ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ - ตอนที่ 315 ของเหลวสีดำกับเปลวเพลิงสีขาว
อสรพิษยักษ์สีดำตนนั้น หยุดอยู่ห่างจากค่ายกลยี่สิบกว่าจั้ง มันแลบลิ้นสีม่วงเข้มออกมาอยู่ไม่หยุด ลิ้นของมันยังดูสมบูรณ์ราวกับว่าไม่เคยถูกฟันมาก่อน
ไม่เพียงแค่นี้ ดวงตาแดงก่ำทั้งสองของอสรพิษยักษ์เปล่งประกายราวกับคนที่ถูกเหน็บแหนม พอมันอ้าปาก ของเหลวราวกับหมึกสีดำก็พ่นออกมาอย่างบ้าคลั่ง
หลิ่วหมิงรู้สึกตกใจมาก เขาขยับตัวไปอีกด้านหนึ่งของค่ายกลอย่างไม่ลังเล
บังเกิดเสียงดังราวกับฝนตกกระทบรั้วไม้ไผ่
พอมีคลื่นสั่นสะเทือนบนอากาศที่ดูว่างเปล่า ค่ายกลขนาดใหญ่ที่หลบเร้นอยู่ด้านล่างก็ปรากฏออกมา ขณะเดียวกันก็มีลำแสงเปล่งประกายออกมา ม่านแสงสีแดงปรากฏตัวขึ้น และต้านทานของเหลวสีดำที่หล่นลงไว้
แต่พอม่านแสงสีแดงสัมผัสกับของเหลวสีดำ มันก็เริ่มละลายอย่างรวดเร็ว หลังจากเกิดเสียงดัง “เพล้ง!” ก็บังเกิดรูขนาดใหญ่ขึ้นมา
ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่มีอะไรมาต้านทานไว้ ของเหลวสีดำก็เข้าไปในม่านแสง และพอมีเสียงระเบิดดังขึ้น หยาดฝนสีดำก็พุ่งยิงลงมา
พริบตาที่ม่านสีแดงถูกของเหลวเหล่านี้เจาะทะลุ ค่ายกลทั้งหลังก็เกิดเป็นรูจำนวนมาก และถูกทำลายในทันที
แม้หลิ่วหมิงจะยังมีท่าไม้ตายอยู่ไม่น้อย แต่พอเห็นของเหลวสีดำร้ายกาจถึงเพียงนี้ ก็หน้าเปลี่ยนสีขึ้นมา ขณะเดียวกันก็แอบด่าประมุขนิกายปีศาจผู้นั้นอยู่ไม่หยุด
นี่คือค่ายกลที่เขาบอกว่าสามารถควบคุมมารอสรพิษได้หรือ!
ดูจากสถานการณ์ตรงหน้า ต่อให้หลอกล่อให้อสรพิษยักษ์เข้าไปในค่ายกลได้ แต่ก็ไม่อาจต้านทานสิ่งที่ฝ่ายตรงข้ามอ้าปากพ่นออกมาได้
แต่มาถึงตอนนี้แล้ว หานหลีก็ยังไม่ปรากฏร่างออกมา ทั้งยังไม่รู้ว่าใช้วิธีอะไรซ่อนร่างไว้ ซึ่งแม้แต่พลังจิตอันแข็งแกร่งของหลิ่วหมิง ก็รับรู้กลิ่นไอได้เพียงลางๆ ว่าชายหนุ่มยังอยู่บริเวณนี้ แต่กลับไม่อาจระบุตำแหน่งที่แน่ชัดได้
แม้อสรพิษสีดำตรงหน้าจะมีพลังน่าตกใจ แต่พลังจิตกลับดูธรรมดามาก มันได้แต่จ้องมองหลิ่วหมิงด้วยสีหน้าโหดเหี้ยม ประจักษ์ชัดว่า ยังไม่ค้นพบว่ามีศัตรูหลบซ่อนอยู่บริเวณนี้
ด้วยเหตุนี้ หานหลีเพียงแค่คว้าโอกาสให้มั่น ก็ใช่ว่าจะไม่สามารถลอบโจมตีมารอสรพิษนี้อย่างรุนแรงได้ แต่ก่อนอื่น หลิ่วหมิงต้องต้านทานการโจมตีของมารอสูรตรงหน้าก่อน เพื่อพยายามสร้างโอกาสให้ชายหนุ่มถึงจะได้
แต่หากเป็นเช่นนี้ล่ะก็ เขาจำเป็นต้องต้านทานการโจมตีของมารอสรพิษตรงหน้า โดยใช้ตัวเองเป็นเหยื่อล่อจริงๆ แล้ว
“เอาเถอะ! ถอยตอนนี้ก็ไม่ได้แล้ว ลองดูพลังของมารอสรพิษก่อนแล้วค่อยว่ากัน! มีเกล็ดมังกรระดับผลึกป้องกันอยู่ เพียงแค่ฝ่ายตรงข้ามยังอยู่ในระดับของเหลว คิดว่าคงป้องกันได้อย่างไม่มีปัญหา” หลิ่วหมิงหรี่ตาคิดไตร่ตรองอยู่เช่นนี้ จากนั้นกระบี่สั้นสีทองในมือก็ถูกตวัดออกไป
บังเกิดเสียงดังสะเทือนเลือนลั่น!
เงากระบี่สีทองจำนวนมากทับซ้อนกันตรงหน้าเขา และกลายเป็นแสงกระบี่ที่ยาวเจ็ดแปดจั้งก่อนม้วนตัวไปหาอสรพิษยักษ์
อสรพิษยักษ์สีดำยังอยู่ที่เดิมไม่ขยับเขยื้อน แต่กลับอ้าปากพ่นของเหลวสีดำออกมาอีกครั้ง และปะทะใส่แสงกระบี่ที่ม้วนตัวเข้ามาพอดี
“ฟู่!”
แสงกระบี่ดับสลายไป ของเหลวสีดำก็กลายเป็นไอดำก่อนหายไปอย่างไร้ร่องรอย
เหมือนกับว่าจะทั้งสองจะพังพินาศไปพร้อมๆ กัน
หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ ก็หดรูม่านตาในทันที
อย่างที่รู้ว่า แม้การแสดงวิชาเมื่อครู่จะเป็นวิธีการที่ง่ายที่สุดของวิชากระบี่ แต่สิ่งที่อยู่ในมือเป็นกระบี่จิตวิญญาณระดับสุดยอด อานุภาพก็แข็งแกร่งกว่ากระบี่จันทราหยกหลายเท่า แต่กลับถูกของเหลวสีดำนี้ทำลายได้
ที่แท้มารอสรพิษระดับของเหลวขั้นปลายตนนี้ ก็น่ากลัวถึงเพียงนี้
ในขณะที่หลิ่วหมิงลังเลว่า ควรจะลองใช้วิชาขี่กระบี่ที่ยังชำนาญไม่ถึงครึ่งลองโจมตีดูดีหรือไม่นั้น สีหน้าเขาก็พลันเปลี่ยนไป พอเขาขยับแขน ปราณกระบี่สีทองสายหนึ่งก็ฟันขึ้นฟ้า
“ฟู่!”
เงาสีดำจางๆ ของหัวอสรพิษยักษ์ปรากฏเหนือศีรษะหลิ่วหมิงโดยไร้ซุ้มเสียง และงับลงมาอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้าแลบ
แสงสีทองเปล่งประกาย แสงกระบี่ฟันร่างอสรพิษออกเป็นสองส่วน
แต่ครู่ต่อมา ก็มีคลื่นสั่นไหวข้างตัวหลิ่วหมิง เงาหัวอสรพิษยักษ์สีดำอีกตนหนึ่งปรากฏออกมา และอ้าปากงับเข้ามาอย่างโหดเหี้ยม
“ทำลาย!”
หลิ่วคิดจะกระตุ้นกระบี่จันทราทองคำในมือก็ไม่ทันแล้ว ทำได้แต่คำรามเสียงต่ำออกมา มืออีกข้างที่ว่างอยู่ก็กำกำปั้นไว้แน่น และโจมตีใส่เงาร่างที่สองของอสรพิษดำทันที
“เพล้ง!” เงากำปั้นสีดำพุ่งออกไป
หัวอสรพิษสั่นสะเทือน จากนั้นก็ถูกพลังมหาศาลของเงากำปั้นโจมตีจนแตกกระจาย
ขณะนี้ หลิ่วหมิงก็ไม่ได้รู้สึกวางใจแต่อย่างใด แต่กลับกระทืบเท้าข้างหนึ่งลงพื้นอย่างรวดเร็ว และพุ่งยิงออกไปด้านข้างราวกับลูกธนู
“เพล้ง!”
อสรพิษยักษ์สีดำตนที่สามพุ่งออกจากทะเลทราย และอ้าปากงับได้แต่ความว่างเปล่า
เวลาต่อมา หลิ่วหมิงก็ไม่หยุดนิ่งอยู่ที่เดิม เขาเคลื่อนย้ายตำแหน่งอย่างรวดเร็วจนเกิดเป็นเงา กระบี่สั้นสีทองก็ฟันออกไปไม่หยุด ขณะเดียวกันหัวอสรพิษยักษ์แต่ละตน ก็งับมาทางเขาอย่างบ้าคลั่ง
หากไม่ใช่ว่าหลิ่วหมิงมีร่างกายที่แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก และขณะเดียวกันยังเคยทานหญ้าลอยฟ้าจนทำให้ร่างเบาเหมือนนกล่ะก็ เกรงว่าคงไม่อาจต้านทานการโจมตีนี้ได้
ดีที่ว่าร่างแท้จริงของมารอสรพิษยังคงอยู่นิ่งกับที่ มันเพียงแต่ใช้สายตาอันเยือกเย็นจ้องมองหลิ่วหมิงอยู่ไม่หยุด เกล็ดสีดำหนาๆ บนตัว มีอักขระสีดำจำนวนมากเปล่งประกายออกมาอย่างต่อเนื่อง
ภายใต้สถานการณ์ที่อสรพิษทำการโจมตีเช่นนี้ ประจักษ์ชัดว่าไม่สามารถเคลื่อนไหวร่างที่แท้จริงได้โดยง่าย
“ฟู่!”
พายุเย็นสะท้านพัดผ่านอากาศบริเวณที่อสรพิษยักษ์อยู่ จากนั้นวงแหวนแสงจำนวนมากก็ปรากฏขึ้นบนตัวของมัน และพริบตาเดียวก็เกาะตัวเป็นวงแหวนน้ำแข็งหนาๆ
และในขณะเดียวกัน พอมีคลื่นสั่นไหวกลางอากาศ ร่างของหานหลีก็ปรากฏออกมา ตรงหน้าเขามีตะเกียงโบราณลอยอยู่อันหนึ่ง
เขากัดฟันและอ้าปากพ่นไอบริสุทธิ์สีขาวน้ำนมใส่ตะเกียงโบราณ
พริบตานั้น เปลวเพลิงสีขาวก็ปรากฏออกจากตะเกียงอย่างพร่ามัว และลอยลงไปยังด้านล่าง
พริบตาที่พ่นไอบริสุทธิ์ออกมานั้น กลิ่นไอบนตัวของชายหนุ่มก็ลดลงไปมาก ร่างของเขาโซเซจนเกือบจะหล่นจากอากาศ
ขณะที่อยู่ๆ ก็มีวงแหวนน้ำแข็งปรากฏขึ้นบนตัวอสรพิษยักษ์นั้น มันก็ส่งเสียงคำรามออกมาทันที จากนั้นมันแค่บิดหัวอย่างรวดเร็ว วงแหวนน้ำแข็งที่รัดอยู่ตรงคอก็แตกกระจายออกมาเป็นเสี่ยงๆ และมันก็เหงยหน้าพ่นของเหลวสีดำออกมา เพื่อจะพัดเปลวตะเกียงสีขาวเหล่านั้นให้ดับไป
ฉากเหนือความคาดหมายได้บังเกิดขึ้นแล้ว!
พอของเหลวสีดำสัมผัสกับเปลวตะเกียง มันก็เผาไหม้เป็นเปลวเพลิงสีขาวอันโชติช่วง
พอหานหลีที่อยู่กลางอากาศสะบัดแขนเสื้อ ดาบสั้นสีขาวที่เตรียมไว้แต่แรกก็ปรากฏออกมา และฟันลงไปด้านล่างอย่างรุนแรง
พริบตาเดียว พายุเย็นสะท้านก็ก่อตัวขึ้นกลางอากาศ!
เปลวเพลิงสีขาวลุกไหม้ตามแรงลมและพวยพุ่งลงไปด้านล่างจนปกคลุมมารอสรพิษสีดำไว้
เสียงคำรามด้วยความโมโหของอสรพิษยักษ์ดังออกจากทะเลเพลิงสีขาว ประจักษ์ชัดว่าเปลวเพลิงสีขาวนี้เป็นอันตรายต่อมันมาก
หานหลีเห็นเช่นนี้ ก็เผยสีหน้าดีใจออกมา เขาอ้าปากพ่นโลหิตบริสุทธิ์ใส่ตะเกียงโบราณอีกครั้ง
เปลวตะเกียงสีแดงกรากฏขึ้นเหนือตะเกียงโบราณ
ขณะที่ชายหนุ่มกำลังจะกระตุ้นเปลวตะเกียงนั้น พลันมีเคลื่อนสั่นไหวข้างหู เสียงเยือกเย็นของหลิ่วหมิงแจ้งเตือนเข้ามา
“รีบหลบ!”
“อะไรนะ?” แม้ระดับการฝึกฝนของหานหลีจะไม่ด้อยไปกว่าผู้ใด แต่ประสบการณ์การต่อสู้จริงนั้นมีไม่ค่อยมาก พอได้ยินเช่นนี้ก็รู้สึกตกตะลึง และหยุดชะงักในทันที
“ตู๊ม!”
ท่ามกลางทะเลเพลิงสีขาวที่อยู่ด้านล่าง หัวอสรพิษยักษ์ที่เต็มไปด้วยกลิ่นไหม้ พุ่งออกมาพร้อมด้วยกลิ่นไออันน่าตกใจ พอกลิ่นคาวม้วนตัวออกไปแล้ว ปากที่เต็มไปด้วยคมเขี้ยวอันแหลมคมก็ปรากฏที่ใต้ร่างของชายหนุ่ม
หานหลีตกใจจนหน้าถอดสี แต่พอคิดจะแสดงวิชาเพื่อหลบหนี กลับรู้สึกแน่นตัวขึ้นมา พลังไร้รูปรัดตรึงเขาไว้
และขณะที่เกือบจะถูกอสรพิษยักษ์ที่อยู่ด้านล่างกลืนกิน พลันมีเสียงดัง “เต๊งๆ!” บริเวณเอวของเขา โซ่สีเงินรัดพันร่างเขาไว้อย่างรวดเร็ว พอออกแรงดึงในฉับพลัน ร่างของชายหนุ่มก็ถูกลากออกไปไกลสิบกว่าจั้ง
ปากขนาดใหญ่งับได้เพียงความว่างเปล่า
นี่เป็นเพราะว่าหลิ่วหมิงสลัดการไล่ตามของเงาหัวอสรพิษได้พอดี เขาจึงสะบัดแขนเสื้อปล่อยโซ่สยบปีศาจไปช่วยหานหลีในช่วงเวลาสำคัญไว้ได้
ขณะนั้นเอง มารอสูรตนนี้ก็คำรามเสียงออกมาด้วยความโมโห มันสะบัดหางลงพื้นอย่างรุนแรง พายุบ้าระห่ำสีดำก็ม้วนตัวขึ้น และดับเปลวเพลิงสีขาวที่อยู่ด้านล่างจนดับไป ขณะเดียวกันร่างขนาดใหญ่ก็กระโดดตัวขึ้น และกระโจนเข้าใส่หานหลีที่อยู่ไม่ไกลอีกครั้ง
ชายหนุ่มสีหน้าถอดสีในทันที
ตอนนี้เขาเพิ่งหลุดพ้นจากพลังมหาศาลนั้นได้ ร่างกายยังคงอ่อนแรง ไม่สามารถทำการป้องกันใดๆ ได้ ทำได้แต่กัดฟัน และเป่าตะเกียงโบราณตรงหน้า
“ฟู่!”
พอเปลวเพลิงสีแดงพร่ามัว มันก็กลายเป็นวิหคน้อยสีแดงพุ่งออกจากตะเกียง และพุ่งใส่อสรพิษยักษ์
อสรพิษยักษ์สีดำทำเสียงฟืดฟาดพ่นไอดำออกมา วิหคน้อยสีแดงถูกห่อหุ้มไว้และม้วนออกไปหลายจั้งก่อนที่จะระเบิดออกมา
ทุกสิ่งที่อยู่ในระยะรัศมีจั้งกว่าๆ ถูกเปลวเพลิงสีแดงปกคลุมไว้ในพริบตา
พอไม่มีอะไรมาต้านทานไว้ อสรพิษยักษ์ก็อ้าปากงับไปทางหานหลีอย่างโหดเหี้ยม
แต่ขณะนั้นเอง ก็มีแสงสีดำเปล่งประกายออกมา ลูกกลมๆ สีดำปรากฏอยู่เหนือหัวอสรพิษยักษ์ และหมุนตัวร่วงลงมาอย่างรุนแรง
“ตู๊ม!”
มุกกลมทุบใส่หัวของอสรพิษยักษ์พอดี ขณะเดียวกันเงาร่างขนาดเท่าภูเขาลูกเล็กๆ ก็ปรากฏออกมา
อสรพิษยักษ์ไม่ทันได้ป้องกัน หัวของมันถูกทุบจนเซไปด้านข้าง และฟาดลงบนพื้นทรายอย่างรุนแรง จนทำให้พื้นบริเวณนั้นสั่นสะเทือนขึ้นมา
มุกพลังวารีที่ผ่านการปรับแต่งมาสองครั้ง ทำให้มันมีน้ำหนักไม่ต่ำกว่าหมื่นจิน แม้ว่าตอนนี้กายเนื้อของหลิ่วหมิงจะแข็งแกร่งมาก แต่ก็พอที่จะฝืนควบคุมได้เท่านั้น
แม้มารอสรพิษตนนี้ จะมีพลังแปลกประหลาด แต่ไหนเลยจะสามารถต้านทานการโจมตีอย่างรุนแรงของมุกพลังวารีนี้ได้
ดังนั้นมารอสรพิษตนนี้จึงถูกทุบจนเวียนหัวขึ้นมาทันที และไม่สามารถเงยหน้าขึ้นมาได้
ขณะนั้นเอง หลิ่วหมิงก็โยนกระบี่สั้นสีทองไปในอากาศอย่างไม่ลังเล และทำท่ามือด้วยมือทั้งสองอย่างรวดเร็ว
กระบี่สั้นสีทองพร่ามัวกลายเป็นสายรุ้งม้วนตัวเข้ามา มันปล่งประกายแค่ทีเดียวก็ฟันใส่กลางหัวของอสรพิษยักษ์
เลือดสีดำพุ่งออกจากหัวอสรพิษยักษ์ จากนั้นหัวขนาดใหญ่ก็ถูกฟันออกเป็นสองส่วน
………………………………………