ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ - ตอนที่ 154 เคล็ดใจปีศาจ
“พูดเช่นนี้หมายความว่าด้านล่างของนิกายเราก็มีหลุมปีศาจ ถ้าอย่างนั้นไอปีศาจบริสุทธิ์ที่อาจารย์อาจางให้เมื่อตอนกลางวันคือ…” หลิ่งหมิงฟังมาถึงจุดนี้ก็พอจะเข้าใจบ้างแล้ว
“ไม่ผิด! เป็นเพราะว่าสถานที่แห่งนี้มีหลุมปีศาจขนาดใหญ่อยู่หลุมหนึ่ง นิกายปีศาจของเราถึงได้เลือกสถานที่นี้เพื่อก่อตั้งนิกาย และไอปีศาจบริสุทธิ์ที่นิกายมอบให้เจ้าในก่อนหน้านั้นก็เอามาจากหลุมปีศาจนี้ แต่ไอปีศาจบริสุทธิ์นี้เป็นแค่ไอปีศาจบริสุทธิ์พลังหยินพิภพเท่านั้น หลังจากควบแน่นเป็นปราณแข็งแกร่งแล้ว เพียงแค่ควบแน่นต่อให้เข้มข้นหน่อยก็สามารถใช้พลังไอเย็นทำร้ายศัตรูได้ ส่วนผลลัพธ์นั้นมีไม่ค่อยมากนัก แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ก็ตาม หลายปีมานี้ไอปีศาจบริสุทธิ์ที่เกิดจากหลุมปีศาจของนิกายเราก็มีไม่มากแล้ว เมื่อศิษย์โดยทั่วไปฝึกฝนจนถึงขั้นสมบูรณ์แบบ และนอกจากจะมามีคุณสมบัติโดดเด่นจนทางสาขาที่สังกัดอยู่ยื่นเรื่องขอกับทางนิกายแล้ว ศิษย์คนอื่นๆ ต่างก็ต้องใช้แต้มคุณูปการมหาศาลเพื่อไปแลกเอาไอปีศาจบริสุทธิ์มาเป็นของตนเอง จากนั้นถึงได้รับโอกาสหนึ่งครั้งในการทะลวงเข้าสู่เขตแดนอาจารย์จิตวิญญาณ นี่ก็เป็นเพราะว่าการทดสอบความเป็นความตายนั้นอันตรายเป็นอย่างมาก ทางนิกายถึงได้มอบไอปีศาจบริสุทธิ์เป็นรางวัลให้กับพวกเจ้า” นักพรตแซ่จงตอบกลับด้วยรอยยิ้ม
“อาจารย์อธิบายในรอบนี้ทำให้ศิษย์เข้าใจชัดเจนมากขึ้น เช่นนี้ก็หมายความว่าถ้าศิษย์ไปหาไอปีศาจบริสุทธิ์อื่นจากด้านนอก ก็สามารถควบแน่นให้กลายเป็นปราณแข็งแกร่งที่ปกป้องร่างกายได้ดียิ่งกว่า!” หลิ่วฉุกคิดอย่างรวดเร็วและถามออกไป
“แน่นอนว่าย่อมได้ แต่ความหวังนี้เลือนลางมาก เจ้ารู้ไหมว่าด้านนอกเขาขายไอปีศาจบริสุทธิ์พลังหยินพิภพชุดนี้กันเท่าไหร่?” นักพรตแซ่จงพยักหน้าก่อนที่จะส่ายหน้าไปมา
“หวังว่าอาจารย์จะชี้แนะ!” หลิ่วหมิงรู้สึกตกตะลึง
“หินจิตวิญญาณสามหมื่นก้อน และในสถานการณ์ทั่วไปก็ไม่อาจซื้อได้ ส่วนไอปีศาจบริสุทธิ์ที่ค่อนข้างดีหน่อยราคาก็พุ่งสูงกว่าหลายเท่าซึ่งมันก็เป็นเรื่องปกติ เพราะผู้ฝึกฝนที่ต้องการไอปีศาจบริสุทธิ์นั้นมีมาก และพอทะลวงเขตแดนอาจารย์จิตวิญญาณล้มเหลว และคิดที่จะลองทะลวงอีกครั้งก็จำเป็นต้องหาไอปีศาจบริสุทธิ์ชุดใหม่มาอีก นอกจากนี้ในขณะที่ทะลวงเขตแดนอาจารย์จิตวิญญาณนั้น ถ้าหากสามารถละลายไอปีศาจบริสุทธิ์ได้หนึ่งถึงสองชุดล่ะก็จะยิ่งมีโอกาสสำเร็จมากขึ้น ด้วยเหตุนี้ราคามันจึงสูงกว่าที่คิดไว้มาก” นักพรตแซ่จงกล่าว
“หินจิตวิญญาณสามหมื่นก้อน!” หลิ่วหมิงยังไม่ทันได้สนใจคำพูดในตอนท้ายก็ต้องยิ้มขมขื่นออกมาก่อนแล้ว
เช่นนี้ก็หมายความว่าหินจิตวิญญาณที่เขาได้จากการเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายในการทดสอบความเป็นความตายนั้น เพิ่งจะพอซื้อไอปีศาจบริสุทธิ์ได้เพียงชุดเดียวเท่านั้น
ด้วยคุณสมบัติของเขาในตอนนี้ ถ้าจะบอกว่าสามารถทะลวงเข้าสู่เขตแดนอาจารย์จิตวิญญาณได้อย่างแน่นอนนั้น เกรงว่าแม้แต่ตนเองก็ไม่สามารถเชื่อมั่นได้
“ราคานี้ถือว่าถูกมากแล้ว เพราะว่าถ้าหากได้รับโอกาสทะลวงเขตแดนอาจารย์จิตวิญญาณล่ะก็ ไม่รู้ว่าผู้ฝึกฝนอิสระนอกนิกายกับศิษย์ที่ค่อนข้างมีอายุในนิกายสักเท่าไหร่ที่ยอมแลกกับมัน เอาล่ะ! ข้าขอพูดเรื่องไอปีศาจบริสุทธิ์เพียงแค่นี้ ต่อไปจะพูดเรื่องที่เจ้าต้องระวังในการทะลวงเขตแดนอาจารย์จิตวิญญาณ ประการแรก ผู้ฝึกฝนอายุน้อยกว่าสามสิบมีโอกาสทะลวงเขตแดนอาจารย์จิตวิญญาณได้สำเร็จสูง ถ้าหากว่าเลยอายุเหล่านี้ไปแล้วก็ไม่สามารถพูดได้ว่าจะทำไม่สำเร็จ แต่ทะเลจิตวิญญาณ เส้นลมปราณในร่าง และสภาพด้านอื่นๆ ล้วนแตกต่างจากก่อนหน้านั้นอย่างสิ้นเชิง มีความเป็นไปได้ว่าจะลดลงจนถึงระดับต่ำมาก นอกจากนี้จะสามารถควบแน่นปราณให้เป็นของเหลวได้หรือไม่นั้น มันมีความเกี่ยวกับข้องกับระดับความบริสุทธิ์ของพลังเวทย์ของเจ้าเป็นอย่างมาก ถ้าหากว่าพลังเวทย์ในร่างของเจ้าบริสุทธิ์จนถึงระดับที่แน่นอน ไอปีศาจบริสุทธิ์ย่อมละลายเข้าไปในปราณแท้ได้ง่ายกว่าคนอื่นๆ มาก นี่คือเหตุผลที่ข้ากับอาจารย์ลุงกุยของพวกเจ้าไม่ยอมให้พวกเจ้าทานโอสถเพิ่มพลังเวทย์ และให้พวกเจ้าค่อยๆ ฝึกฝนพลังเวทย์ด้วยตนเอง นอกจากพืชผลไม้จิตวิญญาณที่มาจากปราณฟ้าดินบริสุทธิ์ ซึ่งเมื่อทานเข้าไปแล้วพลังเวทย์จะบริสุทธิ์เป็นอย่างมากและไม่มีปัญหาใหญ่อะไรแล้ว โอสถอื่นๆ หรือเลือดเนื้อของปีศาจอสูรถ้าทานมากไปจะเป็นอุปสรรคต่อปัญหาคอขวดในภายหลัง พอถึงเวลานั้นจะเสียใจก็สายเกินไปแล้ว แต่ถ้าหากว่าตนเองใช้เวลาส่วนมากในการทำพลังเวทย์ให้บริสุทธิ์ล่ะก็ ทำให้ต้องใช้เวลามากจนอายุเลยสามสิบก็เป็นได้” นักพรตแซ่จงกล่าวกับหลิ่วหมิงด้วยความหมายลึกซึ้ง
หลิ่วหมิงฟังมาถึงจุดนี้ก็มีสีหน้าเคอะเขินอย่างช่วยไม่ได้
ประจักษ์ชัดว่าอาจารย์คิดว่าก่อนหน้าที่เขาฝึกฝนได้รวดเร็วเป็นเพราะว่าเคยใช้โอสถเพิ่มพลังเวทย์
“นอกจากนี้ ถึงแม้เจ้าจะไม่ได้ก้าวเข้าสู่ระดับอาจารย์จิตวิญญาณก่อนอายุสามสิบเจ้าก็ไม่ต้องท้อใจ เจ้าเพียงแค่นึกภาพศิษย์จิตวิญญาณหลายพันคน แต่มีคนที่เป็นอาจารย์จิตวิญญาณได้แค่สามสิบกว่าคน แค่นี้เจ้าก็จะรู้ว่าการทะลวงเขตแดนนั้นมันยากแค่ไหน เกือบจะนับได้ว่าหนึ่งในร้อยเลยทีเดียว อีกอย่างต่อให้เป็นศิษย์มีพรสวรรค์อย่างหยางเฉียนและเกาชง ก็ไม่มีใครกล้ายืนยันได้ว่าพวกเขาจะกลายเป็นอาจารย์จิตวิญญาณได้อย่างแน่นอน เพียงแต่มีโอกาสมากกว่าคนอื่นๆ เท่านั้น ในนิกายเราก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น ศิษย์ผู้มีพรสวรรค์บางคนถูกผู้อาวุโสหมายตาไว้แล้ว แต่กลับไม่สามารถเข้าสู่ระดับของเหลวได้จึงเป็นศิษย์จิตวิญญาณไปจนแก่เฒ่า และแต่ก่อนในนิกายเราก็มีผู้อาวุโสระดับผลึกที่มีวาสนาทะลวงเข้าสู่ระดับของเหลวตอนอายุสามสิบ จากนั้นก็รุดหน้าไปอย่างรวดเร็ว สุดท้ายก็กลายเป็นอาจารย์อาเยี่ยนที่มีฝีมือสูงส่งผู้นี้” นักพรตแซ่จงกล่าวปลอบใจหลิ่วหมิง
“ขอบคุณอาจารย์ ศิษย์จะจำมันไว้” หลิ่วหมิงกล่าวอย่างนอบน้อม
“ดีมาก! หากเจ้าทะลวงเขตแดนอาจารย์จิตวิญญาณล่ะก็ นอกจากเงื่อนไขที่สำคัญทั้งสองข้อที่กล่าวมาแล้ว ยังมีด้านอื่นๆ ที่เจ้าจะมองข้ามมันไปไม่ได้เด็ดขาด อย่างเช่นจะต้องไม่ถูกรบกวนในตอนทะลวงเขตแดนอาจารย์จิตวิญญาณ ขณะเดียวกันสถานที่ต้องมีพลังปราณฟ้าดินเข้มข้น ยิ่งเข้มข้นยิ่งดี…” นักพรตแซ่จงพยักหน้า แล้วยังพูดเสริมเกี่ยวกับปัญญาอื่นๆ ที่ต้องให้ความสนใจอย่างละเอียด
หลิ่วหมิงตั้งใจจดจำทุกถ้อยคำ
ครึ่งชั่วยามผ่านไป ในที่สุดนักพรตแซ่จงก็พูดเรื่องที่ควรพูดกับหลิ่วหมิงไปจนหมด แล้วถึงให้เขาจากไป
เช้าวันที่สอง หลิ่วหมิงออกไปจากที่พักมุ่งหน้าไปยังหอเก็บคัมภีร์อีกครั้ง และยังใช้แต้มคุณูปการที่เพิ่งได้มาใหม่แลกกับ ‘เคล็ดใจปีศาจ’ จากนั้นก็ไปซื้อถุงใส่ปีศาจที่มีคุณภาพธรรมดาจากตลาดสีเทามาใบหนึ่ง
เป็นธรรมดาที่ถุงใบนี้จะไม่สามารถเทียบกับถุงหล่อเลี้ยงวิญญาณได้ แต่ก็ดีกว่าปล่อยให้หัวบินกับแมงป่องกระดูกขาวเบียดเสียดอยู่ด้วยกัน
จากนั้นภายในระยะเวลาหนึ่งเดือน หลิ่วหมิงก็ตั้งใจฝึกฝนเคล็ดวิชาที่ได้มาใหม่โดยไม่ไปไหนเลย
การสยบหัวบินในวันนั้นช่างเป็นเรื่องที่แปลกประหลาดมากนัก ถ้าหากเขาหาเหตุผลที่ชัดเจนไม่ได้ เขาก็จะไม่สามารถวางใจได้เลยแม้แต่วันเดียว
ถึงแม้เคล็ดใจปีศาจจะต้องใช้แต้มคุณูปการจำนวนมากในการแลกมา แต่การฝึกฝนค่อนข้างง่าย
ภายในระยะเวลาสั้นๆ ก็สามารถฝึกได้สำเร็จเล็กน้อยแล้ว ตามที่กล่าวไว้ในนั้นมันเพียงพอที่จะสื่อสารกับจิตของหัวปีศาจได้แล้ว
เช้าวันนี้ เมื่อเขาพักผ่อนเพียงพอแล้วก็เอามือตบถุงหนังที่ซื้อมาใหม่ และไอสีดำก็พุ่งออกมาในฉับพลัน จากนั้นมันก็พวยพุ่งรวมตัวเข้าด้วยกันจนกลายเป็นหัวบินตนนั้น
เดิมทีหัวบินมีสีหน้าชั่วร้ายเป็นอย่างมาก แต่หลังจากที่ตาทั้งคู่มองเห็นหลิ่วหมิงแล้วก็มีท่าทีโอนอ่อนผ่อนตามขึ้นมา และมันก็บินมาหาหลิ่วหมิงอย่างว่าง่าย จากนั้นก็ซบหน้ากับพื้นไม่ขยับเขยื้อน
หลิ่วหมิงหรี่ตาทั้งคู่เล็กน้อย เขาทำท่ามือด้วยมือทั้งสองโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง ไอสีดำพวยพุ่งออกจากร่างเขาในทันที ขณะเดียวกันอักขระก็พุ่งออกมาจากช่องระหว่างนิ้ว และค่อยๆ จมหายเข้าไปในหัวบิน
ขณะนี้หลิ่วหมิงกางนิ้วทั้งห้าออกมา แล้วกดลงบนหน้าผากของหัวบินท่ามกลางไอสีดำที่รัดพันอยู่ จากนั้นก็ค่อยๆ หลับตาทั้งสองลง
ครู่ต่อมา อักขระสีเลือดบนหน้าผากของหัวบินก็เปล่งประกายอยู่ไม่หยุด ดวงหน้าทั้งคู่แลดูงงงวยเป็นอย่างมาก
ชั่วเวลาหนึ่งถ้วยชาผ่านไป หลิ่วหมิงก็ลืมตาทั้งสองขึ้นในทันที จากนั้นก็เอามือออกจากหน้าผากของหัวบิน
“เกิดอะไรขึ้น! อะไรคือเห็นนายท่านที่แข็งแกร่งอีกคนอยู่ในร่างของนายท่าน?”
หลิ่วหมิงจ้องมองหัวบินและกล่าวพึมพำกับตนเอง แต่สีหน้าของเขาดูประหลาดใจ และฉงนสนเท่ห์อยู่ตลอด
การแสดงวิชาของเขาเมื่อครู่ค่อนข้างจะประสบความสำเร็จ แต่ผลลัพธ์ของการสื่อสารจิต นอกจากจะรับรู้ได้ว่าหัวปีศาจตนนี้เคารพและยำเกรงเขามากแล้ว เรื่องราวอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องก็รับรู้ได้ไม่หมด ทำให้เขายังไม่สามารถคลายความสงสัยได้
หลิ่วหมิงขมวดคิ้วคิดอยู่สักพัก จากนั้นก็แสดงวิชาสื่อสารกับจิตของหัวบินอีกรอบ เพราะยังไม่พอใจในคำตอบ
แต่ครั้งนี้เขาก็ยังคงได้รับคำตอบออกมาแบบเดิม
แต่ดีที่การแสดงวิชาทั้งสองครั้งนี้ ทำให้เขาเข้าใจว่าทำไมหัวบินที่เป็นถึงหัวปีศาจระดับสี่ แต่กลับมีระดับการฝึกฝนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ในปีก่อนหน้านั้นหัวปีศาจตนนี้ได้รับบาดเจ็บสาหัส ทั้งยังถูกปิดผนึกมาโดยตลอด และช่วงนี้เพิ่งจะได้รับอิสระ มันถึงได้อ่อนแอเช่นนี้
แต่หลิ่วหมิงกลับรู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก
เช่นนี้ก็หมายความว่า เพียงแค่หัวปีศาจตนนี้ฟื้นฟูพลังเดิมกลับมาได้ ก็เท่ากับว่าเขาจะมีผู้ช่วยระดับของเหลวจิตวิญญาณในทันที
แต่น่าเสียดายที่การสื่อสารเมื่อครู่ ไม่ได้รู้ถึงวิธีรักษาอาการบาดเจ็บให้กับหัวปีศาจตนนี้
จากปากของมันบอกว่า นอกจากการนอนหลับระยะยาวที่สามารถทำให้อาการบาดเจ็บดีขึ้นมาเล็กน้อยแล้ว มันก็พูดคำแปลกๆ ออกมา ซึ่งเขาไม่เคยได้ยินมาก่อน ยิ่งทำให้ไม่รู้จะหาวิธีช่วยมันอย่างไร
ดูท่าเรื่องนี้ คงต้องค่อยว่ากันภายหลังเมื่อมีโอกาส
หลิ่วหมิงคิดเช่นนี้อยู่ในใจ จากนั้นก็ทำท่ามือด้วยมือเดียวแล้วชี้ไปยังอากาศเหนือหัวบิน
เสียงดัง “ฟุ่บ!” หัวปีศาจกลายเป็นไอก่อนที่จะมุดหายเข้าไปในถุงหนัง
เวลาที่เหลือ หลิ่วหมิงคิดใคร่ครวญถึงประโยคที่หัวบินบอกเขา แท้จริงแล้วมันหมายความว่าอย่างไรกันแน่
แต่น่าเสียดายที่เรื่องนี้ไม่มีที่มาที่ไปอะไรเลย หลังจากที่เขาคิดใคร่ครวญไปได้ซักพักก็ได้แต่ยิ้มขมขื่นแล้วเก็บเรื่องนี้ไว้คิดทีหลัง
จากนั้นเขาก็คิดเล็กน้อยก่อนที่จะหยิบแผ่นป้ายสีเงินกับขวดสีดำออกมาจากแขนเสื้อ
ของทั้งสองสิ่งนี้ เป็นของที่สามารถเข้าบ่อจิตวิญญาณของนิกาย กับไอปีศาจบริสุทธิ์พลังหยินพิภพที่เขาได้รับมอบมาก่อนหน้านั้น
หลิ่วหมิงวางของสองสิ่งนี้ไว้บนมือทั้งสองข้าง จากนั้นสมาธิเขาก็จมดิ่งลงไปอีกครั้ง
ตามความคิดแต่แรกของเขา ขอแค่ตัวเองฝึกฝนจนถึงขั้นสมบูรณ์แบบแล้ว ย่อมสามารถทะลวงเขตแดนอาจารย์จิตวิญญาณได้ทันที เพราะเป็นอาจารย์จิตวิญญาณเร็วหนึ่งวัน ก็มีจุดยืนในโลกผู้ฝึกฝนได้เร็วขึ้นอีกวัน
แต่เมื่อได้ฟังคำพูดของนักพรตแซ่จงแล้ว หลิ่วหมิงกลับรู้สึกลังเลขึ้นมา!
……………………………………….