ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ - ตอนที่ 262 การจู่โจมของเผ่าเจ้าสมุทร
ขณะที่เมฆดำปรากฏออกมานั้น ด้านล่างของมันก็สั่นไหวอย่างรุนแรง คลื่นวารีพวยพุ่งออกมา พริบตาเดียวพื้นดินขนาดใหญ่ก็กลายเป็นทะเลสีขาวโพลน ขณะเดียวกันเสียงคำรามต่างๆ ก็ดังออกมา อสูรสมุทรรูปร่างแปลกประหลาดแต่ละตน ค่อยๆ ปรากฏตัวออกมาบนผิวทะเล ตัวเล็กสุดมีขนาดไม่เกินชุ่นกว่าๆ ตัวใหญ่สุดมีขนาดราวกับเขาลูกเล็ก
ขณะนี้ เผ่าเจ้าสมุทรที่มีร่างครึ่งมนุษย์ครึ่งมัจฉาค่อยๆ ลงมาจากเมฆดำกลางอากาศ บ้างก็เดินบนน้ำ บางก็เหยียบอสูรสมุทรบางตัวอยู่ แลดูมีอานุภาพน่าตกใจเป็นอย่างมาก
“ศิษย์น้อง ท่านประมุขเรียกเจ้ากับข้าไปหา” ขณะที่หลิ่วหมิงใจลอยอยู่นั้น พลันได้ยินเสียงของหยางเฉียนดังขึ้นข้างหู
เขาก้มหน้ามองลงไป
หยางเฉียนที่อยู่บนกำแพงกำลังโบกมือมาทางเขา ประมุขนิกายปีศาจ ชายฉกรรจ์แซ่เหลย และอาจารย์จิตวิญญาณคนอื่นๆ ต่างก็ยืนอยู่ที่นั่น
เขาถอนหายใจเบาๆ และร่อนลงบนกำแพง
“เพราะกำลังสนับสนุนมาถึงแล้ว ดังนั้นพวกเราจึงไม่คิดที่จะปักหลักอยู่อย่างเดียว พวกเราจะทิ้งคนไว้ในเมืองครึ่งหนึ่ง ส่วนคนอื่นๆ ต้องออกไปสู้รบกับเผ่าเจ้าสมุทรกันสักครา เพื่อเสริมขวัญและกำลังใจให้กับพวกเรา ศิษย์น้องหลิน ศิษย์น้องฉู่! พวกเจ้าอยู่เฝ้าเมืองกับศิษย์จำนวนหนึ่ง คนอื่นๆ ตามข้าไปให้หมด อาจารย์อาเยี่ยน และผู้อาวุโสท่านอื่นๆ ต่างก็อยู่ดูแลเมือง เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ฝนระดับผลึกของฝ่ายตรงข้ามจู่โจมโดยฉับพลัน ทุกคนระมัดระวังกันหน่อย เผ่าเจ้าสมุทรพวกนี้กำลังฮึกเหิม และกระหายการฆ่าเป็นอย่างมาก คงไม่เสียเวลาพูดอะไรกับพวกเรา” พอหลิ่วหมิงมาถึง ประมุขนิกายปีศาจก็กำชับออกไปอย่างรวดเร็ว ราวกับว่าหลายวันมานี้ เขาเข้าใจเผ่าเจ้าสมุทรมากขึ้น
หลิ่วหมิง และอาจารย์จิตวิญญาณคนอื่นๆ ของนิกายปีศาจย่อมไม่มีข้อคัดค้านใดๆ พวกเขาพากันขึ้นไปยังเรือเหาะที่อยู่บริเวณนั้น
ด้านอื่นๆ นิกายจันทราสวรรค์ หอสายธารโลหิต และนิกายอื่นๆ ต่างก็มีเหตุการณ์พอๆ กัน ศิษย์จำนวนมากบ้างก็ขี่เมฆ บ้างก็ขึ้นไปบนเรือเหาะด้วยท่าทีเหี้ยมเกรียม
เมื่อร่างหลิ่วหมิงอยู่บนเรือเหาะกระดูกที่ยาวสิบกว่าจั้ง ก็พลันมีเสียงประมุขนิกายปีศาจดังเข้ามาในหู
“ศิษย์น้องหลิ่ว เจ้าเป็นคนสำคัญในการควบคุมปีศาจมนุษย์หมื่นกระดูก ถ้าเจอคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งในสนามรบ ให้รีบกลับเข้าไปในเมือง ห้ามอวดดีโดยเด็ดขาด เจ้าเป็นหนึ่งในท่าไม้ตายของนิกายเรา จะต้องปกป้องตัวเองให้ปลอดภัยเป็นอันดับแรก!”
หลิ่วหมิงได้ยินก็มองไปยังประมุขนิกายปีศาจ และพยักหน้าด้วยความแปลกใจเล็กน้อย
การออกศึกในครั้งนี้ เขาไม่ได้คิดจะไปเสี่ยงอันตรายท่ามกลางการต่อสู้ เพราะด้วยระดับของเขา อาจจะเอาชนะผู้ฝึกฝนระดับเดียวกันได้อย่างสบายๆ แต่ถ้าเจออาจารย์จิตวิญญาณขั้นกลางล่ะก็ คงยากที่จะเอาชนะได้ ยิ่งถ้าเจอกับอาจารย์จิตวิญญาณขั้นปลายล่ะก็ เกรงว่าจะต้องคิดหาวิธีในการเอาตัวรอดแล้ว
ขณะนี้ ศิษย์เจ็ดแปดคนบนเรือกระดูกก็คารวะหลิ่วหมิงอย่างนอบน้อม หลังจากเขาออกคำสั่งไปแล้ว เรือกระดูกก็พุ่งยิงออกไปพร้อมกับเรือลำอื่นๆ ของนิกายปีศาจ
พริบตาเดียว กองหน้าของแต่ละนิกาย ก็อยู่ห่างจากเผ่าเจ้าสมุทรไม่ถึงลี้กว่าๆ
มีเสียงดังกังวานจากนิกายจันทราสวรรค์ ทันใดนั้นแสงกระบี่จำนวนมากพุ่งขึ้นฟ้า หลังจากรวมตัวกันกลางอากาศแล้ว ก็กลายเป็นกระบี่แสงค้ำฟ้าที่ยาวร้อยกว่าจั้ง พื้นผิวของมันเปล่งประกายสีขาว และหล่นลงบนอากาศตรงหน้า
“ฟิ้ว!”
พอกระบี่ยักษ์ฟันออกไปมันก็แตกกระจายออกมาเป็นเสี่ยงๆ
น้ำทะเลที่อยู่ห่างออกไปลี้กว่าๆ กลับแยกตัวออกท่ามกลางเสียงที่ดังสะเทือนเลือนลั่นไปทั่วฟ้าและปฐพี ร่องน้ำยักษ์ยาวหลายลี้ปรากฏขึ้นบนพื้น
เผ่าเจ้าสมุทรกันอสูรสมุทรที่อยู่บริเวณนั้น กลายเป็นฟองเลือดในพริบตา
ขณะเดียวกัน มีเสียงตะโกนของเผ่าเจ้าสมุทรจำนวนมากดังมากจากน้ำทะเลอีกกลุ่มหนึ่ง จากนั้นมีแสงสีฟ้าเปล่งประกายบนพื้นผิว หยดน้ำสีฟ้าลอยออกมาเป็นจำนวนมาก หลังจากที่มันรวมตัวกันแล้วก็กลายเป็นฝ่ามือยักษ์สีฟ้า
จากนั้นนิ้วทั้งห้าก็แยกออกจากกัน และกดลงกลางอากาศ
“ตู๊ม!”
ทางด้านศิษย์หุบเขาเก้าช่อง ทันทีที่พลังไร้รูปกดดันลงไป รถเหาะ เรือเหาะที่อยู่ภายในรัศมีลี้กว่าๆ ก็ถูกตบจะแตกกระจาย ศิษย์ที่อยู่บนนั้นเสียชีวิตจนหมดสิ้น
อาจารย์จิตวิญญาณของหุบเขาเก้าช่องเห็นเช่นนี้ ก็ดูหน้าเสียเป็นอย่างมาก
ทางด้านนิกายวาตอัคคี ภายใต้การร่ายคาถาของศิษย์อัจฉริยะ วิหคเพลิงขนาดตัวยาวเกินกว่าร้อยจั้งได้ปรากฏออกมา มันแค่กระพือไปยังฝ่ายตรงข้ามอย่างแรง ลูกศรขนวิหคเพลิงก็พุ่งยิงออกไป
“ฟิ้วๆ!”
เปลวเพลิงระเบิดตัวท่ามกลางเผ่าเจ้าสมุทร และกลายเป็นเมฆอัคคีปกคลุมอสูรสมุทร และเผ่าเจ้าสมุทรจำนวนมากไว้ ผู้ที่หลบไม่ทันก็ค่อยๆ เผาไหม้กลายเป็นเถ้าถ่าน
ทางด้านหอสายธารโลหิต บรรดาศิษย์ต่างก็อ้าปากพ่นหมอกโลหิตออกมา จากนั้นมันก็กลายเป็นหอกโลหิตขนาดใหญ่สิบกว่าเล่ม แต่ละเล่มยาวเจ็ดแปดจั้ง และพุ่งยิงออกไป
เสียงดังกึกก้องในอากาศ คราบโลหิตสิบกว่าคราบเปล่งประกายบนผิวทะเลตรงหน้า เผ่าเจ้าสมุทรและอสูรเจ้าสมุทรที่สัมผัสกับคราบโลหิต ล้วนระเบิดตัวออกมา
และทางฝั่งเจ้าสมุทรกลับมีฝ่ามือยักษ์สีฟ้าเพิ่มขึ้นมามากกว่าเดิม และมันก็โจมตีแต่ละนิกายอย่างโหดเหี้ยม
ทั้งสองยังไม่ทันได้ต่อสู้กันจริงๆ ก็มีคนเสียชีวิตไปจำนวนมากแล้ว
แต่ด้วยระดับความเร็วในการโจมตีของทั้งสองฝ่าย ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นภายในพริบตาเดียวเท่านั้น
ไม่นานคนของนิกายกับคนของเผ่าเจ้าสมุทรก็อยู่ห่างกันไม่ถึงร้อยกว่าจั้ง ศิษย์ที่อยู่แนวหน้าสามารถมองเห็นใบหน้าดุร้ายของเผ่าเจ้าสมุทรอย่างชัดเจน
“ลงมือ!”
อาจารย์จิตวิญญาณวัยกลางคนของนิกายวาตอัคคี ออกคำสั่งในฉับพลัน
ทันใดนั้น ศิษย์ในนิกายเกือบร้อยคนก็ค่อยๆ หยิบยันต์เป็นปึกๆ ออกมา และโยนไปด้านหน้าอย่างบ้าคลั่ง
ภายใต้การเปล่งประกายของยันต์เหล่านี้ มันกลายเป็นไอสีเหลืองหายไปในพื้นดินระหว่างนิกายกับเผ่าเจ้าสมุทร
ศิษย์นิกายวาตอัคคีกระตุ้นเคล็ดวิชาอยู่ไม่หยุด
“ตู๊มต๊าม!”
แสงสีเหลืองเปล่งประกายบนพื้น กำแพงดินผุดขึ้นมา และขยายขนาดอย่างบ้าคลั่ง จนกลายเป็นกำแพงหนาสองจั้ง สูงสิบกว่าจั้ง พริบตาเดียวมันก็เปลี่ยนจากดินเป็นหิน และดูแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก
น้ำทะเลตรงหน้าปะทะเข้าใส่กำแพงหนาๆ น้ำทะเลส่วนเล็กๆ ม้วนตัวผ่านด้านบนกำแพง ส่วนที่เหลือก็ลดความเร็วลงมามาก อานุภาพอันรุนแรงเมื่อครู่ชะงักลงทันที
อสูรสมุทรหลายตนที่พุ่งมาตามน้ำ ก็ชนกำแพงเข้าอย่างจัง เพราะหลบไม่ทัน
ผู้ฝึกฝนที่แข็งแกร่งก็แค่ถูกดีดกระเด็นกลับไป และรู้สึกวิงเวียนศีรษะชั่วครู่ ส่วนผู้ที่อ่อนแอหน่อยก็ชนจนเลือดออกศีรษะ ซึ่งได้รับบาดเจ็บไม่เบา
ศิษย์ของแต่ละนิกายเห็นเช่นนี้ ก็ดีใจเป็นอย่างมาก พวกเขารีบกระตุ้นอาวุธอาญาสิทธิ์ หรือปล่อยวิชาใส่อสูรสมุทรกับเผ่าเจ้าสมุทรอยู่ไม่หยุด
“รนหาที่ตาย!”
ไม่รู้ว่าเผ่าเจ้าสมุทรคนใดตะโกนออกมาด้วยความโมโห!
จากนั้นอาจารย์จิตวิญญาณเผ่าเจ้าสมุทรที่มีใบหน้าสีเขียวเกราะสีแดง ก็ขี่ปลาหมึกหนวดแปดเส้นยาวสามสิบกว่าจั้งปรากฏตัวขึ้นเบื้องหลังน้ำทะเล เขาแค่เหยียบหัวปลาหมึก หนวดทั้งแปดของอสูรสมุทรตนนี้ก็ดูพร่ามัว และหวดใส่กำแพงอย่างรวดเร็ว
มีเสียงดังสนั่นขึ้นมา!
แสงสีขาวจ้าแสบตาเปล่งประกายบนกำแพง จากนั้นก็มีเสียงแตกร้าวดังออกมา บังเกิดรูขนาดเท่าอ่างน้ำบนกำแพง
น้ำทะเลบริเวณนี้ทะลักเข้าตามรู
ขณะเดียวกัน กำแพงส่วนอื่นๆ ก็มีเต่ายักษ์ ปลาหมึก และอสูรสมุทรแข็งแกร่งประเภทอื่นๆ ปรากฏออกมา และถูกบังคับให้ทำลายกำแพงจนกลายเป็นรู
ทันใดนั้นคลื่นยักษ์ก็กรรโชกเข้ามาอีกครั้ง
ชั่วเวลานั้น พื้นที่บริเวณนั้นเต็มไปด้วยคลื่นทะเลซัดสาด
ขณะนี้ ศิษย์แต่ละนิกายต่างก็สละอาวุธที่ใช้ในการเหาะ หยิบอาวุธอาญาสิทธิ์ออกมาโจมตี
ทางด้านเผ่าเจ้าสมุทร เมฆดำได้สลายไปอย่าง เผยให้เห็นผู้ฝึกฝนเผ่าเจ้าสมุทรจำนวนมากที่ต่างก็ขี่อสูรสมุทรอยู่ พริบตาเดียวทั้งสองฝ่ายเข้าต่อสู้กันราวกับกระแสน้ำทะลัก และพอปะทะกันก็มีเงาร่างสิบกว่าเงาร่วงหล่นลงมา
การต่อสู้ดุเดือดเป็นอย่างมาก
หลิ่วหมิงเป็นผู้ฝึกฝนระดับสูงในนิกาย ย่อมแตกต่างจากศิษย์ทั่วไป พอมีการตะลุมบอนกันตรงหน้า เขาก็สละเรือกระดูก และขี่เมฆยืนเคียงบ่ากับหยางเฉียน
ห่างจากพวกเขาไปไม่ไกล ประมุขนิกายปีศาจ กับอาจารย์จิตวิญญาณคนอื่นๆ ต่างจ้องมองศึกตรงหน้าด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“ศิษย์น้องเหลย ศิษย์น้องจู พวกเจ้าไปช่วยทางด้านทิศตะวันตก ทางนั้นมีเผ่าเจ้าสมุทรระดับของเหลวปรากฏตัวออกมาสองคน” ไม่นานประมุขนิกายปีศาจก็สั่งออกไป
ชายฉกรรจ์แซ่เหลยกับจูชื่อได้ยินก็รีบขี่เมฆไปยังสนามรบทางด้านทิศตะวันตกโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง
“ศิษย์น้องหลิน ศิษย์น้องฉู่ พวกเจ้าไปสังหารเต่ายักษ์ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือเถอะ! ศิษย์นิกายเราที่อยู่ทางนั้นทำอะไรพวกมันไม่ได้เลย”
“ทราบ!”
“หยางเฉียน เจ้าไปช่วยทางด้านหุบเขาเก้าช่องเถอะ!”
……
ผ่านไปไม่นาน บริเวณที่ประมุขนิกายปีศาจอยู่ก็เหลือคนอยู่ไม่กี่คน ซึ่งหลิ่วหมิงกับเกาชงก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วย
ขณะนี้ การต่อสู้ก็ลุกลามเข้ามา และเกิดการต่อสู้เป็นกลุ่มๆ ที่มีขนาดแตกต่างกันไป
บางกลุ่มมีเผ่าเจ้าสมุทรสิบกว่าคนโจมตีศิษย์ที่เป็นมนุษย์จำนวนมาก บางกลุ่มมีศิษย์ที่เป็นมนุษย์ร่วมมือกันโจมตีอาจารย์จิตวิญญาณเผ่าเจ้าสมุทรหนึ่งคน
ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีผู้ฝึกฝนระดับผลึกของทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันด้วย ด้วยพลังที่แข็งแกร่ง ทำให้พื้นที่บริเวณนั้นว่างเปล่าขึ้นมาทันที
ขณะนั้นเอง ผิวทะเลทางด้านนิกายปีศาจก็กระเพื่อมมา จากนั้นก็มีเสียงที่ทำให้รู้สึกอึดอัดดังออกมาติดต่อกัน ราวกับว่ามีอะไรหนักๆ กำลังค่อยๆ ปีนขึ้นมา
หลิ่วหมิงหรี่ตาทั้งสอง จ้องมองไปยังที่มาของเสียงด้วยความประหลาดใจ
หลังจากน้ำทะเลแยกตัวออก ฝ่ามือสีน้ำเงินก็ยื่นออกมาอย่างรวดเร็วราวสายฟ้าแลบ มันคว้าตัวศิษย์หอสายธารโลหิตคนหนึ่งไว้ได้อย่างรวดเร็ว และขยี้จนระเบิดออกมาเป็นหมอกโลหิต
“มอ!” เสียงวัวคำรามดังขึ้นมา!
สัตว์ประหลาดขนาดใหญ่ที่มีหัวเป็นคนร่างเป็นวัวปีนขึ้นมาเป็นจำนวนมาก พวกมันสูงเจ็ดแปดจั้ง พื้นผิวของมันถูกปกคลุมไปด้วยเกล็ดสีฟ้า และต่างก็ถือกระบี่ยักษ์สีดำ
สัตว์ที่เหมือนกันเหล่านี้ ยังคงปีนขึ้นมาติดๆ ซึ่งมีทั้งหมดราวๆ สามสิบสี่สิบตัว
พวกมันควงกระบี่ใส่กลุ่มการต่อสู้ในบริเวณนั้น ทุกทิศทางที่มันกวัดแกว่งออกไป ดูเหมือนว่าจะไม่มีศิษย์คนใดสามารถรับมือไว้ได้นาน ซึ่งถ้าไม่ถูกฟันจนเป็นสองส่วน ก็ถูกมันขยี้จนตัวแตกกระจาย
วิชาและอาวุธอาญาสิทธิ์ที่ศิษย์แต่ละนิกายโจมตีลงบนตัวมัน กลับถูกเกล็ดหนาๆ ต้านทานไว้ได้ มันจึงได้รับความเสียหายไม่มาก
“หลิ่วหมิง เจ้าไปจัดการปีศาจสมุทรที่เพิ่งโผล่มาใหม่นี้เถอะ! ศิษย์ทั่วไปไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมัน” พอประมุขนิกายปีศาจเห็นฉากนี้ ก็มีสีหน้าหนักอึ้งขึ้นมา และในที่สุดก็หันมาสั่งหลิ่วหมิง
……………………………………….