ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ - ตอนที่ 1127 อันตรายไม่หยุดหย่อน
เสาแสงสีเหลืองทองสว่างจ้าขึ้นเรื่อยๆ พร้อมส่งเสียงหวีดหวิวดังออกมาเป็นพักๆ
ซือโห่วเปลี่ยนเคล็ดวิชาที่ท่องอยู่อย่างปุบปับพร้อมกับยกมือโบก น้ำเต้าสีทองขนาดเท่ากำปั้นแถวหนึ่งปรากฏขึ้นเบื้องหน้า จำนวนมากถึงยี่สิบกว่าใบ คลื่นพลังธาตุรุนแรงแผ่ออกมาเป็นระลอก นี่ก็คือน้ำเต้าสั่งสมทรายที่ผู้อาวุโสเหยาแห่งนิกายทรายรังสรรค์เอ่ยถึงก่อนหน้านี้
เขางอนิ้วแล้วจี้ดัชนี น้ำเต้าสีทองยี่สิบกว่าใบลอยเข้าไปในเสาแสงสีเหลือง
พรึ่บ!
เปลวเพลิงสีเหลืองผืนหนึ่งปรากฏขึ้นภายในเสาแสงสีเหลืองทอง โอบล้อมน้ำเต้าสั่งสมทรายทั้งยี่สิบกว่าใบไว้ด้านใน
ฉับพลันผิวของน้ำเต้าสั่งสมทรายเหล่านั้นก็เริ่มลอกออกช้าๆ เผยให้เห็นทรายสีทองเล็กละเอียดอย่างที่สุดเม็ดแล้วเม็ดเล่าด้านใน ที่มาของคลื่นพลังเวทธาตุดินอันรุนแรงอย่างที่สุดก็คือทรายสีทองเหล่านี้ พวกมันก็คือแก่นทรายที่นิกายทรายรังสรรค์ใช้เวลาหลายพันปีหลอมขึ้นมา
ทรายสีทองละลายท่ามกลางเปลวเพลิงอย่างเชื่องช้า หากจะให้ละลายจนหมด ดูท่าคงต้องใช้เวลาไม่น้อย
เสาแสงสีทองผสานเข้ากับแก่นทราย แสงสว่างจ้าขึ้นอีกครั้ง
เวลาเดียวกันด้านในหุบเขารกร้างที่มีทะเลทรายเวิ้งว้างรายล้อมรอบด้านแห่งหนึ่ง เสาแสงสีทองมหึมาอย่างยิ่งอีกต้นหนึ่งพุ่งจากหุบเขาขึ้นทะลุหมู่เมฆ
ด้านในหุบเขาผู้อาวุโสจินหมานผู้มีเส้นผมดำขลับยืนอยู่กลางอากาศ ปากท่องมนตร์พร้อมกับส่งเคล็ดวิชาสายแล้วสายเล่าออกมาไม่หยุด
บนพื้นดินผู้ฝึกฝนแดนใต้ที่ใส่เสื้อผ้าแตกต่างกันสิบกว่าคนกำลังเฝ้าป้องกันอย่างกวดขันด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เสื้อผ้าของคนเหล่านี้มีร่องรอยขาดเสียหายอยู่ไม่มากก็น้อย เศษหินกับหลุมใหญ่ยักษ์กระจายอยู่ทั่วหุบเขา เห็นซากร่างของแมลงยักษ์อยู่จำนวนหนึ่งอยู่เป็นระยะ
ดูท่าขณะที่วางค่ายกล คนเหล่านี้คงพบการล้อมโจมตีของเผ่าหนอนผีเสื้อไม่น้อย แต่ก็จัดการไปได้
ทันใดนั้นผู้อาวุโสจินหมานก็หยุดท่องมนตร์แล้วโบกมือครั้งหนึ่ง น้ำเต้าสั่งสมทรายสีทองใบแล้วใบเล่าพุ่งออกมาผสานเข้าไปในเสาแสงสีเหลืองทอง เสาแสงเปล่งแสงสีทองแสบตาสายแล้วสายเล่าออกมาจากผิว ผลักดันพายุทรายรอบด้านให้ถาโถมปั่นป่วน
ในตอนนี้เองเสียงแสกสากก็ดังมาจากตรงนั้นตรงนี้ทั่วทุกทิศของทะเลทรายเวิ้งว้างที่ถูกพายุสีดำล้อมอยู่
……
ใจกลางโอเอซิสแห่งหนึ่งบนทะเลทราย เสาแสงสีทองต้นหนึ่งพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าเฉกเช่นเดียวกัน
แต่บริเวณรอบที่แห่งนี้หาสงบไม่ แมลงตัวน้อยใหญ่นับไม่ถ้วนโถมมาจากทั่วทุกสารทิศประหนึ่งน้ำหลาก
ศิษย์ระดับผลึกของนิกายทรายรังสรรค์สิบกว่าคนรอบค่ายกลสีทองกำลังต้านการโจมตีของเหล่าแมลงอย่างเอาเป็นเอาตายภายใต้การนำของผู้ฝึกฝนระดับแก่นแท้สี่คน
ใกล้กับค่ายกลมีศพแมลงมากมายกองพะเนินอยู่ ดูท่าการต่อสู้คงดำเนินมาได้ระยะเวลาหนึ่งแล้ว
ทว่าเมื่อเผชิญการโจมตีของแมลงระลอกแล้วระลอกเล่า ผู้ฝึกฝนเผ่ามนุษย์เหล่านี้ก็ค่อยๆ ต้านทานการโจมตีไม่อยู่
ผู้อาวุโสเหยาแห่งนิกายทรายรังสรรค์บนท้องฟ้ากวาดสายตามองสภาพรอบด้าน ดวงตาปรากฏแววตาร้อนรนจางๆ ปากท่องมนตร์เร็วไว น้ำเต้าสั่งสมทรายสีทองยี่สิบกว่าใบพุ่งออกมาจากแขนเสื้อของเขา แล้วถูกเขาโยนเข้าไปในเสาแสงสีทอง
ต่อจากนั้นมือของเขาก็ขยับคว้า มือขนาดใหญ่สีเทาที่ก่อตัวจากทรายสีเทาข้างหนึ่งลอยออกมาจากร่างแล้วบีบน้ำเต้าสั่งสมทรายเหล่านี้จนระเบิด
บึ๊ม เม็ดทรายที่มีแสงสีทองโอบล้อมอยู่สายแล้วสายเล่าผสานเข้าไปในเสาแสงสีเหลืองทอง
เมื่อโบกมือส่งเคล็ดวิชาหลายสายออกมาอีกครั้ง แสงสีทองก็ค่อยๆ สงบลง
ผู้อาวุโสเหยาเห็นเช่นนี้ ในที่สุดก็ถอนหายใจแล้วหันกลับมาในทันใด มือใหญ่เหวี่ยงครั้งหนึ่ง กลุ่มเมฆสีดำกลุ่มหนึ่งพลันพุ่งออกจากร่างของเขาแล้วลอยอยู่กลางอากาศ จากนั้นแผ่ขยายไปอย่างรวดเร็วยิ่งนัก พริบตาเดียวกลายเป็นเมฆดำสีดำสนิทผืนหนึ่ง
เปรี้ยง!
อสนีบาตนับไม่ถ้วนร่วงลงจากเมฆดำ ฟาดเข้าใส่แมลงรอบด้านอย่างบ้าคลั่ง
แมลงรอบบริเวณร้อยจั้งถูกสายฟ้าฟาดฉีกกระจายกลายเป็นฝนโลหิตเต็มผืนฟ้า
แรงกดดันที่มีต่อศิษย์นิกายทรายรังสรรค์ค่อยๆ ลดทอนลง แต่ยังไม่ทันที่พวกเขาจะได้ผ่อนคลาย กลางทะเลแมลงก็มีเสียงคำรามทุ้มต่ำดังขึ้น
เสียงคำรามราวกับจะทะลุทะลวงร่างผู้คน ความหนาวเย็นผุดพรายบนร่างศิษย์นิกายทรายรังสรรค์
ผู้อาวุโสเหยาสีหน้าเปลี่ยนไปเช่นกัน ทะเลแมลงรอบด้านปั่นป่วนอยู่พักหนึ่งก่อนจะเปิดทางเส้นหนึ่งออกมา แมลงสีเหลืองขนาดหลายสิบจั้งตัวหนึ่งเหาะออกมาอย่างเชื่องช้า
“แย่แล้ว เผ่าหนอนผีเสื้อระดับดาราพยากรณ์!” ผู้อาวุโสเหยารูม่านตาหดเล็ก สีหน้าเคร่งเครียดถึงขีดสุด
……
ในแอ่งกระทะขนาดมหึมาอีกที่หนึ่งของทะเลทรายหนานฮวง สายลมคลั่งเริงระบำอยู่รอบด้าน สายลมสีดำระลอกแล้วระลอกเล่าหอบพัด นอกจากเสาแสงสีเหลืองทองต้นหนึ่งตรงกลางที่พุ่งตรงขึ้นไปถึงชั้นเมฆก็มองไม่เห็นสิ่งใดทั้งสิ้น
ด้านในเสาแสงสีเหลืองทอง เม็ดทรายละเอียดสีทองผืนหนึ่งกำลังถูกเปลวเพลิงโอบล้อมหลอม ละลายอย่างเชื่องช้า
ผู้อาวุโสเฟิงแห่งเขาผ่านพิภพกับผู้ฝึกฝนอีกสิบกว่าคนเฝ้าปกป้องอยู่รอบเสาแสงด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
ไกลออกไป ดวงแสงมากมายถี่ยิบกลุ่มใหญ่กำลังเหาะมาหาพวกเขา
……
ตรงจุดที่พวกหลิ่วหมิงอยู่ กระตุ้นมหาค่ายกลทรายโปรยปรายได้ไม่ถึงชั่วครู่ก็มีเสียงอึกทึกเคลื่อนเข้าค่ายกล
หลิ่วหมิงสีหน้าหวาดหวั่นไปวูบหนึ่ง จิตสัมผัสของเขาพบว่าแมลงกลุ่มใหญ่กำลังกรีดร้องโถมเข้ามาหาจุดที่มหาค่ายกลทรายโปรยปรายตั้งอยู่ แม้แต่พื้นดินใต้เท้าก็เหมือนจะสั่นสะเทือน
ซือโห่วที่อยู่บนท้องฟ้าสีหน้าเคร่งเครียดผิดปกติ แสงสีเหลืองบนร่างเปล่งแสงเจิดจ้า เสียงท่องมนตร์งึมงำฟังยากดังออกมาจากปากอย่างเร็วไว ทันใดนั้นเขาก็ยกมือข้างหนึ่งขึ้น เคล็ดวิชาสายแล้วสายเล่าพุ่งออกจากมือของเขา
วิ้ง!
ฉับพลันใกล้กับมหาค่ายกลทรายโปรยปรายก็ปรากฏเสาแสงสีดำสี่ต้น ก่อตัวเป็นม่านแสงป้องกันสีดำชั้นหนึ่งล้อมพวกหลิ่วหมิงรวมทั้งมหาค่ายกลทรายโปรยปรายทั้งค่ายกลเอาไว้ด้านใน
ซือโห่วเพิ่งทำสิ่งเหล่านี้เสร็จ เสียงแสกสากก็ดังออกมาจากพายุทรายสีดำรอบด้าน แมลงน้อยใหญ่ตัวแล้วตัวเล่าทะลวงออกมาจากด้านใน
ทันทีที่แมลงเหล่านี้เห็นพวกหลิ่วหมิงก็กรีดร้องอย่างตื่นเต้นยินดีแล้วกระโจนเข้ามาทั่วทุกสารทิศประหนึ่งน้ำหลาก
เมื่อเห็นภาพนี้ผู้ฝึกฝนระดับแก่นแท้สามคนอย่างบุรุษร่างกำยำผมแดงต่างสีหน้าเปลี่ยนไปในทันใด พวกเขาสีหน้าเคร่งขรึม ทุ่มสมาธิทั้งหมดจับจ้องอีกฝ่ายที่กำลังบุกมา
ดวงตาของหลิ่วหมิงทอประกายดุดัน มือทำท่าเคล็ดวิชา ปราณสีดำชั้นหนึ่งผุดออกจากร่างในทันใด
ขณะที่ทั้งสี่คนกำลังจะลงมือนั่นเอง ในหูก็ได้ยินเสียงของซือโห่วดังขึ้น
“รอก่อน!”
หลิ่วหมิงได้ยินพลันหยุดร่างกายก่อนจะเงยหน้ามองไปยังท้องฟ้าเห็นซือโห่วลอยอยู่กลางอากาศ เบื้องหน้ามีอาวุธเวททรงขวดหยกสีดำสูงกว่าตัวคนชิ้นหนึ่งที่ไม่รู้ว่าเรียกออกมาตั้งแต่เมื่อไร
ขวดใบนี้สีดำสนิทดุจหมึกทั้งใบ บนผิวสลักลวดลายสีแดงเพลิงไว้มากมายถี่ยิบ เมื่อพลังเวทของซือโห่วกระตุ้นก็แผ่คลื่นเปลวเพลิงสีแดงฉานวงแล้ววงเล่า แรงกดดันจิตวิญญาณอันร้อนระอุไม่ธรรมดาสายหนึ่งแผ่ขยายออกมาอย่างฉับพลัน
ซือโห่วตบฝ่ามือข้างหนึ่ง ปากขวดหยกก็พลันเปล่งแสงสีแดง เส้นไหมแวววสีแดงนับไม่ถ้วนทะลักมืดฟ้ามัวดินออกมาจากขวดล้อมบริเวณร้อยจั้งรอบด้านเอาไว้
เสียงดังกึกก้อง เส้นไหมแวววาวสีแดงทยอยระเบิดกลายเป็นเปลวเพลิงสีแดงฉานดวงแล้วดวงเล่า
พริบตาเดียวบริเวณหลายร้อยจั้งที่มีค่ายกลเป็นศูนย์กลางก็กลายเป็นทะเลเพลิงลุกโชติช่วงร้อนระอุผืนหนึ่ง
ท่ามกลางทะเลเพลิงสีแดงฉานที่ล้อมรอบอยู่ กองทัพแมลงส่งเสียงกรีดร้องทุกข์ทรมาน ร่างกายบิดดิ้นถูกแผดเผ่าดังฉ่า แม้แต่เปลือกอันแข็งแกร่งของแมลงเหล่านี้ก็ต้านทานไม่ได้สักนิด
เวลาเพียงไม่กี่ลมหายใจ แมลงที่พุ่งเข้ามาในทะเลเพลิงระลอกแรกก็ถูกทะเลเพลิงกว้างใหญ่กลืนเข้าไปกลายเป็นควันสีเทาสายแล้วสายเล่า
ด้านในค่ายกลป้องกันสีดำ ดวงตาของหลิ่วหมิงฉายแววตกตะลึง
เปลวเพลิงสีแดงฉานเหล่านี้หน้าตาดูธรรมดาแต่กลับมีอุณหภูมิสูงเช่นนี้ แม้แต่แมลงระดับผลึกก็ทนไม่ได้
ผู้ฝึกฝนคนอื่นเห็นภาพนี้ต่างพากันดีใจเจียนคลั่ง
“กว่ามหาค่ายกลทรายโปรยปรายจะหลอมแก่นทรายในน้ำเต้าสั่งสมทรายเหล่านี้หมดเกรงว่าคงต้องใช้อย่างน้อยหลายชั่วยาม ทุกคนฟังให้ดี ในช่วงเวลานี้ต้องปกป้องค่ายกลไว้ให้จงได้ จะพลาดไม่ได้เด็ดขาด!” เสียงของซือโห่วดังขึ้นในหูของพวกหลิ่วหมิงที่อยู่กลางท้องฟ้า
“รับทราบ!” ผู้ฝึกฝนทั้งหลายตอบอย่างพร้อมเพรียง ต่างคนเรียกอาวุธจิตวิญญาณกับยันต์ออกมาในมือ เฝ้ารอศัตรูร้ายที่กำลังมาประชิด
ซือโห่วพยักหน้าแล้วไม่พูดคำใดอีก เขาควบคุมขวดหยกสีดำให้ปล่อยเปลวเพลิงสีแดงฉานสายแล้วสายเล่าไปทั่วทุกทิศผสานเข้าไปในทะเลเพลิงรอบด้าน ขยายอาณาเขตให้กว้างขึ้นเรื่อยๆ
แมลงนับไม่ถ้วนที่รายล้อมอยู่นอกทะเลเพลิงอย่างน้อยก็ไม่น้อยกว่าหลายพัน พวกมันวนเวียนไม่หยุด แต่เพราะหวั่นเกรงเปลวเพลิงที่ลุกโหมจึงไม่กล้าย่างกรายเข้ามาด้านใน เอาแต่ส่งเสียงกรีดร้องเป็นระยะ
หลังจากวนเวียนอยู่พักหนึ่งจุดหนึ่งกลางทะเลแมลงก็มีเสียงกรีดร้องประหลาดดังขึ้น ต่อจากนั้นทะเลแมลงฉับพลันแยกออก แมลงยักษ์ที่เห็นชัดว่าเหมือนเผ่าหนอนผีเสื้อระดับสูงห้าตัวปรากฏตัวออกมา
ร่างกายของแมลงเหล่านี้แตกต่างกันไป บางตัวยาวสิบกว่าจั้ง บ้างตัวกลับขนาดแค่หนึ่งจั้งกว่า แต่ทุกตัวล้วนมีใบหน้ามนุษย์บิดเบี้ยวดวงหนึ่งอยู่ไม่เว้น ลมปราณมหาศาลที่แผ่ออกมาเห็นชัดว่าเป็นเผ่าหนอนผีเสื้อระดับแก่นแท้ทั้งสิ้น
“ระวัง คุกเพลิงของข้าไม่แน่ว่าจะขวางเผ่าหนอนผีเสื้อระดับสูงได้!” เสียงเตือนของซือโห่วที่อยู่กลางท้องฟ้าดังขึ้นในหูของพวกหลิ่วหมิง
ผลปรากฏว่าเพิ่งเอ่ยจบ เรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น
กี๊ซ!
เผ่าหนอนผีเสื้อระดับแก่นแท้หน้าตาเหมือนตะขาบสีดำตัวหนึ่งกรีดร้อง ทันใดนั้นร่างกายก็เปล่งแสงสีดำหนาชั้นหนึ่งเป็นวงแสงคุ้มกันร่าง จากนั้นร่างกายมหึมาก็บิดตัวพุ่งเข้ามาในทะเลเพลิง โถมตรงเข้ามาหาพวกหลิ่วหมิง
เผ่าหนอนผีเสื้อระดับแก่นแท้สี่ตัวที่เหลือต่างสร้างแสงคุ้มกันร่างหนาเตอะบนตัวแล้วกระโจนมาจากทิศทางอื่นเช่นเดียวกัน
ทันทีที่เผ่าหนอนผีเสื้อระดับสูงเหล่านี้คืบคลานเข้าสู่ทะเลเพลิง คลื่นเปลวเพลิงสีแดงฉานก็โอบรัดเข้าหาแมลงระดับแก่นแท้เหล่านี้ประหนึ่งมีชีวิตในทันใด
แสงคุ้มกันร่างบนตัวแมลงระดับแก่นแท้ส่งเสียงดังฉ่า ถูกเปลวเพลิงสีแดงฉานโอบล้อมแล้วหลอมละลายอย่างรวดเร็ว ทว่าแสงคุ้มกันร่างบนตัวแมลงระดับแกนแท้เหล่านี้ผุดออกมาเพิ่มไม่ขาดสาย แม้เปลวเพลิงสีแดงฉานจะร้ายกาจ แต่ชั่วขณะหนึ่งก็ถูกกั้นไว้ด้านนอกไม่อาจทำอันตรายพวกมันถึงเนื้อในได้
พริบตาเดียวแมลงระดับแก่นแท้ไม่กี่ตัวนี้ก็ทะลุผ่านทะเลเพลิงแล้วโถมมายังค่ายกลป้องกันสีดำ
ซือโห่วเห็นภาพนี้ ปากพลันท่องมนตร์รัวเร็วพร้อมกับที่มือเปล่งแสงสีดำวูบหนึ่ง ธงค่ายกลสีดำสนิทผืนหนึ่งปรากฏขึ้นมา เขาโบกมันครั้งหนึ่ง ค่ายกลสีดำก็ส่งเสียงครวญคราง
เสาแสงสีดำหนาต้นแล้วต้นเล่าโผล่ออกมาจากม่านแสงของค่ายกลโจมตีลงบนร่างเผ่าแมลงระดับแก่นแท้หลายตัวนี้ นอกจากเผ่าหนอนผีเสื้อที่หน้าตาเหมือนแมลงปีกแข็งระดับแก่นแท้ขั้นต้นตัวหนึ่งที่ถูกโจมตีจนเกราะแข็งแตกกระจุย ร่วงเข้าไปในทะเลเพลิงสิ้นลมหายใจทันที สี่ตัวที่เหลือก็เพียงปลิวออกไปเท่านั้น
“ข้าต้องควบคุมคุกทะเลเพลิงจัดการแมลงพวกนั้นด้านนอก ลงมือเพิ่มไม่ได้แล้ว แมลงสามสี่ตัวนี้ยกให้พวกเจ้าจัดการ” ซือโห่วเห็นเช่นนี้ก็ถอนหายใจ สั่งเสียงเข้มกับพวกหลิ่วหมิง
เวลานี้แมลงระดับแก่นแท้สี่ตัวที่เหลือกำลังกระโจนเข้ามาจากทะเลเพลิงพร้อมกับแสงคุ้มกันร่างอีกครั้ง
ผู้ฝึกฝนระดับแก่นแท้ทั้งสี่คนอย่างพวกหลิ่วหมิงย่อมไม่กล้าชักช้า พวกเขาต่างควบคุมเคล็ดวิชาและอาวุธแยกย้ายกันเข้าประจันหน้า