ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ - ตอนที่ 1141 ศึก ณ แสงอัสดง (กลาง)
“รูหนอนยังเหลือขั้นตอนสุดท้ายก่อนจะเสร็จสมบูรณ์ ร่างแยกของท่านหมิงหมู่กำลังรักษาค่ายกลอยู่ในทางเชื่อม ที่ตรงนี้ขาดคนเฝ้าไม่ได้” บุรุษเผ่าหนอนผีเสื้อระดับดาราพยากรณ์ผู้มีเปลือกทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าสีเลือดสามชิ้นงอกอยู่บนแผ่นหลังขมวดคิ้วเอ่ยขึ้นมา
“ฮ่ะๆ ถ้าเช่นนั้นก็รบกวนพี่หมิงจ่งอยู่ปกป้องทางเชื่อมด้วย พวกเราสามตัวจะออกไปขยับร่างกายสักหน่อย” เสียงฆ่าฟันด้านนอกเร่งเร้า บุรุษเผ่าหนอนผีเสื้อที่มีหนวดสีขาวสลับดำสองเส้นบนหัวเลียริมฝีปากแล้ว เอ่ยขึ้นเช่นนี้
หัวหน้าระดับดาราพยากรณ์ของเผ่าหนอนผีเสื้อทั้งหลายตกลงกันได้อย่างรวดเร็วยิ่งนัก สามตัวในนั้นแหงนหน้าร้องคำรามก่อนจะกลายเป็นลำแสงสามสายมุ่งเร็วรี่ไปทางทิศตะวันออกในพริบตา เหลือเพียงบุรุษเผ่าหนอนผีเสื้อที่มีเปลือกสีเลือดบนแผ่นหลังผู้นั้น
แม้หลิ่วหมิงฟังภาษาเผ่าหนอนผีเสื้อไม่เข้าใจ แต่เขาเห็นสีหน้าของเผ่าหนอนผีเสื้อระดับพยากรณ์ทั้งสามตัวจากไกลๆ ใคร่ครวญดูก็พอเดาผลลัพธ์ได้เจ็ดแปดส่วน ความคิดแล่นเร็วไวในใจ
เมื่อเผ่าหนอนผีเสื้อระดับดาราพยากรณ์สามตัวจากไป เผ่าหนอนผีเสื้อระดับกลางและระดับล่างจำนวนหนึ่งที่หลงเหลืออยู่ในหุบเขาก็พากันกระเหี้ยนกระหือรือเหาะขึ้นฟ้าติดตามหัวหน้าทั้งสามตัวไปด้วย
เวลาเพียงครึ่งก้านธูป ในหุบเขามหึมาก็เหลือเพียงบุรุษเผ่าหนอนผีเสื้อระดับดาราพยากรณ์เปลือกสีเลือดผู้นั้นกับเผ่าหนอนผีเสื้อน้อยนิดหมื่นกว่าตัว เผ่าหนอนผีเสื้อตัวอื่นล้วนจากไปหมดสิ้น
หลิ่วหมิงย่อมไม่หวาดกลัวเผ่าหนอนผีเสื้อเหล่านี้ตรงหน้า สิ่งเดียวที่เขากังวลก็คือแรงกดดันจิตวิญญาณที่ชวนให้คนหวาดผวาซึ่งแผ่ออกมาจากทางเชื่อมมิติ เห็นชัดว่าแมลงระดับเชี่ยวชาญมหัศจรรย์ที่ทำให้ผู้อาวุโสเฟิงต้องถอยกลับตัวนั้นตอนนี้อยู่ในทางเชื่อมมิติแห่งนั้น
ขณะที่ในใจหลิ่วหมิงเริ่มร้อนรนขึ้นมาเล็กน้อย ทันใดนั้นอากาศก็บิดเบี้ยวอย่างรุนแรง เงาคนพร่าเลือนปรากฏกลางท้องฟ้า ชายหนุ่มชุดเทาผู้หนึ่งโผล่ออกมาจากความว่างเปล่า
หลิ่วหมิงสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อยแล้วยินดีอย่างยิ่งทันที บุรุษชุดเทาผู้นี้ก็คือผู้อาวุโสเสวียนอวี๋หนึ่งในผู้แข็งแกร่งระดับเชี่ยวชาญมหัศจรรย์ทั้งสี่ของนิกายยอดบริสุทธิ์นั่นเอง
ทันทีที่ผู้อาวุโสเสวียนอวี๋ปรากฎตัว สองมือก็วาดผ่านอากาศเบื้องหน้าในทันใด มือใหญ่ยักษ์ปิดท้องฟ้าสีขาวสลับดำข้างหนึ่งปรากฏจากความว่างเปล่าพาพลังมหาศาลที่มิอาจพรรณนาได้สายหนึ่งตบเข้าใส่ทางเชื่อมมิติ ดูเหมือนช้าแต่ความจริงเร็วยิ่งนัก
“อย่าฝัน!”
แมลงระดับดาราพยากรณ์เปลือกสีเลือดปฏิกิริยาว่องไวยิ่งนัก แรกสุดมันตกตะลึงแต่ต่อจากนั้นก็คำรามเกรี้ยวกราด ร่างกายเลือนหายไปแล้วโถมเข้าใส่ผู้อาวุโสเสวียนอวี๋อย่างฉับพลัน ในเวลาเดียวกันนั้นเปลือกสีเลือดสามชิ้นบนแผ่นหลังก็กางออก ผิวเปลือกเปล่งแสงสีเลือดก่อตัวเป็นกระบี่ยักษ์สีเลือดขนาดเกือบร้อยจั้งสามเล่ม ฟาดฟันเข้าใส่ผู้อาวุโสเสวียนอวี๋อย่างดุดัน
จุดที่กระบี่ยักษ์สีเลือดฟันผ่าน อากาศรอบด้านสั่นสะเทือนไม่หยุด เกิดเป็นลายคลื่นสีเลือดวงแล้ววงเล่าแผ่ขยายออกไปประหนึ่งจะปริแตก
ผู้อาวุโสเสวียนอวี๋แค่นเสียงหยันคำหนึ่งแล้วยกแขนอีกข้างขึ้น กระแสลมสีดำกับสีขาวสองสายพุ่งออกมาจากในแขนเสื้อแล้วเหาะเลี้ยวกลางอากาศกลายเป็นภาพสัญลักษณ์แผนผังแปดทิศสีขาวขนาบดำภาพหนึ่งพุ่งประจันหน้าเข้าไป
เปรี้ยง!
ทันทีที่กระบี่ยักษ์สีเลือดที่แลดูมีพลังมหาศาลสัมผัสถูกภาพสัญลักษณ์แผนผังแปดทิศกลับส่งเสียงดังลั่นแล้วพังทลายไปทีละนิดประหนึ่งเป็นเครื่องกระเบื้องอันบอบบาง ภาพสัญลักษณ์แผนผังแปดทิศสีขาวดำโจมตีลงบนร่างของบุรุษเผ่าหนอนผีเสื้อเปลือกสีเลือดระดับดาราพยากรณ์อย่างรุนแรงโดยที่พลังไม่ลดทอนลงสักนิด
เหมือนดั่งตบแมลงวัน แมลงเปลือกสีเลือดพุ่งย้อนกลับไปเร็วยิ่งกว่ายามโถมเข้ามา เสมือนดาวตกสีเลือดร่วงกระแทกพื้นหุบเขาอย่างหนักหน่วง
เสียงดังสนั่น ผืนดินยุบเป็นหลุมลึกขนาดหลายจั้งหลุมหนึ่ง ด้านในมืดสนิทมองไม่เห็นก้น
หลิ่วหมิงที่ซ่อนอยู่ในถ้ำด้านข้าง ในใจรู้สึกยินดี
ขณะที่ผู้อาวุโสเสวียนอวี๋โจมตีเผ่าหนอนผีเสื้อเปลือกสีเลือดระดับดาราพยากรณ์จนปลิวได้อย่างสบายๆ มือใหญ่ยักษ์ปิดฟ้าสีขาวขนาบดำอีกข้างหนึ่งก็ขยายใหญ่ขึ้นอีกหลายเท่าแล้วกำลังจะร่วงลงบนทางเชื่อมมิติสีดำ
ในตอนนี้เอง เรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น!
เสียงหวีดแหลมแสบแก้วหูฉับพลันดังออกมาจากทางเชื่อมมิติ เสาแสงสีดำสนิทต้นหนึ่งพุ่งพรวดออกมาแล้วกลายร่างเป็นอสรพิษขนาดยักษ์สีเขียวหยกตัวหนึ่ง ร่างกายสะบัดเร็วไวครั้งเดียวใช้ลำตัวรัดมือใหญ่ที่ปิดฟ้าได้ไว้หลายทบ
มือใหญ่ยักษ์ปิดฟ้าที่เดิมทีทรงพลังดั่งสายรุ้งถูกอสรพิษยักษ์รัดไว้จนชะงักอยู่กลางท้องฟ้าทันที ร่วงลงมาไม่ได้อีกแม้แต่น้อย
ทันใดนั้นทางเชื่อมมิติก็สั่นสะเทือน สตรีงามล้ำสวมอาภรณ์สีดำคนหนึ่งปรากฏกายขึ้น
สตรีนางนี้มีดวงหน้างามพิลาสชวนหวั่นไหว ทว่าสีหน้าเย็นชา เรือนร่างแบบบางมีปราณสีดำจางๆ ชั้นหนึ่งรายล้อมอยู่รอบตัว ดูไม่แตกต่างอันใดกับเผ่ามนุษย์ปกติธรรมดา แต่สองแขนที่เห็นชัดว่ายาวกว่าคนปกติเท่าหนึ่งแสดงถึงตัวตนที่มิใช่มนุษย์ของนาง
ร่างกายของสตรีชุดดำแผ่แรงกดดันอันแข็งแกร่งอย่างยิ่งออกมา ดูเหมือนแข็งแกร่งกว่าผู้อาวุโสเสวียนอวี๋อยู่เล็กน้อย แรงกดดันแผ่ขยายอย่างมีจังหวะไปรอบด้านประหนึ่งคลื่นคลั่งลูกแล้วลูกเล่า เผ่าหนอนผีเสื้อจำนวนหนึ่งที่ยังอยู่ในหุบเขาฉับพลันถูกผลักออกไปห่างหลายสิบจั้ง หมอบฟุบอยู่บนพื้นตัวสั่นระริก
หลิ่วหมิงมองสตรีชุดดำเพียงแวบเดียวก็ละสายตาออกทันที ร่างกายไม่กล้ากระดิกแม้แต่นิด กระทั่งลมหายใจก็หยุดชะงักไปด้วย
ลมปราณอันแข็งแกร่งที่สตรีชุดดำผู้นี้แผ่ออกมาเหมือนจะเหนือกว่าขุยตี้แห่งหนานฮวงกับปี้โยวราชายมโลกแห่งแดนวารีมืดที่เขาเคยพบเสียอีก
สายตาของสตรีชุดดำจับอยู่บนร่างของเสวียนอวี๋ ก่อนจะแค่นเสียงหยัน มือข้างหนึ่งคว้ากำอากาศ ท้องฟ้าเหนือศีรษะของเสวียนอวี๋ฉับพลันเกิดลมหมุนสีเขียวลูกหนึ่ง มือโครงกระดูกสีเขียวมันวาวข้างหนึ่งยื่นออกมาจากพายุหมุนคว้าลงมาหาศีรษะของผู้อาวุโสเสวียนอวี๋อย่างฉับพลัน
ผู้อาวุโสเสวียนอวี๋ชูสองมือขึ้น ปราณกระบี่สีดำกับสีขาวผุดออกมาจากแผ่นหลัง ไม่เห็นเขาใช้วิชาควบคุมแต่อย่างใด ทว่าปราณกระบี่สองสายกลับพุ่งออกไปแล้วขยายใหญ่ขึ้นหลายสิบเท่า กลายเป็นปราณกระบี่สีดำขาวขนาดมหึมาสองสายฟันไขว้กันประหนึ่งมัจฉาแหวกว่าย สะบั้นมือโครงกระดูกสีเขียวเป็นท่อนๆ
จากนั้นผู้อาวุโสเสวียนอวี๋จึงงอนิ้วจี้ดัชนีออกไปอีกหลายครั้ง ปราณกระบี่สองสายพร่าเลือนวูบหนึ่ง จากหนึ่งก็กลายเป็นสอง จากสองกลายเป็นสี่ เพียงพริบตาเกิดปราณกระบี่สีดำขาวสองสีหลายร้อยสายพุ่งเร็วจี๋เข้าใส่สตรีชุดดำอย่างมืดฟ้ามัวดิน
ชั่วขณะนั้นท้องนภาทั่วทั้งหุบเขาถูกฉาบด้วยแสงสีดำขาว กลายเป็นโลกสีดำขาวใบหนึ่ง
แทบจะในเวลาเดียวกัน มุกกลมสีดำสนิทเม็ดหนึ่งก็ลอยออกจากแขนเสื้ออีกข้างหนึ่งของผู้อาวุโสเสวียนอวี๋ มันลอยวนรอบหนึ่งภายใต้การคุ้มครองของแสงกระบี่เต็มฟ้า จากนั้นพุ่งเข้าไปในทางเชื่อมมิติด้านหลังสตรีชุดดำอย่างเงียบเชียบ
หลังจากอาวุธเวทมุกกลมสีดำหมุนติ้วก็เปล่งแสงเจิดจ้า พร้อมกับพาแรงกดดันจิตวิญญาณอันน่าหวาดกลัวโถมเข้าใส่ทางเชื่อมมิติในพริบตา
ขณะที่กำลังจะโจมตีสำเร็จ ปรากฏว่าสตรีชุดดำกลับเมินผ่านแสงกระบี่สีขาวดำทั่วท้องฟ้า มือข้างหนึ่งยกขึ้นจมหายเข้าไปในอากาศ พายุหมุนสีเขียวลูกหนึ่งปรากฏขึ้นหน้ามุกกลมสีดำในพริบตา มือผีสีเขียวมันวาวข้างหนึ่งโผล่ออกมาดุจภูตพราย ปลายนิ้วที่ทอประกายเย็นเยียบห้านิ้ววาดผ่านอากาศ ประกายแสงสีเขียวเรียวเล็กห้าสายพุ่งลงบนมุกกลมสีดำในพริบตา
เสียงบึ๊มดังสนั่น
มุกกลมสีดำราวกับเสียหายอย่างหนัก ประกายแสงบนผิวหม่นแสงลงไปมากยิ่งนัก และถูกโจมตีปลิวหมุนกลับไป
ผลปรากฏว่ากรงเล็บผีสีดำเลือนหายไปวูบหนึ่งก็คว้ามุกกลมสีดำไว้ในกำมือ
อึดใจต่อมาเสียงระเบิดดังสะเทือนแก้วหูแทบดับก็ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง!
ร่างแบบบางของสตรีชุดดำฉับพลันถูกแสงกระบี่สีขาวดำกลืนกลบ
ลมหมุนสีขาวดำพัดขยายไปสี่ด้านแปดทิศ เผ่าหนอนผีเสื้อจำนวนไม่น้อยรอบด้านไม่ทันตั้งตัว ถูกสะบั้นเป็นผุยผงทันที ทั่วทั้งหุบเขาถูกเฉือนออกไปชั้นหนึ่งทั้งอย่างนั้น
เวลาครึ่งก้านธูปผ่านไป ปราณกระบี่สีขาวดำทั่วทั้งท้องฟ้าจึงสงบ
ยอดเขารอบด้านไม่เหลือสภาพเดิมอีกต่อไป หุบเขาทั้งหุบถูกการโจมตีกวาดหายไปกลายเป็นที่ราบ
หลังจากผู้อาวุโสเสวียนอวี๋เห็นทุกสิ่งตรงหน้าชัดเจน สีหน้าก็เปลี่ยนไปในทันใด
สตรีชุดดำยืนอยู่ที่เดิมอย่างไม่บุบสลายแม้แต่น้อย บนร่างมีชุดเกราะที่ทอแสงสีม่วงทั่วทั้งตัวชุดหนึ่งปรากฏขึ้นตั้งแต่เมื่อใดไม่ทราบ ปราณกระบี่สีขาวดำทั่วท้องฟ้าระดมโจมตีเสียงดังกึกก้องแต่สร้างความสียหายไม่ได้แม้แต่นิด
เห็นชัดว่ามือผีสีเขียวสองข้างที่ปรากฏขึ้นเมื่อครู่คือแขนของสตรีชุดดำ เวลานี้แขนที่ต่างจากมนุษย์ธรรมดาสองข้างกลายเป็นมือผีน่ากลัวสีเขียวคล้ำสองข้างที่มันวาวประหนึ่งโลหะ
เมื่อเห็นว่ามุกกลมสีดำกำลังจะตกอยู่ในมือของอีกฝ่าย ดวงตาของผู้อาวุโสเสวียนอวี๋พลันฉายแววร้อนรนขึ้นมาเลือนราง ปากเอ่ยท่องมนตร์ มุกกลมสีดำเปล่งแสงสว่างจ้าแล้วดิ้นรนอยู่ในมือผีอัปลักษณ์ไม่หยุด
“ใช้อาวุธเวทที่สร้างจากผลึกกระดูกมาร! เจ้าคิดจะใช้สิ่งนี้ทำลายรูหนอนสินะ เจ้าคิดว่าข้าจะปล่อยให้เจ้าทำสำเร็จหรือ?” สตรีชุดดำมองมุกกลมสีดำในมือแวบหนึ่ง จากนั้นจึงเหยียดยิ้มเอ่ยภาษามนุษย์ออกมา
ต่อจากนั้นมือผีอัปลักษณ์พลันเปล่งแสงสีดำเจิดจ้าออกมา ห้านิ้วกำเข้าหากัน
“ฝันไปเถอะ!”
ผู้อาวุโสเสวียนอวี๋หวาดวิตก เขาตวาดเบาๆ แล้วทะยานร่างเข้าไปทันที มือข้างหนึ่งจี้ดัชนี ปราณกระบี่สีดำขาวหลายสิบสายผุดออกมาจากแผ่นหลังอีกครั้งก่อนจะประสานเป็นหนึ่ง กลายเป็นกระบี่ยักษ์ขนาดร้อยจั้งครึ่งขาวครึ่งดำเล่มหนึ่งฟันลงไปหาสตรีชุดดำอย่างรุนแรง
สตรีชุดดำเหยียดยิ้มดูแคลน มือสองข้างแปรเปลี่ยนเป็นมันวาวดุจโลหะในพริบตา จากนั้นมือข้างที่กำมุกกลมสีดำก็ออกแรงบีบ
เปรี๊ยะ!
บนมุกกลมสีดำเกิดรอยร้าวเส้นแล้วเส้นเล่าในทันใด หลังจากเปล่งแสงวูบหนึ่งก็แตกเป็นชิ้นพร้อมเสียงดังลั่น
มืออีกข้างที่ว่างกวาดออกมา ไอหมอกสีเขียวสายหนึ่งทะลักออกมามืดฟ้ามัวดินก่อตัวเป็นกรงเล็บมารสีเขียวมันขลับขนาดมหึมาข้างหนึ่ง
กรงเล็บมารข้างนี้ใหญ่ถึงสิบหมู่ ปิดฟ้าบดบังพสุธา บนเล็บล้วนเป็นเป็นเกล็ดรูปร่างประหลาด มันคว้ากระบี่ยักษ์สีขาวดำไว้ในกำมือ
กรงเล็บมารสีเขียวขนาดมหึมาเหมือนกำลังจะกำเข้าหากันเพื่อขยี้กระบี่ยักษ์เล่มนี้เป็นเสี่ยงๆ
ทันใดนั้นร่างกายของผู้อาวุโสเสวียนอวี๋ก็หยุดนิ่ง สีหน้าตื่นตระหนกปนโกรธเกรี้ยวบนใบหน้าสลายหายไปในพริบตา รอยยิ้มประหลาดเผยออกมาแทนที่
สตรีชุดดำเห็นเช่นนี้ หัวใจพลันเต้นดังตึก ตอนนี้เองด้านในมุกกลมสีดำที่ถูกนางขยี้จนแหลกก็ปรากฏจุดสีดำเล็กจิ๋วจุดหนึ่ง
ทันใดนั้นจุดดำพลันขยายใหญ่พรวดพราดกลายเป็นพายุหมุนสีดำใหญ่โตลูกหนึ่ง หนวดสีดำหลายสิบเส้นยืดออกมาจากพายุหมุนดั่งสายฟ้าแลบ ม้วนรัดร่างของสตรีชุดดำที่อยู่ใกล้เพียงเอื้อมมือเอาไว้
“ฟึบ” สตรีชุดดำไม่ทันระวังตัว ยังไม่ทันได้ตอบโต้ก็ถูกลากเข้าไปในพายุหมุนสีดำแล้ว
จากนั้นพายุหมุนสีดำก็พัดขยายวงกว้าง หอบผู้อาวุโสเสวียนอวี๋เข้าไปด้านในดุจเดียวกัน
ชั่วพริบตาที่ผู้อาวุโสเสวียนอวี๋ถูกหอบเข้าไปในพายุหมุน เขาพลันหันหน้ามาทางถ้ำที่หลิ่วหมิงซ่อนตัวอยู่แล้วกวาดสายตาซ่อนความนัยผ่านไป จากนั้นร่างกายก็เลือนหายเข้าไปในแสงสีดำ
เสียงเปรี้ยงทุ้มต่ำดังออกมาจากพายุหมุนสีดำ ก่อนที่มันจะเริ่มหดเล็กลงอย่างรวดเร็ว จนสุดท้ายกลายเป็นแสงสีดำดวงหนึ่งสลายหายไปกับความว่างเปล่า