ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ - ตอนที่ 1128 อันตรายขั้นวิกฤติ
บุรุษกำยำผมแดงขยับร่างวูบเดียว คนก็ไปอยู่กลางท้องฟ้าก่อนจะสะบัดแขนเสื้อกว้าง
ฟึบ!
ตราประทับสี่เหลี่ยมที่ทอประกายสีเงินระยิบระยับชิ้นหนึ่งลอยออกมา บนผิวสลักมังกรสีน้ำตาลแยกเขี้ยวกางกรงเล็บท่าทางดุร้ายดูประหนึ่งมีชีวิตอยู่ตัวหนึ่ง
ตราประทับพุ่งวูบเดียวก็ขยายใหญ่หลายจั้ง เสียงสายลมสายฟ้าดังออกมาจากบนนั้นเป็นระลอก ก่อนจะพาเงาเลือนรางสายหนึ่งพุ่งกระแทกแมลงสีน้ำเงินที่หน้าตาเหมือนแมงมุมตัวหนึ่ง
สองคนที่เหลือต่างไม่ยอมล้าหลัง พวกเขาเรียกพลั่วจันทร์เสี้ยวสีน้ำตาลเล่มหนึ่งกับค้อนดาวตกสีฟ้าครามคู่หนึ่งออกมา แต่ละคนขวางแมลงมหึมาตัวหนึ่งเอาไว้แล้วต่อสู้โรมรันกับมัน
เนื่องจากรู้จุดเด่นของแมลงประหลาดจากเผ่าหนอนผีเสื้อเหล่านี้ ดังนั้นทันทีที่พวกเขาลงมือจึงไม่ใช้วิชาเล่นงาน แต่ควบคุมอาวุธจิตวิญญาณและอาวุธเวทที่ใช้โจมตีทางกายภาพได้จำนวนหนึ่งมาจัดการเผ่าหนอนผีเสื้อเหล่านี้
อีกด้านหนึ่งทั้งร่างหลิ่วหมิงเปล่งแสงสีดำพุ่งเข้าประจันหน้ากับแมลงตะขาบสีดำตัวนั้น มือทำท่าเคล็ดกระบี่ แสงสีม่วงส่องสว่างวูบหนึ่ง เรียกกระบี่ขู่หลุนออกมา
แสงกระบี่สีม่วงเปล่งแสงออกมาจากกระบี่ขู่หลุน ก่อนจะพร่าเลือนวูบหนึ่งกลายเป็นกระบี่ยักษ์สีม่วงขนาดยี่สิบสามสิบจั้งเล่มหนึ่งฟันเข้าใส่หัวของตะขาบ
ตะขาบคำรามแผ่วเบาแล้วอ้าปากกว้างพ่นแสงสีดำหนาเส้นหนึ่งออกมาต้านกระบี่ยักษ์สีม่วงที่ร่วงลงมา ในเวลาเดียวกันร่างท่อนบนก็ขยับ คมดาบสายลมสีน้ำเงินหลายสิบสายพุ่งออกมาจากขาสองแถวของมัน เกิดเสียงแหวกอากาศดังฉึบๆ พุ่งพรวดเข้าใส่หลิ่วหมิงอย่างมืดฟ้ามัวดิน
หลิ่วหมิงขมวดคิ้ว ยกมือข้างหนึ่งขึ้นโบก ปากท่องมนตร์หลายประโยคอย่างรวดเร็ว ปราณสีดำทะลักออกมารอบร่างพร้อมกับเสียงกระดูกลั่นแผ่วเบาแทรกอยู่เลือนราง
ปราณดำรวมตัวเบื้องหน้า พริบตาเดียวก็ก่อตัวเป็นโล่วงกลมขนาดหนึ่งจั้งชิ้นหนึ่ง บนนั้นมีภาพกระดูกขาวท่อนแล้วท่อนเล่าวางพาดกันอยู่
ฟู่ ฟู่ ฟู่!
คมดาบสายลมสีน้ำเงินที่ตะขาบส่งออกมาทยอยโจมตีบนแผ่นโล่ โล่สั่นไหวเบาๆ สองสามครั้ง ก่อนจะตั้งรับไว้ได้เหมือนไม่มีปัญหาอันใด
ต่อจากนั้นสองมือของหลิ่วหมิงก็ทำท่ามือประหลาดท่าหนึ่ง จากนั้นงอนิ้วดีดระรัว ปราณดำหลายเส้นพุ่งออกจากนิ้วของเขา
ปราณดำทั้งหมดเฉียดผ่านเหนือหัวตะขาบก่อนจะระเบิดพร้อมกัน
กรงกระดูกสีขาวมหึมากรงหนึ่งปรากฏขึ้นท่ามกลางหมอกสีดำพลุ่งพล่านแล้วร่วงลงมาปานสายฟ้า ครอบร่างกายเกินครึ่งของตะขาบไว้ด้านใน
ตะขาบถูกกรงกระดูกครอบไว้ก็กรีดร้องคำรามอย่างเกรี้ยวกราด ร่างกายมหึมาดิ้นรนอย่างบ้าคลั่ง ขาท่อนหนายั้วเยี้ยตวัดเฉือนกรงกระดูกที่กักขังร่างกายของมันอยู่
กรงกระดูกสีขาวสั่นไหวอย่างรุนแรงทันที บนผิวปรากฏรอยแตกเส้นแล้วเส้นเล่าเหมือนกำลังจะพังทลาย
ดวงตาของหลิ่วหมิงทอประกายวูบหนึ่ง เขาเพิ่งบรรลุวิชากรงกระดูกไม่นานนัก วิชานี้ยังห่างจากการบรรลุขั้นปลายอีกไกลจึงไม่อาจขังตะขาบตัวนี้ได้นานนัก
ทว่าเวลาเพียงชั่วครู่นี้ก็เพียงพอแล้ว
มือของเขาทำท่าเคล็ดกระบี่ กระบี่ขู่หลุนที่อยู่กลางท้องฟ้ากรีดร้องเสียงแหลม กระบี่ยักษ์สีม่วงเปล่งแสงจิตวิญญาณเจิดจ้าถล่มลำแสงสีดำที่ไร้พลังเวทของตะขาบหนุนส่งได้อย่างง่ายดาย
ต่อจากนั้นสิบนิ้วของเขาก็จี้ดัชนีใส่กระบี่ยักษ์สีม่วงอย่างเร็วไวอีกหลายครั้ง
กระบี่ยักษ์สีม่วงครางแผ่วเบาแล้วเลือนหายไป เงากระบี่ยักษ์สีม่วงมากมายถี่ยิบปรากฏขึ้นรอบด้าน เส้นสายฟ้าสีม่วงวนเวียนอยู่บนผิวมากถึงสามสิบสองสาย
ชั่วขณะหนึ่งรอบบริเวณร้อยจั้งถูกเงากระบี่ยักษ์สีม่วงอันครบกริบกลืนกลบ ตะขาบกับกรงกระดูกจมหายเข้าไปด้านใน
จิตกระบี่มืดฟ้ามัวดินแผ่ขยายไปรอบด้าน การเคลื่อนไหวใหญ่โตเช่นนี้ดึงดูดสายตาของคนทั้งหมดที่นั่น
ไม่เพียงพวกผู้ฝึกฝนระดับแก่นแท้อย่างบุรุษร่างกำยำผมแดง แม้แต่ซือโห่วก็เหล่ตามองมาด้วย
เสียงโหยหวนดังออกมาจากกลุ่มแสงกระบี่สีม่วงอันปั่นป่วน จากนั้นก็เงียบหายไป
หลิ่วหมิงโบกมือส่งเคล็ดกระบี่สายหนึ่งออกไป แสงกระบี่สีม่วงกะพริบวูบหนึ่งแล้วสลายไปสิ้น กระบี่บินสีม่วงเล่มหนึ่งกลับมาอยู่ในมือของหลิ่วหมิง
ร่างกายมหึมาของตะขาบด้านหน้าถูกฟันกลายเป็นท่อนๆ ตายจนไม่อาจตายได้อีกต่อไป
กระบวนการทั้งหมดเด็ดขาดฉับไวดุจเมฆาเคลื่อนสายน้ำไหลจนผู้อื่นอดไม่ได้ตกตะลึง
การต่อสู้คู่อื่น นอกจากบุรุษร่างใหญ่ผมแดงที่นับว่าได้เปรียบอยู่บ้าง การต่อสู้อีกสองคู่ที่เหลือยังติดพัน
ซือโห่วที่อยู่กลางท้องฟ้าเหนือมหาค่ายกลทรายโปรยปรายเห็นเช่นนี้ก็ยินดียิ่งนัก
ยิ่งพลังของหลิ่วหมิงแข็งแกร่ง โอกาสที่จะต้านทานเหล่าแมลงก็ย่อมเพิ่มมากขึ้น
เวลานี้หลิ่วหมิงขยับร่างวูบเดียวก็เหาะไปหาบุรุษชุดเทาที่โรมรันกับแมลงสีแดงระดับแก่นแท้ตัวหนึ่งอยู่ไม่ไกล กระบี่ขู่หลุนในมือพุ่งออกไปก่อนก้าวหนึ่ง มันหายวับไปแล้วกลายเป็นเงากระบี่สีม่วงถี่ยิบผืนหนึ่งร่วงลงไปด้านหน้า…
เวลาชั่วจิบชาให้หลัง เมื่อได้รับความช่วยเหลือจากหลิ่วหมิง แมลงระดับแก่นแท้ที่ทะลุผ่านทะเลเพลิงมาทั้งสี่ตัวก็ถูกผู้ฝึกฝนทั้งหลายสังหารลงทีละตัว
ในตอนนี้เองนอกทะเลเพลิงสีแดงฉานพลันมีแมลงระดับแก่นแท้เปลือกสีม่วงทั่วร่างอีกตัวหนึ่งเหาะออกมา มันเหาะวนอยู่กลางท้องฟ้าครู่หนึ่งแล้วหันหัวมากรีดร้องเสียงแหลมใส่แมลงระดับต่ำด้านล่าง
เสียงกรีดร้องทำให้เกิดระลอกคลื่นจางๆ ที่เห็นด้วยตาเปล่ากลางอากาศ แผ่กระจายออกไปท่ามกลางทะเลแมลง
ทิศทางอื่นที่เหลือมีเสียงกรีดร้องที่คล้ายกันอีกหลายเสียงดังขึ้น คลื่นเสียงวงแล้ววงเล่าแผ่ออกมาพร้อมเสียงดังกึกก้องในทันที
หลิ่วหมิงรีบโคจรเคล็ดวิชากระดูกดำเงียบๆ รอบร่างมีปราณดำหนาทึบทะลักออกมาชั้นหนึ่งล้อมทั้งร่างเอาไว้
ทว่าไม่นานนักใบหน้าเขาก็เผยสีหน้าประหลาดใจออกมาเล็กน้อย เสียงกรีดร้องของแมลงเหล่านั้นเมื่อมาถึงหูกลับไม่ได้ทำให้รู้สึกอย่างไรเป็นพิเศษ คล้ายกับว่าไม่ใช่การโจมตีทางจิตแต่อย่างใด
“ระวังด้านนอก!” ทันใดนั้นเสียงของซือโห่วก็ดังขึ้นข้างหู
หลิ่วหมิงกวาดสายตาไปด้านนอกทะเลเพลิง คิ้วเรียวเลิกขึ้นทันที
เมื่อแมลงที่อยู่อีกฝั่งของทะเลเพลิงได้ยินเสียงเหล่านี้ ไม่ว่าตัวใหญ่หรือตัวเล็กล้วนกรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง สีเลือดผุดพรายในดวงตา
อึดใจต่อมาเรื่องที่ทำให้พวกหลิ่วหมิงตาโตอ้าปากค้างก็เกิดขึ้น!
จู่ๆ เหล่าแมลงก็โถมเข้าหากันแล้วกัดกินกันเองอย่างคลุ้มคลั่ง ชั่วขณะหนึ่งโลหิตเจิ่งนอกรอบทะเลเพลิง เศษขาเศษร่างปลิวว่อนทั่วท้องฟ้า กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งชวนให้คนอาเจียนแผ่ตลบอบอวลอย่างรวดเร็ว
ผู้ชนะในหมู่แมลงเหล่านี้กลืนกินกันเองด้วยความเร็วที่ทำให้คนตกตะลึง
พวกบุรุษกำยำผมแดงเผยสีหน้าตกตะลึงจับต้นชนปลายไม่ถูก หลิ่วหมิงสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อยแล้วนึกย้อนถึงภาพเหล่าแมลงกัดกินกันเองที่เคยเห็นตรงเนินเขาก่อนหน้านี้
หลังจากกัดกินกันเอง แมลงยักษ์เผ่าหนอนผีเสื้อเหล่านี้ไม่เพียงจะฟื้นจากอาการบาดเจ็บแต่ยังเพิ่มระดับพลังได้ด้วย!
เมื่อคิดถึงตรงนี้ หลิ่วหมิงพลันเปลี่ยนสีหน้า ตะโกนเตือนเสียงดังทันที
“ระวัง แมลงเหล่านี้ทำให้ตนเองแข็งแกร่งขึ้นได้จากการกิน”
พวกบุรุษกำยำผมแดงตกตะลึง แต่พวกเขาเข้าใจความหมายในถ้อยคำของหลิ่วหมิงอย่างรวดเร็วยิ่งนัก
แมลงที่เหลือรอดจากการกัดกินกันเองเหล่านั้นเปล่งแสงสีเลือดออกมาชั้นหนึ่ง ขนาดร่างขยายใหญ่ยักษ์ด้วยความเร็วที่มองเห็นด้วยตาเปล่า อีกทั้งยังกัดกินแมลงตัวอื่นอย่างคลุ้มคลั่งต่อไม่หยุด
ผ่านไปไม่นานนัก จำนวนแมลงที่รวมตัวล้อมทะเลเพลิงอยู่ก็หายไปเกินครึ่ง สิ่งที่มาแทนที่คือแมลงขนาดใหญ่หน้าตาเหมือนหนอนไหมยักษ์สิบกว่าตัว
แมลงเหล่านี้แต่ละตัวขนาดเท่าหอสามชั้น ทั่วร่างเปล่งแสงสีเลือดประหลาด บนร่างมีเปลือกหนาหุ้มอยู่ชั้นหนึ่ง เขี้ยวโง้งเต็มปาก ดวงตาฉายประกายกระหายเลือด แลดูดุร้ายนิ่งนัก
หลิ่วหมิงรูม่านตาหดเล็ก แมลงสีเลือดสิบกว่าตัวนี้แต่ละตัวแผ่แรงกดดันที่ไม่เป็นรองผู้ฝึกฝนระดับแก่นแท้ขั้นปลายออกมา
กี๊ซ!
แมลงสีเลือดคำรามแผ่วเบาแล้วคืบคลานมาหาพวกหลิ่วหมิงอย่างว่องไว
ทันทีที่เข้ามาในทะเลเพลิงสีแดงฉาน ร่างกายของแมลงเหล่านี้ก็เปล่งแสงสีเลือดออกมาชั้นหนึ่งกั้นเปลวเพลิงสีแดงไว้ด้านนอก ร่างกายมหึมาว่องไวเกินคาด พริบตาเดียวก็โถมมาถึงตรงหน้าค่ายกลป้องกันสีดำ
ค่ายกลสีดำฉับพลันเกิดประกายแสงเคลื่อนไหว ลำแสงสีดำสนิทสายแล้วสายเล่าพุ่งพรวดออกมาโจมตีบนร่างแมลงสีเลือดอีกครั้ง
ทว่าร่างกายของแมลงสีเลือดเหล่านี้มหึมา ลำแสงสีดำโจมตีลงบนร่างของพวกมันก็ทำได้เพียงกระแทกให้พวกมันถอยไปเล็กน้อยเท่านั้น ไม่เกิดผลมากมายแต่ประการใด
“สหายทุกท่านป้องกันเอาไว้ให้จงได้! ยามนี้คือช่วงเวลาสำคัญของมหาค่ายกลทรายโปรยปราย สำเร็จหรือล้มเหลวขึ้นอยู่กับครั้งนี้!” ซือโห่วตะโกนเสียงดังบอกพวกหลิ่วหมิง ร่างกายขยับวูบเดียวเหาะเข้าไปในลำแสงสีทอง
ผู้ฝึกฝนระดับแก่นแท้เช่นหลิ่วหมิงกับบุรุษร่างกำยำผมแดงยังดี แต่ผู้ฝึกฝนระดับผลึกเหล่านั้นเห็นแมลงสีเลือดตัวใหญ่ยักษ์อย่างยิ่งเหล่านี้ แต่ละคนล้วนหน้าถอดสีอย่างห้ามไม่ได้
แมลงสีเลือดสิบกว่าตัวตั้งหลักอย่างรวดเร็วจากนั้นพาสายลมเหม็นคาวสายหนึ่งโถมเข้ามาอย่างว่องไวอีกครั้ง
หลิ่วหมิงสีหน้านิ่งขรึมดั่งสายน้ำ ร่างกายขยับวูบเดียวขวางอยู่ด้านหน้าแมลงสีเลือดร่างยักษ์สองตัว
แมลงสีเลือดร่างยักษ์สองตัวเห็นหลิ่วหมิงพลันอ้าปากกว้าง
ฟึบ ฟึบ ฟึบ เสียงแหวกอากาศดังเป็นพรวน! แมลงสีเลือดถ่มคมดาบแสงสีเลือดขนาดเท่าบานประตูหลายสิบสายออกมาฟาดฟันเข้าใส่ใบหน้าและศีรษะของหลิ่วหมิง
ดวงตาของหลิ่วหมิงทอแสงเจิดจ้า มือทำท่าเคล็ดวิชาแล้วสะบัด แสงสีทองสว่างวาบ มุกกลมสีเหลืองเข้มสามเม็ดปรากฏขึ้นเบื้องหน้าเขา อาวุธเวทมุกบรรพตธารานั่นเอง
แสงสีเหลืองสว่างวูบ มุกบรรพตธาราสามเม็ดขยายใหญ่ขึ้นสิบเท่าทันทีแล้วเรียงตัวเป็นสามเหลี่ยมขวางอยู่หน้าร่าง
เสียงโลหะปะทะกันดังขึ้น มุกบรรพตธาราสามเม็ดเปล่งแสงสีเหลืองวูบวาบ คมคลื่นสีเลือดฟันลงด้านบนก็ถูกดีดออกไปอย่างง่ายดายในทันที
พวกผู้ฝึกฝนระดับแก่นแท้สามคนอย่างบุรุษร่างกำยำผมสีแดงฝืนเรียกอาวุธเวทที่เก็บไว้ก้นหีบของแต่ละคนออกมา แต่ละคนขวางแมลงสีเลือดสองตัวเอาไว้
ผู้ฝึกฝนระดับผลึกเหล่านั้นไม่กล้าสู้ประชิดตัวกับแมลงสีเลือดสักนิด พวกเขาหลบอยู่ในค่ายกลป้องกัน ขณะที่แสงของอาวุธเวทสิบกว่าสายผสานรวมกันต้านแมลงสีเหลืองสองสามตัวไว้ได้อย่างหวุดหวิด
แมลงยักษ์ที่เหลือไม่ได้ล้อมโจมตีพวกหลิ่วหมิง แต่กระหน่ำส่งการโจมตีเข้าใส่ค่ายกลป้องกันสีดำอย่างต่อเนื่อง
ยังดีที่ค่ายกลสีดำเป็นสิ่งที่ซือโห่วผู้แข็งแกร่งระดับดาราพยากรณ์สร้างขึ้นด้วยตนเอง พลังป้องกันจึงไม่ธรรมดา แมลงสีเลือดโจมตีต่อเนื่องอยู่พักหนึ่ง แม้ผิวเปล่งแสงวูบวาบ แต่ดูเหมือนจะทนได้อีกสักพัก
หลิ่วหมิงกวาดสายตามองรอบด้าน มือขวาที่เดิมทีซุกอยู่ในแขนเสื้อยกขึ้น แสงกระบี่สีม่วงสายหนึ่งพุ่งพรวดเข้าใส่แมลงสีเลือดอย่างเงียบกริบ แสงกระบี่สามสิบหกสายพร่าเลือนวูบหนึ่งก็ฟันลงบนร่างแมลงสีเลือด
ชิ้ง!
เกิดสะเก็ดไฟบนร่างแมลงสีเลือด คมของกระบี่ขู่หลุนกลับฟันเปลือกสีเลือดบนร่างมันไม่เข้า
สีหน้าประหลาดใจปรากฏบนใบหน้าหลิ่วหมิงแวบหนึ่ง ขณะที่มือทำท่าเคล็ดวิชา แสงสีเหลืองสว่างวาบข้างกายจากนั้นมุกบรรพตธาราสองเม็ดก็พลันปรากฏออกมา
เวลานี้แมลงสีเลือดสองตัวตรงหน้าเห็นว่าการโจมตีด้วยคมคลื่นสีเลือดไม่ได้ผลก็กรีดเสียงร้องในทันใด จากนั้นแต่ละตัวก็อ้าปากพ่นหมอกโลหิตก้อนโตออกมาล้อมพื้นที่หลายสิบจั้งในพริบตา
หลิ่วหมิงสูดไอหมอกที่เหม็นคาวไปเพียงเล็กน้อย ศีรษะก็วิงเวียนนิดๆ สีหน้าเปลี่ยนไปอย่างฉับพลัน มือใช้เคล็ดวิชาทันที มุกบรรพตธาราระเบิดไอหมอกสีเหลืองมากมายออกมาล้อมทั้งร่างไว้จนสายลมสายฝนมิอาจลอดผ่าน