ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ - ตอนที่ 310 อสูรไส้เดือน
อีกด้านหนึ่งของเจดีย์กักปีศาจ ชายหนุ่มร่างกำยำกำลังถือดาบคู่ ต้านทานการโจมตีของปีศาจอสูรสองตนที่ดูเหมือนแกะแต่ไม่ใช่แกะ เขาแหลมคมทั้งสี่ยาวฉื่อกว่าๆ มันไม่เพียงแต่แหลมคมเป็นอย่างมาก แต่ยังปล่อยคมวายุสีเขียวออกมาอยู่ตลอด ทำใหชายหนุ่มหลบแทบไม่ทัน
“เต๊ง!”
กระบี่ยาวเล่มหนึ่งของชายหนุ่มร่างกำยำ ถูกคมวายุโจมตีจนหลุดจากมือ
ครั้งนี้ ชายหนุ่มตกใจจนหน้าถอดสี และหันตัววิ่งหนีโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง
ปีศาจอสูรทั้งสองคำรามเสียงออกมา และตามล่าไปติดๆ
……
ในป่าดงดิบชั้นที่สี่ หลิ่วหมิงค่อยๆ เดินตามหานหลีไป
แต่ด้านหน้าหานหลีในขณะนี้ มีเปลวตะเกียงลอยอยู่ สีหน้าเขาดูเคร่งขรึมกว่าก่อนเข้ามาในป่าเล็กน้อย
หลิ่วหมิงยังคงไม่นำอาวุธใดๆ ออกมา แต่ทุกอย่างก้าวกลับดูสุขุมเยือกเย็นเป็นอย่างมาก แม้แต่รอยเท้าบนพื้นก็เห็นเพียงรอยจางๆ เท่านั้น
ขณะที่ทั้งสองกำลังจะเดินถึงใจกลางป่านั้น พลันมีเสียงดังโครมคราม จากนั้นต้นไม้ใหญ่แต่ละต้นก็ล้มลงมา ซึ่งอยู่ห่างจากพวกเขาสิบกว่าจั้งเท่านั้น
“ระวัง! อสูรไส้เดือนตนนั้นมาแล้ว” สีหน้าชายหนุ่มเปลี่ยนไป หลังจากตะโกนออกมาแล้ว ก็ทำท่ามือและกระทืบเท้าข้างหนึ่งอย่างรุนแรง
“ฟู่!”
น้ำค้างแข็งสีขาวเย็นสะท้านก่อตัวตรงเท้าของเขา และลุกลามไปรอบด้านอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้น ชั้นน้ำแข็งหนาๆ ก็ปกคลุมพื้นที่รัศมีหลายจั้ง
แต่หลิ่วหมิงกลับชี้มือลงพื้น จากนั้นร่างของเขาก็ลอยขึ้นจากพื้นสามฉื่อ ขณะเดียวกันก็โบกมือข้างหนึ่ง และลูกเปลวไฟสีแดงก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า
“ตู๊ม!”
พื้นที่ที่เท้าหานหลีเหยียบอยู่ สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ราวกับว่าถูกอะไรบางอย่างปะทะเข้าใส่ จนเกิดรอยสีขาวบนชั้นน้ำแข็งเป็นจำนวนมาก
หานหลีมีสีหน้าหนักอึ้งในทันที เขาชี้ไปยังเปลวตะเกียงสีดำตรงหน้า พริบตาเดียวก็กลายเป็นแสงสีดำห่อหุ้มร่างไว้ และค่อยๆ ทะยานขึ้นฟ้า
ขณะเดียวกัน มีเสียงร่ายคาถาดังจากปากของชายหนุ่ม พอเขาสะบัดแขนเสื้อ มีดสั้นสีขาวหิมะก็ปรากฏขึ้นในมือ พอวาดมันไปกลางอากาศ เข็มน้ำแข็งแวววาวก็ปรากฏตรงหน้าเป็นจำนวนมาก
ขณะนั้นเอง มีเสียงดังสะเทือนเลือนลั่นดังขึ้นมา
ชั้นน้ำแข็งระเบิดออกมาเป็นชิ้นๆ สิ่งของดำๆ บางอย่างพุ่งขึ้นจากด้านล่าง มันอ้าปากพุ่งใส่หานหลีอย่างโหดเหี้ยม
แต่ชายหนุ่มที่เตรียมพร้อมไว้ก่อนแล้ว จะยอมให้อสูรตนนี้ทำสำเร็จได้อย่างไร หลังจากส่งเสียงฮึดฮัดแล้ว เขาก็ฟันมีดสั้นลงด้านล่าง ทันใดนั้นพายุเย็นสะท้านก็ม้วนตัวลงไป และเข็มน้ำแข็งเกือบร้อยเล่ม ก็พุ่งยิงลงไปด้วยเช่นกัน
“ตุ๊บ!”
ปีศาจอสูรยักษ์ถูกพายุเย็นสะท้านพัดตกลงไป หัวของมันก็ถูกเข็มน้ำแข็งจำนวนมากโจมตี จากนั้นเข็มน้ำแข็งก็ระเบิดออกมาเป็นไอเย็นสะท้านสีขาว
อสูรตนนี้ร้องอย่างเวทนา ร่างกายเกือบครึ่งหนึ่งถูกชั้นน้ำแข็งสีขาวปกคลุมไว้
ตอนนี้หลิ่วหมิงถึงเห็นรูปร่างแท้จริงของปีศาจอสูรตนนี้ มันคือไส้เดือนยักษ์ที่มีขนาดใหญ่ราวกับงูเหลือม คมเขี้ยวเต็มปาก หัวของมันเต็มไปด้วยหนวดสัมผัสเป็นจำนวนมาก แลดูน่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง
ครู่ต่อมา ไส้เดือนตนนี้เพียงแค่ส่ายหัว ชั้นน้ำแข็งที่ห่อหุ้มอยู่ก็ค่อยๆ ลอกออกมาในพริบตา
พอหลิ่วหมิงหรี่ตาทั้งสอง และสะบัดแขนเสื้อ ลูกเปลวไฟตรงหน้าสิบกว่าลูก ก็พุ่งยิงออกไปในพริบตา มันโจมตีร่างปีศาจอสูรอย่างแม่นยำและค่อยๆ ระเบิดออกมา
ปีศาจอสูรจมอยู่ในทะเพลิงสีแดงโดยสมบูรณ์
หลังจากมีเสียงแหลมกำสรดดังออกมา ไอหมอกสีเขียวก็พุ่งขึ้นจากทะเลเพลิง และดับเปลวเพลิงไปได้กว่าครึ่งหนึ่ง
จากนั้นอสูรไส้เดือนก็กระโจนออกจากทะเลเพลิงพร้อมกับกลิ่นไหม้เกรียม แต่เป้าหมายในครั้งนี้ กลับเป็นหลิ่วหมิงที่อยู่ด้านหลัง
“ไอ้เดรัจฉาน! รนหาที่ตายหรือ!”
หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ ดวงตาก็เปล่งแสงเย็นสะท้านออกมา เขาสูดหายใจเข้าไปอย่างรวดเร็ว กำปั้นข้างหนึ่งขยายใหญ่และโจมตีใส่ปีศาจอสูร
บังเกิดเสียงดังลั่น!
ไอสีดำระเบิดขึ้นบนหัวของอสูรไส้เดือน จากนั้นมันก็กระเด็นออกไป หัวของมันยุบเข้าไปกว่าครึ่งหนึ่ง และไม่สามารถลุกขึ้นมาได้ชั่วขณะ
ขณะนั้นเอง ชายหนุ่มกลางอากาศก็คำรามเสียงออกมา พอเขาวาดมีดสั้นไปด้านหน้า วงแหวนแสงสีขาวก็ปรากฏขึ้น และพร่ามัวหายไปอย่างไร้ร่องรอย
เกือบจะในเวลาเดียวกัน ไอเย็นสะท้านได้ม้วนตัวออกจากร่างปีศาจไส้เดือน วงแหวนแสงแต่ละวงปรากฏออกมา หลังจากรวมตัวกันแล้ว ก็กลายเป็นวงแหวนน้ำแข็งแวววาว รัดร่างปีศาจอสูรในพริบตา
หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ ก็ทำท่ามือด้วยมือทั้งสองโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง หลังจากเอามือประกบกันและแยกออกจากกันอีกครั้ง คมวายุยักษ์ก็ก่อตัวออกมา พอสะบัดข้อมือ มันก็พุ่งยิงออกไป
“ฟิ้ว!”
เส้นสีเขียวกระพริบผ่านกลางร่างของปีศาจอสูร ร่างของมันถูกฟันออกเป็นสองส่วนท่ามกลางเลือดที่สาดกระเซ็น
ขณะนี้ ชายหนุ่มฟันมีดสั้นลงด้านล่างอยู่ไม่หยุด พายุเย็นสะท้านม้วนตัวออกไปห่อหุ้มศพสองท่อนนั้น จนกลายเป็นก้อนน้ำแข็งแวววาวสองก้อน
“ได้แล้ว! แม้อสูรตนนี้จะมีพลังชีวิตอันน่าตกใจ แต่ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ไม่อาจมากวนใจพวกเราได้” หานหลีเห็นเช่นนี้ ก็กล่าวอย่างทระนงองอาจ
หลิ่วหมิงยิ้ม และขณะที่กำลังจะกล่าวอะไรออกมานั้น พลันมีไอสีเขียวพุ่งออกจากก้อนน้ำแข็งยักษ์ทั้งสอง จากนั้นก้อนน้ำแข็งก็ละลายอย่างรวดเร็ว
พริบตาเดียว อสูรไส้เดือนสองตัวที่มีขนาดเล็กกว่าเมื่อครู่ ก็กระโจนเข้าใส่หลิ่วหมิงกับชายหนุ่ม และพ่นหมอกพิษสีเขียวออกมาอยู่ไม่หยุด
แม้ว่าหลิ่วหมิงจะเคยได้ยินชายหนุ่มบอกว่า อสูรตนนี้มีลักษณะพิเศษ แต่พอได้เห็นกับตาตนเอง ก็อดที่จะทำปากจุ๊ๆ ด้วยความแปลกใจไม่ได้
แต่ตอนนี้ ไม่ใช่เวลาที่จะมายุ่งกับปีศาจอสูรตนนี้ เขาทำท่ามือด้วยมือเดียวทันที กระบี่สั้นสีทองจางๆ ปรากฏขึ้นในมือ เพียงแค่สะบัดมันใส่ปีศาจอสูรตรงหน้า ลำแสงสีทองจำนวนมากก็พุ่งยิงออกไป มันกลายเป็นแสงสีทองม้วนเอาปีศาจอสูรเข้าไปในนั้น
แม้อสูรตนนี้จะมีเนื้อหนังที่หนาและหยาบกระด้าง แต่ไหนเลยจะสามารถต้านทานอาวุธจิตวิญญาณระดับสุดยอดได้ พริบตาเดียวมันก็ถูกฟันเป็นชิ้นเนื้อ และเลือดจำนวนมากก็สาดกระจายลงไป
แต่ฉากที่ทำให้หลิ่วหมิงตกใจได้บังเกิดขึ้นแล้ว!
พอเลือดเนื้อเหล่านี้ตกลงบนพื้น มันก็ยังเลื้อยขยุกขยิกราวกับว่ายังมีชีวิตอยู่
แต่จิตใจหลิ่วหมิงก็สงบลงอย่างรวดเร็ว เขาเพียงแค่ลังเลเล็กน้อย และเก็บกระบี่สั้นสีทองเข้าไป จากนั้นก็ทำท่ามือด้วยมือเดียวอีกครั้ง ลูกเปลวไฟยักษ์ก่อตัวในมืออย่างรวดเร็ว พริบตาเดียวก็มีขนาดใหญ่เท่าอ่างน้ำ
“ไป!”
หลิ่วหมิงค่อยๆ ผลักมันออกไปอย่างไม่ปราณี ลูกเปลวไฟหล่นลงไปด้านล่าง ขณะเดียวกัน เท้าข้างหนึ่งก็ทืบบนอากาศอย่างรุนแรง และร่างของเขาก็ตีลังกาม้วนตัวกลับไป
“ตู๊ม!”
เมฆอัคคีรูปดอกเห็ดสีแดงดำพุ่งขึ้นฟ้า คลื่นอัคคีม้วนตัวไปในรัศมีสิบกว่าจั้ง เผาไหม้ทุกอย่างจนกลายเป็นเถ้าถ่าน
ความร้อนสูงที่ม้วนตัวไปทั่วทิศ เผาไหม้อากาศบริเวณนั้นจนร้อนระอุ
เมื่อเปลวไฟหายไปแล้ว บนพื้นก็เหลือเพียงหลุมขนาดใหญ่ที่ลึกครึ่งจั้งเท่านั้น บนพื้นเต็มไปด้วยหินละลายสีแดง ส่วนเลือดเนื้อของปีศาจอสูรตนนั้น ไม่มีเหลือแม้แต่ชิ้นเดียว
ตอนนี้หลิ่วหมิงถึงได้ถอนหายใจออกมา และแหงนหน้ามองดูหานหลีที่อยู่ไม่ไกล
ชายหนุ่มกำลังเก็บมีดสั้น บนพื้นเต็มไปด้วยกองเศษน้ำแข็งสีชมพูแวววาว
ประจักษ์ชัดว่า หลังจากที่ปีศาจอสูรตนนี้ถูกน้ำแข็งปกคลุมอีกครั้ง มันก็ถูกตีจนแตกเป็นชิ้นๆ
หานหลีพลิกมือข้างหนึ่งขึ้นมา น้ำเต้าสีฟ้าอ่อนปรากฏขึ้นในมือ เพียงแค่โบกไปด้านล่าง แสงสีฟ้าก็พุ่งออกจากปากน้ำเต้า และม้วนเอาเศษน้ำแข็งเข้าไปในนั้น
ชายหนุ่มโบกน้ำเต้าอย่างรุนแรง จากนั้นมันก็หมุนตัวหายไปอย่างไร้ร่องรอย
“ข้าว่าแล้ว กะอีแค่อสูรไส้เดือนตนหนึ่ง ไหนเลยจะสามารถก่อกวนสหายหานได้ ตอนนี้พวกเราก็ออกเดินทางได้อย่างสบายใจแล้ว” หลิ่วหมิงตบมือหัวเราะกล่าวออกมา
“ข้ากลับคิดไม่ถึงว่า สหายจะเก่งกาจวิชาที่ใช้พลังเวทย์ไม่น้อย วิชากระสุนไฟของเจ้าได้ฝึกฝนจนถึงขั้นสมบูรณ์แบบแล้ว แต่ตามที่ข้าทราบมา ดูเหมือนว่าวิชากระสุนไฟขั้นสมบูรณ์โดยทั่วไป ไม่ได้ร้ายกาจถึงเพียงนี้” ชายหนุ่มมองดูหลุมยักษ์ตรงหน้าหลิ่วหมิง และแสดงสีหน้าหวาดกลัวออกมาเป็นครั้งแรก
พูดถึงวิชาประเภทน้ำแข็งเย็นสะท้านที่เขาฝึกฝนเป็นหลักแล้ว วิชากระสุนไฟขั้นสมบูรณ์แบบของหลิ่วหมิงกดดันเขาไม่ใช่น้อย
“ข้าบังเอิญโชคดีที่พลังเวทย์บริสุทธิ์กว่าสหายเล็กน้อย ดังนั้นวิชาที่ใช้พลังเวทย์จึงมีอานุภาพเพิ่มขึ้นนิดหน่อย” หลิ่วหมิงตอบกลับด้วยสีหน้าเช่นเดิม
“ฮึ! แค่เล็กน้อยหรือ! วิชากระสุนไฟระดับนี้ เกรงว่าแม้แต่อาจารย์จิตวิญญาณขั้นปลายก็ไม่กล้ารับมันโดยตรง” สีหน้าชายหนุ่มยังคงเปลี่ยนไปมา
แต่ครั้งนี้หลิ่วหมิงเพียงแค่ยิ้มให้ และไม่ได้กล่าวอะไรออกมา
หานหลีก็ไม่ได้สืบสาวราวเรื่องให้มากนัก ดังนั้นทั้งสองก็เดินหน้าไปอย่างรวดเร็ว
ไม่นานพวกเขาก็เดินออกมาจากป่า ด้านหน้าเป็นทุ่งหญ้ากว้างโล่ง และมีเสียงคำรามดังมาแว่วๆ
ครึ่งชั่วยามผ่านไป หลังจากที่ทั้งสองสังหารปีศาจหมาป่าสีขาวที่ซุ่มโจมตีอยู่ในทุ่งหญ้าไปหลายตน ในที่สุดก็มองเห็นอารามยักษ์อยู่ตรงหน้า มีแสงสีขาวเปล่งประกายอยู่ในนั้นลางๆ
ชายหนุ่มเห็นเช่นนี้ ก็รีบเร่งฝีเท้าอย่างรวดเร็ว หลิ่วหมิงก็ตามไปติดๆ
พริบตาเดียว ทั้งสองก็เข้าไปในอาราม และมองเห็นค่ายกลที่มีม่านแสงปกคลุมอยู่ไม่ไกล
ชายหนุ่มดีใจมาก แต่ขณะที่เขากำลังจะเดินผ่านเสาหินแท่งหนึ่งที่อยู่บริเวณนั้น สีหน้าหลิ่วหมิงก็เปลี่ยนไป เขาขยับแขนอย่างพร่ามัว และตบลงบนไหล่ของหานหลี
“ฟู่!” แสงสีดำพุ่งออกจากร่างชายหนุ่ม แต่พลังมหาศาลพุ่งออกจากมือหลิ่วหมิงในพริบตา
ร่างชายหนุ่มสั่นสะท้าน จากนั้นก็โซเซไปด้านหน้าโดยไม่ตั้งตัว
หานหลีทั้งตกใจทั้งโมโห ขณะที่ยังไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นนั้น ก็มีเสียงดัง “ซู่!” พายุไร้รูปพัดผ่านด้านหลังของเขา ไม่เพียงแต่จะพัดแสงสีดำที่ปกป้องเขาอยู่ แต่ยังทิ้งบาดแผลลึกชุ่นกว่าๆ ไว้บนหลังของเขาด้วย
หากไม่ใช่ว่าเขาเซไปด้านหน้าหนึ่งก้าว พายุไร้รูปนี้คงเจาะทะลุหัวใจเขาพอดี
ตอนนี้ชายหนุ่มรู้สึกตกใจมาก จากนั้นก็พุ่งถอยไปสิบกว่าจั้งด้วยความโมโห
เกือบจะในเวลาเดียวกัน หลิ่วหมิงก็พร่ามัวหายไป พายุไร้รูปอีกลูกหนึ่งพัดผ่านเงาของเขาไป
………………………………………