ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ - ตอนที่ 1143 ซ่างกวนเยียนอวี่กับหลิงอีอี
หลายสิบปีผันผ่าน สตรีนางนี้ก้าวสู่ระดับแก่นแท้แล้ว ศิษย์ชุดขาวรอบด้านย่อมเป็นศิษย์สายในของยอดเขากระบี่สวรรค์ ซาทงเทียนผู้นั้นก็ยืนอยู่ในแถวด้วย ดูแล้วระดับพลังของเขาก็ก้าวหน้าไม่น้อย บรรลุระดับผลึกขั้นกลางแล้ว
มืองามดุจหยกของหลงเหยียนเฟยยกขึ้นกวัก กระบี่บินในมือศิษย์ยอดเขากระบี่สวรรค์ด้านหลังต่างเปล่งแสงสว่างจ้า แสงกระบี่ประหนึ่งดาวตกหลายสิบสายเหาะออกไปก่อตัวเป็นมังกรกระบี่ที่ทอแสงเจิดจ้าขนาดยักษ์ตัวหนึ่งโถมเข้าใส่ฝูงแมลงยั้วเยี้ยเบื้องหน้า
มังกรกระบี่พุ่งทะลวงประหนึ่งผ่าท่อนไผ่ จุดที่มันพุ่งผ่านเกิดเสียงกรีดร้องดังระงม เมื่อแมลงที่พลังสูงสุดไม่พ้นระดับผลึกเหล่านี้สัมผัสโดนล้วนถูกสะบั้นกลายเป็นท่อนๆ ในทันใด
“ศิษย์น้องหลง คิดไม่ถึงไม่พบกันหลายปี เจ้าจะบรรลุศาสตร์กระบี่เพิ่มขึ้นไม่น้อย ใช้ค่ายกลกระบี่มังกรสวรรค์ได้เสียแล้ว” ในตอนนี้เองเสียงหัวเราะกังวานพลันดังมาจากด้านหลัง ผู้ฝึกฝนชุดสีเงินกลุ่มหนึ่งเหาะเข้ามา
คนเหล่านี้ปักภาพสัญลักษณ์ยอดเขาสีเงินไว้ตรงแขนเสื้อ นั่นคือสัญลักษณ์ของยอดเขาสวรรค์ลี้ลับแห่งนิกายสายใน
ผู้ที่เอ่ยวาจาคือบุรุษวัยฉกรรจ์หน้าตาราวสามสิบปีผู้หนึ่งซึ่งเป็นหัวหน้า เขามีผิวสีทองแดง กล้ามเนื้อทุกมัดบนร่างเบียดแน่นแข็งแกร่งยิ่งนักประหนึ่งหล่อหลอมจากเหล็กกล้า คล้ายบรรจุพลังอันไร้ที่สิ้นสุดเอาไว้
ระดับพลังของคนผู้นี้แข็งแกร่งอย่างยิ่ง เขาบรรลุระดับแก่นแท้ขั้นปลายแล้ว
ด้านหลังเขามีผู้ฝึกฝนหญิงอายุต้นยี่สิบผู้หนึ่งยืนอยู่ นางหน้าตางดงามหมดจด บนศีรษะประดับปิ่นสีฟ้าแววววาว กลางหว่างคิ้วมีปานสีแดงหนึ่งจุดเสมือนอัญมณีสีแดงสด เสริมให้นางงามตรึงตาขึ้นอีกหลายส่วน
สตรีนางนี้เป็นผู้ฝึกฝนระดับแก่นแท้คนหนึ่งเช่นเดียวกับหลงเหยียนเฟย พลังระดับแก่นแท้ขั้นต้น
ทั้งสองคนมีท่าทีสนิทสนมกันคล้ายเป็นคู่รักฝึกฝนคู่หนึ่ง
ด้านหลังของทั้งสองมีศิษย์ระดับผลึกจากยอดเขาสวรรค์ลี้ลับอีกสิบกว่าคน หลัวเทียนเฉิงผู้นั้นก็อยู่ในกลุ่มนี้ด้วย
“ที่แท้ก็ศิษย์พี่ซ่างกวนกับศิษย์พี่หลิงนี่เอง” หลงเหยียนเฟยควบคุมมังกรกระบี่ฟาดฟันสังหารเผ่าหนอนผีเสื้อต่อ ในเวลาเดียวกันก็เอ่ยขึ้นพร้อมแววตาเป็นประกาย เมื่อศิษย์ยอดเขากระบี่สวรรค์คนอื่นเห็นผู้ที่มาเยือนโดยเฉพาะบุรุษผู้นั้นต่างเผยสีหน้ายำเกรง
สองคนนี้คือผู้อาวุโสจากยอดเขาสวรรค์ลี้ลับซึ่งเป็นอันดับหนึ่งแห่งนิกายสายใน นามซ่างกวนเยียนอวี่กับหลิงอีอี พวกเขายังเป็นคู่รักฝึกฝนที่ชื่อเสียงโด่งดังที่สุดในหมู่ศิษย์นิกายยอดบริสุทธิ์อีกด้วย
หลัวเทียนเฉิงเรียกได้ว่าเป็นยอดฝีมือรุ่นหลังของยอดเขาสวรรค์ลี้ลับ ทว่าซ่างกวนเยียนอวี่ผู้นี้พลังบรรลุระดับแก่นแท้ขั้นปลายแล้ว ทั้งยังสร้างชื่อสะเทือนทั้งสายในแห่งนิกายยอดบริสุทธิ์ตั้งแต่เมื่อหลายร้อยปีก่อน
การที่ยอดเขาสวรรค์ลี้ลับได้ฉายาว่าเป็นยอดเขาอันดับหนึ่งแห่งนิกายสายใน เหตุผลสำคัญก็เป็นเพราะคนผู้นี้
กี๊ซ กี๊ซ กี๊ซ!
ในตอนนี้เองเมฆดำผืนใหญ่พลันถาโถมเข้ามา ใจกลางเมฆดำมีแมลงอยู่ถึงพันกว่าตัว แม้ไม่มีแมลงบระดับสูงเช่นระดับแก่นแท้ แต่แมลงระดับผลึกนับร้อยตัว พลังก็ค่อนข้างแข็งแกร่งเอาการ
เมฆดำก้อนนี้คล้ายจะก่อตัวขึ้นจากพลังของเผ่าหนอนผีเสื้อบางชนิด ยามปะทะกับมังกรกระบี่ที่ยอดเขากระบี่สวรรค์ใช้กลับไม่ถูกสะบั้น ตรงกันข้ามพริบตาเดียวกลับโจมตีมังกรกระบี่จนปลิว จากนั้นบีบเข้ามาต่อโดยที่พลังไม่ลดทอนลงแม้แต่น้อย
หลงเหยียนเฟยเห็นเช่นนี้ สีหน้าจึงเปลี่ยนไปโดยพลัน นางกำลังจะกระตุ้นเคล็ดวิชาสร้างมังกรกระบี่ขึ้นมาอีกครั้ง
“รนหาที่ตาย”
อาณาเขตของเมฆสีดำกว้างใหญ่ยิ่งนัก นอกจากมุ่งเป้ามาที่ศิษย์ของยอดเขากระบี่สวรรค์แล้วก็ยังแผ่ไปคลุมศิษย์ทั้งหลายจากยอดเขาสวรรค์ลี้ลับด้วย
ซ่างกวนเยียนอวี่เห็นภาพนี้ ดวงตาพลันทอประกายเย็นเยียบ ร่างกายเหินขึ้นฟ้าทันที บนร่างเปล่งแสงสีทองแดง สองมือแปรเปลี่ยนต่อเนื่อง ฝ่ามือสีทองแดงขนาดเท่าตึกข้างแล้วข้างเล่าโถมเข้าใส่เมฆสีดำเป็นระลอกประดุจเกลียวคลื่น
แมลงเต็มท้องฟ้าที่อยู่กลางเมฆดำเห็นเช่นนี้พลันปั่นป่วน ปากพ่นลำแสงมากมายถี่ยิบเข้าใส่เงาฝ่ามือสีทองแดง
ผลปรากฏว่าลำแสงเหล่านี้กลับถูกเงาฝ่ามือกลบหายในพริบตา
เสียงปังดังสนั่น!
ชั่วพริบตาไม่รู้ว่าเมฆสีดำถูกโจมตีไปกี่ฝ่ามือ มันปั่นป่วนอย่างรุนแรง แมลงแถวหน้าจำนวนไม่น้อยถูกพละกำลังมหาศาลบดขยี้จนร่างกายกลายเป็นเศษเนื้อทันทีทันใด ทว่าเมฆสีดำก็ยังฝืนคงรูปร่างเอาไว้ได้ ไม่ถูกโจมตีสลายในคราวเดียว
ซ่างกวนเยียนอวี่แค่นเสียงหยันคำหนึ่ง ฝ่ามือเปล่งแสงสีแดง อาวุธเวทห่วงทองแดงที่ทอแสงจิตวิญญาณแวววาวชิ้นหนึ่งปรากฏ พร้อมกับที่ปากท่องมนตร์งึมงำแผ่วเบาหลายประโยค
วิ้ง!
ห่วงทองแดงในมือซ่างกวนเยียนอวี่เปล่งแสงสว่างจ้าแล้วสร้างเงาหัวพยัคฆ์ขึ้นมาหัวหนึ่ง มันอ้าปากกว้าง เงาวงแหวนสีแดงฉานวงแล้ววงเล่าพุ่งพรวดออกมา ก่อนจะหายวับจมเข้าไปในมวลเมฆสีดำคล้ายกับไม่เคยเกิดสิ่งใดมาก่อน
ทว่าใบหน้าของซ่างกวนเยียนอวี่กลับเผยรอยยิ้มเย็นชา
อึดใจต่อมาเมฆดำมหึมาพลันสั่นไหวแล้วบวมป่องเหมือนถูกสูบลม จากนั้นระเบิดเสียงดังกึกก้อง แมลงในเมฆดำเกินครึ่งถูกคลื่นอากาศที่แผ่ไปทั่วท้องฟ้าระเบิดกลายเป็นก้อนเลือดและกองเศษเนื้อโปรยปรายสู่เบื้องล่าง
นอกจากแมลงซึ่งพลังแข็งแกร่งไม่กี่ตัวที่หนีรอดอย่างหวุดหวิด แมลงพันกว่าตัวแทบจะถูกกวาดพินาศในครั้งเดียว ตั้งแต่ต้นจนจบกินเวลาเพียงไม่กี่ลมหายใจเท่านั้น
เมื่อได้ประจักษ์พลังของซ่างกวนเยียนอวี่ ไม่เพียงศิษย์จากยอดเขากระบี่สวรรค์ แม้แต่ศิษย์จากยอดเขาอื่นๆ รอบด้านที่เห็นเหตุการณ์ก็แสดงสีหน้าตกตะลึงและนับถือออกมาด้วย
ในตอนนี้เองหลิงอีอีที่อยู่ข้างกายซ่างกวนเยียนอวี่ก็แย้มรอยยิ้มหวาน แขนกลมกลึงยกขึ้นสะบัด ฟึบ! แสงสีฟ้าสายหนึ่งพุ่งเร็วจี๋ออกมาก่อนจะกลายเป็นเส้นไหมแวววาวสีฟ้าหลายเส้นแผ่ขยายออกไปอย่างฉับพลัน เส้นไหมนับพันหมื่นหายวับไปก่อนจะปรากฏขึ้นโอบรัดแมลงระดับผลึกที่หนีรอดมาหลายตัวนั้น
หลิงอีอีรั้งแขนแผ่วเบา
แสงสีฟ้าสว่างวาบ แมลงระดับผลึกขั้นปลายหลายตัวนี้เหาะไปด้านหน้าได้อีกระยะหนึ่งก็ส่งเสียงดังฟุบ ทยอยกลายเป็นผุยผงถูกสายลมแรงหอบหนึ่งเป่าหายไป
“อาวุธเวทห่วงพยัคฆ์คำรามของศิษย์พี่ซ่างกวนพลังช่างไร้ขอบเขต วิชาไหมนวลดรรชนีของศิษย์พี่หลิงก็ฝึกฝนจนถึงขั้นล้ำเลิศแล้ว ในสงครามจะต้องแสดงความสามารถโดดเด่นเป็นแน่ อีกไม่นานคงเลื่อนเป็นศิษย์ลับเป็นแน่” ดวงเนตรงามของหลงเหยียนเฟยเคลื่อนมามอง ก่อนส่งยิ้มงดงามให้ทั้งสองคน
“ศิษย์น้องหลงล้อเล่นแล้ว สังหารแมลงระดับล่างเหล่านี้นับเป็นความดีความชอบอันใดได้ แผนการกวาดล้างเผ่าหนอนผีเสื้อครั้งนี้ของนิกายเรา ส่วนสำคัญที่สุดก็คือลอบเข้าไปยังยอดเขาแสงอัสดงเพื่อผนึกทางเชื่อมมิติที่เผ่าหนอนผีเสื้อสร้าง หากทำภารกิจนี้สำเร็จ ความดีความชอบที่สั่งสมคงเพียงพอให้เข้าสู่วังเจดีย์ เดิมทีภารกิจครั้งนี้จะมอบให้ศิษย์ลับ แต่ข้าได้ยินมาว่าภายหลังท่านประมุขเทียนเกอจู่ๆ ก็สั่งให้ศิษย์สายในคนหนึ่งไปทำภารกิจครั้งนี้ ไม่ทราบว่าศิษย์น้องหลงรู้เรื่องนี้หรือไม่” ซ่างกวนเยียนอวี่มองหลงเหยียนเฟยครู่หนึ่ง แล้วถามขึ้นเหมือนจะสื่อบางอย่าง
“ผู้มีฐานะในนิกายเช่นศิษย์พี่ซ่างกวนยังไม่รู้ น้องจะรู้ได้เช่นไร” หลงเหยียนเฟยดวงตาทอประกายวูบหนึ่งพลางยิ้มตอบ
“ศิษย์น้องหลงเอ่ยเช่นนี้ ยกย่องเยียนอวี่เกินไปแล้ว” ซ่างกวนเยียนอวี่เลิกคิ้ว แล้วไม่ได้เอ่ยอันใดอีก หลิงอีอีที่อยู่ข้างกายเขาอ้าปากหัวเราะแผ่วเบา
ระหว่างที่คนทั้งหลายสนทนากันเรื่อยเปื่อย กองทัพเผ่าหนอนผีเสื้อระลอกหนึ่งพลันโถมเข้ามา พวกหลงเหยียนเฟยเห็นเช่นนี้จึงไม่กล้าชักช้า รีบหยุดพูดคุย ตั้งสมาธิรับมือทันที
บนท้องฟ้าอีกฝั่งหนึ่ง ชั้นเมฆบนท้องฟ้าเปลี่ยนสีไปมาไม่หยุด บางครั้งมีแสงสว่างแสบตาฉายวาบ เสียงระเบิดดั่งอสนีบาตกัมปนาทดังมาแต่ไกล
เหนือชั้นเมฆ เงาหกร่างเหาะฉวัดเฉวียนบนท้องนภา กำลังจับคู่ฆ่าฟันกันอยู่
ตรงนั้นก็คือเทียนเกอเจินเหริน ผู้เฒ่าชุดเทากับนักพรตหญิงชุดขาวจากนิกายยอดบริสุทธิ์ที่สู้อยู่กับเผ่าหนอนผีเสื้อระดับดาราพยากรณ์สามตัว
ทั้งหกล้วนเป็นผู้ที่มีพลังระดับดาราพยากรณ์ พลังเวทแทบทัดเทียมกัน ชั่วขณะหนึ่งจึงไม่มีผู้ใดทำอะไรผู้ใดได้
ทันใดนั้นแรงกดดันจิตวิญญาณระดับเชี่ยวชาญมหัศจรรย์สองสายพลันแผ่มาจากยอดเขาแสงอัสดงด้านล่าง สองฝั่งปะทะกันเหมือนกำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือด
ทั้งหกสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อยโดยพลัน ไม่นานก็จดจำแรงกดดันจิตวิญญาณของฝั่งตนได้
ทว่าหลังจากนั้นเพียงชั่วครู่ แรงกดดันจิตวิญญาณทั้งสองสายก็พลันหายไปอย่างไร้ร่องรอยประหนึ่งไม่เคยปรากฏมาก่อน
พวกเทียนเกอเจินเหรินสามคนสบตากัน ใบหน้าเผยสีหน้ายินดีออกมาจางๆ แต่เผ่าหนอนผีเสื้อระดับดารายาการณ์ทั้งสามตัวกลับหน้าถอดสีในฉับพลัน
ในตอนนี้เองทุกคนต่างสัมผัสได้ถึงแรงสั่นสะเทือนรุนแรงของมิติที่แผ่มาจากยอดเขาแสงอัสดงด้านล่าง รวมถึงแรงกดดันจิตวิญญาณสองสายที่ปะทะกันอย่างดุเดือด
“แย่แล้ว เป้าหมายของเผ่ามนุษย์เหล่านี้คือรูหนอน!” บุรุษเผ่าหนอนผีเสื้อผู้มีหนวดสีขาวสลับดำสองเส้นบนหัวคำรามลั่นเป็นภาษาเผ่าหนอนผีเสื้อ ร่างกายขยับวูบหมายจะเหาะไปด้านล่าง
ผู้เฒ่าชุดเทาที่ต่อสู้กับเขาอยู่เห็นเช่นนี้จึงกลายร่างเป็นแสงเจิดจ้าสายหนึ่งไล่ตามลงไปติดๆ
เมื่อครู่เผ่าหนอนผีเสื้อระดับดาราพยากรณ์อีกสองตัวก็คิดจะขยับตัวเช่นกัน ทว่าเทียนเกอเจินเหรินกับนักพรตหญิงชุดขาวขยับมาขวางหน้าพวกมันเอาไว้
เทียนเกอเจินเหรินสะบัดมือ อาวุธเวทแส้นักพรตสีเงินในมือสะบัดครั้งหนึ่ง เส้นไหมสีเงินนับไม่ถ้วนพลันม้วนตัวแผ่ขยายบดบังท้องนภาล้อมเผ่าหนอนผีเสื้อระดับดาราพยากรณ์รูปร่างสูงใหญ่ตัวหนึ่งในนั้นไว้
ส่วนนักพรตหญิงชุดขาวโยนลูกปัดหยกเส้นหนึ่งในมือออกมา ลูกปัดหยกแวววาวสิบแปดลูกหมุนติ้ว ก่อนจะหยุดนิ่งแล้วขยายใหญ่ยักษ์เกือบร้อยจั้ง แสงวิเศษสีขาวสายแล้วสายเล่าพุ่งออกมาจากด้านในล้อมเผ่าหนอนผีเสื้อระดับดาราพยากรณ์ที่มีปีกสีดำงอกจากแผ่นหลังอีกตัวหนึ่งไว้
คลื่นพลังเวทอันรุนแรงส่งเสียงกัมปนาทออกมาอีกครั้ง
เผ่าหนอนผีเสื้อที่มีหนวดสีขาวดำดิ่งลงมาจากเหนือชั้นเมฆประหนึ่งดาวตก ลำแสงของผู้ฝึกฝนระดับดาราพยากรณ์รวดเร็วปานใด เพียงครู่เดียวก็เหาะเข้ามาในหุบเขาที่ทางเชื่อมมิติตั้งอยู่
ในตอนนี้เองเผ่าหนอนผีเสื้อหนวดสีขาวสลับดำพลันตาพร่าลาย ทิวทัศน์รอบด้านเปลี่ยนไปอย่างฉับพลัน
ตอนนี้ยังมีหุบเขาอยู่ที่ใด รอบด้านกลับกลายเป็นทะเลกว้างสีฟ้าครามสุดลูกหูลูกตาผืนหนึ่ง แรงกดดันมหาศาลสายหนึ่งบีบเข้ามาหามัน
“ค่ายกล!”
มาถึงตอนนี้เผ่าหนอนผีเสื้อหนวดสีขาวสลับดำไยจะไม่รู้ว่าตนไม่ทันสำรวจให้ดี จึงตกลงมาในกับดักที่อีกฝ่ายวางเอาไว้
เงาคนพร่าเลือนวูบหนึ่ง ชายหนุ่มอาภรณ์สีทองผู้หนึ่งพลันปรากฏตัวขึ้นเบื้องหน้าเผ่าหนอนผีเสื้อหนวดสีขาวสลับดำไม่ไกล เขาหัวเราะคิกคักมองมา คนผู้นี้ก็คือจินเทียนชื่อนั่นเอง
เผ่าหนอนผีเสื้อหนวดสีขาวสลับดำสีหน้าเปลี่ยนไปทันใด เห็นชัดว่าชายหนุ่มอาภรณ์สีทองเป็นผู้ฝึกฝนระดับดาราพยากรณ์คนหนึ่งเช่นเดียวกัน
แสงสีเทาสว่างวาบ ผู้เฒ่าชุดเทาปรากฏตัวเหนือผิวมหาสมุทร ขวางเผ่าหนอนผีเสื้อหนวดสีขาวสลับดำร่วมกับจินเทียนชื่อ คนหนึ่งด้านหน้า คนหนึ่งด้านหลัง
เผ่าหนอนผีเสื้อหนวดสีขาวสลับดำในที่สุดก็หน้าถอดสี
“โชคดีนักที่ข้าลำบากลำบนแอบลอบเข้ามาวาง ‘ค่ายกลทะเลหยกเคลื่อนมิติ’ ชุดนี้ไว้ ผู้เฒ่าสวี พวกท่านอืดอาดกันเกินไปแล้ว” จินเทียนชื่อเอ่ยอย่างไม่พอใจเล็กน้อย
“คำพูดไร้สาระไม่ต้องพูดแล้ว ข้าถามเจ้า หลิ่วหมิงผนึกรอยแตกของมิติแล้วหรือไม่” ผู้เฒ่าชุดเทากลอกตา ไม่สนใจจินเทียนชื่อ แต่ปากเอ่ยถามเช่นนี้
“หึๆ ศิษย์น้องหลิ่วทำภารกิจของเขาลุล่วงอย่างงดงาม แล้วยังล่อเผ่าหนอนผีเสื้อระดับดาราพยากรณ์ตัวหนึ่งจากไปอีกด้วย แรงกดดันของพวกเราจึงเบาลงไม่น้อย” จินเทียนชื่อดวงตาทอประกายวูบหนึ่ง ขณะที่หัวเราะพลางเอ่ยตอบ
“อ้อ ก่อนหน้านี้ดูถูกเจ้าหนูคนนี้เกินไปหน่อยจริงๆ” แววตาคาดไม่ถึงแล่นผ่านดวงตาของผู้เฒ่าชุดเทา
“พลังของศิษย์น้องหลิ่วในยามนี้ แม้สู้เผ่าหนอนผีเสื้อระดับดาราพยากรณ์ตัวนั้นไม่ได้ แต่จะปกป้องตนเองยังพอเหลือเฟือ พวกเราไม่ต้องเป็นห่วงเขา จัดการเจ้าตัวตรงหน้านี่ก่อนเถิด” จินเทียนชื่อดวงตาทอประกายเย็นเยียบ มองไปทางเผ่าหนอนผีเสื้อเปลือกสีดำ แล้วสะบัดมือส่งเคล็ดวิชาหลายสายออกมา