ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ - ตอนที่ 131 กำจัดวานร (6)
แต่ดูเหมือนว่าปีศาจวานรขนทองที่อยู่ในค่ายกลจะรับรู้ได้ถึงความแข็งแกร่งของเขตจำกัด มันจึงกวัดแกว่งกระบองในมืออย่างบ้าคลั่ง เงากระบองที่ดูราวกับเป็นเขาลูกเล็กม้วนตัวออกไปรอบด้าน แรงสั่นสะเทือนดังออกมาจากไอสีดำอีกครั้ง
หยางเฉียนที่คิดจะทำให้ค่ายกลมั่นคงอีกเล็กน้อยแล้วค่อยจากไป จำต้องอยู่ต่อเพื่อส่งพลังเวทย์ไปที่ค่ายกลอีกครั้ง
ท่ามกลางค่ายกล ไอสีดำกับเงากระบองพุ่งชนเข้าหากันอย่างรุนแรง จนก่อเกิดเป็นพายุหมุนสีดำพุ่งขึ้นฟ้าอยู่ตลอดเวลา ทำให้พื้นที่ในเขตจำกัดสั่นสะเทือนอยู่ไม่หยุด
ด้านนอกชายป่า ร่างของหลิวหมิงเคลื่อนไหวแค่ทีเดียวก็พุ่งผ่านไปยังด้านข้างของปีศาจวานรสีเทาที่ถูกแมงป่องกระดูกขาวหนีบไว้แน่น ขณะเดียวกันปราณกระบี่สีเขียวหลายสายก็กะพริบผ่านไปฟันวานรยักษ์จนกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย โลหิตสีแดงของมันเลอะไปเต็มพื้น
จากนั้นหลิ่วหมิงก็ไม่คิดจะหยุดเลยแม้แต่น้อย หลังจากที่ยกมือข้างหนึ่งขึ้นก็มีคมวายุสี่ห้าเส้นพุ่งออกไปยังการต่อสู้ที่อยู่อีกด้านหนึ่ง
และทางด้านนั้น ชายหน้าดำกำลังแสดงเคล็ดวิชาร่างฝึกอีกครั้ง พร้อมกับเหวี่ยงกระบองสีทองไปปะทะกับปีศาจวานรสีดำ
แต่เมื่อเทียบกับปีศาจวานรสีเทาแล้ว เห็นได้ชัดว่าพลังของปีศาจวานรสีดำแข็งแกร่งกว่ามาก ภายใต้สถานการณ์ที่ชายหน้าดำต้องเผชิญหน้ากับมันแค่คนเดียว ถึงแม้จะใช้เคล็ดวิชาหลายอย่างเข้าช่วยติดต่อกันก็ยังต้องล่าถอยไปอย่างต่อเนื่อง
ถ้าไม่ใช่ว่ามีกระบอกกลสีเงินที่ควบคุมได้อย่างอิสระซึ่งไม่รู้ว่าปรากฏออกมาตั้งแต่เมื่อไหร่ และมันยังยิงเพลิงสายฟ้าสีเงินออกไปอยู่ตลอดเวลาจนบีบให้ปีศาจวานรตนนั้นจำต้องหลบหลีกชั่วคราวล่ะก็ เกรงว่าเขาคงไม่อาจยืนหยัดอยู่ได้
ปีศาจวานรสีดำใช้กระบองเหล็กสีดำมืดทุบไปข้างหน้าอย่างรุนแรงสามครั้ง จนทำให้ชายหน้าดำสะเทือนจนถอยไปหลายก้าว และขณะที่มันกำลังเดินหน้าเพื่อลงมือต่อนั้น เพียงแค่มันได้ยินเสียงดัง “ฟิ้ว!” “ฟิ้ว!” คมวายุจำนวนมากก็พุ่งเข้ามาถึงตัวแล้ว
ปีศาจวานรคำรามออกมาพร้อมกับยื่นกระบองเหล็กสีดำไปตั้งขวางไว้ด้านหน้า หลังจากที่กวัดแกว่งไปหนึ่งทีก็ปัดคมวายุทั้งหมดกระเด็นออกไป
และในช่วงเวลานั้นเอง ชายหน้าก็กระพือปีกทั้งสองพุ่งขึ้นไปบนฟ้า หลังจากที่หมุนวนไปรอบหนึ่งก็สะบัดปีกก่อนที่จะมีแท่งสีเงินพุ่งยิงลงมาอย่างรวดเร็ว มันคือเข็มแหลมเล็กจำนวนมากที่มีขนาดราวกับขนวัว
วานรสีดำที่อยู่ด้านล่างได้เห็นฉากนี้ก็ไม่เกิดความหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย มันเพียงแค่กวัดแกว่งกระบองเหล็กในมือจนดูพร่ามัว มันกลายเป็นเงากระบองคุ้มกันร่างเขาไว้ท่ามพายุที่บ้าระห่ำ
แท่งสีเงินเหล่านั้นมีมากจนดูหนาแน่นราวกับฝนตก แต่มันยังไม่ทันได้สัมผัสโดนเงากระบองก็ถูกพายุตรงนั้นม้วนกลืนเข้าไปอย่างไร้ร่องรอย
จากนั้นกระบอกกลบนไหล่ของชายหน้าดำก็ส่งเสียงดัง “ฟู่!” “ฟู่!” และพ่นเพลิงสายฟ้าสีเงินออกมาสิบกว่าสาย และพุ่งยิงออกไปราวกับลูกธนู
ขณะเดียวกันเขาก็อาศัยพลังจากการดิ่งตัวลงในการทุบกระบองสีทองลงไปยังด้านล่าง
ในเวลาเดียวกัน หลิ่วหมิงเคลื่อนไหวไม่กี่ทีก็มาถึงด้านหน้า จากนั้นก็กวัดแกว่งกระบี่สีเขียวออกไปโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง หลังจากมีเสียงดัง “ฟิ้ว!” “ฟิ้ว!” ปราณกระบี่สีเขียวสี่ห้าสายรวมตัวเป็นหนึ่งก่อนที่ม้วนตัวออกไป
ถึงแม้ทั้งสองจะไม่ได้หารือกันมาก่อน แต่ก็ร่วมมือกันได้อย่างไร้ที่ติ
แน่นอนว่าวานรยักษ์สีดำค้นพบเรื่องที่ตนเองถูกล้อมโจมตีแล้ว และลักษณะการโจมตีของทั้งสองดุดันเป็นอย่างมาก เขาไม่อาจละเลยการโจมตีจากด้านใดด้านหนึ่งได้เลย
มันคำรามด้วยความโมโหทันที ขนทั่วร่างของมันตั้งชันขึ้นมา หลังจากที่กระบองในมือสั่นไหวในฉับพลันมันก็พร่ามัวจนกลายเป็นเงากระบองยักษ์ยาวจั้งๆ กว่าๆ สองอัน และแยกกันพุ่งไปหาหลิ่วหมิงกับชายหน้าดำในทันที
“ตู้ม!” “ตู้ม!” เสียงดังสะเทือนเลือนลั่นดังออกมาเกือบจะพร้อมกัน
ทางด้านหลิ่วหมิง ปราณกระบี่ประสานเข้ากับคลื่นอากาศจนระเบิดออกมา
บนอากาศเหนือตัววานรยักษ์สีดำ เพลิงสายฟ้าสีเงินกับกระบองสีทองก็ปะทะกับเงากระบองสีดำอย่างรุนแรง จากนั้นคลื่นอากาศอันน่าตกใจก็ม้วนตัวออกไป
ปีศาจวานรคำรามออกมา ร่างของมันหนักอึ้ง เท้าทั้งสองจมลงไปในดินจนถึงหัวเข่า
ชายหนุ่มหน้าดำกลับยิ่งเร็วร้าย หลังจากที่มีพลังมหาศาลสะท้อนกลับมา ร่างของเขาก็ตีลังกากระเด็นออกไปสิบกว่าตลบ และกระอึกเลือดออกมาก่อนที่จะตั้งตัวบนอากาศได้
การต่อสู้อย่างรุนแรงในครั้งนี้ ถึงแม้จะมีหลิ่วหมิงคอยกวนวานรสีดำอยู่ข้างๆ แต่ก็ยังทำให้ชายหน้าดำได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย
แน่นอนว่าปีศาจวานรตอนนี้ก็ไม่ได้อยู่ในสถานการณ์ที่ดีกว่ากันเท่าไหร่ เท้าทั้งสองที่จมอยู่ในดินก็เกิดอาการชาจนไม่สามารถเคลื่อนไหวได้
แต่ในขณะนั้นเอง หลิ่วหมิงกลับกระทืบเท้าข้างหนึ่งลงพื้น และกลายเป็นเงาร่างพุ่งเข้าใส่ปีศาจวานรอย่างรวดเร็ว
ปีศาจวานรสีดำเห็นสถานการณ์เช่นนี้ ก็คำรามเสียงข่มขู่ออกมา พร้อมกับตวัดกระบองเหล็กออกไปในแนวนอน กระบองเหล็กไม่ได้โดนตัวหลิ่วหมิงจริงๆ แต่เป็นพลังไร้รูปบางอย่างพุ่งไปต้านหลิ่วหมิงไว้
ตาของหลิ่วหมิงเปล่งประกายออกมา พอเขาบิดตัวก็ลอยไปตามแรงผลักของพลังไร้รูป จนดูราวกับใบไม้ที่พลิ้วไหวตามสายลม และลอยผ่านด้านบนของกระบองเหล็กสีดำไป
ขณะเดียวกัน เขาก็ทำท่ามือด้วยมือเดียวพร้อมกับร่ายคาถา หลังจากที่เขายกมือขึ้น ลูกเปลวไฟสีแดงสามลูกก็ดีดตัวออกไป
แต่ก็ไม่มีใครสังเกตว่าชั่วพริบตาที่ลูกเปลวไฟพุ่งออกไปนั้น มีแสงสีเขียวหยกพุ่งตามออกไปจากนิ้วมือของหลิ่วหมิงด้วย
วานรยักษ์สีดำเองก็ไม่อาจสังเกตได้ว่ามีอาวุธลับอีกอย่างหนึ่งซ้อนอยู่ในนั้น มือขนาดใหญ่ทั้งสองที่มีขนดกเต็มปัดลูกไฟจนดับทั้งสามลูก
แต่ชั่วพริบตานั้นเองเข็มเงาหยกก็กระเจาะทะลุดวงตาข้างหนึ่งของมันด้วยความเร็วเหลือเชื่อ
หลังจากที่ปีศาจวานรกรีดร้องอย่างเวทนา ภายใต้ความเจ็บปวดมันได้โยนกระบองเหล็กทิ้งไป หลังจากที่มือทั้งสองทุบลงพื้นอย่างรุนแรง ในที่สุดก็สามารถดึงเท้าทั้งสองขึ้นมาจากพื้นได้ จากนั้นก็กระโจนโซซัดโซเซเข้าหาหลิ่วหมิงอย่างบ้าคลั่ง
มันมีตาข้างเดียวที่เปิดอยู่ ส่วนอีกข้างนั้นมีโลหิตไหลอยู่ไม่หยุด เห็นได้ชัดว่ามันแค้นหลิ่วหมิงเข้ากระดูกจนไม่สนใจชายหน้าดำบนอากาศเลย
ชายหน้าดำเห็นนี้ย่อมรู้สึกตกใจระคนดีใจ เขารีบตะโกนเสียงต่ำออกมาแล้วทำพลังเวทย์ที่กระเพื่อมอยู่ให้สงบลงก่อน แล้วค่อยกวัดแกว่งกระบองโจมตีลงไป
แต่ขณะนั้นเอง พื้นดินด้านล่างก็นูนขึ้นมาในฉับพลัน
ปีศาจวานรสีดำเพิ่งพุ่งออกมาได้สองก้าว พื้นดินด้านล่างก็แยกออกจากกันทันที ก้ามยักษ์สีดำแวววาวสองอันโผล่พรวดขึ้นมาจากในนั้น และหนีบน่องข้างหนึ่งที่มีขนดกเต็มของมันไว้อย่างรวดเร็ว
ปีศาจวานรสีดำส่งเสียงร้องดังออกมา ก่อนที่ก้มตัวคว้ามือข้างหนึ่งไปยังด้านล่าง
เสียงดัง “ซู่!” “ซู่!” เส้นสีดำสิบกว่าเส้นพุ่งออกมาจากพื้นดิน และเจาะทะลุผ่านมือของมันไป
วานรยักษ์ร้องโหยหวนออกมาด้วยความเจ็บปวด แต่ด้วยความโมโหอย่างสุดขีดมันได้กำหมัดอีกข้างที่ดูราวกับเป็นค้อนยักษ์สีดำ และทุบลงบนพื้นอย่างรุนแรง
เสียงดัง “ตู้ม!”
หลุมยักษ์เส้นผ่านศูนย์กลางขนาดจั้งกว่าๆ ปรากฏขึ้นตรงด้านล่างของวานรยักษ์สีดำ
ร่างทั้งร่างของแมงป่องกระดูกขาวโผล่ขึ้นมาจากหลุมด้วยท่าทีที่มึนงง
วานรยักษ์เผยสีหน้าดุร้ายออกมา หลังจากที่สะบัดเท้าไปหนึ่งที พลังมหาศาลก็พุ่งออกมาสะบัดก้ามยักษ์ทั้งสองจนหลุดไป จากนั้นมือข้างหนึ่งก็คว้าลงไปอย่างรวดเร็วราวสายฟ้าแลบ และดึงแมงป่องกระดูกขาวออกมา หลังจากที่มันออกแรงบีบที่นิ้วทั้งห้าแมงป่องกระดูกขาวก็ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้เลยแม้แต่น้อย
ถ้าไม่ใช่ว่าตัวแมงป่องกระดูกขาวเองก็แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก เกรงว่ามันคงถูกบีบจนระเบิดออกมาแล้ว
แต่แน่นอนว่าปีศาจวานรสีดำไม่พอใจเช่นนี้แน่ มันอ้าปากเผยให้เห็นเขียวอันคมกริบ และคิดที่เอาเอาแมงป่องกระดูกขาวใส่เข้าไปในปากแล้วกัดให้แหลกละเอียดเพื่อจะได้ลดความคั่งแค้นในใจ
แต่ขณะนั้นเอง หลังจากที่แมงป่องกระดูกขางส่งเสียงร้อง “แกว๊ก!” “ แกว๊ก!” ออกมา หมอกสีม่วงเข้มข้นก็ถูกพ่นออกมาจากปากของมัน ด้วยระยะห่างอันใกล้เช่นนี้ทำให้พ่นใส่หน้าของวานรยักษ์เข้าอย่างจัง
วานรยักษ์ส่งเสียงร้องอย่างเวทนา แล้วสะบัดแมงป่องกระดูกขาวลงพื้นอย่างรุนแรง แล้วสองแขนของมันก็กุมหน้าร้องโหยหวนอยู่ไม่หยุด
ทั้งหมดนี้ดูเหมือนจะเกิดขึ้นอย่างซับซ้อนในช่วงเวลาที่เชื่องช้า แต่ความจริงแล้วเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเพียงเวลาสองลมหายใจเข้าออกเท่านั้น
หลิ่วหมิงยังลอยตัวเบาๆ โดยยังไม่ได้ร่อนลงพื้น พอเขาเห็นสถานการณ์เช่นนี้ก็ขมวดคิ้วแล้วชี้นิ้วมือไปยังปีศาจวานรตนนั้น
เสียงดัง “ฟิ้ว!”
เข็มเงาหยกที่หายไปได้พุ่งออกมาจากอากาศบริเวณนั้นอีกครั้ง หลังจากที่มันเปล่งประกายออกมาก็พุ่งเข้าใส่หูของปีศาจวานรสีดำข้างหนึ่งแล้วทะลุออกไปยังอีกข้างหนึ่ง จากนั้นมันก็พร่ามัวแล้วหายเข้าไปในแขนเสื้อของหลิ่วหมิงอย่างไร้ร่องรอย
ปีศาจวานรสีดำร่างกายอ่อนแรงจนล้มโครมลงพื้น และเสียชีวิตไปในทันที
แต่ขณะนั้นเอง แขนของปีศาจวานรก็กลายเป็นสีแดงดำ รูสีดำบนฝ่ามือก็ค่อยๆ ละลายกลายเป็นโลหิตสีดำ
“ศิษย์น้องไป๋ เจ้าช่างยอดเยี่ยมจริงๆ ไม่คาดคิดว่าจะสามารถจัดการปีศาจวานรตนนี้ได้เพียงคนเดียว!” ตอนนี้ชายหน้าดำถึงได้ค่อยๆ ร่อนลงจากบนอากาศ สายตาที่เขาจ้องมองหลิ่วหมิงมีความตกตะลึงเล็กน้อย
“พี่อวิ๋นชมเกินไปแล้ว เมื่อครู่ถ้าไม่ใช่ว่าท่านก่อกวนสมาธิของมัน ข้าเองก็ไม่สามารถจัดการมันได้โดยง่าย พี่อวิ๋นไปช่วยศิษย์พี่หยางก่อนเถอะ ตอนนี้เขายังไม่กลับมาดูท่าทางนั้นคงเจอเรื่องยุ่งยากเข้าแล้ว ข้ากับศิษย์น้องจินจัดการปีศาจวานรสีเทาตัวที่เหลือก่อน แล้วจะรีบไปสมทบกับพวกท่าน” หลิ่วหมิงยิ้มเล็กน้อย จากนั้นก็มองไปยังค่ายกลในป่าดงดิบแล้วกล่าวออกมา
“ได้ ถ้าอย่างนั้นถุงน้ำดีของปีศาจวานรตนนี้เป็นของเจ้าแล้ว ข้าจะไปช่วยเจ้าหยางเฉียนก่อน” ชายหน้าดำครุ่นคิดเล็กน้อย แล้วก็รับปากออกไป หลังจากที่กระพือปีกก็กลายเป็นแสงสีเงินพุ่งไปยังป่าดงดิบ
หลิ่วหมิงส่งพลังจิตสื่อสารกับแมงป่องกระดูกขาว ให้มันเอาถุงน้ำดีของวานรสีดำออกมา จากนั้นตนเองก็หมุนตัวเดินไปยังการต่อสู้ที่อยู่อีกด้านหนึ่ง
ทางด้านนั้น หุ่นหมาป่าสามตัวยังยุ่งอีรุงตุงนังกับปีศาจวานรสีเทาอยู่ไม่หยุด
จินอวี่เองก็มาถึงบริเวณนั้นตั้งนานแล้ว และก็ซ่อนอยู่หลังต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ไม่ไกล เขากำลังใช้สมาธิกับการแสดงวิชาควบคุมหุ่นอยู่
ประจักษ์ชัดว่าครั้งนี้เขาได้เรียนรู้จากครั้งก่อน ดังนั้นเขาจึงบังคับหุ่นให้ต่อสู้อยู่รอบๆ โดยไม่ไม่ให้ปะทะกับปีศาจวานรแม้แต่น้อย
เมื่อจินอวี่เห็นหลิ่วหมิงเดินมา สีหน้าที่เคร่งเครียดก็ได้ผ่อนคลายลง
ครึ่งชั่วยามผ่านไปก็มีเสียงดังสนั่นหวั่นไหว กลุ่มแสงขนาดใหญ่ราวกับพระอาทิตย์ได้ปรากฏขึ้น พร้อมกับระเบิดคลื่นอากาศอันน่าตื่นตะลึงออกมา และต้นไม้บริเวณนั้นก็ถูกม้วนราบเป็นหน้ากอง
และเมื่อกลุ่มแสงสีขาวหายไปแล้ว ก็ปรากฏหลุมยักษ์ขนาดหมู่กว่าๆ ที่ตรงกลาง ค่ายกลกำจัดที่วางไว้บริเวณนั้นก็หายวับไปแล้ว
……………………………………….