ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ - ตอนที่ 206 ใบหน้าที่แท้จริง
พออยู่ห่างเขาเซียนทอแสงไม่กี่ลี้ เขากลับไม่ได้เข้าไปในเขาทันที แต่กลับหลบอยู่ตรอกที่ไม่มีคน จนผ่านไปครึ่งชั่วยาม และแน่ใจว่าไม่มีคนตามมาแล้ว ถึงพาหญิงสาวไปถ้ำที่พักของตนอย่างวางใจ
แม้ว่าเขาเขาเซียนทอแสงจะมีหน่วยลาดตระเวนที่เป็นผู้ฝึกปราณ แต่สำหรับหลิ่วหมิงแล้ว การหลีกเลี่ยงพวกเขาเป็นเรื่องที่ง่ายดายมาก
ชั่วเวลาหนึ่งมื้อข้าวต่อมา หลิ่วหมิงก็พาหูชุนเหนียงกลับถึงถ้ำของตนเอง
เพื่อป้องกันเหตุที่ไม่คาดคิด ก่อนเข้าถ้ำ เขาให้แมงป่องกระดูกขาวเฝ้าอยู่ด้านนอก ถ้ามีอะไรเข้ามาใกล้ล่ะก็ ให้รีบแจ้งเขาในทันที
ตอนที่เขากลับมานั้น เฉียนหรูผิงก็หลับฝันหวานอยู่ในห้องของนางแล้ว
หลิ่วหมิงย่อมไม่ทำให้เด็กหญิงตื่นขึ้นมาด้วยความตกใจ เขาพาหญิงสาวมุ่งตรงมายังห้องนอนเขาทันที หลังจากวางนางลงบนเตียง ก็สำรวจดูนางอยู่หลายที
หูชุนเหนียงในตอนนี้ รอยดำคล้ำบนริมฝีปากได้หายไปหมดแล้ว ขณะเดียวกันรอยแดงเข้มบนใบหน้าก็หายไปด้วยเช่นกัน
แต่พอหลิ่วหมิงจ้องมองอย่างละเอียดอยู่ครู่หนึ่ง ก็พลันขมวดคิ้วกล่าวออกมา
“ศิษย์พี่หู ในเมื่อท่านฟื้นแล้ว ก็ไม่ต้องแสร้งทำเป็นหลับอีกต่อไป”
“อิๆ! ศิษย์น้องรู้ได้อย่างไรว่าข้าฟื้นแล้ว” หญิงสาวที่ดูเหมือนไม่ได้สติ ค่อยๆ เปิดเปลือกตาออกมา และหัวเราะเบาๆ
“ในระหว่างที่มา ข้ามัวแต่ระแวดระวังไม่ให้ศัตรูตามติดมาได้ ดังนั้นจึงไม่พบความผิดปกติใดๆ ของศิษย์พี่ แต่พอมาถึงที่นี่แล้ว ถ้าศิษย์พี่ยังแกล้งหมดสติอยู่ล่ะก็ จะรอดพ้นสายตาข้าไปได้อย่างไร แต่จะว่าไปแล้ว ศิษย์พี่ฟื้นขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่หรือ?” หลิ่วหมิงถอนหายใจก่อนกล่าวออกมา
“ก็ตั้งแต่ตอนที่เจ้าใช้มือทำอะไรแปลกๆ บนตัวข้าตามอำเภอใจ ทำให้ข้าตกใจจนฟื้นขึ้นมา” หูชุนเหนียงจ้องหน้าหลิ่วหมิง และกล่าวออกมา ก่อนที่จะมองค้อนปะหลับเหลือก
“เห้อ! ขอศิษย์พี่อย่าได้ถือสา! ข้าเองก็ไม่รู้จะทำอย่างไร เพื่อป้องกันการตามฆ่าของคนกลุ่มนั้น ข้าถึงได้ทำเช่นนี้” หลิ่วหมิงได้ยิน ก็กล่าวออกมาด้วยสีหน้าเคอะเขิน
“ข้าย่อมเข้าใจเหตุผลนี้ดี มิเช่นนั้นหลังจากที่ข้าฟื้นขึ้นมา คงไม่ปราณีเจ้าแล้ว แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ข้าก็ถูกเจ้าเอาเปรียบไปแล้วทีหนึ่ง ศิษย์น้องควรจะชดเชยให้ข้าสักหน่อย!” หูชุนเหนียงยังคงจ้องมองหลิ่วหมิงตาไม่กะพริบ และกล่าวออกไปด้วยรอยยิ้มที่ไม่เหมือนกับยิ้ม
“ศิษย์พี่หูจะให้ข้าชดเชยอะไร?” หลิ่วหมิงได้ยินก็รู้สึกอึ้งเล็กน้อย
“ชื่อจริงของศิษย์น้องคือไป๋ชงเทียนใช่ไหม?” หูชุนเหนียงไม่ได้ตอบตรงๆ แต่กลับถามออกมาหนึ่งประโยค
“ดูท่าศิษย์พี่คงไปสืบสถานะข้าจากนิกายมาแล้ว” หลิ่วหมิงฟังถึงจุดนี้ ก็คิ้วขมวดขึ้นมา
“ผู้ที่เป็นศิษย์แกนนำคนใหม่ และยังรอดชีวิตจากแดนลึกลับมาได้อย่างปลอดภัย ในนิกายปีศาจ นอกจากศิษย์ชีพจรจิตวิญญาณพสุธา ที่กำลังเก็บตัวเตรียมทะลวงเขตแดนอาจารย์จิตวิญญาณแล้ว ข้าก็คิดไม่ออกว่าจะยังมีใคร ที่มีพลังอันน่าตกใจอย่างศิษย์น้องไป๋” หูชุนเหนียงกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ในเมื่อศิษย์พี่สืบมาแล้ว ข้าย่อมไม่จำเป็นต้องปฏิเสธอะไร ข้าคือ ‘ไป๋ชงเทียน’ ตามที่ท่านพูดถึงจริงๆ” หลิ่วหมิงตาเป็นประกาย และยอมรับตามตรง
“อ๋อ! ถ้าเป็นเช่นนี้ล่ะก็ ใบหน้าของศิษย์น้องในตอนนี้คงไม่ใช่ใบหน้าที่แท้จริงใช่ไหม ให้ศิษย์พี่ดูหน่อยได้หรือไม่?” หลังจากหูชุนเหนียงเห็นหลิ่วหมิงยอมรับแล้ว ก็กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม
“หน้าตาที่แท้จริงของข้า ไม่ใช่ความลับอะไร ถ้าศิษย์พี่อยากเห็นล่ะก็ ทำไมจะไม่ได้ล่ะ!” ครั้งนี้หลิ่วหมิงลังเลเล็กน้อย แล้วก็ค่อยๆ พยักหน้า
จากนั้นเขาก็ทำท่ามือด้วยมือข้างหนึ่ง ส่วนอีกข้างก็ลูบไปบนใบหน้า
ต่อมาก็มีเสียงดังกรอบแกรบในร่างของเขา ขณะเดียวกันใบหน้าก็ดูพร่ามัว และกลายเป็นใบหน้าปกติของชายหนุ่มที่ค่อนข้างขาวซีดเล็กน้อย ดูแล้วอายุน้อยกว่าบัณฑิตก่อนหน้าเจ็ดถึงแปดปี
“นี่คือใบหน้าที่แท้จริงของศิษย์น้องไป๋หรอกหรือ ดูธรรมดามากเลย” หูชุนเหนียงเดินวนรอบตัวหลิ่วหมิงไปมาหลายรอบ และวิจารณ์รูปร่างของเขา
หลิ่วหมิงฟังแล้วก็พูดไม่ออก ได้แต่ทำตามองบนแล้วพูดออกไปตรงๆ
“ข้าเผยใบหน้าที่แท้จริงให้ท่านดูแล้ว ศิษย์พี่ก็ควรจะเปิดเผยใบหน้าของท่านให้ข้าดูบ้าง มิเช่นนั้นไม่เท่ากับว่าข้าเสียเปรียบหรอกหรือ?”
“เจ้าก็อยากเห็นใบหน้าแท้จริงของข้า แน่นอนไม่มีปัญหา ใบหน้าแท้จริงของข้า ยิ่งไม่ค่อยมีใครได้เห็น” หูชุนเหนียงฟังแล้วก็ยิ้มออกมาในทันที
จากนั้นนางก็หยิบมุกห้าสีขนาดเท่านิ้วโป้งออกมาจากแขนเสื้อ เพียงแค่โบกไปมาตรงหน้าไม่กี่ที ก็มีแสงเปล่งประกายออกมา หลังจากนั้นหญิงสาวที่ดูเหมือนจะอายุไม่เกินยี่สิบเอ็ดถึงยี่สิบสองปี ก็ปรากฏต่อหน้าหลิ่วหมิง
แม้ว่าเสื้อผ้า ทรงผมของนางจะเหมือนเดิมไม่มีผิด แต่คิ้วที่โก่งโค้ง ริมฝีปากเล็กๆ รอยยิ้มที่สวยงามราวกับบุปผา งดงามเป็นอย่างมาก รูปโฉมของนางงดงามกว่าก่อนหน้านั้นหลายเท่านัก!
แม้แต่หลิ่วหมิง ก็จ้องมองใบหน้างดงามนี้ด้วยความตกตะลึง
ตอนนี้ เขาค้นพบว่าลักษณะระหว่างคิ้วของนาง ยิ่งดูเหมือนศิษย์ที่มีร่างสื่อสารจิตวิญญาณกระบี่ของนิกายจันทราสวรรค์ผู้นั้น
เพียงแต่ระหว่างคิ้วของจางซิ่วเหนียงจะดูห้าวหาญอย่างยิ่ง และระหว่างคิ้วของหูชุนเหนียงผู้นี้ กลับดูสวยหยาดเยิ้มกว่า
“ที่แท้นี่ก็คือใบหน้าแท้จริงของศิษย์พี่ ใบหน้าท่านงดงามเช่นนี้ มิน่าถึงต้องปิดบังใบหน้าที่แท้จริงไว้ ถ้าใช้ใบหน้านี้เดินอยู่ในเสวียนจิงล่ะก็ ไม่รู้ว่ามันจะสร้างความยุ่งยากให้มากน้อยแค่ไหน” ผ่านไปซักพัก หลิ่วหมิงถึงค่อยๆ กล่าวออกมา
“ศิษย์น้องเข้าใจเหตุผลนี้ก็ดีแล้ว ในระยะหลายปีที่ข้าอยู่เสวียนจิงมา ศิษย์น้องเป็นคนแรกที่ได้เห็นใบหน้าแท้จริงของข้า มุกห้าสีเม็ดนี้ นอกจากจะสามารถเปลี่ยนใบหน้าได้แล้ว การเปลี่ยนแปลงอื่นๆ ก็ล้วนเหมือนจริงทั้งหมด และที่ข้าพูดกับเจ้าในก่อนหน้านั้น ข้าแค่เพียงล้อเจ้าเล่นเท่านั้น ที่ข้ารอดตายในครั้งนี้ ต้องขอบคุณที่ศิษย์น้องยื่นมือเข้าช่วย มิเช่นนั้นคงต้องตายอยู่ในวังแล้วจริงๆ” หูชุนเหนียงที่เผยใบหน้าแท้จริงออกมา กลับกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง
“ด้วยระดับการฝึกฝนของศิษย์พี่ ถ้าไม่ใช่ว่าถูกพิษ จะหวาดกลัวผู้ฝึกฝนอิสระเหล่านั้นได้อย่างไร ศิษย์พี่เผชิญกับการลงมืออย่างโหดเหี้ยมนี้ได้อย่างไร?” หลิ่วหมิงถามด้วยความสงสัย
“ศิษน้องไม่รู้อะไร ข้าต้องปลอมตัวเป็นนางกำนัลถึงแฝงตัวเข้าไปในวังได้ และยังเห็นฉากที่เสวียนจื้อแปลงร่างกับตา สุดท้ายก็เกิดเหตุไม่คาดคิดขึ้น ข้าไม่เพียงแต่ถูกบีบได้เปิดเผยสถานะออกมา ทั้งยังถูกองครักษ์สองคนที่ซ่อนอยู่บริเวณนั้นโจมตีจนได้รับบาดเจ็บ ศิษย์น้องคงไม่รู้หรอกว่า การฝึกฝนขององครักษ์ทั้งสองนี้แปลกประหลาดมาก ถ้าตอนนั้นข้าไม่รีบโจมตีเสวียนจื้อ เพื่อหลอกล่อความสนใจของพวกเขาก่อนล่ะก็ เกรงว่าคงถูกพวกเขาจับตัวได้แล้ว ใช่สิ! หลังจากที่ข้าได้รับพิษประหลาด ข้าเคยทานโอสถถอนพิษไปจำนวนหนึ่ง แต่มันก็ไม่มีผลใดๆ ศิษย์น้องใช้โอสถอะไร ถึงได้แก้พิษได้อย่างง่ายดายเช่นนี้” ตอนแรกหูชุนเหนียงก็หัวเราะออกมาอย่างขมขื่น แต่ก็ถามออกมาด้วยความสงสัยในทันที
“พิษในร่างท่านแปลกประหลาดจริงๆ โอสถถอนพิษของนิกายปีศาจเรา ก็ใช้ไม่ได้ผลเช่นกัน ดีที่เจ้าสองคนที่ทำร้ายท่านตามมาทันพอดี ข้าจึงจัดการฆ่าพวกเขา แล้วค้นเอาโอสถมา ถึงได้ถอนพิษให้ศิษย์พี่ได้สำเร็จ” หลิ่วหมิงกล่าวออกมาราวกับไม่ใช่เรื่องหนักหนาอะไร
“อะไรนะ! ศิษย์น้องฆ่าสองคนนั้นไปแล้ว อย่างนี้ก็หมายความว่า เจ้าก็รู้สถานะที่แท้จริงของพวกเขาแล้ว” หูชุนเหนียงได้ยิน ย่อมรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก
หลิ่วหมิงได้ยินเช่นนี้ ก็ค่อยๆ ยิ้มออกมา ทันใดนั้น เขาก็หยิบยันต์เก็บของออกมาจากแขนเสื้อ เพียงโบกมันเบาๆ แสงสีขาวก็เปล่งประกายออกมา จากนั้นหางมัจฉาส่วนหนึ่งก็ปรากฏขึ้นบนพื้น
“ที่แท้พวกเขาก็เป็นเผ่าเจ้าสมุทร ศิษย์น้องฆ่าผู้ฝึกฝนทั้งสองของเผ่าเจ้าสมุทรได้โดยลำพัง นับว่ามีพลังน่าตกใจสมกับที่เล่าลือจริงๆ ข้าเองก็มีของสิ่งหนึ่งอยากให้ศิษย์น้องดู” หูชุนเหนียงได้ยินเช่นนี้ ก็รู้สึกเย็นสะท้านในใจ หลังจากกล่าวออกไปด้วยน้ำเสียงที่ดูแปลกใจแล้ว ก็หยิบสิ่งของที่ดูคล้ายกระบอกไม้ไผ่ออกมา หลังจากที่แกว่งมันไปที่พื้น มันก็พ่นของสิ่งหนึ่งออกมา และขยายยาวออกมาฉื่อกว่าๆ
พอหลิ่วจ้องมองอย่างละเอียด ก็อดใจเต้นไม่ได้!
สิ่งนั้นคือแขนที่เต็มไปด้วยเกล็ดสีเขียว
“นี่คือ……” หลิ่วหมิงถามออกไป
“นี่เป็นแขนของเสวียนจื้อในขณะที่กลายร่าง ซึ่งถูกข้าตัดมาและเก็บเอาไว้ ตอนนี้ก็ยืนยันได้แล้วว่า จักรพรรดิผู้นี้ไม่ใช่มนุษย์แต่อย่างใด และก็ไม่ใช่ปีศาจอะไร แต่เป็นเผ่าเจ้าสมุทร” หญิงสาวกล่าวด้วยสีหน้าสงบ
“เผ่าเจ้าสมุทร! ช่างน่าขันเสียจริง แคว้นต้าเสวียนของเราถูกปกครองโดยจักรพรรดิจากเผ่าอื่น แต่ไม่รู้ว่าจักรพรรดิเสวียนจื้อเป็นคนต่างเผ่าตั้งแต่แรก หรือว่าเขาสังหารเสวียนจื้อตัวจริงแล้วปลอมตัวมาแทนที่กันแน่?” หลิ่วหมิงถอนหายใจ แล้วกล่าวด้วยความงุนงง
“เรื่องนี้ข้าก็ไม่รู้แน่ชัด แต่มีจะมีอะไรแตกต่างเล่า? มีหางมัจฉากับแขนข้างนี้ พวกเราก็มีหลักฐานเพียงพอที่จะส่งข่าวให้นิกายแล้ว จากนั้นก็ให้ทางนิกายรีบส่งอาจารย์จิตวิญญาณมากวาดล้างราชสำนัก” หูชุนเหนียงกล่าว
“คำพูดนี้ก็มีเหตุผล แต่ถ้าศิษย์พี่ทำเช่นนี้ล่ะก็ สถานะที่แท้จริงก็อาจถูกเปิดเผยได้ และไม่อาจกลับเข้าไปจวนอ๋องสามได้อีก” หลิ่วหมิงพยักหน้า และกล่าวเตือนออกไปหนึ่งประโยค
“มันย่อมเป็นเช่นนั้นอยู่แล้ว ในเสวียนจิงนี้ มีผู้ฝึกฝนระดับศิษย์จิตวิญญาณขั้นปลายสมบูรณ์แบบ ที่เป็นผู้หญิงเพียงไม่กี่คนเท่านั้น บวกกลับที่ข้าไม่ได้กลับจวนทั้งคืน ถ้าไม่ใช่ว่าคนเหล่านั้นสมองมีปัญหาล่ะก็ จะต้องสืบมาถึงข้าอย่างแน่นอน ด้วยเหตุนี้ข้าคงได้แต่หลบซ่อนอยู่ที่นี่แล้ว รอมีโอกาสค่อยส่งข่าวกลับไปนิกาย ข้าเองก็คิดไม่ถึงว่าจะถูกค้นพบเข้า ไม่อย่างนั้นคงไม่อยู่ในสถานที่ทรุดโทรมแบบนี้หรอก” พอหูชุนเหนียงได้ยิน ก็ขมวดคิ้วกล่าว
“ศิษย์พี่อยู่ที่นี่ย่อมไม่มีปัญหาอะไร คิดว่าในสถานการณ์ปกติ คนทั่วไปไม่อาจสืบมาถึงที่นี่ได้ แต่ข้าคิดว่าเผ่าเจ้าสมุทรก็คงไม่รามือง่ายๆ เช่นกัน” หลิ่วหมิงกล่าวด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไป
“ความหมายของศิษย์น้องก็คือ……” หูชุนเหนียงฟังแล้ว ก็ถามออกมาอย่างอดไม่ได้
“ง่ายมาก! เผ่าเจ้าสมุทรเสี่ยงอันตรายแฝงตัวอยู่ในเสวียนจิงมานานเช่นนี้ จนกระทั่งควบคุมพระราชวัง และราชสำนักกว่าครึ่งหนึ่งไว้ได้ พวกเขาจะต้องวางแผนมาอย่างดีแน่นอน ในเมื่อตอนนี้จักรพรรดิเสวียนจื้อถูกเจ้าค้นพบเข้าแล้ว พวกเขาคงรู้ว่าสถานะของตนเองถูกเปิดโปงอย่างไม่ต้องสงสัย ถึงแม้พวกเขาจะไม่รู้ว่าสถานะศิษย์ตรวจตราของพวกเรา แต่จะต้องคิดถึงเรื่องที่พวกเราอาจจะส่งข่าวนี้ให้นิกายทั้งห้าอย่างแน่นอน ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ข้าไม่เชื่อว่าเผ่าเจ้าสมุทรจะรอให้นิกายทั้งห้า ส่งคนมาจับพวกเขา” หลิ่วหมิงค่อยๆ กล่าวออกมา
……………………………………….