ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ - ตอนที่ 279 วิชาคลื่นมรกตสมุทรพลิกฟ้า
พอหยวนหมัวเห็นเช่นนี้ ก็มีสีหน้าเปลี่ยนไป
เขาหินลูกใหญ่ขนาดนี้ แถมในนั้นยังมีพลังของชั้นจำกัดแฝงอยู่ แม้ว่าโล่แวววาวในมือจะมหัศจรรย์เป็นอย่างมาก ก็ไม่อาจรับการโจมตีนี้ได้
ชายชุดคลุมสีดำเก็บโล่ตรงหน้าในฉับพลัน เขาหมุนตัวติ้วๆ ราวกับลูกข่าง ไม่นานก็มีเงาร่างปรากฏออกมาท่ามกลางไอปีศาจสีเทา ขณะเดียวกันก็ม้วนตัวไปกลางอากาศ
ฉากอันน่าตกใจได้บังเกิดขึ้น!
พอเขาหินขนาดใหญ่สัมผัสกับไอปีศาจ มันก็เคลื่อนไหวช้าลง ขณะเดียวกันแสงสีฟ้าบนพื้นผิวก็เปล่งประกาย และก็ผุกร่อนอย่างรวดเร็ว
ชั่วเวลาไม่กี่อึดใจ เขาหินขนาดใหญ่ก็กลายเป็นสีเทาเหมือนกับไอปีศาจ และมีรูเล็กๆ ปกคลุมอยู่เป็นจำนวนมาก
ขณะนี้ เงาร่างพร่ามัวด้านล่างหยุดชะงักในฉับพลัน หยวนหมัวปรากฏกายอีกครั้ง และขยับแขนทั้งสองในทันที ทันใดนั้นกำปั้นลูกหนึ่งก็ทุบไปยังเขาหินที่มีไอปีศาจหมุนเป็นเกลียวอย่างรุนแรง
“ตู๊ม!”
เขาหินขนาดใหญ่ระเบิดตัวในพริบตา ฝุ่นสีเทาหล่นกระจายบนพื้น
หยวนหมัวเพียงแค่สะบัดแขนเสื้อไปในอากาศ พายุบ้าระห่ำก็พัดกระหน่ำผ่านไป มันพัดฝุ่นสีเทาทั้งหมดออกไปจนเกลี้ยง และเขาก็กล่าวกับหญิงสาวตรงหน้าด้วยรอยยิ้ม
“ยังเหลืออีกหนึ่งการโจมตี ท่านเซียนเจินอย่าได้เกรงใจ รีบแสดงวิชาคลื่นมรกตสมุทรพลิกฟ้ามาให้ข้าได้เปิดโลกทรรศน์บ้างเถอะ!”
“แม้ข้าจะมาเกาะอวิ๋นชวนเป็นครั้งแรก แต่ก็เคยได้ยินว่า วิชาศิลาปีศาจเป็นวิชาปีศาจอันดับหนึ่งในอวิ๋นชวน วันนี้ได้เห็นกับตาช่างสมคำร่ำลือจริงๆ มันคู่ควรที่ข้าจะใช้วิชาคลื่นมรกตสมุทรพลิกฟ้าโจมตีแล้ว” เจินเถียนเห็นเช่นนี้ ก็ไม่ได้แสดงอาการหน้าม่อยคอตกแต่อย่างใด แต่กลับกล่าวออกมาอย่างเฉียบขาด
จากนั้นก็ทำท่ามือด้วยมือเดียว แสงแสงสว่างเปล่งประกายขึ้นบนเสื้อหลากสีของนาง เกล็ดสีทองจางๆ ปรากฏขึ้นบนตัว ครู่เดียวนางก็กลายร่างเป็นมนุษย์ครึ่งมัจฉา
แต่มันแตกต่างจากเผ่าเจ้าสมุทรทั่วไป พริบตาที่นางเปลี่ยนร่างจนสมบูรณ์ ก็มีจุดแสงสีฟ้าปรากฏออกมากลางอากาศ
ต่อมามีเสียงดังโครมครามไปทั่วทิศ น้ำทะเลสีฟ้าปรากฏออกมากลางอากาศ พริบตาเดียวก็ปกคลุมร่างของนางไว้
ขณะนี้ มีเสียงเจินเถียนดังออกมาจากน้ำทะเล
“ราชวงค์ของพวกเราแตกต่างกับเผ่าเจ้าสมุทรทั่วไป พอคืนร่างเดิมแล้วสามารถรวบรวมพลังวารีบริเวณรอบๆ ได้ โดยไม่ต้องใช้อาวุธเวทย์เข้าช่วย ก็เหมือนกับที่มนุษย์สามารถหายใจบนพื้นได้อย่างอิสระ ดังนั้นถึงแม้วิชาคลื่นมรกตสมุทรพลิกฟ้าจะมีชื่อเสียงมาก แต่ผู้ที่สามารถปล่อยอานุภาพของมันออกมาได้หมด ก็มีแค่สายโลหิตของราชวงศ์เท่านั้น ต่อไปข้าจะให้การชี้แนะกับสหายหยวน”
ภายใต้สถานการณ์ที่มีแสงสีฟ้าไหลบ่าอยู่ไม่หยุด ทำให้มีน้ำทะเลขนาดใหญ่หลายหมู่ ทันใดนั้นมันก็กลายเป็นจุดแสงสีฟ้าพุ่งยิงออกไปรอบด้าน และค่อยๆ จมหายไปในอากาศบริเวณนั้น
และเงาร่างครึ่งมัจฉาที่โผล่ออกมา ก็ยกแขนข้างหนึ่งขึ้น และค่อยๆ คว้าไปยังด้านหน้า
หยวนหมัวเห็นเช่นนี้ก็รู้สึกตกตะลึงเล็กน้อย และคิดที่จะเอ่ยปากพูดอะไรออกมา พลันต้องรีบทำท่ามือด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก ไอปีศาจบนตัวม้วนตัวคำรามออกไปทั่วทิศ
เกือบจะในเวลาเดียวกัน จุดแสงสีฟ้าก็ปรากฏขึ้นบนอากาศรอบด้าน และกลายเป็นคลื่นยักษ์พุ่งออกไป มันมายังไม่ทันถึงด้านหน้าของหยวนหมัวก็ส่งเสียงดัง “หวึ่งๆ!” ออกมา ราวกับว่าจะกดทับชายผู้นี้ให้แหลกละเอียด
แต่ครู่ต่อมา ท่ามกลางเสียงที่ดังติดต่อกัน พลังมหาศาลกับน้ำทะเลเหล่านี้ก็ถูกไอปีศาจต้านทานไว้ได้
ไอปีศาจเหล่านี้ดูไม่ค่อยหนาแน่น แต่กลับแฝงไปด้วยพลังมหาศาล ภายใต้การโจมตีอย่างรุนแรง มันกลับสามารถประคับประคองไว้ได้โดยไม่แตกกระเจิง
หญิงสาวชุดหลากสีตรงหน้าเห็นเช่นนี้ ใบหน้าที่งดงามก็เผยแววดุร้ายออกมา นางยื่นมือข้างหนึ่งออกไป และกางนิ้วทั้งห้าออก จากนั้นถึงค่อยๆ แนบชิดติดกัน
“ตู๊ม!”
น้ำทะเลสีฟ้าที่ล้อมรอบหยวนหมัวม้วนตัวขึ้นบนอากาศ พริบตาเดียวก็กลายเป็นหยดน้ำขนาดใหญ่ห่อหุ้มไอปีศาจกับหยวนหมัวไว้ด้วยกัน
ผิวภายนอกหยดน้ำดูสงบ แต่ด้านในกลับเริ่มหมุนวนอย่างบ้าคลั่ง พริบตาเดียวก็ก่อตัวเป็นระลอกคลื่นขนาดใหญ่ และบีบไปยังใจกลางอย่างรุนแรง
ไอปีศาจที่กลายเป็นม่านแสงสีเทาหนึ่งชั้น เริ่มเปล่งประกายอย่างบ้าคลั่ง มันสั่นไหวจนไม่เป็นรูปร่าง
หยวนหมัวเห็นเช่นนี้ ก็มีสีหน้าเคร่งขรึมทันที เขาอ้าปากพ่นโลหิตบริสุทธิ์ออกมา พริบตาเดียวมันก็ระเบิดตัวเป็นหมอกโลหิต และค่อยๆ จมเข้าไปในม่านแสง
ม่านแสงที่ดูเหมือนจะต้านทานไม่ไหวพลันเปล่งแสงสีเลือดออกมา และกลับมามั่นคงอย่างรวดเร็ว
เจินเถียนเห็นเช่นนี้กลับหัวเราะอย่างเยือกเย็น นิ้วทั้งห้าค่อยๆ แนบชิดติดกัน
เมื่อมีเสียงดังมาจากน้ำทะเลที่อยู่ไกลๆ พื้นผิวที่ดูสงบกลับมีแสงสีเงินเปล่งประกายออกมา
ระลอกคลื่นขนาดใหญ่ที่อยู่ภายในหยดน้ำ กลับมีสายฟ้าสีเงินปรากฏออกมา สายฟ้านับร้อยนับพันฟันใส่ใจกลางอยู่ไม่หยุด ขณะเดียวกันระลอกคลื่นก็หมุนวนรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ทำให้พลังของมันยิ่งน่าตกใจมากยิ่งขึ้น
ด้วยเหตุนี้ ม่านแสงที่เพิ่งจะกลับมามั่นคงก็เริ่มสั่นสะเทือนอีกครั้ง
แต่ครั้งนี้ หยวนหมัวที่อยู่ใจกลางก็ไม่คิดจะดึงดันใช้ไอปีศาจป้องกันตัวอีกต่อไป แต่กลับเอามือแตะเหนือศีรษะ
“ฟู่!” พอกะโหลกศีรษะเปิดออก ก็มีกลุ่มไอดำพุ่งออกมา
ไอดำเหล่านี้หมุนรวมกันติ้วๆ จากนั้นใบหน้าซีดขาวของชายผู้หนึ่งก็โผล่ออกมา มันดูคล้ายกับหยวนหมัวมาก แต่พอมันขยายใหญ่ตามแรงลม ก็มีขนาดใหญ่จั้งกว่าๆ และพออ้าปากก็พ่นเปลวปีศาจสีขาวเทาออกมา มันดูไม่เตะตาเลยแม้แต่น้อย แต่พอมันม้วนตัว ก็หายวับผ่านม่านแสงสีเทาไป และปะทะกับสายฟ้าสีเงินขนาดใหญ่ที่พุ่งเข้ามาพอดี
ฉากอันน่าประหลาดใจได้บังเกิดขึ้น!
สายฟ้าที่ดูโหดเหี้ยมอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ โจมตีลงบนเปลวเพลิงปีศาจสีขาวเทา และดับลงไปทันที
จากนั้นเปลวเพลิงนี้ก็ลอยอยู่ครู่หนึ่ง และตกลงในระลอกคลื่นอย่างง่ายดาย
“ฟู่!”
น้ำทะเลสีฟ้าลุกไหม้ขึ้นมาราวกับเป็นน้ำมัน พริบตาเดียวก็ลุกไหม้ไปทั่วหยดน้ำทั้งหยด จนกลายเป็นลูกไฟสีขาวเทาขนาดใหญ่
พริบตาที่หน้าปีศาจพ่นเปลวเพลิงนี้ออกมา มันก็กลับมามีขนาดเท่าเดิม และหายเข้าไปในกระโหลกศีรษะอีกครั้ง
เจินเถียนที่อยู่ตรงข้ามร้องด้วยความตกใจ และหดแขนกลับมาอย่างรวดเร็ว
ขณะนั้นเองมีเสียงดัง “ตู๊ม!” ลูกไฟยักษ์ระเบิดออกมา หยวนหมัวพุ่งออกมาท่ามกลางเปลวเพลิงอันโชติช่วง และกล่าวกับหญิงสาวตรงหน้าด้วยรอยยิ้ม
“ท่านเซียนเจิน สามกระบวนท่าได้สิ้นสุดลงแล้ว เชื่อว่าท่านคงจะรักษาสัญญา ข้าจะพาเด็กที่อยู่ข้างหลังท่านไปล่ะนะ!”
พอกล่าวจบเขาก็ขยับฝีเท้า ร่างของเขาหายเข้าไปในอากาศตรงหน้า
ครู่ต่อมาก็มีคลื่นอากาศสั่นไหวด้านหลังหญิงสาวชุดหลากสี ร่างของหยวนหมัวปรากฏออกมาอีกครั้ง เขาแค่ตบลงบนฟองอากาศแวววาว มันก็กลายเป็นไอสีดำพุ่งขึ้นฟ้า และพวยพุ่งออกไป
ที่น่าตกใจก็คือ ฟองอากาศยักษ์นี้พร่ามัวตามติดเขาพุ่งทะยานขึ้นฟ้าด้วย
เจินเถียนจ้องมองไอดำที่ลอยออกไปไกลๆ และไม่ได้ทำการขัดขวางแต่อย่างใด เพียงแต่มีสีหน้าไม่พอใจเล็กน้อย
ผ่านไปสักพัก นางถึงพลิกฝ่ามือข้างที่ยื่นออกมาไปมาสังเกตดู
กลางฝ่ามือที่ดูขาวราวกับหยกมีรอยไหม้สีดำเล็กๆ และได้กลิ่นไหม้ลอยออกมาจางๆ
“เคยได้ยินคนพูดมานานแล้ว หยวนหมัวรุ่นนี้ไม่เพียงแต่จะฝึกฝนวิชาศิลาปีศาจของนิกายหยวนหมัว แต่ยังฝึกฝนความสามารถที่ไม่ทราบชื่อบางอย่าง มันเคยช่วยเขาสังหารศัตรูระดับเดียวกันอย่างง่ายดาย ดูท่าคงจะเป็นเปลวเพลิงปีศาจนี้แล้ว! ความสามารถร้ายกาจเช่นนี้ ต่อให้รวมตัวกันต่อสู้ ก็เกรงว่าไม่อาจสังหารคนผู้นี้ได้โดยง่าย” หญิงสาวชุดหลากสีขมวดคิ้วแล้วกล่าวพึมพำออกมา ตอนนี้นางกำลังจมอยู่ในความคิด
“ช่างเถอะ! ตอนนี้เรื่องราชาปีศาจสมุทรถึงเป็นเรื่องที่น่ากังวลที่สุด ปล่อยมนุษย์บนเกาะอวิ๋นชวนไปชั่วคราวก่อน รอจัดการศัตรูตัวฉกาจได้แล้วค่อยมาพิชิตเกาะแห่งนี้ น่าเสียดายเจ้าเด็กมนุษย์ผู้นั้น เดิมทีกะจะใช้เป็นเครื่องสังเวยชั้นยอดให้กับอสูรประหลาดในนิกายซะหน่อย!” ผ่านไปสักพักนางถึงตัดสินใจกล่าวออกมา
นางหยิบแผ่นค่ายกลสีขาวออกจากแขนเสื้อ และวาดนิ้วลงไปบนนั้นรอบหนึ่ง จากนั้นก็หมุนตัวเหาะไปยังเมืองลอยน้ำ
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุใด กองกำลังเผ่าเจ้าสมุทรที่กำลังต่อสู้กับมนุษย์อย่างดุเดือด ถึงเป่าสัญญาณถอนทัพออกมา ทันใดนั้นไม่ว่าจะเป็นเผ่าเจ้าสมุทรหรืออสูรสมุทรต่างก็พากันถอยกลับไปยังเมืองลอยน้ำ
แม้ว่าศึกทัพหน้าของแต่ละนิกายจะได้เปรียบอยู่ และพอเห็นเผ่าเจ้าสมุทรถอนตัวกลับไปโดยที่ไม่ใช่ว่าพ่ายแพ้จริงๆ แต่พวกเขาก็ไม่กล้าเสี่ยงตามไป ได้แต่มองเผ่าเจ้าสมุทรที่ค่อยๆ ถอยห่างออกไป
ฉากเดียวกันได้บังเกิดขึ้นในกลุ่มการต่อสู้ของผู้ฝึกฝนระดับผลึก
ที่นี่ผู้ฝึกฝนเผ่าเจ้าสมุทรกำลังได้เปรียบอยู่ แต่กลับถอนตัวไปเช่นนี้ ย่อมเป็นเรื่องดีสำหรับอาจารย์อาเยี่ยนและคนอื่นๆ ดังนั้นพวกเขาย่อมไม่ตามไปโจมตีอย่างแน่นอน
แต่ชนะโดยแปลกประหลาดเช่นนี้ ย่อมทำให้พวกเรารู้สึกฉงนเป็นอย่างมาก ไม่รู้ว่าเป็นเพราะสาเหตุอันใด
แต่ร่างของหยวนหมัวกลับปรากฏตัวอยู่ไม่ไกล ชายฉกรรจ์นิกายหยวนหมัวผู้นั้นก็รีบเรียก ‘ศิษย์พี่หยวน’ ด้วยความตกใจ ขณะนี้คนอื่นๆ ถึงได้เข้าใจขึ้นมา
……
บริเวณขอบเทือกเขา กลุ่มแสงสีทองระเบิดตัวออกมาอีกครั้ง หนามทองคำจำนวนมากพุ่งยิงลงมาราวกับสายฝนกระหน่ำ และชอนไชไปทั่วพื้นที่ใต้ดินลึกๆ ทุกซอกทุกมุม
พอหนามสีทองเล่มหนึ่งแทงไปยังพื้นที่บางแห่งของลำน้ำ มันก็ชนเข้ากับวัตถุโปร่งใสไร้รูปบางอย่าง และมันก็ระเบิดออกมาเป็นกลุ่มแสงสีทองทันที
มนุษย์เกราะทองคำกำลังกอดอกควบคุมหนามทองคำอยู่กลางอากาศ ทันใดนั้นดวงตาของเขาก็เปล่งประกาย และเผยสีหน้าดีใจออกมา
ขณะเดียวกัน หลิ่วหมิงที่นั่งขัดสมาธินิ่งๆ อยู่ในม่านวารีก็ค่อยๆ ลืมตาทั้งคู่ขึ้นมา
……………………………………….