ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ - ตอนที่ 1176 ปรมาจารย์โลหิตนิ้วขาด
หลิ่วหมิงผู้หนีรอดจากเงื้อมมือมารของปรมาจารย์โลหิตชั่วคราวไม่ได้กลับไปยังสนามรบด้านล่างสุด แต่ฉวยช่องว่างครั้งนี้เหาะสูงขึ้นไปด้านบนอย่างไม่ลังเล
ตรงนั้นก็คือทางเชื่อมมิติที่ราชินีหนอนผีเสื้ออยู่!
ยามนี้สำหรับหลิ่วหมิงแล้ว สถานที่ซึ่งดูเหมือนอันตรายที่สุดถึงจะมีโอกาสรอดที่สุด ถึงอย่างไรสถานการณ์ตอนนี้ผู้ที่สามารถขัดขวางปรมาจารย์โลหิตได้ก็มีเพียงผู้ฝึกฝนระดับเชี่ยวชาญมหัศจรรย์เหล่านั้นเท่านั้น
ด้วยความเร็วที่ต่างกันระหว่างทั้งสองคน เขาอาจจะฝืนไปไม่ถึงที่นั่น
ดังนั้นเมื่อหลิ่วหมิงได้กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งลอยมาจากด้านหลังอีกครั้ง เขาจึงกระพือปีกสองข้างอย่างไม่พูดพร่ำ มังกรหมอกสีดำหกตัวก่อตัวจากบนแผ่นหลังแล้วร้องคำรามพุ่งโถมลงไปเบื้องล่าง ทว่าพวกมันกลับหายเข้าไปในทะเลโลหิตอันคลุ้มคลั่งในบัดดลประหนึ่งตุ๊กตาวัวโคลนจมลงในทะเล แม้แต่คลื่นกระเพื่อมสักน้อยก็ไม่ปรากฏ
แปดร้อยจั้ง ห้าร้อยจั้ง สามร้อยจั้ง…
ระยะห่างระหว่างสองฝ่ายหดลงเรื่อยๆ หลิ่วหมิงกัดฟันกรอดแล้วเร่งเคล็ดวิชาทันที ลำแสงสีเหลืองสองสายส่องสว่างวูบ มุกบรรพตธาราสีเหลืองขมุกขมัวสิบสองเม็ดถูกเรียกออกมาจนหมด พวกมันหมุนติ้วอยู่กลางอากาศก่อนจะหยุดนิ่งแล้วกลายเป็นยอดเขาน้อยสีเหลืองขมุกขมัวสิบสองลูก
ภูเขาน้อยสิบสองลูกส่งเสียงครวญอื้ออึงอยู่กลางท้องฟ้าแล้วประสานร่างเป็นหนึ่งอย่างรวดเร็ว กลายเป็นภูเขายักษ์สูงค้ำฟ้าร้อยกว่าจั้งลูกหนึ่ง แลดูทรงพลังน่าตะลึงยิ่งนัก!
“คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าความจริงเจ้าหนูเช่นเจ้าหลอมมุกบรรพตธาราทั้งชุดทั้งหมดสิบสองเม็ดสำเร็จแล้ว ดี ดียิ่ง!” ปรมาจารย์โลหิตเห็นมุกบรรพตธาราก็ไม่ตกใจแต่กลับยินดี
จากนั้นสองมือของเขาพลันเปลี่ยนผันประหนึ่งกงล้อ ทะเลโลหิตอันเชี่ยวกรากรอบด้านปั่นป่วนอยู่ครู่หนึ่งก็รวมตัวกลางฝ่ามือแล้วพุ่งไปเบื้องหน้า
ประกายโลหิตสะท้อนแสง กระบี่โลหิตน่าหวาดหวั่นยาวหลายร้อยจั้งเล่มหนึ่งก่อตัวขึ้น จากนั้นส่งเสียงดังฟึบฟันเข้าใส่มุกบรรพตธารา เร็วจนตามองไม่ทัน!
หลิ่วหมิงตกตะลึง เขาจี้ดรรชนีเข้าใส่ภูเขายักษ์ค้ำฟ้าสูงร้อยจั้งอย่างต่อเนื่อง แม่น้ำยาวสีดำอันกว้างขวางและเชี่ยวกรากสายหนึ่งฉับพลันปรากฏล้อมภูเขายักษ์ทั้งลูกไว้ตรงกลาง เขาคิดจะรับหนึ่งกระบี่ของปรมาจารย์โลหิตโดยตรง
ทว่ายังไม่ทันที่กระบี่ยักษ์สีเลือดจะสัมผัสถูกภูเขายักษ์สูงค้ำฟ้า ทันใดนั้นมันก็กลายเป็นฝ่ามือยักษ์สีเลือดข้างหนึ่งอย่างผิดคาดแล้วกำภูเขายักษ์ไว้กลางฝ่ามือ
อึดใจต่อมาผิวของมือยักษ์สีเลือดก็มีหมอกโลหิตชั้นแล้วชั้นเล่าลอยออกมาจนแทบจะกลืนภูเขายักษ์ทั้งลูกหายเข้าไป
หลิ่วหมิงหน้าถอดสีทันที!
เขาสัมผัสถึงแรงดึงรั้งอันแข็งแกร่งที่พยายามจะดึงมุกบรรพตธาราไปอย่างชัดเจน สายสัมพันธ์ระหว่างตนกับมุกบรรพตธาราอ่อนแอลงทุกขณะ
เวลานี้เขาเพิ่งตระหนักว่าแท้จริงแล้วปรมาจารย์โลหิตมีเป้าหมายอยู่ที่มุกบรรพตธารา ตนเองนำมุกบรรพตธาราออกมาใช้ ไยมิใช่ส่งเนื้อเข้าปากเสือ
หากการสละมุกบรรพตธาราทำให้เขาเลิกไล่สังหารตนได้ก็ช่างเถิด แต่ด้วยนิสัยดุร้ายของปรมาจารย์โลหิต หลังจากได้สมบัติชิ้นนี้ไปคงมีแต่จะลงมืออย่างเหิมเกริมไม่หวั่นเกรง
ถึงเวลานั้นเขาไม่มีอาวุธเวทเช่นมุกบรรพตธาราปกป้องแล้ว เกรงว่าแม้แต่การโจมตีครั้งเดียวก็คงทนรับไม่ไหว
ในตอนนี้เองเสียงของเซียเอ๋อร์ก็ดังออกมาจากในถุงหล่อเลี้ยงวิญญาณข้างเอวหลิ่วหมิง
“นายท่าน ข้าควบคุมพลังแห่งผืนปฐพีและขุนเขาศิลาได้ พอจะควบคุมมุกบรรพตธาราได้อยู่บ้าง บางทีอาจช่วยนายท่านแย่งภูเขาลูกนี้กลับมาได้”
หลิ่วหมิงได้ยินพลันยินดียิ่ง เขาไม่พูดพร่ำตบถุงหล่อเลี้ยงวิญญาณข้างเอวครั้งหนึ่ง ปราณสีดำสายหนึ่งลอยออกมาจำแลงร่างเป็นหญิงสาวสวมอาภรณ์ตาข่ายสีดำผู้หนึ่ง
ต่อจากนั้นเขาจึงท่องมนตร์ ยันต์สีดำตัวแล้วตัวเล่าลอยออกมาจากปากมุดเข้าไปในหมอกโลหิตทันที
ส่วนเซียเอ๋อร์ดวงตาเปล่งประกายวาวโรจน์ ม่านแสงสีเหลืองเข้มโปร่งใสชั้นหนึ่งปรากฏขึ้นทั่วร่าง จากนั้นมือข้างหนึ่งพลันชี้ขึ้นฟ้า
“ทลาย”
หมอกโลหิตเบื้องล่างเกิดเสียงระเบิดดังขึ้น ต่อจากนั้นคลื่นน้ำสีดำวงแล้ววงเล่าพลันกระเพื่อมเป็นระลอกออกมาจากด้านใน หลังจากเกิดเสียงดัง “บึ๊ม” ครั้งหนึ่ง ภูเขายักษ์ค้ำฟ้าลูกหนึ่งก็พุ่งออกมาจากหมอกโลหิตแล้วเหาะตรงไปยังจุดที่หลิ่วหมิงอยู่
ปรมาจารย์โลหิตที่เดิมทีบังคับเคล็ดวิชาอยู่เห็นสถานการณืเช่นนี้ ในดวงตาก็ฉายแววประหลาดใจเล็กน้อย เขาเร่งเคล็ดวิชาที่มือ หมอกโลหิตพลุ่งพล่านฉับพลันกลายเป็นอรพิษตัวยาวสีเลือดตัวหนึ่งพาแสงสีโลหิตถาโถมตามมาโอบรัดภูเขายักษ์
“เก็บ”
หลิ่วหมิงในเวลานี้ไม่กล้ารีรอแม้แต่น้อย เขาเปลี่ยนเคล็ดวิชาที่มือทันที ทันใดนั้นภูเขายักษ์ค้ำฟ้าพลันกลายเป็นมุกกลมสีเหลืองขมุกขมัวสิบสองเม็ดพุ่งเร็วจี๋กลับมา
ยามนี้ผิวของมุกบรรพตธาราถูกเส้นสีเลือดจางๆ เลื้อยพันอยู่ พลังจิตวิญญาณเสียหายอย่างเห็นได้ชัด จำเป็นต้องบำรุงให้ดีจึงจะฟื้นคืนสภาพเดิม
หลิ่วหมิงไม่มีเวลาตรวจสอบมากมาย แสงสีเงินบนแผ่นหลังส่องสว่างวูบหนึ่ง เขาก็กลายเป็นลำแสงสีเงินขนาบม่วงเส้นหนึ่งขี่กระบี่เหาะหนีไปด้านบนอีกครั้ง
เมื่อเห็นมุกบรรพตธาราที่กำลังจะตกอยู่ในมือถูกหลิ่วหมิงแย่งกลับไปอีกครั้ง ปรมาจารย์โลหิตพลันหน้าถมึงทึง แสงสีเลือดสว่างวาบบนแผ่นหลัง ใต้เท้ามีเมฆสีเลือดถาโถมออกมาแล้วเพิ่มความเร็วกลางอากาศกลายเป็นสายฟ้าสีเลือดเส้นหนึ่งพุ่งขึ้นฟ้าในทันใด
เซียเอ๋อร์เห็นเช่นนี้จึงบิดร่าง เงาหางแมลงป่องหนาสิบกว่าจั้งเส้นหนึ่งด้านหลังกวาดเข้าใส่
เสียงเปรี้ยงดังขึ้นครั้งหนึ่ง หางแมงป่องขนาดยักษ์กอบเศษหินฝุ่นทรายกองโตขึ้นมาสาดกลบสายฟ้าสีเลือดอย่างรุนแรง
ปรมาจารย์โลหิตหัวเราะเสียงประหลาด ทว่าขณะที่เขาจะลงมือ เหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น!
ทางเชื่อมมิติที่อยู่สูงขึ้นไปบนท้องฟ้าฉับพลันเกิดเสียงดังกึกก้องดังขึ้นครั้งหนึ่ง ขายักษ์สีขาวผ่องประหนึ่งหยกของราชินีหนอนผีเสื้อพร่าเลือนวูบหนึ่ง จากนั้นเสียงแหวกอากาศนับไม่ถ้วนก็ดังหวีดหวิวใกล้กับลำตัวที่โผล่ออกมาเกือบครึ่งของมัน
เสียงพายุอสนีบาตดังสนั่นสะเทือนแก้วหูแทบดับ!
อากาศสั่นไหวพร่ามัวครู่หนึ่ง คมดาบสายลมขนาดยักษ์ยาวสิบกว่าจั้งหลายร้อยเส้นก็ปรากฏขึ้นแล้วซัดไปรอบด้าน ทิ้งรอยกรีดสีขาวเรียวเล็กเส้นแล้วเส้นเล่าไว้บนท้องฟ้า!
เผ่ามนุษย์ระดับเชี่ยวชาญมหัศจรรย์ที่กำลังต่อสู้อย่างดุเดือดรวมไปถึงเลี่ยเจวี๋ยเทียน มู่เชียนอิ่งและอู่เจียงเย่ว์ผู้ฝึกฝนฝ่ายอธรรมสามคนล้วนหน้าถอดสีพากันเรียกอาวุธเวทออกมาป้องกันตัวแล้วแยกย้ายไปรอบด้าน
การโจมตีของระดับอมตะ จะมองเฉยได้เช่นไร!
ชั่วขณะหนึ่งทุกหนทุกแห่งที่สายตามองเห็นล้วนมีแต่ประกายวิบวับจากแสงจิตวิญญาณและลมปราณมากมาย เสียงระเบิดหลากรูปแบบดังขึ้นตรงนั้นตรงนี้ไม่หยุดหย่อน
โชคดีที่การโจมตีครั้งนี้เป็นเพียงการโจมตีส่งเดชที่เกิดขึ้นเพราะราชินีหนอนผีเสื้อพยายามดิ้นรนออกมาจากทางเชื่อมมิติเท่านั้น ปรมาจารย์ระดับเชี่ยวชาญมหัศจรรย์บนฟากฟ้าต่างเตรียมการป้องกันไว้ก่อนแล้ว แต่ละคนจึงตั้งรับเอาไว้ได้
ทว่าคมดาบสายลมยักษ์เส้นหนึ่งในนั้นกลับพุ่งพรวดตรงไปยังจุดที่เซียเอ๋อร์อยู่ด้วยความเร็วปานสายฟ้าแลบ
“แย่แล้ว เซียเอ๋อร์หลบเร็ว!”
หลิ่วหมิงตกใจจนหน้าถอดสีพร้อมกับตะโกนลั่น ในเวลาเดียวกันมือซ้ายก็โจมตีหนึ่งหมัดออกไป มังกรหมอกหกตัวพุ่งเรียวแถวออกมา ขณะที่มือขวาเปล่งแสงสีม่วง กระบี่ขู่หลุนสั่นไหววูบหนึ่งกลายเป็นแสงกระบี่สีม่วงขนาดหลายสิบจั้งซัดออกไป
เสียงบึ๊มดังสนั่นขึ้นทันที!
มังกรหมอกที่มีปราณสีดำพลุ่งพล่านหกตัวรวมทั้งแสงกระบี่สีม่วงถูกคมดาบสายลมสีขาวโจมตีเพียงครั้งเดียวก็พังทลายลงพร้อมเสียงดังสนั่น แต่ก็ทำให้เส้นทางของมันเบี่ยงออกไปได้เล็กน้อย
หลังจากเซียเอ๋อร์ได้ยินเสียงตะโกนของหลิ่วหมิงก็ตอบสนองอย่างรวดเร็วยิ่งนัก นางหมุนตัวกลางอากาศ ปราณดำวนเวียนรอบตัวแล้วกลับร่างเป็นแมงป่องกระดูก พร้อมกับที่บิดร่างหมายจะหลบ
ทว่าในตอนนี้เองนางพลันรู้สึกถึงแรงกดดันจิตวิญญาณอันแข็งแกร่งสายหนึ่งจู่โจมมาจากด้านหลัง ตามติดมาด้วยความเจ็บแปลบรุนแรงที่แผ่จากแผ่นหลัง
“ฉึบ!”
คมดาบสายลมสีขาวเฉือนผ่านหลังของแมงป่องกระดูกแล้วพุ่งตรงไปยังเมฆสีเลือดด้านล่าง
เปลือกแมงป่องสีเงินบนร่างแมงป่องกระดูกแตกกระจาย เซียเอ๋อร์ปลิวลอยถอยออกไปหลังเกิดเสียงดังสนั่น หมดสติไปทั้งที่อยู่กลางอากาศ
หลิ่วหมิงหน้าถอดสี เขาตบถุงหล่อเลี้ยงวิญญาณ ปราณสีดำสายหนึ่งโอบร่างของเซียเอ๋อร์ลอยกลับมาในถุงโดยพลัน
ปรมาจารย์โลหิตผู้อยู่กลางเมฆโลหิตเห็นคมดาบสายลมสีขาวที่ราชินีหนอนผีเสื้อโจมตีออกมาลอยเข้ามาหาตนก็ประหวั่นพรั่นพรึงไม่กล้าอวดเก่งเช่นเดียวกัน เขารีบสร้างพายุหมุนสีเลือดลูกหนึ่งขึ้นเบื้องหน้าอย่างรวดเร็ว
เสียงระเบิดดังก้องครั้งหนึ่ง
พลังงานมหาศาลที่มีธาตุแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงสองชนิดระเบิดกลายเป็นวงรัศมีแสงมหึมาสีแดงกับสีขาวที่เปล่งแสงวูบวาบไม่หยุด
วงแหวนแสงเปล่งแสงครู่หนึ่งก็ดับแสงลง เผยให้เห็นปรมาจารย์โลหิตผู้มีสีหน้าโกรธเกรี้ยว เขาคำรามเสียงประหลาดแล้วพุ่งเข้าใส่หลิ่วหมิงอีกครั้ง
ด้วยพลังของปรมาจารย์ระดับเชี่ยวชาญมหัศจรรย์ ผ่านไปเพียงชั่วลมหายใจเขาก็มาปรากฏตัวหลังร่างหลิ่วหมิงร้อยจั้งดุจภูตพราย
หลิ่วหมิงรู้สึกว่าแรงกดดันอันแข็งแกร่งสายหนึ่งครอบทับลงมาทั่วร่างอีกครั้ง กระบี่ขู่หลุนใต้เท้าส่งเสียงครวญครางทุ้มต่ำขณะที่สั่นระริกอยู่กลางอากาศ
ปรมาจารย์โลหิตยื่นมือออกมาข้างหนึ่ง ฝ่ามือยักษ์สีเลือดขนาดเจ็ดแปดสิบจั้งปรากฏขึ้นก่อนจะตวัดกรงเล็บเข้าใส่หลิ่วหมิง
หลิ่วหมิงได้กลิ่นคาวโลหิตที่คละคลุ้งกลางอากาศ ทั่วทั้งร่างสั่นเทาอย่างไม่อาจควบคุม ร่างกายฉับพลันเชื่องช้าลงหลายส่วน เขาได้แต่กัดฟันกรอด มือข้างหนึ่งลูบฝักกระบี่ข้างเอวทันที จากนั้นห้านิ้วพลันดีดรัวเร็ว เคล็ดวิชาสายแล้วสายเล่าจมหายเข้าไปในฝักกระบี่
เสียงกังวานใสดังออกมาจากในฝักกระบี่!
ลูกกลมสีทองลูกหนึ่งพุ่งหายวับ จากนั้นกลายเป็นกระบี่น้อยสีทองยาวไม่กี่ชุ่นเล่มหนึ่งซัดออกไปพร้อมกับไอเย็นหนาวเสียดแทงกระดูกที่รายล้อม
หลิ่วหมิงอ้าปากพ่นโลหิตบริสุทธิ์ออกมาติดกันหลายคำแล้วหมุนตัวชี้ไปยังกรงเล็บยักษ์ค้ำฟ้าสีเลือดข้างนั้น
“สะบั้น!”
โลหิตบริสุทธิ์จมหายเข้าไปในตัวกระบี่น้อยสีทอง ทันใดนั้นมันก็กลายเป็นลูกกลมสีทองอร่ามลูกหนึ่งหายวับไปจากที่เดิม
“ฟุบ” แสงสีทองที่เหมือนมีอยู่แต่ก็เหมือนไม่มีอยู่เส้นหนึ่งทะลวงผ่านกรงเล็บยักษ์สีเลือดไปทันที!
แม้กรงเล็บยักษ์สีเลือดยังไม่พังทลาย แต่ก็เลือนรางลงในทันใด
“ลูกกลอนกระบี่!”
ปรมาจารย์โลหิตเห็นเช่นนี้พลันคำรามเสียงดัง ปฏิกิริยาตอบสนองของเขาว่องไวนัก เขาเบี่ยงกายพุ่งเฉออกไปทันที
แสงสีทองปาดผ่านประหนึ่งสายฟ้าแลบ หลังจากเสียง “ฟุบ” ดังขึ้นครั้งหนึ่ง อาภรณ์ที่ปรมาจารย์โลหิตสวมอยู่ก็เกิดรอยขาดเล็กจิ๋วขึ้นหลายรูในทันใด
ปรมาจารย์โลหิตยังไม่ทันรั้งมือกลับ เส้นเรียวเล็กเส้นหนึ่งก็ปรากฏบนมือ จากนั้นโลหิตพลันพุ่งทะลัก นิ้วมือสามนิ้วถูกปราณกระบี่ตัดจนด้วน
ทันทีที่ปรมาจารย์โลหิตรั้งมือกลับ ฝ่ามือยักษ์สีเลือดที่เกือบจะมาถึงตรงหน้าหลิ่วหมิงพลันกลายเป็นหมอกโลหิตสายแล้วสายเล่าพังทลายหายไป
“เจ้าหนู เจ้าตายแน่แล้ว!”
ปรมาจารย์โลหิตเต้นผางประหนึ่งถูกสายฟ้าฟาด เขาสะบัดแขนเสื้อในทันใด สายลมคลั่งสีเลือดพัดมืดฟ้ามัวดินเข้าใส่จุดที่หลิ่วหมิงอยู่อีกครั้ง ในเวลาเดียวกันเสียงคำรามทุ่มต่ำก็ดังขึ้น ม่านแสงสีเลือดอ่อนจางชั้นหนึ่งปรากฏขึ้นห่างจากร่างเขาหนึ่งจั้ง
ฝ่ามือที่บาดเจ็บข้างนั้นของเขามีติ่งเนื้อหลายติ่งเบียดเสียดงออกออกมาจากบาดแผล พวกมันงอกอย่างบ้าคลั่งพริบตาเดียวก็กลายเป็นนิ้วใหม่สามนิ้ว
หลิ่วหมิงมองพายุคลั่งสีเลือดที่พัดเข้ามา ในใจนึกพรั่นพรึง
เมื่ออยู่ต่อหน้าระดับเชี่ยวชาญมหัศจรรย์ ลูกกลอนกระบี่ว่างเปล่าโจมตีเต็มกำลังอย่างไม่ทันให้ตั้งตัวก็ทำได้เพียงเท่านี้ ยามนี้อีกฝ่ายระวังตัวแล้ว ต่อให้ใช้ลูกกลอนกระบี่อีกหนก็เกรงว่าคงไม่มีประโยชน์อันใด
เขากวักมือเรียกมุกกลมสีทองอร่ามให้พุ่งกลับมา พริบตาเดียวมันก็กลายเป็นแสงสีทองวนล้อมรอบตัวเขา ในเวลาเดียวกันเขาก็ตบหน้าอก ปีกจักจั่นใสแวววาวคู่หนึ่งปรากฏบนแผ่นหลังดังพรึ่บ
เขาใช้เคล็ดวิชาด้วยมือเดียว ปีกจักจั่นแวววาวบนแผ่นหลังก็เปล่งแสงจิตวิญญาณ ร่างกายฉับพลันเบาหวิวราวกับไร้น้ำหนัก แล้วกลายเป็นรุ้งแวววาวสีขาวเส้นหนึ่งแหวกท้องฟ้าหนีห่างจากพายุคลั่งสีเลือด
ปีกจักจั่นแก้วเสริมด้วยการขี่ลูกกลอนกระบี่เหาะเหินทำให้ความเร็วของเขาเพิ่มขึ้นจากก่อนหน้าเท่าทวี!
หลังจากหลิ่วหมิงได้เห็นความน่ากลัวของร่างต้นราชินีหนอนผีเสื้อแล้ว คราวนี้เขาจึงไม่เหาะขึ้นด้านบนอีก แต่เปลี่ยนทิศทาง เลือกมุ่งไปยังที่แห่งหนึ่งซึ่งแมลงจำนวนมากรวมตัวกันอยู่ ด้วยพลังของลูกกลอนกระบี่ ขอเพียงแมลงระดับล่างเหล่านั้นเข้าใกล้ตัวเขาในระยะหลายสิบจั้งล้วนจะถูกปราณกระบี่ทั้งหลายตัดเฉือนร่างเป็นชิ้นๆ