ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ - ตอนที่ 1157 ปราบระดับดาราพยากรณ
เวลานี้ไส้เดือนในหลุมมหึมาบนพื้นดินเหมือนจะมึนงงเล็กน้อย มันส่ายหัวสองสามครั้งพยายามจะกระถดลำตัวท่อนล่างเพื่อปีนป่ายขึ้นมา ทว่าบนหัวของมันกลับมีปราณสีดำมาวนเวียน ทันใดนั้นกรงกระดูกมโหฬารอย่างยิ่งกรงหนึ่งพลันร่วงลงมาจากฟ้าพร้อมกับเสียงดังหวีดหวิว ครอบทั้งร่างของมันไว้ในทันที
กี๊ซ กี๊ซ
ไส้เดือนโกรธจัดทันที ร่างกายเปล่งแสงสีเทาออกมา ลำตัวที่เดิมทีมหึมาอยู่แล้วขยายใหญ่ขึ้นอีกไม่น้อย หนวดเนื้อรอบตัวสะบัดอย่างบ้าคลั่งจนเกิดเสียงดังโครม กรงกระดูกถูกฟาดแตกทั้งอย่างนั้น
ในตอนนี้เองคลื่นไหวกระเพื่อมพลันก่อตัวขึ้นกลางอากาศเหนือหัวของมัน ยอดเขาสีเหลืองเข้มขนาดร้อยจั้งลูกหนึ่งกดทับลงมาประหนึ่งเขาไท่ซาน ฐานของยอดเขาเปล่งแสงสีเหลือง วงแสงสีเหลืองวงแล้ววงเล่าโถมลงมาอย่างบ้าคลั่ง
ภูเขาลูกยักษ์ยังไม่ทันร่วงลงมา แรงกดดันจิตวิญญาณหนักหน่วงอย่างที่สุดก็พุ่งเสียงดังหวีดหวิวมาถึงก่อน ทำให้ไส้เดือนรู้สึกอึดอัด ร่างกายหนักอึ้งอย่างยิ่งในฉับพลัน
ไส้เดือนตกตะลึง มันเปล่งแสงสีเทาออกจากร่าง ร่างพลังเวทขนาดยักษ์ที่หน้าตาคล้ายคลึงกับร่างต้นอย่างยิ่งตนหนึ่งโผล่ออกมาแล้วอ้าปากใหญ่ยักษ์พ่นลำแสงสีเทาหนาเส้นหนึ่งโจมตีฐานยอดเขาอย่างรุนแรง
เสียงดังสนั่นสะเทือนฟ้าสะเทือนดินดังขึ้น!
แสงสีเทากับแสงสีเหลืองปะทะกันอย่างดุเดือด คลื่นอากาศที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่าแผ่เป็นวงขยายไปสี่ด้านแปดทิศ
คุนอวี้ หลงเหยียนเฟยและคนอื่นที่อยู่ใกล้ๆ ล้วนเป็นผู้ฝึกฝนระดับแก่นแท้ กายเนื้อนับว่าแข็งแกร่งจึงไม่ได้บาดเจ็บมากมายอันใดจากแรงอัดกระแทกของคลื่นอากาศ เพียงเซซ้ายเซขวาพักหนึ่งเท่านั้น
ผู้ฝึกฝนระดับผลึกที่เหลือถูกคลื่นอากาศซัดจนพากันกระอักเลือด ปลิวถอยหลังไปอย่างไม่อาจห้ามตนเองได้
ยอดเขายักษ์ที่เกิดจากมุกบรรพตธาราสั่นไหวเล็กน้อย จากที่กำลังร่วงลงมาพลันหยุดชะงัก
แต่ไส้เดือนก็ส่งเสียงร้องโหยหวนอย่างทุกข์ทรมานเช่นกัน จากนั้นแสงสีเทาพลันส่องสว่างรอบร่าง หนวดเนื้อบนแผ่นหลังตั้งตรงก่อนจะหลุดจากร่างพาเสียงหวีดหวิวแหลมแสบแก้วหูพุ่งพรวดใส่หลิ่วหมิงที่อยู่กลางท้องฟ้าอย่างมืดฟ้ามัวดิน
หลิ่วหมิงหรี่ตาทั้งสองข้าง ปราณสีดำพวยพุ่งรอบร่างแล้วเกิดเสียงกุกกักดังขึ้นพักหนึ่ง ก่อนที่พวกมันจะก่อตัวเป็นโล่กระดูกชิ้นหนึ่งอย่างเร็วไว จากนั้นเขาจึงโบกมือ ประกายสีเลือดแสบตาผุดขึ้นบนร่างแล้วก่อตัวเป็นโล่แสงสีเลือดชิ้นหนึ่งขยับหมุนซ้อนอยู่ด้านหลัง สุดท้ายร่างกายก็เปล่งแสงสีเงินวูบหนึ่ง เกราะเนื้อสีเงินตัวหนึ่งโผล่ออกมาหุ้มทั่วทุกตำแหน่งบนร่างเอาไว้
หลิ่วหมิงเพิ่งทำสิ่งเหล่านี้เสร็จ หนวดเนื้อทั่วท้องฟ้าก็พลันส่งเสียงดังหวีดหวิวมาถึงแล้วพุ่งชนโล่กระดูกอย่างหนักหน่วง
“ปัง!” เสียงดังสนั่นดังขึ้นพักหนึ่ง
โล่กระดูกดำทนอยู่ได้เพียงครึ่งลมหายใจ บนโล่ก็เกิดรอยร้าวนับไม่ถ้วนก่อนจะระเบิดกระจายเสียงดังสนั่นกลายเป็นปราณดำหนาทึบ หนวดเนื้อสิบกว่าเส้นทะลุผ่านปราณสีดำมาโดยที่พลังไม่ลดทอนสักนิด จากนั้นโจมตีใส่โล่แสงสีเลือดที่อยู่ด้านหลังอย่างหนักหน่วง
โล่โลหิตเปล่งแสงสีเลือดสว่างจ้าขณะที่สั่นสะท้านรุนแรง แต่หลายปีมานี้หลิ่วหมิงเก็บสะสมโลหิตบริสุทธิ์ไว้ในโล่โลหิตนี้ไม่รู้ตั้งเท่าไร ดังนั้นแม้โล่โลหิตจะสั่นไหวอย่างรุนแรงแต่ก็ยังฝืนไม่พังทลายลงได้
สุดท้ายหลังจากโล่โลหิตหม่นแสงลงเกินครึ่ง หนวดเนื้อก็ใช้พลังจนหมดทยอยร่วงตกลงไปอย่างไร้เรี่ยวแรง
ยามนี้หลิ่วหมิงจึงถอนหายใจ มือส่งเคล็ดวิชาสายแล้วสายเล่าออกมาพร้อมกันอ้าปากพ่นโลหิตบริสุทธิ์คำหนึ่งลงบนยอดเขาสีเหลืองด้านล่าง
ยอดเขาสีเหลืองเปล่งแสงสว่างจ้าอย่างฉับพลัน เงาแม่น้ำสายยาวสีดำเห็นชัดเจนหลายสายปรากฏโอบล้อมยอดเขา
แสงสีเหลืองกับสีดำสะท้อนสอดประสานกันบนยอดเขาสีเหลืองเข้ม ทันใดนั้นยอดเขาก็ขยายขนาดจนใหญ่ยักษ์ขึ้นอีกไม่น้อย ตัวภูเขาขนาดมหึมาค่อยๆ กดทับร่างพลังเวทของไส้เดือนลงไป
ดวงตาของไส้เดือนเผยแววตาไม่อยากเชื่อ ร่างพลังเวทสีเทาถูกยอดเขายักษ์กดทับจนลอยต่ำลงมาเรื่อยๆ ในที่สุดก็แตกสลายพร้อมเสียงดังกึกก้อง
เสียงดังสนั่นดังขึ้นครั้งหนึ่ง ทั้งร่างของไส้เดือนถูกยอดเขาสีเหลืองเข้มทับอยู่ข้างใต้อย่างสมบูรณ์
หลิ่วหมิงท่องมนตร์ออกจากปากอย่างรวดเร็ว สองมือโบกสะบัดขึ้นลงส่งเคล็ดลลล็ลดดวิชาสายแล้วสายเล่าพุ่งออกไป ยอดเขายักษ์สีเหลืองเปล่งแสงสีเหลืองล้อมบริเวณร้อยจั้งรอบด้านเอาไว้
ทันใดนั้นปราณจิตวิญญาณธาตุดินรอบบริเวณร้อยจั้งพลันเข้มข้นประหนึ่งแผ่นเหล็ก แข็งแกร่งดุจปราการเหล็กกล้า
หลังจากไส้เดือนดิ้นรนใต้ฐานยอดเขายักษ์อยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็แน่นิ่ง
หลิ่วหมิงพรูลมหายใจยาวออกมาเฮือกหนึ่ง จากนั้นร่างกายจึงลอยลงมา
เมื่อไส้เดือนถูกมุกบรรพตธารากำราบ เส้นใยสีเทาที่พันรัดร่างกายของพวกคุนอวี้ก็ขาดสะบั้นตาม พวกเขาได้อิสระกลับคืนมา แต่ละคนมองหลิ่วหมิงด้วยสีหน้าตกตะลึง ชั่วขณะหนึ่งไม่มีใครเอ่ยวาจา
“ศิษย์น้องหลิ่ว ไม่พบหน้ากันหลายสิบปี คิดไม่ถึงว่ายามนี้พลังของเจ้าจะบรรลุถึงขั้นนี้ แม้แต่แมลงระดับดาราพยากรณ์ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเจ้าแล้ว” หลงเหยียนเฟยกับหลิ่วหมิงนับว่ารู้จักมักคุ้นกันมานานจึงไม่ต้องระวังคำพูดอันใด นางมองสำรวจหลิ่วหมิงตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยสีหน้าซับซ้อนแล้วเอ่ยปากทำลายความเงียบเป็นคนแรก
“ศิษย์พี่หลงชมเกินไปแล้ว หากไม่ใช่เพราะก่อนหน้านี้ทุกท่านใช้วิชาดึงแมลงตัวนี้ไว้ ข้าก็คงไม่ลงมือสำเร็จโดยง่าย” หลิ่วหมิงดวงตาทอประกายวูบหนึ่งขณะเอ่ยตอบ
เมื่อได้ยินคำนี้ หลงเหยียนเฟยกับคุนอวี้ล้วนหน้าแดง
การต่อสู้เมื่อครู่ ตั้งแต่ต้นจนจบหลิ่วหมิงแทบจะสู้กับแมลงระดับดาราพยากรณ์ตัวนี้เพียงลำพัง อีกทั้งหากหลิ่วหมิงไม่ลงมือ พวกเขาก็คงจะจบชีวิตลงในปากมันไปนานแล้ว
ซ่างกวนเยียนอวี่มองหลิ่วหมิง ลึกลงไปในดวงตาปรากฏแววตาตกตะลึงอย่างยิ่ง ขณะที่เขานึกหวาดกลัวย้อนหลังอยู่เลือนราง
ระหว่างที่เดินทางมาในใจเขานึกแค้นหลิ่วหมิงที่แย่งโอกาสเลื่อนชั้นเป็นศิษย์ลับจนเกือบจะขัดแย้งกับหลิ่วหมิงแล้วหากหลิงอีอีไม่ได้ออกปากปรามไว้ ถ้าลงมือขึ้นมาจริงๆ เขาคงหาเรื่องให้ตนเองอับอายขายหน้าต่อหน้าทุกคนเป็นแน่
เมื่อเขาคิดถึงตรงนี้ก็หันกลับไปมองหลิงอีอีที่อยู่ไม่ไกล ในใจรู้สึกอบอุ่นอย่างห้ามไม่ได้
“ศิษย์น้องหลิ่วฝีมือไม่ธรรมดาจริงๆ ตอนได้ยินว่าศึกที่ยอดเขาแสงอัสดง ศิษย์น้องเผชิญหน้ากับแมลงระดับดาราพยากรณ์ตามลำพัง ข้ายังไม่อยากเชื่ออยู่บ้าง แต่วันนี้ได้เห็นกับตา ไม่ผิดจากคำร่ำลือจริงๆ” คุนอวี้สีหน้าไม่ค่อยดีนักแต่ก็ยังฝืนยิ้มออกมาได้
“ศิษย์พี่คุนอวี้ชมเกินไปแล้ว หากมิใช่ศิษย์พี่บาดเจ็บอยู่ เกรงว่าแมลงระดับดาราพยากรณ์ขั้นต้นกระจอกๆ ตัวนี้คงทำอันใดท่านมิได้” หลิ่วหมิงยิ้มน้อยๆ
คุนอวี้ฟังคำนี้แล้ว สีหน้าจึงดีขึ้นมาบ้าง
เมื่อเห็นหลิ่วหมิงปราบไส้เดือนได้แล้ว ศิษย์นิกายยอดบริสุทธิ์กับผู้ฝึกฝนตระกูลเยี่ยที่อยู่ไกลๆ จึงเหาะเข้ามา แต่ละคนล้วนสีหน้าตกตะลึง
เจียหลานยืนอยู่ท่ามกลางผู้คน สายตาที่มองหลิ่วหมิงเป็นประกายพราวระยับ
“สหายจากนิกายยอดบริสุทธิ์ทุกท่านช่างพลังมากล้น แต่เผ่าหนอนผีเสื้อตัวนี้ควรจัดการเช่นไรเล่า?” หัวหน้าตระกูลเยี่ยมองยอดเขายักษ์สีเหลืองด้านข้าง แล้วเอ่ยอย่างยำเกรง
หลิ่วหมิงได้ยินก็มองยอดเขาที่สร้างจากมุกบรรพตธาราแวบหนึ่ง ใบหน้าเผยสีหน้าครุ่นคิดเล็กน้อย
“ศิษย์น้องหลิ่ว แมลงระดับดาราพยากรณ์ตัวนี้แม้ตอนนี้ถูกสะกดไว้ แต่กำจัดมันเสียจะดีกว่า อย่าปล่อยเวลาผ่านพ้นให้เกิดเรื่องไม่คาดฝัน” คุนอวี้เอ่ยเช่นนี้
หลงเหยียนเฟยก็พยักหน้าเช่นกัน กระบี่บินของนางยังอยู่ในท้องของมัน หากถูกปราณกัดกร่อนอันใดในท้องมันทำให้พลังจิตวิญญาณแปดเปื้อนย่อมไม่ดี
“ได้!” หลิ่วหมิงพยักหน้า ในใจครุ่นคิดอย่างรวดเร็ว
ตอนนี้แมลงตัวนี้ถูกสะกดไว้ใต้ยอดเขายักษ์ หากเขาย้ายยอดเขาออก สัตว์ร้ายตัวนี้ย่อมต้องดิ้นรนหนี ดูท่าใช้วิธีอื่นสังหารแมลงตัวนี้ในทันทีจะดีกว่า
ทว่าในตอนนี้เอง ยอดเขายักษ์ที่เดิมทีสงบนิ่งอยู่ก็พลันสั่นสะเทือน แสงสีเหลืองบนพื้นสั่นไหวอย่างรุนแรง
คนที่เหลือต่างมีสีหน้าตกใจ
ยังไม่ทันที่หลิ่วหมิงจะได้ทำสิ่งใด เสียงดังสนั่นสะเทือนฟ้าสะเทือนดินเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นมาจากพื้น ผืนดินบริเวณร้อยจั้งยุบจมลงไปข้างใต้กะทันหัน จากนั้นเสียงระเบิดกึกก้องก็ดังตามมาทันที
ใต้พื้นดินเหมือนจะมีบางสิ่งระเบิดเสียงดังสนั่น!
แสงสีเหลืองของยอดเขาสีเหลืองเข้มถูกฉีกในทันใด ยอดเขาทั้งลูกโคลงเคลงวูบหนึ่งก็ระเบิดจนเอียงเท เงาสีเทาร่างหนึ่งพุ่งทะลุจากฐานภูเขาจากนั้นกระโจนหนีไปไกลอย่างรวดเร็ว
เงาสีเทาก็คือไส้เดือนตัวนั้น แต่ไม่ทราบเหตุใดร่างกายมหึมาของมันจึงหดเล็กลงมาก
แสงอสนีบาตสว่างวูบ ทันใดนั้นแสงกระบี่สีม่วงเส้นหนึ่งก็ยกร่างของหลิ่วหมิงเหาะเร็วจี๋ตามไส้เดือนไป
ในเวลาเดียวกันยอดเขายักษ์สีเหลืองเข้มก็เปล่งแสงวูบหนึ่ง แล้วกลับกลายเป็นมุกกลมสีเหลืองขมุกขมัวสิบสองเม็ดอีกครั้ง จากนั้นกลายเป็นแสงสีเหลืองสายหนึ่งตามหลิ่วหมิงไปติดๆ
ครั้งนี้เหตุการณ์เปลี่ยนแปลงรวดเร็วดั่งเหยี่ยวโฉบกระต่าย เมื่อทุกคนตั้งสติได้ หลิ่วหมิงกับไส้เดือนก็กลายเป็นจุดแสงสองจุดแทบจะหายลับไปไกลลิบแล้ว
เสียงหวีดแหลมดังขึ้น หลงเหยียนเฟยกลายร่างเป็นแสงสีน้ำเงินสายหนึ่งไล่ตามไปอย่างรวดเร็ว
ซ่างกวนเยียนอวี่กับหลิงอีอีกำลังจะไล่ตามไปด้วย แต่คุนอวี้กลับยกแขนขึ้นห้ามทั้งสองคนเอาไว้
“แมลงระดับดาราพยากรณ์ตัวนั้นระเบิดแก่นปีศาจในตัวถึงหนีไปได้อย่างหวุดหวิด พลังในตอนนี้น่าจะลดลงมาก ศิษย์น้องหลิ่วกับศิษย์น้องหลงจัดการกันสองคนก็พอ พวกเรากวาดล้างแมลงในเหมืองแร่กันก่อน นี่จึงจะเป็นงานหลักของภารกิจครั้งนี้” คุนอวี้เอ่ยแช่มช้า
เมื่อครู่ทุกคนต่อสู้กับไส้เดือนอย่างดุเดือด คลื่นพลังเวทอันรุนแรงแผ่ออกไป
แมลงในเหมืองแร่ย่อมสัมผัสได้ว่าไส้เดือนพ่ายแพ้ เวลานี้แมลงหลายพันตัวจึงโกลาหล เป็นโอกาสอันดีในการกวาดล้าง
ซ่างกวนเยียนอวี่กับหลิงอีอีสบตากัน ดวงตาเผยแววตายินดีออกมาจางๆ
ภารกิจครั้งนี้คุณงามความชอบหลักล้วนตกเป็นของหลิ่วหมิง แต่หากพวกเขากวาดล้างแมลงกลุ่มนี้ได้อย่างไรก็ย่อมมีความดีความชอบอยู่ส่วนหนึ่ง
คุนอวี้นำศิษย์นิกายยอดบริสุทธิ์กับผู้ฝึกฝนตระกูลเยี่ยมุ่งไปทางสายแร่ทันที
อีกด้านหนึ่งหลิ่วหมิงกับไส้เดือนไล่ตามกัน หนึ่งตัวอยู่ด้านหน้า หนึ่งคนอยู่ด้านหลัง
แมลงระดับดาราพยากรณ์ตัวนี้ระเบิดแก่นปีศาจของตนไปแล้ว แรงกดดันจิตวิญญาณที่แผ่ออกมาถดถอยไปถึงระดับแก่นแท้ แต่เวลานี้ร่างกายของมันมีรัศมีเปลวเพลิงสีเทาชั้นหนึ่งล้อมอยู่ ความเร็วจึงเหนือกว่าที่เขาคาดไว้
เวลานี้หลิ่วหมิงขี่กระบี่โดยใช้ปีกเนื้อของเคล็ดวิชาเกราะอสูรช่วยเสริมก็ยังไล่ตามไม่ค่อยทันนัก
พริบตาเดียว ทั้งสองก็เหาะหนีออกมาพันลี้
หลิ่วหมิงดวงตาทอประกายเย็นเยียบ ไล่ตามเช่นนี้ต่อไปไม่ใช่ทางแก้ แม้อีกฝ่ายพลังลดลงมาก แต่หากไล่ตามต่อไป ใครจะรู้ว่าจะพบเรื่องอันใดอีก
เขาทำพันธะกับปีกจักจั่นแก้วที่ผู้อาวุโสเสวียนอวี๋มอบให้เสร็จแล้ว ยามนี้พอดีได้ทดลองสักหน่อยว่าแท้จริงพลังเป็นเช่นไร
เขาคิดถึงตรงนี้ก็เพ่งสมาธิเก็บปีกเนื้อสีเงินบนแผ่นหลัง จากนั้นแสงสีเขียวก็สว่างขึ้นวูบหนึ่ง ปีกกึ่งโปร่งใสขนาดหนึ่งจั้งคู่หนึ่งปรากฏออกมา
“นี่ก็คือปีกจักจั่นแก้ว…”
หลิ่วหมิงดวงตาเป็นประกายเล็กน้อย ยามนี้ในทะเลจิตวิญญาณมีปีกขนาดย่อส่วนสีเขียวหยกคู่หนึ่งลอยอยู่ บนตัวมันมีเปลวเพลิงสีเขียวบางๆ กำลังเผาไหม้
แก่นแท้ในทะเลจิตวิญญาณขยับวูบหนึ่ง ทันใดนั้นพลังเวทบริสุทธิ์สายหนึ่งพลันเคลื่อนเข้าไปในปีกสีเขียวหยก ปีกจักจั่นสีเขียวบนแผ่นหลังกระพือ
ฟึบ!
ร่างของเขาเลือนหายไปในพริบตา หายวับครั้งเดียวพุ่งออกไปหลายร้อยจั้ง
หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ บนใบหน้าเผยสีหน้ายินดีแทบคลั่งออกมาในทันใด ความเร็วเช่นนี้เร็วกว่าก่อนหน้านี้ไม่ใช่แค่หลายเท่า
สิ่งเดียวที่น่าเสียดายก็คือเมื่อใช้งานปีกจักจั่นแก้ว เปลวเพลิงบนผลึกแก้วจักจั่นในทะเลจิตวิญญาณจะลุกโหมขึ้นหลายเท่าในพริบตา ปีกผลึกแก้วสีเขียวหยกกำลังหดเล็กลงอย่างเชื่องช้าด้วยความเร็วที่ตาเปล่าสังเกตเห็นได้ยาก
จากความเร็วการเผาไหม้นี้ ปีกจักจั่นแก้วนี่คงใช้ได้ไม่นานจริงๆ!