ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ - ตอนที่ 196 กระบอกกำจัดปีศาจ
ขณะนี้ ไป๋ชิงไห่ที่ยืนอยู่มุมหนึ่งของแท่นประมูล ก็ก้าวไปข้างหน้าแล้วยกมือปล่อยลูกเปลวไฟใส่ผู้อาวุโส
หลังจากเสียงดัง “ตู๊ม!” “ตู๊ม!” ลูกเปลวไฟสองลูกที่มีอานุภาพค่อนข้างรุนแรงก็ระเบิดออกมาพร้อมกัน แต่มันแค่ทำให้ม่านแสงบนตัวของผู้อาวุโสสั่นไหวเพียงเล็กน้อย จากนั้นมันก็กลับมาเป็นปกติ
ไม่เพียงแค่นี้ ไป๋ชิงไห่ยังชักกระบี่ยาวตรงหลังออกมา เขาสะบัดมันแค่ทีเดียว ปราณกระบี่อันน่าสะพรึงก็ฟาดฟันออกไป
“เพล้ง!”
ม่านแสงสีเงินเว้าเข้าไปเพียงเล็กน้อย แล้วมันก็ดีดปราณกระบี่ออกไป โดยที่ม่านแสงไม่เป็นอะไรเลย
ฉากนี้ทำให้ผู้ฝึกในที่ยู่ด้านล่างร้องออกมาด้วยความตกใจ
เมื่อไปชิงไห่เก็บกระบี่ยาวเข้าฝักแล้ว ก็กลับไปยืนที่เดิมด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก จากนั้นผู้อาวุโสเหมี่ยนก็ตบมือข้างหนึ่งไปที่เอว เสื้อเกราะตรงหลังก็เปลี่ยนรูปร่างเป็นปีกไม้ไผ่สีเหลือง มันแค่กระพือเบาๆ ก็พุ่งขึ้นบนอากาศ และบินวนอยู่ในห้องโถงด้วยความเร็วอันน่าตกใจ
และในขณะเดียวกัน เสียงผู้อาวุโสก็ดังขึ้นในห้องโถง
“นี่คือการเพิ่มพลังของเกราะกลนักรบชุดนี้ ไม่เพียงแต่รวดเร็วกว่าวิชาทะยานเวหาหลายเท่า แต่ยังไม่ด้อยไปกว่าการเพิ่มพลังของยันต์เทพเคลื่อนไหวแม้แต่น้อย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงความปราดเปรียวในขณะทำการต่อสู้ มันเป็นสิ่งที่วิชาเสริมพลังทั่วไปไม่อาจเทียบได้ ต่อไปข้าจะแสดงพลังการโจมตีของมันให้ทุกท่านได้ชม”
หลังกล่าวจบ เงาร่างผู้อาวุโสเหมี่ยนก็หายไปจากอากาศแล้วมาปรากฏบนแท่นหินด้วยรอยยิ้ม ทำให้ผู้ฝึกฝนในห้องโถงรู้สึกตกตะลึงจนปากอ้าตาค้าง
ในขณะนั้นเอง ผู้อาวุโสก็ยกแขนทั้งสองขึ้น และเล็งไปยังเสาหินอ่อนที่อยู่ใกล้ๆ แท่นหิน พอแสงสีเงินเปล่งประกายตรงข้อมือ กระบอกสีเงินขนาดเท่าแขนก็ปรากฏขึ้นบนมือทั้งสองข้าง จากนั้นก็มีเสียงปะทุอยู่ภายในก่อนที่มันจะพ่นหนามสีเงินออกมา
ครู่ต่อมาก็มีเสียงดังราวกับสายฝนกระหน่ำ หลังจากที่ลำแสงสีเงินเปล่งประกายบนเสาหินอย่างบ้าคลั่งแล้ว รูเล็กๆ จำนวนมากก็ปรากฏอยู่เสาหิน
คนจำนวนไม่น้อยต้องจ้องมองอย่างละเอียด ถึงมองออกว่ารูเล็กๆ เหล่านี้ มีเข็มเงินเล็กๆ ราวกับขนวัวจมปลักอยู่ สิ่งนี้ทำให้ทุกคนเผยสีหน้าตกตะลึงพรึงเพริศออกมา
ด้วยระยะห่างเช่นนี้ อาศัยเพียงแค่พลังของเกราะกลก็ทำให้เข็มเงินสำแดงอานุภาพได้ถึงเพียงนี้ โดยไม่ต้องใช้พลังเวทย์เลย ช่างเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อเป็นอย่างมาก
“การโจมตีแบบนี้ เป็นแค่อานุภาพต่ำสุดของเกราะกลนักรบเท่านั้น นอกจากนี้ยังมีการโจมตีอีกสองรูปแบบ เพื่อผลประโยชน์ของผู้ที่ประมูลได้ ข้าก็จะไม่แสดงให้ดูอีก แต่เชื่อว่ามันพอที่จะพิสูจน์มูลค่าของเกราะกลนักรบชุดนี้ได้แล้ว แม้ว่ามันไม่อาจเทียบได้กับเกราะนักรบจิตวิญญาณตามที่เล่าลือ แต่ด้วยเหตุที่มันใช้พลังเวทย์น้อยมาก จึงเหมาะสมกับศิษย์จิตวิญญาณอย่างพวกเรา” ไม่รู้ว่าผู้อาวุโสเหมี่ยนไปกดกลไกอะไรอีก หลังจากที่มีแตกหักดังออกมา เกราะนักรบก็กลายเป็นเกราะไม้สีเหลืองอ่อนท่ามกลางแสงสีเงิน แล้วเขาก็กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม
“ผู้อาวุสเหมี่ยน เกราะกลนักรบชุดนี้น่าสนใจจริงๆ แต่ไม่ทราบว่าการกระตุ้นแต่ละครั้ง ต้องใช้ผลึกหินจิตวิญญาณเท่าไหร่” มีคนถามนี้มาจากด้านล่างของแท่นหิน
“สหายท่านนี้ถามได้ดีมาก ข้ากำลังจะพูดเรื่องนี้อยู่พอดี ชุดเกราะกลนักรบชุดนี้มันใช้งานได้ดี แต่ไม่สามารถใช้หินจิตวิญญาณทั่วไปทำการเปิดใช้งานในแต่ละครั้งได้ ต้องเป็นผลึกหินจิตวิญญาณธาตุลมเท่านั้น อีกอย่างต้องเป็นผลึกหินธาตุลมที่อยู่ระดับกลางขึ้นไป” ผู้อาวุโสเหมี่ยนกล่าวโดยไม่ต้องคิด
คำตอบนี้ทำให้ผู้คนด้านล่างแท่นหิน แสดงสีหน้าแตกต่างกันออกไป
“เอาล่ะ! ความสามารถของเกราะกลนักรบนี้ ข้าก็ได้แสดงมันออกมาให้เห็นแล้ว ตอนนี้เริ่มประมูลอย่างเป็นทางการได้ ราคาเริ่มต้นที่ห้าหมื่นหินจิตวิญญาณ เสนอราคาเพิ่มได้ครั้งละไม่ต่ำกว่าสองหมื่นหินจิตวิญญาณ!” ผู้อาวุโสเหมี่ยนถือโอกาสประกาศเริ่มต้นการประมูลของสิ่งนี้
แม้ว่าเกราะกลนักรบชุดนี้ จะทำให้คนจำนวนไม่น้อยตาร้อนเป็นผะผ่าว แต่ด้วยราคาที่สูงถึงห้าหมื่นหินจิตวิญญาณ คนส่วนมากจึงละทิ้งความคิดที่จะได้มันไป
ถึงแม้หลิ่วหมิงจะรู้สึกใจเต้นกับเกราะกลนักรบนี้เป็นอย่างมาก แต่ถ้าพูดถึงในแง่ของพลังป้องกันล่ะก็ เขามีเกราะหนังเกล็ดมังกรแดงแล้ว ถ้าพูดถึงในแง่ของการโจมตีล่ะก็ ของสิ่งนี้จะเทียบกับกระบี่จันทราหยกในมือเขาที่เป็นอาวุธจิตวิญญาณระดับกลางได้อย่างไร ดังนั้นเขาย่อมไม่คิดที่จะเสนอราคาออกไป
“ห้าหมื่นหินจิตวิญญาณ!”
หลังจากเงียบไปพักหนึ่ง ก็มีคนเอ่ยปากออกมาในที่สุด เขาก็ผู้ฝึกฝนแซ่หนานที่จำเกราะกลนักรบนี้ได้ในตอนแรก
หลิ่วหมิงมองออกไปด้วยใจที่เต้นแรง
คนผู้นั้นนั่งอยู่อีกมุมหนึ่งของห้องโถง เขาสวมงอบขนาดใหญ่ปิดปังใบหน้าทั้งหมดไว้
แต่ดูจากการที่คนบริเวณนั้นพากันหลีกทางให้เขา เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ใช่ผู้ฝึกฝนธรรมดา
“ห้าหมื่นสองพันหินจิตวิญญาณ!” มีเสียงราบเรียบของหญิงสาวดังขึ้นมา น้ำเสียงของนางเลือนลางเป็นอย่างมาก มันดังก้องไปทั่วทิศ จนไม่สามารถหาตำแหน่งของเสียงได้
“ห้าหมื่นสี่พัน!” น้ำเสียงของชายแซ่หนานดูเคร่งขรึมขึ้น เห็นได้ชัดว่าเขาไม่พอใจมากนัก
“ห้าหมื่นหกพัน” หญิงสาวกล่าวอย่างไม่รีบร้อน
“สหายหู เจ้าคิดว่าข้าจำเสียงของเจ้าไม่ได้หรือ เจ้าไม่ชำนาญทักษะกล เกราะกลนักรบนี้คงไม่ค่อยมีประโยชน์กับเจ้ามากนัก?” ชายแซ่หนานอดไม่ได้ที่จะถามออกไปด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น
“พี่หนาน ต้องขออภัยเป็นอย่างยิ่ง! ด้วยระดับทักษะกลของท่าน ข้าควรจะยอมอ่อนข้อให้ แต่ใครใช้ให้นายของข้าอยากได้ของชิ้นนี้เล่า ข้าคงต้องล่วงเกินท่านแล้ว!” หญิงสาวนางนั้นกล่าวด้วยเสียงหัวเราะดังกิ๊กกั๊ก
“ฮึ! นายเจ้าจะรู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับทักษะกล ถ้าเกาะกลนักรบชิ้นนี้ตกอยู่ในมือข้าล่ะก็ ไม่แน่ว่าข้าอาจจะสร้างมันขึ้นมาได้ใหม่ภายในยี่สิบถึงสามสิบปี ข้าจะต้องประมูลเอาของชิ้นนี้มาให้ได้ ผู้อาวุโสเหมี่ยน ตอนนี้ข้ามีหินจิตวิญญาณไม่มาก ข้าสามารถใช้ของล้ำค่าอื่นๆ แลกหินจิตวิญญาณได้หรือไม่?” พอชายแซ่หนานได้ยินก็กล่าวด้วยความโมโห
“ตามหลักการแล้ว ถ้าหินจิตวิญญาณไม่พอล่ะก็ สามารถใช้ของล้ำค่าอื่นๆ แลกหินจิตวิญญาณได้ แต่ร้านของเราต้องเก็บค่าใช่จ่ายหนึ่งส่วน ไม่ทราบว่าสหายมีของล้ำค่าอันใด?” ผู้อาวุโสเหมี่ยนกล่าวด้วยสีหน้าสงบ
“ข้ามีกระบอกกำจัดปีศาจที่เพิ่งสร้างไม่นานสองชิ้น และเรือกลเหาะหนึ่งลำ ซึ่งเพียงแค่ใช้หินจิตวิญญาณก็สามารถกระตุ้นมันได้ สหายทำการประมูลมันในตอนนี้เถอะ!” ชายแซ่หนานกล่าว
“อะไรนะ! พี่หนานสร้างเรือกลเหาะมาอีกลำหนึ่งแล้ว ช่างเป็นเรื่องที่น่ายินดีเสียจริง!” ผู้อาวุโสเหมี่ยนกล่าวด้วยความตกตะลึง
ดูเหมือนว่าเรือกลเหาะที่ชายแซ่หนานกล่าวถึง ก็เป็นของล้ำค่าที่ยอดเยี่ยมเช่นกัน
ผู้คนในห้องโถงได้ยินเช่นนี้ ต่างก็พากันลุกฮือขึ้นมา
“โอกาสในการสร้างเรือกลเหาะได้สำเร็จนี้ ค่อนข้างน้อยไปหน่อย ข้าใช้เวลาสามสี่ปีถึงสร้างได้สำเร็จหนึ่งชิ้น เดิมทีข้าคิดจะเก็บชิ้นนี้ไว้ใช้งาน แต่เพื่อเกราะกลนักรบชิ้นนี้ ข้าจำเป็นต้องเสียมันไป” ชายซ่หนานกล่าวอย่างไม่รู้จะทำอย่างไรดี
ผู้อาวุโสเหมี่ยนพยักหน้าราวกับว่าเข้าใจเขา
ขณะนี้ มีคนรับใช้คนหนึ่งหยิบของสามชิ้นมาไว้บนถาด แล้วนำขึ้นแท่นประมูลอย่างรวดเร็ว
“ข้าเชื่อว่า คงไม่ต้องพูดถึงความเชี่ยวชาญทักษะกลของสหายหนานแล้ว สหายจำนวนมากคงเคยได้ยินชื่อเสียงของเขา แต่การทำงานของกระบอกกำจัดปีศาจกับเรือกลเหาะนั้น ข้าจะแสดงให้ทุกท่านดูเล็กน้อย” ผู้อาวุโสเหมี่ยนกล่าว และหยิบกระบอกเหล็กสีแดงที่ดูธรรมดาๆ ขึ้นมา หลังจากนั้นก็ชี้ไปทางเสาหินอ่อนบริเวณนั้น และใช้นิ้วโป้งกดปุ่มนูนๆ บนกระบอกเบาๆ
เสียงกลไกดังขึ้น
ลำแสงเปล่งประกายออกจากปลายกระบอก แสงลูกกลมๆ กลุ่มหนึ่งพุ่งยิงออกมา แต่พอมันยิงไปได้ไกลไม่กี่จั้ง ก็ระเบิดตัวออกมา ตาข่ายไหมแวววาวขนาดใหญ่ได้ปรากฏขึ้น และปกคลุมเสาหินไว้
ไอสีขาวพวยพุ่งออกจากเสาหินในทันที และรวมตัวกันเป็นน้ำค้างแข็งเกาะอยู่บนเสา
หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ ก็รู้สึกเย็นยะเยือกขึ้นมาในทันที
แม้ว่าชื่อของกระบอกกำจัดปีศาจจะดูโอ้อวดไปหน่อย แต่สามารถใช้โจมตีระยะสั้นได้โดยฉับพลันเช่นนี้ ช่างเป็นอาวุธจู่โจมที่ทำให้คนป้องกันจนไม่หวาดไม่ไหว
ขณะนั้นเอง ผู้อาวุโสเหมี่ยนก็วางกระบอกเหล็กลง และประกาศออกมาด้วยรอยยิ้ม
“การใช้กระบอกกำจัดปีศาจในแต่ละครั้ง จะต้องเปลี่ยนหินจิตวิญญาณที่อยู่ข้างในทุกครั้ง ผลึกหินธาตุต่างกัน ผลลัพธ์ของตาข่ายกำจัดปีศาจที่ปล่อยออกมาก็จะแตกต่างกัน โดยทั่วไปหลังจากใช้ไปเจ็ดแปดครั้งแล้ว ถึงแม้จะเปลี่ยนผลึกหินข้างใน แต่กลไกทั้งหมดก็จะชำรุดไป เห็นได้ชัดว่าทั้งสองชิ้นนี้เพิ่งสร้างขึ้นมาใหม่ ตามราคาท้องตลาดในตอนนี้ ราคาประมูลของแต่ละชิ้นจะเริ่มต้นที่ห้าพันหินจิตวิญญาณ เสนอราคาได้ครั้งละไม่ต่ำกว่าห้าร้อยหินจิตวิญญาณ”
แต่ที่น่าแปลกใจก็คือ หลังจากที่ผู้อาวุโสกล่าวคำพูดนี้ออกมา ห้องโถงทั้งห้องก็เงียบกริบทันที อุปกรณ์กลที่มีประโยชน์เช่นนี้กลับไม่มีคนเสนอราคาประมูลออกมา
แม้ว่าชายแซ่หนานจะนั่งอยู่ที่เดิมไม่ขยับเขยื้อน แต่ใครก็จินตนาการออกว่าตอนนี้เขารู้สึกเสียหน้ามากแค่ไหน
“อิอิ! พี่หนาน! แม้ว่ากระบอกกำจัดปีศาจจะไม่เลว แต่ก็มีหลายครั้งที่มันระเบิดตัวเองออกมา ตอนนี้ใครจะกล้าซื้อง่ายๆ ล่ะ!” หญิงสาวแซ่หูหัวเราะเบาๆ ก่อนกล่าวออกมา
“ฮึ! ระเบิดอะไรกัน! เห็นๆ อยู่ว่าคนผู้นั้นใช้เกินจำนวนครั้งไปแล้ว แต่ก็ยังละโมบใช้ต่อ จึงก่อให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น” ชายแซ่หนานได้ยินก็กล่าวด้วยความโมโห
“ถึงแม้ข้าจะเชื่อคำพูดนี้ แต่คนอื่นๆ ก็ต้องเชื่อด้วยถึงจะได้ ยิ่งไปกว่านั้นข้าหูชุนเหนียงอยู่ที่นี่ด้วย ถ้าใครกล้าซื้ออาวุธของเจ้า ก็เท่ากับว่าเป็นศัตรูกับผู้ที่อยู่เบื้องหลังข้า” หญิงแซ่หูตอบกลับด้วยรอยยิ้มเยือกเย็น
แต่ขณะนั้นเอง เสียงราบเรียบของชายผู้หนึ่งก็ดังขึ้น
“ห้าพันหินจิตวิญญาณ”
ผู้ที่เสนอราคาคือหลิ่วหมิงที่อยู่ตรงมุมห้อง
พอคำพูดนี้เปล่งออกมา ไม่เพียงแต่หูชุนเหนียงที่ต้องหยุดหัวเราะในฉับพลัน ผู้ฝึกฝนที่นั่งข้างหลิ่วหมิงต่างก็พากันมองหลิ่วหมิงด้วยความตกใจ
“สหายผู้นี้มีนามว่าอะไร หรือท่านคิดจะเป็นศัตรูกับข้า?” น้ำเสียงของหูชุนเหนียงดูเคร่งขรึมเป็นอย่างมาก
“เป็นศัตรู? จะเป็นไปได้อย่างไร ข้าเพียงแต่สนใจกระบอกกำจัดปีศาจเท่านั้น” หลิ่วหมิงตอบอย่างไม่แยแส
“ใช่หรือ? หวังว่าท่านจะไม่เสียใจภายหลังนะ” คำพูดของหูชุนเหนียงเต็มไปด้วยการข่มขู่
“พี่เหมี่ยน นี่เป็นงานประมูลใหญ่ของเรือนร้อยวิญญาณ เรื่องการใช้อำนาจคุกคามการเสนอราคาของคนอื่นนั้น เรือนของท่านจะไม่สนใจเลยหรือ?” ชายแซ่หนานเห็นเช่นนี้ ก็แหงนหน้าขึ้นมากล่าวด้วยความโมโห ทำให้เห็นว่าเขาเป็นชายวัยกลางคนที่ใบหน้าผอมซีดเซียว
“สหายหู ขอให้ท่านระมัดระวังสักหน่อย ถ้าเอ่ยคำพูดคุกคามคนอื่นอีกล่ะก็ ไม่แน่ข้าอาจจะยกเลิกสิทธิ์การประมูลของท่านก็ได้” แน่นอนว่าผู้อาวุโสเหมี่ยนได้ยินเสียงของหลิ่วหมิง เขารู้สึกแปลกใจเล็กน้อย แต่พอได้ยินชายแซ่หนานกล่าวเช่นนี้ ก็ถือโอกาสกล่าวด้วยสีหน้าหนักอึ้ง
“ได้ ต่อให้พี่หนานได้หินจิตวิญญาณไปหลายพัน แต่จะทำอะไรได้” หูชุนเหนียงเงียบไปครู่หนึ่ง และหัวเราะก่อนกล่าวออกมา จากนั้นก็ไม่มีคำพูดใดๆ ออกมาอีก
……………………………………….