ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ - ตอนที่ 242 ปีศาจมด
บนตัววิหคไม้สีฟ้าเต็มไปด้วยมดบินสีชมพู มันมีขนาดยาวชุ่นกว่าๆ และกำลังใช้ปากกัดแทะวิหคไม้ตัวนี้อยู่
พริบตาเดียว วิหคไม้ก็มีสภาพชำรุดไม่เหมือนเดิม
หลิ่วหมิงขมวดคิ้ว และสะบัดแขนเสื้อในฉับพลัน ลูกเปลวไฟลูกหนึ่งพุ่งยิงใส่วิหคไม้ด้วยเสียงดัง “ตู๊ม!”
เปลวไฟพวยพุ่งออกมา และม้วนเอามดบินสีชมพูทั้งหมดเข้าไปอยู่ในนั้น
มดบินส่วนใหญ่ถูกเผาจนกลายเป็นขี้เถ้า แต่ยังคงมีสิบกว่าตัวที่บินออกจากเปลวไฟ และพุ่งเข้าหาหลิ่วหมิง
ราวกับว่าการโจมตีของหลิ่วหมิงในครั้งนี้ จะเป็นการแหย่รังแตนเข้า ไอหมอกที่อยู่ไม่ไกลต่างก็ส่งเสียงดังหวึ่งๆ ขึ้นมาพร้อมกัน มดบินสีชมพูจำนวนมากบินพุ่งมาหาหลิ่วหมิงอย่างรวดเร็ว
สีหน้าหลิ่วหมิงเปลี่ยนไปทันที เขาพลิกฝ่ามือโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง ธงสีฟ้าสดใสโผล่ขึ้นบนมือ เพียงแค่โบกไปข้างหน้าเล็กน้อย น้ำทะเลก็ทะลักออกมา หลังจากที่มันหมุนติ้วๆ แล้ว ก็กลายเป็นคลื่นยักษ์ม้วนตัวไปด้านหน้า
มดบินจำนวนมากถูกม้วนเข้าไปในคลื่นยักษ์ พวกมันได้แต่ดิ้นรนอยู่ในน้ำทะเล โดยไม่อาจหลุดออกมาได้
แต่ก็ยังมีไม่น้อยที่หลบคลื่นยักษ์ได้ พวกมันกระพือปีกอย่างบ้าระห่ำเพื่อพุ่งเข้าหาหลิ่วหมิง
ขณะนั้นเอง มีคลื่นสั่นไหวตรงหน้าหลิ่วหมิง หัวผู้ชายหัวหนึ่งปรากฏออกมาโดยไร้สุ้มเสียง
มันคือหัวบินนั่นเอง!
หัวปีศาจตนนี้เพียงแค่สะบัดหัว ผมยาวบนหัวก็กลายเป็นไหมสีเขียวพุ่งยิงออกไปเป็นจำนวนมาก
มดบินจำนวนมากต้องร้องออกมาหลังจากโดนเจาะทะลุร่าง และค่อยๆ ตกลงจากฟ้า
หลิ่วหมิงควบคุมคลื่นยักษ์ที่อยู่ไกลๆ ด้วยธงเล็กสีฟ้า และม้วนเอามดบินจำนวนมากเข้าไปในนั้น
อีกด้านหนึ่งที่อยู่ไม่ไกล ผมของหัวบินก็กลายเป็นตาข่าย เพื่อจัดการมดบินที่หลุดรอดออกมาได้โดยไม่ละเว้น
พริบตาเดียว ก็ไม่มีมดบินพุ่งมาหาหลิ่วหมิงเป็นจำนวนมากอีก
ในขณะที่มดบินบินออกมาจากไอหมอกพิษนั้น หลิ่วหมิงทำท่ามือร่ายคาถา แท่งวารีสีฟ้ารวมตัวตรงหน้าอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็เปลี่ยนสีเป็นสีน้ำเงิน และมีแสงแพราวพราวเปล่งประกายออกมา
พอเขาสะบัดข้อมือ แท่งวารีก็พร่ามัวหายไป
ครู่ต่อมา คลื่นทะเลที่อยู่ไกลๆ ก็ม้วนตัวกลายเป็นหยดน้ำขนาดใหญ่ลอยอยู่กลางอากาศ
และหยดน้ำนี้ มีมดบินสีชมพูมากมายที่ถูกขังอยู่ในนั้น พวกมันพยายามดิ้นเอาตัวรอด
แสงสีฟ้าเปล่งประกายขึ้นตรงหน้า แท่งวารีพุ่งเข้าแทงหยดน้ำยักษ์
“เพล้ง!”
แท่งวารีจมเข้าไปในหยดน้ำยักษ์และระเบิดตัวภายในพริบตา ไอเย็นสะท้านสีฟ้าม้วนตัวออกไป น้ำทะเลกลายเป็นน้ำแข็งเย็นสะท้านในทันที
ทันใดนั้น ก้อนน้ำแข็งยักษ์ลูกกลมๆ สีฟ้าก็ปรากฏขึ้นกลางอากาศ และร่วงหล่นลงมา
มีเสียงแตกหักดังออกมา!
ก้อนน้ำแข็งกลมๆ กลายเป็นเศษน้ำแข็งสีขาว มดบินทั้งหมดพลีชีพจนร่างแหลกละเอียด
หลิ่วหมิงเก็บธงเล็กเข้าไป พอสะบัดแขนเสื้ออีกครั้ง ลูกกลมๆ สีฟ้าอีกลูกก็พุ่งออกมา หลังจากมีเสียงดัง “แคร่กๆ!” มันก็กลายเป็นวิหคไม้ตัวหนึ่ง จากนั้นก็บินเข้าไปในไอหมอก
เขาทำท่ามือด้วยมือเดียว นิ้วชี้แตะบนหน้าผาก และหลับตาทั้งคู่ลง
ครั้งนี้วิหคไม้สีฟ้าหายเข้าไปในไอหมอกโดยไร้สุ้มเสียง และไม่มีเสียงผิดปกติใดๆ ออกมาอีก ดูท่าข้างในคงไม่มีมดบินแล้ว
ผ่านไปไม่นาน สีหน้าหลิ่วหมิงก็เปลี่ยนไป เขาลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง
เกือบจะในเวลาเดียวกัน ไอหมอกตรงหน้าก็พวยพุ่งขึ้นมา วิหคไม้บินออกมาจากในนั้น กรงเล็บทั้งคู่คว้าเอาโครงกระดูกที่มีเสื้อผ้าขาดๆ ห่อหุ้มอยู่
มีเสียงดังขึ้นมา!
วิหคไม้คลายกรงเล็บโยนโครงกระดูกไว้ตรงหน้าหลิ่วหมิง ส่วนตัวมันก็พร่ามัวกลายเป็นลูกกลมๆ สีฟ้าเหมือนเดิม และหายเข้าไปในแขนเสื้อหลิ่วหมิง
ตอนนี้หลิ่วหมิงถึงได้เอานิ้วออกจากหน้าผาก หลังจากสังเกตดูโครงกระดูกที่เต็มไปด้วยรอยกัดแทะแล้ว ก็คว้ามือไปในอากาศด้วยตาที่เป็นประกาย
“ฟู่!” หยกห้อยพุ่งออกจากเอวของโครงกระดูก และหล่นลงมือหลิ่วหมิง
หลิ่วหมิงก้มหน้ามองอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็ต้องยิ้มออกมาเมื่อเห็นว่าหยกชิ้นนี้มีคำว่า “ไป๋” สลักอยู่
โครงกระดูกชิ้นนี้เป็นลูกหลานตระกูลไป๋ที่มาหาหลุมปีศาจในสมัยก่อน แต่ไม่รู้ว่าทำไมถึงมาเสียชีวิตในที่แห่งนี้ ดูท่าสถานที่แห่งนี้คงจะเป็นหลุมปีศาจของไอปีศาจพลังน้ำเงินอันดับเจ็ดอย่างไม่ต้องสงสัย
หลิ่วหมิงคิดใคร่ครวญเช่นนี้อยู่ในใจ ทันใดนั้นก็โบกมือไปยังหัวบินที่อยู่ด้านข้างทันที
หัวปีศาจร้องออกมาอย่างแปลกประหลาด และสูดหายใจเข้าในฉับพลัน
หัวของมันขยายตัวท่ามกลามอักขระสีเขียวจำนวนมากอย่างบ้าคลั่ง พริบตาเดียวก็มีขนาดใหญ่กว่าเดิมหลายเท่า พอมันอ้าปาก พายุบ้าระห่ำก็พัดออกไปติดต่อกัน
ไอหมอกสีชมพูถูกพายุบ้าระห่ำซัดสาดจนสั่นไหวขึ้นมา
หลิ่วหมิงขยับตัวไปยืนอยู่ตรงหลังหัวบินอย่างไร้สุ้มเสียง มือข้างหนึ่งกดหัวมันไว้ และส่งพลังเวทย์เข้าไปอย่างบ้าคลั่ง
“ตู๊ม!”
พายุบ้าระห่ำที่หัวบินพ่นออกมารุนแรงขึ้นกว่าเดิมเกือบครึ่งหนึ่ง ทะเลหมอกที่เดิมทีสั่นไหวอยู่แล้วก็กระจายไปทั่วทิศ
……
ผ่านไปซักพัก เมื่อหลิ่วหมิงละมือออกจากหัวบิน ไอหมอกทั่วทั้งหุบเขาก็ถูกพัดออกไปจนหมด เผยให้เห็นหลุมยักษ์ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางยาวสามสิบถึงสี่สิบจั้ง
แม้จะอยู่ห่างจากเท้าหลิ่วหมิงร้อยกว่าจั้ง แต่หลุมใหญ่ขนาดนี้ก็สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน
พื้นบริเวณรอบๆ หลุมปีศาจ มีหญ้าเล็กๆ สูงไม่กี่ชุ่น มันมีสีเขียวมันขลับ ตรงปลายมีดอกสีชมพูเล็กๆ และผงสีชมพูถูกพ่นออกจากดอกของมัน จากนั้นมันก็ลอยอยู่บนอากาศไม่ร่วงลงมาอีก
ตอนนี้หลิ่วหมิงถึงเข้าใจว่า ทะเลหมอกสีชมพูเมื่อครู่ คือผงที่บุปผาไม่ทราบชื่อชนิดนี้พ่นออกมา
ขณะที่หลิ่วหมิงขยับตัวเพื่อเหาะไปยังหลุมยักษ์นั้น พลันมีเสียงหัวเราะแปลกประหลาดดังมาจากในนั้น ไอหมอกสีชมพูก็พุ่งขึ้นมา สัตว์ประหลาดครึ่งมนุษย์ครึ่งแมลงขนาดใหญ่ปีนขึ้นมาจากหลุม
สัตว์ประหลาดตนนี้ยาวสามจั้งกว่าๆ ร่างกายส่วนบนเป็นหญิงสาวร่างเปลือยที่มีผมยาวเต็มศีรษะ แขนทั้งสองแหลมคม ผิวขาวเนียนละเอียดราวกับหิมะ หน้าอกทั้งคู่อวบอิ่มไร้จุดด่างพร้อย จุดสีแดงเข้มสั่นไหวเล็กน้อย ร่างกายส่วนล่างเป็นแมลงแพรวพราวที่อ้วนฉุเป็นพิเศษ ตรงส่วนท้ายยังมีลายกลมๆ แปลกประหลาดสีดำ ตรงหลังมีปีกใสๆ เหมือนกับมดบินในก่อนหน้านั้น เพียงแต่มันมีขนาดใหญ่กว่าหลายเท่า
ใบหน้าของหญิงสาวสวยงามเป็นอย่างมาก แต่สายตาที่มองหลิ่วหมิงเต็มไปด้วยความโมโหสุดขีด
“ปีศาจแมลงระดับศิษย์จิตวิญญาณขั้นสมบูรณ์แบบ!”
พอพลังจิตหลิ่วหมิงสัมผัสถึงกลิ่นไอที่แผ่ออกมา ก็ต้องรู้สึกเย็นสะท้านในทันที เขาแสดงท่าทีระมัดระวังตัวอย่างมากเป็นครั้งแรก
แปดถึงเก้าในสิบส่วน ปีศาจตนนี้ฝึกฝนจนถึงคอขวดแล้วอย่างไม่ต้องสงสัย และคิดจะใช้ไอปีศาจบริสุทธิ์ ณ ที่นี่ทะลวงเข้าสู่ระดับที่สูงกว่า
ไม่ว่ามนุษย์หรือปีศาจ เพียงแค่ฝึกฝนถึงระดับศิษย์จิตวิญญาณขั้นสมบูรณ์แบบ แล้ว และอยากจะทะลวงเข้าสู่ระดับของเหลวอย่างอาจารย์จิตวิญญาณล่ะก็ ต่างก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องควบแน่นปราณแกร่ง
ที่ปีศาจแมลงโมโหเช่นนี้ เป็นเพราะว่านางกำลังควบแน่นมาถึงจุดสำคัญ แต่กลับถูกหลิ่วหมิงบุกรุกเข้ามา
เทียบกับปีศาจอสูรโดยทั่วไปแล้ว ปีศาจแมลงฝึกฝนยากลำบากกว่ามาก แต่ก็ด้วยเหตุนี้ ถึงทำให้ปีศาจแมลงแข็งแกร่งกว่าปีศาจอสูรตนอื่นที่อยู่ในระดับเดียวกัน
หลิ่วหมิงได้เผชิญกับปีศาจแมลงที่เริ่มควบแน่นปราณเช่นนี้ เขาย่อมมองมันเป็นศัตรูตัวฉกาจอย่างแน่นอน
เขาถอนหายใจเบาๆ แล้วพลิกฝ่ามือขึ้นมาในทันที กระบี่จันทราหยกโผล่ออกมา
ดูเหมือนว่าปีศาจแมลงตรงหน้าจะถูกท่าทีของหลิ่วหมิงยั่วยุเข้า หลังจากที่มันส่งเสียงแปลกประหลาดออกมา บั้นท้ายอันอวบอ้วนก็ส่ายไปส่ายไป และพ่นไข่แมลงขนาดใหญ่ออกมาสี่ใบ
ไข่แมลงเหล่านี้ ต่างก็มีสีขาวพร่างพราว และสูงสามฉื่อกว่าๆ แต่พอมันออกจากบั้นท้ายของแมลงปีศาจได้ ก็ระเบิดตัวในทันที มดยักษ์สีชมพูสูงสองฉื่อโผล่ออกมาจากในนั้น
พวกมันแต่ละตัวมีขนาดใหญ่มาก ตรงหลังต่างก็มีปีกใสหนึ่งคู่ ขาสีดำขลับแหลมคมเป็นพิเศษ ขณะเดียวกันก็มีเขี้ยวยื่นออกมาจากปาก กลิ่นไอบนตัวอยู่ในระดับศิษย์จิตวิญญาณขั้นกลาง พอมันลืมตาทั้งคู่ขึ้น ก็กระพือปีกเข้าหาหลิ่วหมิงอย่างรวดเร็ว
แม้หลิ่วหมิงจะรู้สึกแปลกใจ แต่ก็ไม่มีเวลาคิดอะไรอย่างละเอียดแล้ว เขาเพียงสะบัดกระบี่จันทราหยกในมือฟันเข้าใส่มดยักษ์ที่บินเข้ามา
บังเกิดเสียงดังขึ้นมาทันที ปราณกระบี่สีเขียวครั่นคร้ามทั้งสี่สายม้วนตัวออกไป
ขณะเดียวกันหัวบินก็ส่งเสียงร้องแหลมออกมา ผมยาวบนหัวเคลื่อนไหวกลายเป็นไหมสีเขียว และพุ่งยิงไปยังฝ่ายตรงข้าม
“ฟู่!” “ฟู่!”
มดยักษ์ทั้งสี่หยุดกระพือปีกในทันที ร่างของมันกลายเป็นสายลมเย็นก่อนที่จะหายไป
ปราณกระบี่ทั้งหมดล้วนปะทะกับความว่างเปล่า
“วิชาวายุหลบหลีก!”
พอหลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ ก็หลุดปากพูดออกมา
ครูต่อมา มีลมเย็นพัดผ่านข้างกายเขาทั้งสองด้าน มดยักษ์สองตัวปรากฏออกมา ขาหน้าทั้งสี่เพียงแค่เคลื่อนไหว มันก็กลายเป็นเงาสีดำพุ่งไปยังหลิ่วหมิงด้วยความรวดเร็วราวกับสายฟ้าแลบ
ถ้าเป็นศิษย์จิตวิญญาณขั้นปลายทั่วไป ได้มาเจอกับการโจมตีที่คาดไม่ถึงเช่นนี้ อาจจะตายไปแล้วก็ได้
แต่หลิ่วหมิงเป็นคนระดับไหน? พลังจิตกับร่างของเขาแข็งแกร่งจนอาจารย์จิตวิญญาณทั่วไปต่างก็ไม่อาจเทียบได้
ปฏิกิริยาการตอบสนองก็รวดเร็วอย่างน่าตกใจ เขาเพียงแค่คำรามออกมา กระบี่สั้นสีเขียวก็ฟันออกไปทั้งสองด้าน
“เต๊ง!” “เต๊ง!”
ภายใต้การฟันปราณกระบี่ใส่เท้าหน้าของมันทั้งสอง ทำให้มันร้องออกมา และถอยออกไปหลายก้าว
แต่พอหลิ่วหมิงเขม้นตามองออกไป กลับพบว่าเท้าด้านหน้าของมันทั้งสองไม่ได้รับความเสียหายใดๆ เลย สีหน้าเขาดูหนักอึ้งเป็นอย่างมาก เขาทำท่ามือด้วยมือเดียว ทันใดนั้นไอสีดำก็ม้วนตัวออกจากร่างของเขา หลังจากหมุนติ๊วๆ รวมตัวกันแล้ว มันก็กลายเป็นหนวดสัมผัสสีดำก่อนที่จะหวดเข้าใส่มดยักษ์ทั้งสอง
ขณะนั้นเอง มีลมพัดมาบนตัวมดยักษ์ทั้งสองอีกครั้ง และร่างก็มันก็ลางเลือนหายไปอย่างไร้ร่องรอย
และในขณะเดียวกัน ทางด้านหัวบินกำลังใช้ตาข่ายที่เปลี่ยนแปลงมาจากเส้นผมยาวปกคลุมตนเองไว้ในนั้น บริเวณใกล้ๆ มีร่างมดยักษ์อีกสองตัวโผล่ๆ หายๆ พวกมันกำลังต่อสู้กับหัวบินอย่างดุเดือด
……………………………………….