว แรดยักษ์พลันคำรามลั่นสะเทือนฟ้าสะเทือนดิน จากนั้นขาสี่ข้างกระทืบพื้นกลายเป็นแสงสีเงินเส้นหนึ่งเหาะโถมเข้าใส่แม่ทัพมืดชุดเกราะสีฟ้าสองตนเบื้องหน้า
แม่ทัพมืดชุดเกราะสีฟ้าสองตนนั้นเห็นสถานการณ์ต่างหน้าถอดสี พากันกระตุ้นธงผืนใหญ่สีฟ้าแวววาวในมือ เพลิงปราณสีฟ้ามหาศาลทะลักออกมา อากาศรอบตัวพวกเขาอุณหภูมิลดลงฮวบฮาบ ลิ่มน้ำแข็งสีฟ้าหม่นขนาดหนึ่งจั้งกว่าชิ้นแล้วชิ้นเล่าลอยอยู่รอบตัวพวกเขา
เงาแรดยักษ์ตาเดียวที่กลายเป็นแสงสีเงินพุ่งผ่านที่ใด อากาศบิดเบี้ยวล้วนเลือนราง มันพุ่งวูบเดียวก็ปรากฏตัวเหนือร่างแม่ทัพมืดเกราะสีฟ้าทั้งสองตน เสียงดุจสายฝนกระทบใบตองดังขึ้นพักหนึ่ง
ลิ่มน้ำแข็งสีฟ้าหม่นที่พวกเขาภาคภูมิใจเหล่านั้นกลับไม่อาจขวางแรดยักษ์ตาเดียวได้แม้แต่น้อย
แต่แรดยักษ์ตาเดียวที่โถมเข้ามาชะลอความเร็วลงเล็กน้อย
แม่ทัพมืดชุดเกราะสีฟ้าสองตนเห็นเช่นนี้ก็ตกตะลึงอย่างยิ่ง ทว่าผู้ที่ฝึกฝนจนบรรลุระดับแก่นแท้ขั้นต้นย่อมไม่ใช่ผู้ที่ฝีมือธรรมดา พวกเขาฉวยจังหวะนี้อ้าปากพ่นลมปราณหนาทึบคำหนึ่งใส่ธงใหญ่สีฟ้าแวววาวในมือพร้อมกันอย่างไม่ได้นัด เพลิงปราณที่แผ่ออกมาจากธงแผ่กว้างขึ้นในทันใด!
ธงผืนใหญ่สีฟ้าแวววาวทั้งสองคันต่างกลายเป็นหมาป่ายักษ์สีฟ้าใสเป็นประกายตัวหนึ่ง พวกมันกระโจนออกมาหมายจะโรมรันกับเงาแรดยักษ์ตาเดียว
เห็นสถานการณ์เช่นนี้ ผู้คุ้มกันเผ่ายมโลกจากเมืองหานสุ่ยยี่สิบกว่าตนที่ก่อนหน้านี้คิดจะล้อมเข้าไปใกล้ขึ้นก็มองหน้ากัน ไม่กล้าเข้าไปอีก
เหลิ่งเหมิงเห็นเช่นนี้พลันยิ้มหยัน ทวนวงเดือนสีเงินในมือสะบัดทันที
ทันใดนั้นเสียงอสนีบาตก็ฟาดดังกลางฟ้าแจ้ง!
เงาทวนวงเดือนสีเงินมากมายถี่ยิบกวาดออกไปสี่ทิศแปดทาง
ผู้คุ้มกันเผ่ายมโลกเหล่านั้นหน้าถอดสี ชั่วเวลาฉุกละหุกอยากจะหนีก็ไม่ทันได้หนีไปไหน
เสียงปังดังสนั่นอยู่พักหนึ่ง เผ่ายมโลกยี่สิบกว่าตนถูกเงาของทวนวงเดือนสีเงินที่โหมกระหน่ำดุจคลื่นคลั่งกลืนกลบในพริบตา เสียงกรีดร้องยังไม่ทันดังออกมาก็กลายเป็นเศษเนื้อ
หลังทำทุกสิ่งนี้เสร็จสิ้น เหลิ่งเหมิงจึงแค่นเสียหยันคำหนึ่ง ทวนวงเดือนสีเงินในมือสะบัดอีกครั้ง ฟาดรุนแรงไปด้านหน้า
เสียงระเบิดดังแสบแก้วหู!
ทวนวงเดือนสีเงินส่ายวูบเดียวก็ใหญ่ขึ้นหลายเท่าจนกลายเป็นรุ้งสีเงินยาวสิบกว่าจั้งสายหนึ่ง วาดผ่านระยะทางสามสิบจั้งราวกับเคลื่อนย้ายชั่วพริบตา อึดใจเดียวทะลวงผ่านหน้าอกของแม่ทัพมืดเกราะสีฟ้าตนนั้นทางด้านซ้ายมืออย่างโหดเหี้ยม
แม่ทัพมืดตนนี้มองเหลิ่งเหมิงที่ยืนตระหง่านอยู่ไกลๆ ดุจเทพสงครามองค์หนึ่งอย่างไม่อยากเชื่อ แล้วมองรูเลือดที่แทบจะกินทั้งหน้าอกของตน จากนั้นสติพลันเลือนราง สิ้นใจในตอนนั้นเอง
หมาป่ายักษ์สีฟ้าบนท้องนภาที่สูญเสียการสนับสนุนก็หอนโหยหวน สลายตัวตามไปด้วย
หมาป่ายักษ์สีฟ้าใสเพียงตัวเดียวไม่อาจต้านการโจมตีอันดุร้ายของแรดยักษ์ตาเดียวได้แม้แต่น้อย หลังจากผ่านไปเพียงลมหายใจหนึ่งมันก็ถูกนอสีเงินบนหัวของแรดยักษ์เสยจนสลายไปดุจเดียวกัน
เมื่อแม่ทัพมืดเกราะฟ้าอีกตนหนึ่งตั้งสติได้ เขาก็รู้สึกว่าเบื้องหน้ามีแสงสีเงินสว่างวาบ ร่างกายถูกแรดยักษ์ตาเดียวโถมเข้าใส่แล้วทะลวงผ่านร่างไป
แม่ทัพมืดระดับแก่นแท้สองตนกับผู้คุ้มกันเผ่ายมโลกยี่สิบกว่าตนจากเมืองหานสุ่ยถูกเหลิ่งเหมิงสังหารในเวลาไม่กี่ลมหายใจ นี่ทำให้เผ่ายมโลกตนอื่นที่เดิมทีแย่งกันรุมล้อมเข้ามาเงียบกริบดุจจักจั่นยามเหมันต์
ตอนนี้ในสายตาพวกเขาเหลิ่งเหมิงผู้สูงถึงสามจั้งและถือทวนวงเดือนสีเงินอยู่ในมือผู้นั้นประดุจดั่งเทพแห่งการสังหาร