ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ - ตอนที่ 1087 ผียักษ์แห่งแม่น้ำมืด
“ในเมื่อน้ำจากแม่น้ำมืดมีผลทำให้การฝึกฝนเคล็ดวิชากระดูกดำก้าวหน้า บางทีอาจลองใช้หยดพลังวารีแม่น้ำมืดเหล่านี้ผสานเข้าไปในวิชามังกรพยัคฆ์ทมิฬได้” ความคิดของหลิ่วหมิงแล่นเร็วไว
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้เขาก็ทนรอไม่ไหวเปิดจุกของน้ำเต้าสีดำ มือข้างหนึ่งยกขึ้นกวัก หยดน้ำสีดำขนาดเท่าเมล็ดถั่วหยดหนึ่งลอยออกมาจากในน้ำเต้า หยดพลังวารีแม่น้ำมืดนั่นเอง
ปราณสีดำทะลักออกมาจากร่างของหลิ่วหมิงกลายเป็นพยัคฆ์หมอกสีดำตัวหนึ่งอ้าปากกลืนหยดน้ำสีดำเข้าไป จากนั้นสองมือของหลิ่วหมิงก็ทำท่าเคล็ดวิชา ปากเริ่มท่องมนตร์
ผ่านไปไม่นานนัก ร่างกายของพยัคฆ์หมอกก็ค่อยๆ มีไอน้ำสีดำสนิทชั้นหนึ่งห้อมล้อม
“ใช้ได้จริงๆ !”
หลิ่วหมิงตาวาว
หยดพลังวารีแม่น้ำมืดผสานเข้ากับวิชามังกรพยัคฆ์ทมิฬได้อย่างง่ายดายยิ่งนัก ทำให้เงาพยัคฆ์หมอกที่เดิมทีก็ก่อตัวชัดอยู่แล้ว มีร่างชัดเจนขึ้นอีก
หลิ่วหมิงย่อมยินดียิ่ง แม้หยดพลังวารีแม่น้ำมืดเหล่านี้เตรียมไว้สำหรับฝึกฝนเคล็ดวิชากระดูกดำในภายหลัง แต่สถานการณ์ตอนนี้ไม่มีเวลาสนใจมากมายปานนั้น
เขาวางน้ำเต้าหยกดำไว้ตรงที่ว่างเบื้องหน้าทันที มือข้างหนึ่งหยกขึ้นกวัก หยดพลังวารีสิบกว่าหยดลอยออกมาจากในน้ำเต้า ขณะที่ปากเอ่ยท่องมนตร์ ปราณดำก็ทะลักออกจากร่างเขาอย่างไม่เหลือเผื่อไว้แม้แต่น้อย
ต่อจากนั้นเคล็ดวิชาที่มือเขาก็เร่งเร็วขึ้น เสียงมังกรกู่ร้องพยัคฆ์คำรามดังออกมา มังกรหมอกสีดำสนิทดุจหมึกหกตัวกับพยัคฆ์หมอกที่ดูราวกับมีชีวิตหกตัวก่อตัวเหาะออกมาจากปราณดำ พวกมันกระโจนขย้ำไม่กี่หนก็กลืนหยดพลังวารีสิบกว่าหยดนี้เข้าไปด้านใน…
เวลาสองเดือนผ่านไปดุจพริบตาเดียว
ช่วงเวลานี้หลิ่วหมิงผสานหยดพลังวารีแม่น้ำมืดเกือบทั้งหมดในมือเข้าไปในวิชามังกรพยัคฆ์ทมิฬแล้ว วิชามังกรพยัคฆ์ทมิฬมีพลังเพิ่มขึ้นจริงดังว่า
สิ่งที่เห็นอยู่ในห้องลับของโรงเตี๊ยมยามนี้ก็คือปราณสีดำที่ถาโถมเป็นผืนพร้อมกับความหนาวเย็นที่อาบไปทั่ว
พื้นที่ขนาดไม่ใหญ่แห่งนี้กลายเป็นมิติสีดำสนิทที่ยื่นมือออกมาก็มองไม่เห็นนิ้ว นี่ก็คือพลังคุกมืดของวิชามังกรพยัคฆ์ทมิฬนั่นเอง
หลิ่วหมิงหลับตายืนอยู่ใจกลางมิติคุกมืด หน้าอกพองขึ้นยุบลง ร่างกายนิ่งไม่ขยับ
ทันใดนั้นเขาก็สะบัดมือทั้งสองข้างแล้วลืมตาขึ้น โพล่งคำว่า “ลุกขึ้น” ออกมาเบาๆ
“ซ่า” เสียงน้ำไหลดังออกมาจากสี่ด้านแปดทิศในทันใด ปราณวารีอันหนาวเย็นและเข้มข้นสายแล้วสายเล่าโถมเข้าจู่โจม
มิติสีดำสนิทที่มีหลิ่วหมิงเป็นใจกลางฉับพลันเกิดประกายน้ำสีดำระลอกแล้วระลอกเล่าผุดขึ้นมา ต่อจากนั้นเสียงภูตผีกรีดร้องแหลมสูงก็ดังระงมจากตรงนั้นตรงนี้
ประกายน้ำสีดำสั่นไหววูบหนึ่ง ภูตผีสีดำสูงหนึ่งจั้งกว่าตนแล้วตนเล่าก็ทยอยกระโดดออกมาจนมากมายยั้วเยี้ย มีเกือบร้อยตน
ภูตผีเหล่านี้สองตาดุจกระบวย บนศีรษะมีเขายาวสีขาวสลับดำเขาหนึ่ง ในปากมีเขี้ยวโง้งคู่หนึ่งโผล่ออกมาด้านนอก บนแผ่นหลังมีครีบหน้าตาเหมือนคลื่นงอกยาวจรดหางที่เหมือนกิ้งก่าด้านหลัง ระหว่างที่แยกเขี้ยวสะบัดกรงเล็บ รอบตัวก็เกิดประกายน้ำสีดำสนิทเป็นชั้นๆ แลดูดุร้ายยิ่งนัก
หลิ่วหมิงมองภูตผีเหล่านี้แล้วเผยสีหน้ายินดีออกมาเล็กน้อย
ภูตผีเหล่านี้ก็คือผีน้อยแม่น้ำมืดที่เขาสร้างขึ้นมาจากการผสานพลังของหยดพลังวารีแม่น้ำมืดเข้ากับวิชามังกรพยัคฆ์ทมิฬ
สิ่งที่แตกต่างจากจินตนาการก่อนหน้าก็คือภูตผีเหล่านี้ล้วนมีร่างจริง อีกทั้งแต่ละตนล้วนผสานหยดพลังวารีแม่น้ำมืดไว้ราวเจ็ดแปดหยด
ด้วยระดับพลังของเขาวันนี้ ตอนนี้เรียกออกมาได้ทั้งหมดราวหนึ่งร้อยตน พลังของภูตผีแต่ละตนไม่เป็นรองผู้ฝึกฝนระดับของเหลวจิตวิญญาณขั้นปลาย
นอกจากนี้หากเขาถ่ายเทพลังเวทเข้าไปต่อเนื่องไม่ขาดสาย หลังจากภูตผีเหล่านี้ถูกโจมตีจนร่างสลายก็ยังก่อตัวขึ้นใหม่ได้ทันที
ลองนึกดู หากถูกภูตผีระดับของเหลวจิตวิญญาณขั้นปลายมากมายเช่นนี้รุมเข้าใส่ไล่หลังตามกันมาไม่ขาด ต่อให้ผู้ฝึกฝนระดับแก่นแท้ตกอยู่ด้านใน ชั่วครู่ชั่วยามก็คงไม่อาจหลุดออกมาได้ง่ายๆ
หลิ่วหมิงพยักหน้าอย่างพึงพอใจ จากนั้นก็โบกสองมืออย่างต่อเนื่อง แสงสว่างสีเหลืองเข้มผืนหนึ่งสว่างขึ้นวูบหนึ่งก่อนจะหายไป เขาเรียกมุกบรรพตธาราทั้งสิบสองเม็ดออกมานั่นเอง
เขาท่องมนตร์พักหนึ่ง ผิวของมุกบรรพตธาราทั้งสิบสองเม็ดก็เปล่งแสงจิตวิญญาณวูบหนึ่ง ประกายน้ำสีดำส่องสว่าง เสียงคลื่นโถมซัดดังออกมาจากด้านใน
ประกายแสงสีดำที่เปล่งออกมาจากมุกบรรพตธาราผสานเข้ากับปราณดำของมิติคุกมืด พร้อมกับที่เสียงท่องมนตร์จากปากของหลิ่วหมิงเร่งเร็วขึ้น มุกบรรพตธาราทั้งสิบสองเม็ดก็เปลี่ยนไป กลายเป็นผียักษ์สีดำสนิททั้งร่างขนาดสิบกว่าจั้งยี่สิบตน
ผียักษ์สิบสองตัวนี้คล้ายคลึงกับผีน้อยแม่น้ำมืดก่อนหน้านี้อยู่มาก แต่หน้าตาดุร้ายยิ่งกว่า โหดเหี้ยมยิ่งกว่า เขาประหลาดบนศีรษะของมันจากหนึ่งเขาก็เปลี่ยนเป็นสองเขา อีกทั้งบนร่างยังมีเกล็ดสีดำขนาดเท่าฝ่ามือเกล็ดแล้วเกล็ดเล่าแผ่ไปทั่ว ครีบบนแผ่นหลังตั้งแต่ต้นจรดปลายมีกระดูกแหลมสีขาวประหนึ่งหอกยาวเจ็ดแปดแท่งงอกออกมา สองแขนยาวผิดปกติจนแทบห้อยถึงตำแหน่งของหัวเข่า
หลังจากผสานหยดพลังวารีแม่น้ำมืดเข้าไปในวิชามังกรพยัคฆ์ทมิฬแล้ว มันก็ยิ่งเข้ากันกับมุกบรรพตธารา!
หลิ่วหมิงอาศัยข้อคิดในการฝึกฝนบางส่วนของราชายมโลกหมิงอวี้จนเข้าใจถ่องแท้ ผสานมุกบรรพตธาราสิบสองลูกนี้เข้ากับมิติคุกมืดสำเร็จ!
มุกบรรพตธาราเดิมก็มีพลังไร้ขีดจำกัด เมื่อมีพลังของคุกมืดเสริมจนจำแลงเป็นผียักษ์แม่น้ำมืด แต่ละตนก็แทบจะมีพลังใกล้เคียงกับผู้ฝึกฝนระดับแก่นเสมือน นอกจากนี้หลิ่วหมิงคาดการณ์ว่าเมื่อระดับพลังของเขาสูงขึ้น พลังของผียักษ์เหล่านี้ก็คงจะร้ายกาจขึ้นเรื่อยๆ ด้วย
เขาฉุกคิดบางอย่างขึ้นมาจึงคลายเคล็ดวิชาที่มือทั้งสองข้าง มิติคุกมืดกับภูตผีด้านในสลายไปพร้อมเสียงกึกก้อง กลายเป็นปราณสีดำนับไม่ถ้วนกลืนเข้ามาในร่างของเขาราวกับวาฬสูบน้ำ จากนั้นมุกบรรพตธาราสิบสองเม็ดก็ลอยเข้ามาในแขนเสื้อของเขา
“พลังของวิชามังกรพยัคฆ์ทมิฬเพิ่มขึ้นมาถึงระดับนี้ น่าจะพอบรรลุเงื่อนไขของปี้เหยียนแล้วกระมัง” หลังจากเขาพึมพำประโยคหนึ่งก็นั่งขัดสมาธิ
วันนี้หลิ่วหมิงกำลังศึกษาข้อคิดระหว่างการฝึกฝนของราชายมโลกหมิงอวี้อยู่ในห้องลับ แสงสีขาวเส้นหนึ่งก็พุ่งพรวดมาจากด้านนอก พร้อมกับเสียงใสกังวาน
เขาลืมตาขึ้น สะบัดมือส่งแรงดูดสายหนึ่งออกมา ดึงแสงสีขาวมาไว้ในมือ มันคือยันต์ถ่ายทอดเสียงแผ่นหนึ่ง
เขาฉีกยันต์ถ่ายทอดเสียงจนแหลก เสียงหนึ่งก็ดังขึ้น ปี้เหยียนนั่นเอง
หลิ่วหมิงลุกขึ้นแล้วเดินออกจากห้องลับมาถึงประตู จากนั้นเปิดประตูใหญ่ออกไปทันที
แล้วเขาก็เห็นปี้เหยียนยืนอยู่กับผู้ฝึกฝนเผ่ายมโลกหน้าตาแตกต่างกันอีกห้าตนที่นอกประตู
“ที่แท้ก็พี่ปี้เหยียนนี่เอง แล้วยังมีสหายท่านอื่นด้วย เชิญเข้ามาเถิด” หลิ่วหมิงกวาดสายตาผ่านบนร่างเผ่ายมโลกห้าตนไวๆ พร้อมกับเบี่ยงกายหลบจากประตูใหญ่ ผายมือทำท่าเชิญ แต่ในใจกลับคิดบางอย่าง
ห้าตนด้านหลังปี้เหยียนล้วนเป็นเผ่ายมโลกระดับแก่นแท้ ผู้เฒ่าซีดเซียวสวมชุดสีน้ำเงินตนหนึ่งถือไม้เท้าทำจากไม้สีเขียวมันวาว บุรุษวัยกลางคนคิ้วพาดเฉียงหน้าง่วงเหมือนไม่ได้นอนตนหนึ่ง แล้วก็มีชายหนุ่มผู้สะพายกระบี่คู่ไว้ด้านหลังหน้าตาดูอายุเพียงยี่สิบกว่าปีอีกตนหนึ่ง
สามตนนี้ยังนับว่าแลดูค่อนข้างธรรมดา แต่อีกสองตนที่เหลือรูปลักษณ์กลับพิเศษยิ่งนัก
ตนหนึ่งในนั้นมีท่อนบนเป็นมนุษย์ แต่ร่างกายท่อนล่างเป็นแมลง มีขาแหลมคมยาวเรียวหกข้าง ตรงก้นก็มีเหล็กในกระดูกแท่งหนึ่ง
ส่วนอีกตนหนึ่งมีร่างเป็นมนุษย์ หัวเป็นพยัคฆ์ ร่างกายสูงถึงสองสามจั้ง ดูองอาจอย่างยิ่ง
ในทั้งห้าตน เผ่ายมโลกครึ่งแมลงกับเผ่ายมโลกหัวพยัคฆ์พลังระดับแก่นแท้ขั้นปลาย ส่วนสามตนที่เหลือล้วนระดับแก่นแท้ขั้นกลาง
พวกปี้เหยียนเดินเข้ามาตามลำดับ หลิ่วหมิงปิดประตูห้องแล้วเชิญทั้งหกคนเข้ามาในโถงรับแขก จากนั้นเอ่ยขึ้นว่า
“ที่พักแห่งนี้ของข้าเรียบง่ายไปบ้าง ขายหน้าทกุท่านแล้ว”
“ฮ่ะๆ พี่อิ่นหานไม่ต้องเกรงใจเช่นนี้ มา ข้าแนะนำกับท่าน ท่านทั้งหลายเหล่านี้ล้วนเป็นสหายที่ผู้แซ่ปี้เชิญมาร่วมภารกิจครั้งนี้ พวกท่านทำความรู้จักกันสักหน่อย” ปี้เหยียนในฐานะผู้รวบรวมคนทำภารกิจครั้งนี้ แนะนำหลิ่วหมิงกับทั้งห้าตนอย่างกระตือรือร้น
ผู้เฒ่าซีดเซียวที่สวมชุดสีน้ำเงินนามว่าสือคู บุรุษวัยกลางคนคิ้วเฉียงแซ่ลี่นามว่าเซวียน ชายหนุ่มกระบี่คู่เรียกตนเองว่าเจี้ยนอู่ ได้ยินว่าทั้งสามตนล้วนเป็นผู้ฝึกฝนอิสระเผ่ายมโลก จึงนับว่าค่อนข้างเกรงใจหลิ่วหมิงอยู่
ส่วนเผ่ายมโลกครึ่งแมลงตนนั้นกับเผ่ายมโลกหัวพยัคฆ์กลับมีความเป็นมาอยู่บ้าง พวกเขามาจากกลุ่มอำนาจที่ค่อนข้างพิเศษสองกลุ่มของแดนวารีมืด
แต่ปี้เหยียนไม่ได้แนะนำมากนัก หลิ่วหมิงก็ย่อมไม่ถามมาก เพียงรู้ว่าเผ่ายมโลกครึ่งแมลงผู้นั้นนามว่าชื่อหู ส่วนเผ่ายมโลกหัวพยัคฆ์นามว่าหวั่งเหลียง
เผ่ายมโลกสองตนนี้ในดวงตาเต็มไปด้วยแววตาดูแคลนหลิ่วหมิงผู้พลังเพียงระดับแก่นแท้ขั้นต้น แต่ก็ยังผงกศีรษะให้ด้วยสีหน้าหยิ่งยโส
หลิ่วหมิงไม่เปลี่ยนสีหน้าแม้แต่น้อย เขาทักทายเผ่ายมโลกเหล่านี้ทีละตน ในใจลอบจดจำคนเหล่านี้เอาไว้
“พี่อิ่นหาน ผ่านไปสองเดือนแล้ว คิดว่าท่านน่าจะฝึกฝนสำเร็จบ้างแล้วกระมัง?” หลังจากปี้เหยียนแนะนำคนที่นั่งอยู่จนครบก็เปลี่ยนประเด็น
“ฮ่ะๆ ต้องขอบคุณคัมภีร์ของพี่ปี้เหยียน ข้าจึงได้อะไรมาเล็กน้อย” หลิ่วหมิงยิ้มน้อยๆ เอ่ยแบ่งรับแบ่งสู้
“ถ้าเช่นนั้นก็ดี ไม่สู้ตอนนี้ให้ข้าทดสอบสักหน่อย ดูว่าวิชาของพี่อิ่นหานฝึกปรือเป็นอย่างไรแล้ว” ปี้เหยียนฟังแล้วก็ยินดี จากนั้นตบถุงสีเทาใบหนึ่งข้างเอวทันที
แสงสีเขียวสว่างวูบหนึ่ง ภูตวานรขนยาวสีเขียวเต็มตัวตนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นในห้องโถง
เผ่ายมโลกที่นั่นเห็นเช่นนี้ สีหน้าล้วนเปลี่ยนไปเล็กน้อย
วานรขนเขียวตัวนี้เป็นภูตระดับแก่นแท้ตนหนึ่ง
“นี่คือภูตรับใช้ตนหนึ่งของข้า พลังนับว่าไม่เลว พี่อิ่นหานใช้พลังคุกมืดขังภูตรับใช้ตัวนี้เอาไว้ให้ได้ก็นับว่าผ่านด่าน” ปี้เหยียนเอ่ยเรียบๆ
เพิ่งเอ่ยจบ เขาก็ยกมือยิงเคล็ดวิชาสีน้ำเงินสายหนึ่งออกมา มันพุ่งหายวับจมเข้าไปในกระหม่อมของวานรขนเขียว
ดวงตาสองข้างของวานรขนเขียวฉับพลันเปล่งแสงสีเขียวออกมา ทันใดนั้นมันก็หันหน้ามามองหลิ่วหมิง ร่างกายขยับวูบเดียวกลายเป็นเงาลวงสีเขียวสายหนึ่งพุ่งพรวดเข้าใส่หลิ่วหมิง
แม้วานรขนเขียวจะรวดเร็วไม่เลว แต่สำหรับหลิ่วหมิงแล้วกลับไม่นับเป็นอันใด มือข้างหนึ่งของเขาใช้เคล็ดวิชา ปราณสีดำทะลักออกมากลายเป็นมังกรหมอกหกตัวกับพยัคฆ์หมอกหกตัว
ทันใดนั้นลมปราณหนาวยะเยือกเสียดแทงกระดูกสายหนึ่งก็ท่วมห้องโถงใหญ่ อุณหภูมิลดลงอย่างฉับพลัน!
มังกรหมอกหกตัวพุ่งพรวดเข้าไปขวางเบื้องหน้าวารขนเขียว
วานรขนเขียวเกรี้ยวกราด อ้าปากพ่นลำแสงสีเขียวสายแล้วสายเล่าออกมาโจมตีมังกรหมอกสลายไปสามตัวติด แต่ร่างกายของมันก็ถูกขวางไว้ได้
ดวงตาของหลิ่วหมิงทอประกายวูบหนึ่ง จากนั้นเลิกคิ้วสองข้าง สองมือทำท่าเคล็ดวิชา เอ่ยคำว่า “คุกมืด” ออกมาจากปากอย่างรวดเร็ว
มังกรหมอกสามตัวที่เหลือกับพยัคฆ์หมอกหกตัวที่ตามมาติดๆ ระเบิดกลายเป็นแสงสีดำผืนใหญ่ล้อมวานรขนเขียวไว้ด้านใน
ปี้เหยียนเห็นเช่นนี้ ในดวงตาก็ฉายแววตื่นเต้นยินดีอันยากจะสังเกตเห็นแวบหนึ่งก่อนจะพยักหน้า
ผู้ฝึกฝนอิสระเผ่ายมโลกสามตนเวลานี้ถอยไปอยู่มุมห้องนานแล้ว พวกเขาสบตากันแล้วผงกศีรษะเล็กน้อย เห็นชัดว่าค่อนข้างยอมรับหลิ่วหมิง
ส่วนเผ่ายมโลกครึ่งแมลงกับเผ่ายมโลกใบหน้าพยัคฆ์อีกด้านหนึ่งกลับสีหน้าราบเรียบ คล้ายกับว่ามิติคุกมืดที่หลิ่วหมิงใช้ไม่มีค่าให้ชายตาแล
ด้านในมิติสีดำ วานรขนเขียวกระโดดขึ้นลงอยู่พักหนึ่ง หลังจากพบว่าไม่อาจหลุดจากการคุมขังไปได้ก็โกรธจัดทันที
มันอ้าปากร้องเสียงประหลาดครั้งหนึ่ง ร่างกายพลันมีเปลวเพลิงสีเขียวชั้นหนึ่งปรากฏขึ้นมา สิบนิ้วมีกรงเล็บแหลมคมยาวหนึ่งฉื่อกว่างอกออกมาอย่างรวดเร็วก่อนจะวาดไปซ้ายขวาเบื้องหน้า แสงกรงเล็บสีเขียวหยกที่มีเปลวเพลิงสีเขียวหุ้มอยู่วาดตัดสะเปะสะปะเป็นผืนพุ่งพรวดออกไปสะบั้นมิติสีดำรอบด้าน