ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ - ตอนที่ 241 การเดินทางครั้งใหม่
เวลาต่อมา หลิ่วหมิงฝึกฝนปรุงโอสถทมิฬมหัศจรรย์อยู่ในห้องลับ และทานโอสถเพื่อกลั่นเป็นพลังเวทย์อยู่ไม่หยุด
ภายในระยะเวลาสั้นๆ ไม่กี่เดือน เขาก็ฝึกฝนพลังเวทย์จนถึงขั้นสมบูรณ์แบบได้สำเร็จ
ในขณะนั้นเอง เขาก็ได้รับข่าวที่ส่งมาจากนิกาย ภารกิจสี่ปีของเขาได้สิ้นสุดลงแล้ว ศิษย์ตรวจตราคนใหม่อยู่ในระหว่างการเดินทาง
ตามประเพณีนิยม เมื่อศิษย์ตรวจตราพ้นจากตำแหน่ง ก็จะมีเวลาพักหลายเดือน ด้วยเหตุนี้ เขาเพียงแค่ต้องกลับให้ถึงนิกายภายในครึ่งเดือนก็พอแล้ว
หลิ่วหมิงย่อมรู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก เมื่อได้รับคำสั่งนี้
เขาเขียนจดหมายกล่าวลาไปสองฉบับ แล้วให้คนส่งไปยังจวนเฉียนและถ้ำของฝานไป๋จื่อ จากนั้นก็ออกไปจากเสวียนจิงอย่างเงียบๆ ช่วงเวลาหลายเดือนนี้ไม่มีข่าวใดๆ เกี่ยวกับเขาอีกเลย
……
สามเดือนต่อมา บริเวณรอบๆ เทือกเขาตรงชายแดนระหว่างแคว้นต้าเสวียนกับ ‘แคว้นฉีเยวี่ย’
ชายหนุ่มชุดคลุมสีเขียวยืนอยู่บนเนินเขาที่สูงร้อยจั้ง เขากำลังจ้องมองเทือกเขาที่อยู่ไกลๆ ด้วยสีหน้าเคร่งขรึมเป็นอย่างมาก ผ่านไปซักครู่ถึงได้กล่าวพึมพำออกมา
“นี่คือเทือกเขาหมื่นทมิฬสินะ กลิ่นไอถึงได้โหดเหี้ยมเช่นนี้ มิน่าล่ะผ่านมานานขนาดนี้ตระกูลไป๋ก็ยังไม่สามารถรวบรวมไอปีศาจบริสุทธิ์พลังน้ำเงินอันดับเจ็ดได้ และยังบอกตำแหน่งของหลุมปีศาจนี้ให้ข้าโดยตรง”
ชายหนุ่มผู้นี้ย่อมเป็นหลิ่วหมิงไม่มีผิด
พอไปจากเสวียนจิงแล้ว เขาก็มุ่งหน้าไปยังตระกูลไป๋ และผู้อาวุโสตระกูลไป๋ก็บอกที่ตั้งของหลุมให้เขาอย่างง่ายดาย เขาจึงพุ่งมาที่นี่อย่างรวดเร็ว
แต่เมื่อเห็นสภาพจริงของเทือกเขาหมื่นทมิฬในตอนนี้ และได้สัมผัสถึงกลิ่นไออันวุ่นวายที่ลอยมาตามลม เขาก็รู้สึกลังเลเล็กน้อย
อย่างที่รู้ว่า เทือกเขาหมื่นทมิฬเป็นเทือกเขาอันตรายที่ตั้งอยู่ระหว่างแคว้นทั้งสองแคว้น ซึ่งประกอบด้วนเนินเขานับพันทอดยาวติดต่อกันหลายหมื่นลี้
ว่ากันว่าในนั้นไม่เพียงแต่จะมีแมลงพิษและอสูรดุร้ายเป็นจำนวนมาก แต่ยังมีหมอกพิษที่ทำให้ตายได้ทันที แม้กระทั่งยังมีอสูรปีศาจที่ฝึกฝนอยู่ในระดับต่ำด้วย แต่ว่าอสูรปีศาจเหล่านี้ จะแฝงตัวอยู่ส่วนที่ลึกของเทือกเขามาโดยตลอด ทั่วไปไม่อาจพบได้
เพราะว่าเทือกเขานี้มีโภคทรัพย์ที่สมบูรณ์ และยังมีสมุนไพรจิตวิญญาณที่มีชื่อเสียงเป็นจำนวนมาก ด้วยเหตุนี้จึงมีผู้ฝึกฝนของทั้งสองแคว้นมาที่นี่บ่อยๆ แต่เทือกเขาแห่งนี้เต็มไปด้วยอันตราย ผู้ฝึกฝนส่วนใหญ่จะเคลื่อนไหวอยู่รอบนอกเท่านั้น มีน้อยมากที่จะเข้าไปข้างในลึกๆ
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม มักจะมีข่าวที่ผู้ฝึกฝนจำนวนมากเข้าไปในเทือกเขาหมื่นทมิฬแล้วหายไปอยู่บ่อยๆ
ด้วยเหตุนี้ ผู้ฝึกฝนทั้งสองแคว้นจึงค่อนข้างหวาดกลัวที่จะเข้าไปในเทือกเขาลึก
ข่าวกรองเหล่านี้ หลิ่วหมิงสืบก่อนที่จะมาที่นี่แล้ว และตามแผนที่ที่ตระกูลไป๋ให้มา หลุมปีศาจของไอปีศาจพลังน้ำเงินอันดับเจ็ดอยู่ในส่วนลึกของเทือกเขาหมื่นทมิฬพอดี
ตอนนี้หลิ่วหมิงจ้องมองบรรดายอดเขาที่อยู่ไกลๆ และคิดไตร่ตรองไปมาอย่างรวดเร็ว
ถ้ากลับถึงนิกายในครั้งนี้ จะต้องถูกเรียกไปทำศึกกับเผ่าเจ้าสมุทรอย่างแน่นอน ด้วยเหตุนี้เขาจำเป็นต้องเข้าสู่ระดับอาจารย์จิตวิญญาณให้ได้ก่อน มิเช่นนั้นพอเผชิญหน้ากับผู้ฝึกฝนเผ่าเจ้าสมุทร ก็มีโอกาสเสียชีวิตได้ และพลังเวทย์ของเขาในตอนนี้ก็อยู่ในขั้นสมบูรณ์แบบอย่างมั่นคงอีกครั้ง เพียงแค่มีไอปีศาจบริสุทธิ์ที่เหมาะสม ก็สามารถควบแน่นเป็นปราณแกร่งทะลวงเขตแดนอาจารย์จิตวิญญาณได้ทันที
ในมือเขาตอนนี้มีแค่ไอปีศาจบริสุทธิ์พลังหยินแห้งที่เตรียมไว้เผื่อเท่านั้น ถ้าไม่คับขันจริงๆ เขาจะไม่ใช้ไอปีศาจบริสุทธิ์นี้ควบแน่นเป็นปราณแกร่งโดยเด็ดขาด ด้วยเหตุนี้ไอปีศาจบริสุทธิ์พลังน้ำเงินอันดับเจ็ดตรงหน้า เป็นตัวเลือกเดียวที่เหมาะสมที่สุดสำหรับพลังของเขา ต่อให้เทือกเขาหมื่นทมิฬจะอันตรายแค่ไหน ก็ต้องบุกเข้าไปให้ได้
ด้วยระดับการฝึกฝนของเขาในตอนนี้ เพียงแค่ไม่ต้องเผชิญกับอสูรปีศาจที่มีพลังระดับของเหลว คิดว่าคงไม่มีปัญหาอะไร และเทือกเขาหมื่นทมิฬจะมีอสูรปีศาจระดับนี้อยู่หรือไม่คงต้องไปดูด้วยตนเอง
หลิ่วหมิงคิดไตร่ตรองเช่นนี้อยู่ในใจ คิ้วที่ขมวดอยู่ก็ค่อยๆ คลายลง จากนั้นเขาก็เหาะไปเทือกเขาที่อยู่ไกลๆ อย่างไม่ลังเล
ว่ากันว่าเทือกเขาหมื่นทมิฬมีวิหคและแมลงดุร้ายซ่อนอยู่เป็นจำนวนมาก เขาจึงไม่อาจเหาะเข้าไปโดยตรง ดังนั้นพอเหาะถึงเทือกเขา เขาก็บังคับเมฆให้ร่อนลงไป และค่อยๆ เดินไปตามพื้น
……
ครึ่งวันต่อมา แมวเสือดาวขนาดยักษ์สองตัวได้กระโดดลงจากต้นไม้ทั้งสองต้น และกระโจนเข้าหาหลิ่วหมิงอย่างโหดเหี้ยม
“ฟู่!” “ฟู่!”
พริบตาที่แมวเสือดาวพุ่งลงจากกิ่งไม้ หลิ่วหมิงก็ยกมือทั้งสองขึ้น และแสงสีเขียวก็กระพริบผ่านไป
แมวเสือดาวร้องออกมาอย่างเวทนา ร่างของมันขาดเป็นสองท่อน โลหิตสาดลงบนพื้น
หลิ่วหมิงขยับตัวหลบศพและโลหิตที่หล่นลงมาได้ จากนั้นก็เดินไปข้างหน้าโดยไม่หันหลังกลับมาดูเลย เขาทำราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
……
สองวันต่อมา หลิ่วหมิงยืนอยู่บนยอดไม้ขนาดใหญ่ต้นหนึ่ง ในมือถือแผนที่ค่อนข้างเก่า และกำลังจ้องมองมันอย่างละเอียด
ในขณะนั้นเอง อสรพิษสีเขียวเป็นมันขลับขนาดยาวหลายฉื่อตัวหนึ่ง ปีนขึ้นมาจากรากไม้อย่างเงียบๆ และเลื้อยขึ้นบนยอดไม้อย่างรวดเร็ว
“เพล้ง!”
เส้นสีดำเส้นหนึ่งกระพริบออกไป ตะขอสีดำมืดเจาะทะลุหัวของอสรพิษ และฝังมันไว้กับต้นไม้
อสรพิษดิ้นรนอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็ไร้ซึ่งลมหายใจ
ขณะนั้นเอง แมงป่องกระดูกขาวถึงกระโจนขึ้นมาจากพุ่มไม้ด้านล่าง ก้ามยักษ์ทั้งสองฉีกศพของอสรพิษจนกลายเป็นชิ้นๆ ก่อนที่จะกลืนกินจนหมดสิ้น
……
ห้าวันต่อมา หลิ่วหมิงยืนอยู่ในหุบเขาตรงระหว่างยอดเขาทั้งสอง เขากำลังจ้องมองไอหมอกสีขาวเทาที่ตลบอบอวลอยู่ไม่ไกล จากนั้นก็สะบัดศีรษะก่อนที่จะเตรียมเดินอ้อมหุบเขานี้ไป
……
ครึ่งเดือนต่อมา ในที่สุดหลิ่วหมิงก็เข้ามาถึงในส่วนลึกของเทือกเขาหมื่นทมิฬ
จากที่สายตาเห็นในตอนนี้ ทุกที่ล้วนเต็มไปด้วยต้นไม้สีเทาขนาดใหญ่ ใบไม้หนาๆ บดบังแสงอาทิตย์กว่าครึ่งหนึ่งไว้ ทำให้ด้านล่างชื้นและมืดครึ้มเป็นพิเศษ
หลิ่วหมิงถือกระบี่สั้นสีเขียวอยู่ในมือ ด้านหลังมีแมงป่องกระดูกขาวเดินตามมาอยู่ เขากำลังเดินไปยังเขาเล็กๆ ด้านหน้าอย่างไม่รีบร้อน
เขาเล็กๆ ลูกนั้นดูน่ามหัศจรรย์เป็นอย่างมาก ยอดเขาส่วนบนดูคล้ายหญิงสาวที่กำลังกวักมือเรียกอยู่
ตามบรรยายในแผนที่ที่ตระกูลไป๋ให้มาเพียงแค่เขาเดินเข้าถึงเขาลูกนี้ ก็สามารถหาตำแหน่งที่แม่นยำของหลุมปีศาจได้
เพื่อหายอดเขาลูกนี้ ก่อนหน้านั้นเขาต้องข้ามเขาที่ยากลำบากมากมาไม่รู้ตั้งกี่ลูก และทำลายรังอสูรมาไม่รู้เท่าไหร่ ถึงมาถึงที่นี่ได้ในที่สุด
หลิ่วหมิงชะงักเท้าทั้งคู่ลง และหรี่ตามองไปยังต้นไม้ยักษ์สูงเทียมฟ้าที่อยู่ตรงหน้า
หลังจากมีเสียง “สวบสาบ!” ดังขึ้น แมงป่องสีสันแพรวพราว ยาวจั้งกว่าๆ ตัวหนึ่งก็ปีนขึ้นมา ดวงตาทั้งคู่แดงก้ำราวกับเลือด และพ่นหมอกพิษสีแดงสดออกมา หางตะขอตรงหลังก็ส่ายไปมาอยู่ไม่หยุด
มันดูน่ากลัวเป็นอย่างมาก!
เห็นได้ชัดว่ามันเป็นแมลงที่มีพิษ และเหมือนจะมีพลังไม่ธรรมดาซะด้วย
ตอนแรกหลิ่วหมิงก็รู้สึกตกตะลึง แต่ก็สะบัดข้อมือในทันที ปราณกระบี่สีเขียวม้วนตัวออกไปฟันลงบนตัวแมงป่องยักษ์พอดี
แมงป่องตนนี้ร้องออกมาด้วยเสียงแปลกประหลาด และถอยออกไปสองก้าว มันทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เปลือกตรงหลังของมันมีแค่รอยสีขาวจางๆ เท่านั้น
แต่การโจมตีของหลิ่วหมิงในครั้งนี้มันยั่วโมโหปีศาจแมงป่องตนนี้มาก หลังจากมันส่งเสียงร้องแกว๊กๆ แล้ว ก็กระโจนเข้ามาราวกับพายุบ้าระห่ำ
หลิ่วหมิงเลิกคิ้ว และคิดจะใช้วิธีการขั้นเด็ดขาดเพื่อการจัดการแมลงปีศาจตนนี้ให้สิ้นซาก แต่ขณะนั้นก็มีเสียง “ซู่!” ดังออกมา เงาสีดำตรงหลังพุ่งยิงเข้ามาอย่างรวดเร็ว และกระโจนออกไปรับหน้ากับแมลงปีศาจตรงหน้า
มันคือแมงป่องกระดูกขาวนั่นเอง
ทั้งสองต่อสู้กันอย่างอุตลุด
หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ก็อึ้งไปทันที ขณะที่กำลังจะสะบัดกระบี่สั้นในมือออกไปช่วยนั้น พลันได้ยินจิตที่สื่อมาของแมงป่องกระดูกขาว บอกว่าไม่ต้องเข้าไปช่วย
เขากระพริบตาปริบๆ ถึงแม้จะไม่ค่อยเข้าใจความหมายของแมงป่องกระดูกขาว แต่ก็เก็บกระบี่สั้นเข้าไป และยืนดูการต่อสู้อยู่ข้างๆ
รูปร่างของแมงป่องกระดูกขาวเล็กกว่าฝ่ายตรงข้าม แต่อาศัยที่หางตะขอส่ายไปมาอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้าแลบ จึงทำให้มันได้เปรียบกว่า
เปลือกของแมงป่องยักษ์ดูแข็งแกร่งอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ แต่มันกลับดูเปราะบางเป็นอย่างมากภายใต้การโจมตีของหางตะขอ ไม่นานร่างของมันก็ถูกเจาะทะลุเป็นรูจำนวนมาก หัวของมันถูกก้ามยักษ์ทั้งคู่หนีบไว้แน่น มันทำได้แค่พ่นหมอกสีเลือดออกมาอยู่ไม่หยุด และดิ้นรนอย่างบ้าคลั่ง
……
หนึ่งชั่วยามผ่านไป เมื่อแมงป่องกระดูกขาวกลืนกินศพปีศาจแมงป่องตนนั้นจนหมดสิ้นแล้ว เปลวไฟสีเขียวในตาทั้งคู่ก็มืดลง และดูเหนื่อยหน่ายเป็นอย่างมาก
หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ก็รีบตบถุงหนังบนเอวทันที แสงสีดำม้วนตัวออกมาดูดแมงป่องกระดูกขาวเข้าไปในนั้น
แม้แมงป่องกระดูกขาวจะเป็นปีศาจชนิดหนึ่ง แต่ร่างเดิมของมันก็ยังคงเป็นแมงป่องกระดูก ซึ่งต้องดูดเอาปราณหยินจำนวนมากถึงเปลี่ยนมามีลักษณะเช่นนี้ได้ ดังนั้นถ้ากลืนกินปีศาจแมงป่องล่ะก็ นับว่าเป็นวิวัฒนาการของมัน
ตอนนี้แมงป่องกระดูกขาวกลายเป็นเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่ามันเตรียมที่จะวิวัฒนาการไปอีกครั้ง
หลิ่วหมิงเรียกหัวบินออกมาแล้วก็ออกเดินทางต่อ
……
หนึ่งวันต่อมา หลิ่วหมิงอยู่หน้าหุบเขาที่ถูกพุ่มไม้สูงใหญ่จำนวนมากขวางทางเข้าไว้
เขากระตุ้นกระบี่จันทราหยกปล่อยปราณกระบี่สีเขียวออกไปสองสายในทันที มันตัดพุ่มไม้เหล่าจนกลายเป็นทางเล็กๆ ก่อนที่เขาจะเดินเข้าไปในหุบเขา
หุบเขาส่วนใหญ่ถูกไอหมอกสีชมพูดบดบังไว้ และมีเสียงดังหวึ่งๆ ออกมาจากไอหมอกแว่วๆ ราวกับว่าแมลงบางอย่างกำลังบินว่อนอยู่ในนั้นไม่หยุด
หลิ่วหมิงตาเป็นประกายอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพลันหยิบลูกกลมๆ สีฟ้าออกมาจากแขนเสื้อและโยนไปด้านหน้า พร้อมกับทำท่ามือและชี้ออกไป
“แคร่ก!” ลูกกลมๆ สีฟ้ากลายเป็นวิหคไม้สีฟ้าสี่ปีก
จากนั้นหลิ่วหมิงก็ทำท่ามือกระตุ้นมัน
วิหคไม้สีฟ้ากระพือปีกทั้งสี่ และกลายเป็นกลุ่มแสงสีฟ้าพุ่งยิงไปยังไอหมอกสีชมพู
“ฟู่!”
วิหคไม้สีฟ้ากระโจนลงไปในหมอกและบินไปเข้าไปลึกๆ
แต่พอวิหคไม้บินไปได้ซักระยะหนึ่ง เสียงกระพือปีกของมันก็เบาลงมาก
หลิ่วหมิงรีบเปลี่ยนท่ามือด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไปในทันที
ทันใดนั้นวิหคไม้ก็หมุนตัวบินกลับมา
มันเคลื่อนไหวไม่กี่ทีก็บินพุ่งออกมาจากไอหมอกสีชมพูได้ แต่พอบินมาทางหลิ่วหมิงได้ไม่กี่จั้ง มันก็ต้องดิ่งหัวลงพื้น
ม่านตาของหลิ่วหมิงหดลง เขาไม่ได้รีบเข้าไปในทันที แต่กลับเขม้นตามองร่างของวิหคไม้อย่างละเอียด
……………………………………….