ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ - ตอนที่ 126 กำจัดวานร (1)
และในเวลานี้ก็มีเสียงหัวเราะดังมาจากหินสีเหลืองขนาดใหญ่!
หลังจากมีเสียงโครมครามดังมาจากหินขนาดใหญ่ มันก็พร่ามัวกลายเป็นหุ่นตัวนิ่มอีกครั้ง
และพอชายหน้าดำปรากฏตัวก็หยิบกระบองสั้นสีทองออกมาอย่างรวดเร็ว หลังจากที่มันสั่นไหวตามแรงลมก็กลายเป็นกระบองยักษ์ยาวสองจั้งกว่า เขาแผดเสียงและก้าวยาวๆ ไปหาวานรยักษ์สีดำโดยไม่ได้สนใจวานรสีเทาทั้งสอง
ทางด้านหยางเฉียน เขากับปีศาจหัววัวร่วมมือกันต่อสู้กับปีศาจวานรอย่างดุเดือด
ไม่รู้ว่าปีศาจวานรตนนี้ไปหยิบกระบองเหล็กสีดำมาจากไหน ภายใต้การกวัดแหว่งอย่างบ้าระห่ำทำให้เกิดเป็นพายุขนาดใหญ่ในทันที เงากระบองสีดำจำนวนมากทับซ้อนกันจนดูราวกับเขาลูกเล็กๆ กดลงไปจนบีบให้หยางเฉียนกับหัววัวต้องถอยออกโดยไม่กล้าดึงดันเข้าไปแม้แต่น้อย
เสียงดัง “ตู้ม!”
กระบองสีทองเสียบเข้าไปในเงากระบองสีดำ เมื่อทั้งสองสิ่งปะทะกันก็ก่อให้เกิดคลื่นกระแทกออกมา ทำให้ร่างของวานรยักษ์สีดำสั่นไหวแล้วถอยออกไปครึ่งก้าวโดยไม่ได้ตั้งใจ
และชายหน้าดำที่เพิ่งเข้ามาใกล้ก็สุดที่จะทนได้ ความร้อนที่มือทั้งสองทำให้เขาถอยหลังออกไปเจ็ดแปดก้าวโดยไม่รู้ตัว จนเกือบจะปล่อยกระบองในมือหลุดไป
“ปีศาจตนนี้มีพลังมากนัก!” พอชายหน้าดำตั้งตัวได้ก็หลุดปากพูดออกมา
“นี่คือเรื่องจริง! ปีศาจวานรตนนี้มีพลังแข็งแกร่งรองมาจากปีศาจวานรขนทอง ต่อให้พวกเราทั้งสองร่วมมือกันก็ต้องระวังให้มาก” หยางเฉียนกลับทำเสียงฮึดฮัดกล่าวออกมา และตบมือข้างหนึ่งไปยังอากาศด้านหน้า จากนั้นก็มีไอสีดำพวยพุ่งออกมารวมตัวกันจนกลายเป็นฝ่ามือขนาดใหญ่ตบออกไปอีกครั้ง มันขัดขวางปีศาจวานรที่ถือโอกาสไล่ตามชายหน้าดำได้ทันเวลาพอดี
ปีศาจวานรสีดำโมโหเป็นอย่างมาก มันกวัดแกว่งกระบองขึ้นไปบนฟ้า และทุบฝ่ามือสีดำจนแตกกระจายด้วยเสียงดังสนั่นราวกับเสียงฟ้าร้อง
แต่ในระหว่างนี้ ชายหนุ่มหน้าดำที่เพิ่งหายใจได้ทั่วท้องกลับทำท่ามือด้วยมือเดียว หลังจากที่เส้นเลือดจำนวนมากปรากฏขึ้นบนตัวของเขา เสื้อเกราะสีเลือดก็ปรากฏออกมาอีกครั้ง หนามไม้ไผ่อันแหลมคมสิบกว่าอันเสียบอยู่บนนั้น หลังจากที่พวกมันแทงเข้าไปยังจุดฝังเข็มต่างๆ ร่างของเขาก็ขยายใหญ่ขึ้นมา เขาคำรามเสียงต่ำกวัดแกว่งกระบองสีทองและกระโจนออกไปพร้อมกับปีศาจกระดูกหัววัวร่างมนุษย์ด้วยความโมโห และขัดขวางปีศาจวานรที่คิดจะกระโจนเข้าหาหยางเฉียนไว้ได้
ปีศาจวานรสีดำเดือดดาลเป็นฟืนเป็นไฟ กระบอกเหล็กในมือถูกกวัดแกว่งอย่างบ้าคลั่ง พายุบริเวณนั้นก็รุนแรงขึ้นมาอีกสามส่วน ภายใต้สถานการณ์สองรุมหนึ่งก็ยังทำให้คู่สู้ทั้งสองต้องถอยอยู่ไม่หยุด
แต่ในขณะนั้นเอง หยางเฉียนกลับหยิบสิ่งของบางอย่างออกมาจากแขนเสื้อ มันคือธนูกระดูกสีขาวขนาดเท่าฝ่ามือ หลังจากที่จับมันโบกไปตามลม มันก็ขยายใหญ่ขึ้นมาครึ่งจั้งท่ามกลางแสงสีดำที่หมุนวน
หยางเฉียนร่ายคาถาออกมา และค่อยๆ ยกธนูกระดูกในมือขึ้น ไอสีดำบริเวณนั้นพุ่งเข้ามาด้านหน้าเขาอย่างบ้าคลั่งก่อนที่จะหมุนติ้วๆ รวมตัวกันตรงสายธนูสีเลือด จากนั้นอักขระสีดำจำนวนมากก็ปรากฏออกมา และกลายเป็นลูกศรสีดำแววแววพร้อมกับเล็งไปยังปีศาจวานรสีดำที่อยู่ไม่ไกล
เสียงดัง “ฟิ้ว!”
พอหยางเฉียนหยุดร่ายคาถา มือทั้งสองก็คลายออกมา ลูกศรสีดำพุ่งออกไปจากคันธนูกระดูกอย่างพร่ามัว
ปีศาจวานรยักษ์ที่อยู่ไกลออกไปส่งเสียงร้องอย่างเวทนา รูเลือดรูหนึ่งปรากฏขึ้นตรงหน้าอก มันคือรูที่เกิดจากการเจาะทะลุของลูกศรสีดำด้วยระดับความเร็วอันเหลือเชื่อ
โลหิตสดๆ จำนวนมากพุ่งออกมาจากหน้าอกวานรยักษ์ ถึงแม้มันจะใช้มือที่มีขนาดใหญ่ข้างหนึ่งอุดไว้ แต่เมื่อถูกชายหน้าดำกับปีศาจกระดูกห้อมล้อมโจมตีเช่นนี้มันก็ไม่สามารถยับยั้งไว้ได้ ในที่สุดมันก็เผยสีหน้าหวาดกลัวออกมา
และหยางเฉียนที่ยิงลูกศรไปหนึ่งดอกกลับทำให้พลังของเขาลดลง ดูเหมือนว่าจะสูญเสียพลังเวทย์ไปไม่น้อย หลังจากที่เขาเก็บธนูกระดูกแล้ว ก็ยังคงควบคุมไอสีดำให้เป็นฝ่ามือเข้าไปโจมตี
ด้วยเหตุนี้ถึงแม้ปีศาจวานรจะต่อต้านการโจมตีอย่างสุดชีวิต แต่ก็ยังคงค่อยๆ แสดงท่าทีที่ต้านไม่ไหวออกมา
……
ขณะเดียวกัน หุ่นเสือดาวทั้งสามที่จินอวี่ควบคุมก็ถูกปีศาจวานรสีเทาใช้กระบองหินสีขาวที่ผนึกขึ้นมาจากพื้นฟาดเข้าใส่อย่างบ้าคลั่งจนกระเด็นออกไป โดนเขาไม่สามารถทำการต้านทานใดๆ ได้เลย
ดีที่จินอวี่ควบคุมอยู่ที่ไกลๆ อีกอย่างจำนวนหุ่นก็มีค่อนข้างมาก พวกมันแต่ละตัวกระโจนเข้าใส่ติดต่อกันอย่างไม่กลัวตาย ถึงแม้จะมีรอยแผลเต็มไปทั้งตัวแต่ก็ยังฝืนก่อกวนปีศาจตนนี้ได้
……
ฝั่งของหลิ่วหมิง เขาเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วมาก จนร่างไม่ได้สัมผัสกับวานรยักษ์เลย และคมวายุสีเขียวในมือก็พุ่งยิงติดต่อกันออกไปอยู่ไม่หยุด
ถึงแม้ปีศาจวานรยักษ์สีเทาที่อยู่ไม่ไกลจะคำรามเสียงอยู่ไม่หยุด แต่ภายใต้สถานการณ์ที่มีก้ามยักษ์ทั้งสองกับหางตะขอโจมตีจากพื้นด้านล่างอยู่ตลอด กลับทำให้มันไม่อาจไล่ตามได้ทัน โดนเฉพาะตะขอตรงหลังที่โจมตีจนกลายเป็นเส้นสีดำนั้นรวดเร็วมาก จนทำให้วานรสีเทาเองก็รู้สึกหวาดกลัวเป็นอย่างยิ่ง
มันได้แต่จับดินบนพื้นมารวมตัวเป็นหินขนาดเท่าศีรษะขว้างใส่หลิ่วหมิงอยู่ไม่หยุด
แต่ด้วยระดับการหลบหลีกที่ว่องไวของหลิ่วหมิงกับคมวายุที่ถูกปล่อยมาอย่างรวดเร็ว ทำให้หินเหล่านี้ไม่เพียงแต่จะถูกปัดออกไปอย่างง่ายดายเท่านั้น แต่มันยังถูกคมวายุฟันจนแตกละเอียด
วานรตนนี้ไม่ได้สังเกตว่า ถึงแม้หลิ่วหมิงจะหลบหลีกอยู่ตลอด แต่พื้นที่หลบหลีกนั้นจำกัดอยู่แค่พื้นที่เล็กๆ บริเวณนี้เท่านั้น ทั้งยังมีไอหมอกสีม่วงพุ่งออกมาจากบนพื้นดินบริเวณนั้นอยู่ไม่หยุด ตอนแรกมันมีเพียงแค่เบาบาง แต่ครู่เดียวก็กลายเป็นชั้นหนาๆ ขึ้นมา และเริ่มตลบอบอวลขึ้นไปบนอากาศ
อากาศบริเวณนั้นเต็มไปด้วยกลิ่นคาวจางๆ
หลิ่วหมิงได้แอบทานโอสถถอนพิษหลายเม็ดไปก่อนหน้านั้นแล้ว ร่างกายของเขาเคลื่อนไหวไปยังที่อื่นๆ เพื่อหลบหลีกไอพิษอันเข้มข้นนี้
แต่วานรยักษ์สีเทากลับพุ่งเข้าใส่อยู่ไม่หยุด จนสูดดมไอพิษจำนวนมากเข้าไปโดยไม่รู้ตัว
ท่ามกลางการไล่ล่าและหลบหลีกเช่นนี้ ปีศาจวานรคำรามเสียงออกมา และขณะที่ก้มลงไปคว้าก้อนดินขึ้นมาอีกครั้งนั้น พลันรู้สึกเวียนหัวจนเกือบจะล้มลงไปบนพื้น
ในขณะนั้นเอง ก็มีเสียงดัง “ซู่ๆ!” มาจากพื้นดินบริเวณนั้น เส้นสีดำสิบกว่าเส้นพุ่งยิงออกไปพร้อมกัน
วานรยักษ์สีเทารีบหลบหลีกด้วยความตกใจ แต่ทั่วทั้งร่างกลับไร้เรี่ยวแรงขึ้นมา การเคลื่อนไหวเชื่องช้ากว่าเดิมมาก
เสียงร้องโหยหวนดังขึ้น!
ขาข้างหนึ่งของวานรยักษ์ถูกแทงเป็นรูเลือดขนาดเท่าหัวแม่มือสิบกว่ารู ไม่นานรูเลือดเหล่านั้นก็เปลี่ยนเป็นสีดำ และแผ่กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว
เพียงอึดใจเดียวขาของวานรยักษ์ก็กลายเป็นสีดำม่วงที่ดูผิดปกติ
วานรยักษ์สีเทาล้มโครมลงพื้น ขณะเดียวกันมันก็ส่งร้องอันหวาดผวาออกมาด้วย เท้าสีดำม่วงค่อยๆ จางหายไปทีละนิด
หลิ่วหมิงที่อยู่ไกลๆ กลับหยุดฝีเท้าในฉับพลัน หลังจากที่มือทั้งสองแยกจากกัน คมวายุยักษ์สีเขียวเส้นหนึ่งก็ปรากฏออกมา พอเขาสะบัดข้อมือมันก็พุ่งออกไป
เสียงระเบิดดังขึ้น คมวายุยักษ์กลายเป็นแสงสีเขียวแล้วลางเลือนไปปรากฏอยู่ตรงหน้าวานรยักษ์อย่างรวดเร็ว
ถึงแม้วานรยักษ์จะส่งเสียงร้องแหลมเพราะรู้ว่าเกิดเรื่องไม่ดีเสียแล้ว แต่ในสภาพที่ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ มันทำได้เพียงแต่ใช้มือทั้งสองป้องไปยังด้านหน้า
เสียงดัง “ฟิ้ว!” แสงสีเลือดปรากฏออกมา แขนทั้งสองท่อนกับหัวของมันต่างก็ถูกตัดออกมาอย่างรวดเร็ว โลหิตสดๆ พุ่งขึ้นสูงจากต้นคอหลายฉื่อ
ร่างที่ไร้หัวของปีศาจวานรแกว่งไหวสองทีแล้วก็ล้มลงไปบนพื้นบริเวณนั้น
พื้นดินบริเวณนั้นแยกออกจากกัน พร้อมกับแมงป่องกระดูกขาวกระโดดขึ้นมา หลังจากที่ก้ามยักษ์ทั้งสองของมันแหวกศพสะเปะสะปะก็หาถุงน้ำดีสีแเดงม่วงเจอ แล้วมันก็คลานเอาไปไว้ใต้เท้าหลิ่วหมิง
หลิ่วหมิงยกมือข้างหนึ่งดูดถุงน้ำดีมาไว้ในมือด้วยสีหน้าที่เรียบสงบ และใส่มันลงไปในกล่องไม้ จากนั้นถึงได้หันไปดูการต่อสู้ทั้งสองแห่ง
ทางด้านหยางเฉียน ปีศาจวานรสีดำถูกพวกมันล้อมโจมตีจนร่างโชกเลือด ร่างของมันกำลังจะล้มมิล้มแหล่ จนดูราวกับว่าอาจจะล้มลงไปได้ตลอดเวลา
ส่วนทางด้านจินอวี่ หุ่นเสือดาวสามตัวในตอนนี้ มีสองตัวที่นอนนิ่งอยู่บนพื้นไม่ขยับเขยื้อน อีกตัวที่เหลือนั้นร่างกายขาดรุ่งริ่งจนดูเหมือนจะยืนหยัดอยู่ได้อีกไม่นาน
แต่หุ่นที่ก่อกวนปีศาจวานรสีเทา ยังมีหุ่นพยัคฆ์ทมิฬกับหุ่นหมาป่าสีเขียวอย่างละตัวที่เพิ่มขึ้นมา
ตัวจินอวี่นั้นเคลื่อนไหวนิ้วทั้งสิบตั้งใจควบคุมหุ่นทั้งสามตัวอยู่ไม่หยุด โดยไม่วอกแวกเลยแม้แต่น้อย
หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ก็ค่อยๆ ยิ้มออกมา พร้อมกับเดินเข้าไปทางด้านจินอวี่ และแมงป่องกระดูกขาวก็มุดลงไปใต้พื้นดินแล้วหายไปอย่างไร้ร่องรอย
จินอวี่ย่อมเห็นถึงการก้าวเข้ามาของหลิ่วหมิง สีหน้าของเขาดูไม่ได้ขึ้นมา หลังจากที่กัดฟันแล้วเข้าก็กระตุ้นหุ่นให้ดูร้ายกาจกว่าเดิม
ชั่วเวลาหนึ่งถ้วยชาผ่านไป!
หลังจากกระบี่สั้นสีเขียวในมือหลิ่วหมิงส่งเสียงดังออกมา แสงกระบี่สีเขียวจำนวนมากก็พุ่งออกไปฟันร่างของปีศาจวานรสีเทาที่ถูกหุ่นสองตัวกับแมงป่องกระดูกขาวจัดการล้มลงบนพื้นจนขาดออกเป็นชิ้นๆ
“ดีมาก! ไม่คิดว่าเจ้าทั้งสองจะทำออกมาได้ดีกว่าที่ข้าคิดไว้มาก โดยเฉพาะศิษย์น้องไป๋ จุ๊ๆ! แมงป่องกระดูกขาวของเจ้าตนนี้มีความสามารถในการสื่อสารจิตอย่างแท้จริง เกรงว่าศิษย์จิตวิญญาณขั้นปลายโดยทั่วไปก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมัน” การต่อสู้ข้างๆ ก็เพิ่งจะสิ้นสุดลงเช่นกัน และชายหนุ่มหน้าดำที่กำลังคิดจะเข้ามาช่วยได้เห็นถึงฉากนี้ ก็ตบมือชมเชยด้วยความดีใจ
“ศิษย์พี่อวิ๋นชมเกินไปแล้ว ถึงแม้แมงป่องกระดูกขาวของข้าตนนี้จะเฉลียวฉลาด แต่ไหนเลยจะเทียบกับศิษย์จิตวิญญาณขั้นปลายได้จริงๆ อีกอย่างตอนที่ข้าเข้ามาช่วยนั้น ปีศาจวานรตนนี้ก็หมดพลังไปกว่าครึ่งหนึ่งแล้ว บวกกับการร่วมมือกับศิษย์น้องจิน ทำให้จัดการมันได้โดยง่าย
เฮ่อๆ! ที่ข้าพูดถึงไม่ใช่ปีศาจวานรตนนี้ แต่เป็นปีศาจวานรที่เจ้าจัดการด้วยตนเองในก่อนหน้านั้น พิษปีศาจของเจ้าตนนี้ร้ายแรงยิ่งนัก มันเกิดจากการเปลี่ยนแปลงในภายหลังใช่ไหม โดยทั่วไปแมงป่องกระดูกขาวไม่ได้มีพิษรุนแรงเช่นนี้” ชายหน้าดำส่ายหน้ากล่าวออกมา
ครั้งนี้หลิ่วหมิงได้แต่ยิ้มให้โดยไม่ตอบกลับไปแต่อย่างใด
“เอาล่ะ! ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาผ่อนคลาย รีบฟื้นฟูพลังเวทย์กันเถอะ! ถ้าปีศาจวานรสามตนนี้ไม่ได้กลับขึ้นไปบนเขาล่ะก็ ข้าไม่อาจรับรองได้ว่าตัวที่เหลือจะยังเฝ้าอยู่ด้านบน รีบหาที่ซ่อนตัวกันดีกว่า” หยางเฉียนเองก็เดินเข้ามากล่าวเร่งรัด
พอได้ยินคำพูดนี้ คนอื่นๆ ก็รู้สึกเย็นยะเยือกขึ้นมา จินอวี่รีบลงมือจัดการนำเอาถุงน้ำดีออกมาจากศพปีศาจวานร คนอื่นๆ ก็ปล่อยลูกเปลวไฟออกมาเผาศพทั้งสามจนกลายเป็นขี้เถ้า
จากนั้นทั้งสี่คนก็ออกไปจากหุบเขาอย่างไม่ลังเล
สถานที่แห่งนี้กลับมาเงียบสงัดอีกครั้ง
สองชั่วยามผ่านไป ก็มีเสียงดังฝีเท้าดังสะเทือนเลือนลั่นมาจากนอกหุบเขาอีกครั้ง จากนั้นก็มีเงาร่างเคลื่อนไหว ปีศาจวานรสีทองกับสีเทาสองตนปรากฏตัวตรงปากทางเข้า ปีศาจวานรขนทองตนนั้นสูงไม่เกินจั้งกว่าๆ แต่บนตัวมีเกราะไม้แบบง่ายๆ สวมอยู่ ในมือถือกระบองไม้สีม่วงขนาดเท่าปากถ้วย แสงสีเงินในดวงตาทั้งสองเปล่งประกายอยู่ไม่หยุด ราวกับว่ามันฉลาดเฉียบแหลมเป็นยิ่งนัก!
……………………………………….