ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ - ตอนที่ 316 อสรพิษดำ
“ในที่สุดก็สังหารได้แล้ว!” หานหลีที่อยู่กลางอากาศเห็นเช่นนี้ ก็กล่าวด้วยความดีใจ
ตอนนี้เขาสามารถควบคุมตนเองได้แล้ว
“ระวังหน่อย! อสรพิษตนนี้ไม่อาจถูกสังหารได้โดยง่าย” หลิ่วหมิงกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
ชายหนุ่มได้ยินก็รู้สึกตกใจมาก หลังจากได้รับบทเรียนในครั้งแรก ก็รีบทำท่ามือด้วยมือเดียวโดยไม่ต้องคิด เปลวตะเกียงสีดำลอยขึ้นจากตะเกียงที่อยู่ตรงหน้า และกลายเป็นม่านแสงสีดำปกคลุมร่างไว้ทันที
ขณะนั้นเอง หัวอสรพิษที่ถูกฟันออกเป็นสองส่วน ก็พลันแตกออกมาเป็นชิ้นๆ จากนั้นก็มีคลื่นสั่นไหวขึ้นมา หัวอสรพิษสีดำอีกตนที่เล็กกว่าก่อนหน้านั้นโผล่ออกมากลางอากาศ มันมีรูปร่างเหมือนกับก่อนหน้านั้นไม่มีผิด แต่มีคราบเลือดเล็กๆ อยู่บนหัว และยังมีเลือดสีดำพุ่งออกมา
หัวอสรพิษที่หลิ่วหมิงฟันในก่อนหน้านั้น เป็นแค่คราบหนาๆ ชั้นหนึ่งของมารอสูรตนนี้เท่านั้น
แน่นอนว่าสิ่งที่ทั้งสองไม่รู้ก็คือ หลังจากที่อสรพิษกลายเป็นมารแล้ว คราบของมันก็แข็งแกร่งอย่างถึงที่สุด! หากไม่ใช่ว่าหลิ่วหมิงใช้กระบี่จิตวิญญาณระดับสุดยอด บวกกับการแสดงวิชาขี่กระบี่ล่ะก็ คงไม่อาจฟันมันได้โดยง่าย
แต่การลอกคราบเพื่อรักษาชีวิตไว้นั้น ก็ทำให้มันสูญเสียพลังไปไม่น้อย กลิ่นไอบนตัวก็อ่อนลงกว่าก่อนหน้านั้นมาก แต่ดวงตาแดงก่ำทั้งคู่กลับเปล่งประกายความบ้าคลั่งออกมา
มันแหงนหน้าแผดเสียงยาวออกมา และบิดตัวในทันที พื้นผิวที่ถูกเปลวเพลิงสีขาวเผาไหม้จนเกรียมค่อยๆ หลุดออกมาเป็นชิ้นๆ เผยให้เห็นถึงแผ่นเกล็ดใหม่ที่มีสภาพเหมือนเดิม ราวกับมันไม่เคยได้รับบาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย
หลิ่วหมิงชี้ไปบนอากาศด้วยสีหน้าหนักอึ้ง
“ฟู่!”
มุกดำที่ลอยอยู่กลางอากาศบริเวณนั้น พุ่งใส่อสรพิษยักษ์อย่างพร่ามัว ยังไม่ทันที่มันจะเข้ามาใกล้ ไอหมอกกลุ่มหนึ่งก็พวยพุ่งออกมา
แต่มารอสรพิษที่โดยของล้ำค่าชิ้นนี้ทำร้ายไปครั้งหนึ่ง ไหนเลยจะยอมให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยได้ มันบิดหัวในฉับพลัน และอ้าปากพ่นมุกกึ่งโปร่งใสออกมาเม็ดหนึ่ง
“ตู๊ม!”
มุกทั้งสองปะทะเข้าด้วยกัน พอมุกดำพร่ามัว มันก็ถูกมุกกึ่งโปร่งแสงห่อหุ้มไว้ และหยุดนิ่งอยู่ในนั้นไม่ขยับเขยื้อน
และในขณะเดียวกัน หางของอสรพิษยักษ์ก็ฟาดลงพื้นอย่างรุนแรง ร่างขนาดมหึมากระโจนเข้าใส่หลิ่วหมิงพร้อมกับพายุบ้าระห่ำ ขณะที่ยังไม่ทันกระโจนเข้ามาถึง เงาร่างสีม่วงก็ถูกพ่นออกจากปากขนาดใหญ่
หลิ่วหมิงรู้เสียวสะท้านขึ้นมา เขาพุ่งตัวถอยออกไป พอสะบัดกระบี่สั้นสีทองในมือ แสงกระบี่อันครั่นคร้ามก็ถูกฟันออกไปทันที มันกะจะฟันลิ้นอสรพิษที่พุ่งเข้ามาให้ขาดออกจากกัน
แต่พอเงาร่างสีม่วงพร่ามัว แสงกระบี่สีทองก็กระพริบผ่านไปราวกับเงา และเมื่อมีคลื่นอากาศสั่นไหวเหนือศีรษะของเขา ลิ้นอสรพิษอีกอันก็พุ่งยิงลงมา
หลิ่วหมิงกระทืบเท้าโดยไม่ต้องคิด จากนั้นร่างของเขาก็พุ่งยิงไปด้านหลังในพริบตา เพียงแค่พร่ามัวไม่กี่ที ก็กลับไปยังค่ายกลที่ถูกทำลายอีกครั้ง
ตอนนี้อสรพิษยักษ์เผยความดุร้ายออกมา พออักขระสีดำบนตัวเปล่งประกาย ร่างของมันก็กระโจนเข้ามา
พอหลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ ดวงตาก็เปล่งประกายออกมา ร่างของเขายังยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับเขยื้อน พอสูดหายใจเข้าลึกๆ ไอดำก็พวยพุ่งออกจากร่าง หลังจากรวมตัวกันกลางอากาศแล้ว ก็กลายเป็นมังกรหมอกดำที่มีขนาดยาวหลายจั้ง หมุนวนอยู่รอบตัวเขา
ขณะเดียวกัน กระบี่สั้นสีทองในมือหลิ่วหมิงก็หายวับไป เขากำหมัดไว้แน่นพร้อมกับคำรามออกมา จากนั้นก็ชกออกไปอย่างรุนแรง
คลื่นสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงม้วนตัวออกไป
อสรพิษยักษ์คำรามออกมา จากนั้นก็อ้าปากพ่นของเหลวสีดำ และแยกเขี้ยวยิงฟันพร้อมกับกระโจนเข้ามา
“ฟู่!”
ของเหลวสีดำถูกพ่นออกไปได้ไม่ไกลเท่าไหร่ ก็ถูกพลังบางอย่างปะทะเข้าใส่จนม้วนตัวกลับไป
ตอนแรกอสรพิษยักษ์รู้สึกตกใจ แต่ก็คำรามด้วยความโมโห มันอ้าปากพ่นคลื่นสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงออกมา ทำให้ของเหลวสีดำหยุดนิ่งอยู่กลางอากาศ
แต่ขณะนั้นเอง พลันมีแสงเปล่งประกายเหนือตัวอสรพิษยักษ์ ตาข่ายแวววาวปรากฏออกมา และร่วงลงมาปกคลุมร่างอสรพิษยักษ์ไว้
เสียงร่ายคาถาดังขึ้นกลางอากาศ ตาข่ายรัดแน่นขึ้น ขณะเดียวกัน อักขระสีขาวจำนวนมากก็ปรากฏขึ้นบนพื้นผิว และจมหายเข้าไปในตัวอสรพิษยักษ์อย่างบ้าคลั่ง
สิ่งที่เหนือความคาดหมายได้ปรากฏขึ้นแล้ว
อักขระสีขาวเหล่านี้ดูไม่เตะตา แต่เกล็ดอันแข็งแกร่งของอสรพิษยักษ์กลับไม่อาจต้านทานมันได้ และพอมันเจาะเข้าไปได้แล้ว อสรพิษยักษ์ก็ส่งเสียงร้องออกมาอย่างเวทนา ร่างขนาดมหึมาดิ้นรนอยู่ในตาข่ายด้วยความทรมาณ
สิ่งนี้เกิดจากการที่หานหลี ได้เตรียมอาวุธควบคุมไว้แต่แรก
ตอนนี้ มันดูได้ผลเป็นอย่างยิ่ง
“ฟู่!”
เงาร่างสั่นไหวเหนือตัวอสรพิษยักษ์จากนั้นร่างหลิ่งหมิงก็ปรากฏออกมา พอเขาโบกมือข้างหนึ่งออกไป ไอดำกลุ่มหนึ่งก็พุ่งยิงเข้ามา และถูกคว้าเอาไว้แน่น จากนั้นก็กลายเป็นมุกกลมๆ สีดำ
มือข้างหนึ่งของหลิ่วหมิงกำมุกกลมๆ ไว้แน่น และเผยสีหน้าดุร้ายออกมา จากนั้นก็โจมตีหัวอสรพิษยักษ์ที่อยู่ด้านล่างอย่างรุนแรง
“ตู๊ม!”
พออสรพิษยักษ์ถูกกำปั้นที่มีไอดำรายล้อมโจมตี แสงทรงกลดสีดำก็ระเบิดตัวออกมา และร่างของมันก็ตกลงพื้นอย่างรุนแรงท่ามกลางเสียงร้องอันแปลกประหลาด
หัวของอสรพิษยักษ์มีรอยยุบขนาดเท่าอ่างล้างหน้า
อสรพิษยักษ์โมโหจนถึงขีดสุด พอคิดจะส่ายหัวและเงยหน้าขึ้น กลับรู้สึกว่าลำตัวแน่นขึ้นมา การเคลื่อนไหวก็ช้าลงไปมาก
ในขณะเดียวกัน ร่างหลิ่วหมิงก็พร่ามัวมาปรากฏอยู่บนหัวอสรพิษยักษ์อย่างรวดเร็วราวกับปีศาจ และขยับแขนทุบตีอย่างรุนแรงโดยที่มันไม่ทันได้ตั้งตัว
บังเกิดเสียงดังขึ้นมา คลื่นสั่นสะเทือนเป็นวงๆ กระจายออกจากหัวขนาดใหญ่!
เงากำปั้นกระหน่ำโจมตีหัวอสรพิษในตำแหน่งเดิม ทุกกำปั้นที่ทุบลงไปล้วนแฝงด้วยพลังมหาศาล
ตอนแรก อสรพิษยักษ์พยายามดิ้นรนเอาชีวิตรอดอยู่ไม่หยุด แต่หลังโดนกำปั้นติดต่อกันสิบกว่าลูก หัวของมันก็แบนราบขึ้นมา กว่าครึ่งหนึ่งจมลงไปในทะเลทรายจนไม่อาจขยับได้ หลังจากถูกชกไปอย่างรุนแรงอีกครั้ง หัวของมันก็ระเบิดออกมาราวกับลูกแตงโม สมองสีขาวกับเลือดสีดำพุ่งออกมาทันที
ร่างหลิ่วหมิงพร่ามัวหายไปจากที่เดิม
ครู่ต่อมา มีคลื่นสั่นสะเทือนกลางอากาศที่สูงสิบกว่าจั้ง จากนั้นก็ปรากฏร่างหลิ่วหมิงขึ้นมา
แต่ตอนนี้เขามีใบหน้าซีดขาว เหงื่อผุดอยู่เต็มหน้าผาก ประจักษ์ชัดว่าการกระตุ้นมุกพลังวารีโจมตีอย่างบ้าคลั่ง ทำให้เขาสูญเสียพลังไปไม่ใช่น้อย
เสียงร่ายคาถาดังมาจากอากาศ พอหานหลีที่กำลังเตรียมวิชาระดับสูงบางอย่างอยู่เห็นฉากเช่นนี้ ก็รู้สึกตกตะลึงจนปากอ้าตาค้าง
“อสรพิษถูกตีจนตายเช่นนี้หรือ!” เขาพูดพึมพำออกมาราวกับไม่อยากจะเชื่อ
“นี่เป็นเพราะสหายหานให้ความร่วมมือดี มิเช่นนั้นคงไม่อาจลงมือได้ง่ายดายเช่นนี้” หลิ่วหมิงกล่าวด้วยสีหน้าที่ผ่อนคลายลง และมองไปยังตาข่ายที่ห่อหุ้มศพอสรพิษยักษ์อย่างอดไม่ได้
เขารับรู้ได้อย่างชัดเจนว่า พอมารอสรพิษที่ดูดุร้ายเป็นอย่างมาก ถูกตาข่ายรัดตัวไว้ พลังของมันก็ถูกควบคุมไว้เกือบครึ่งหนึ่ง
แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม การที่สามารถจัดการอสรพิษตนนี้ได้อย่างง่ายดายเช่นนี้ กลับทำให้เขารู้สึกแปลกใจเล็กน้อย ดูท่าอาวุธจิตวิญญาณชิ้นนี้ ถึงจะเป็นไม้ตายที่แท้จริงที่ประมุขนิกายหยวนหมัวมอบให้หานหลี!
“ดีมาก! เช่นนี้พวกเราก็สำเร็จภารกิจนี้แล้ว เพื่อป้องกันเหตุที่ไม่คาดคิด ควรจะควักเอาผลึกปีศาจออกจากร่างของมัน และหลอมละลายศพของมันซะ เปลวเพลิงธรรมดาเกรงว่าคงจะไม่ได้ ใช้เปลวเพลิงสามพลังจิตวิญญาณของข้าเถอะ!” ในที่สุดชายหนุ่มก็ได้สติกลับมา และกล่าวด้วยความตื่นเต้น
จากนั้น เขาค่อยๆ ร่อนลงจากอากาศ และชี้มือข้างหนึ่งไปยังตะเกียงโบราณที่ลอยอยู่ตรงหน้า เปลวตะเกียงสีดำลอยออกมา และหล่นลงไปยังศพอสรพิษยักษ์ที่อยู่ด้านล่าง
“ฟู่!”
เปลวเพลิงสีดำลุกไหม้ออกจากศพอสรพิษยักษ์ จากนั้นพื้นที่บริเวณนั้นก็กลายเป็นทะเลเพลิงขนาดใหญ่
ในเวลาเดียวกัน ชายหนุ่มก็โบกมือลงไปด้านล่าง
ตาข่ายแวววาวที่ปกคลุมร่างอสรพิษอยู่ กลายเป็นจุดแสงสีขาวๆ และพุ่งขึ้นฟ้า หลังจากหมุนติ้วๆ รวมตัวกันแล้ว ก็กลายเป็นตาข่ายอีกครั้ง และตกลงบนมือชายหนุ่ม
ในขณะนั้นเอง หลิ่วหมิงที่อยู่ด้านข้างพลันตะโกนออกมา “แย่แล้ว!”
เขาขยับแขนในฉับพลัน เงากำปั้นสีดำกลุ่มหนึ่งโจมตีไปกลางทะเลเพลิงพร้อมพายุอันบ้าระห่ำ
“ฟู่!”
เงาดำเส้นหนึ่งพุ่งขึ้นจากทะเลเพลิง และหลบเงากำปั้นสีดำไปได้ หลังจากมันพร่ามัวแล้ว ก็ปรากฏอยู่ห่างออกไปสิบกว่าจั้ง มันคืออสรพิษน้อยสีดำที่ยาวไม่เกินฉื่อกว่าๆ
อสรพิษตนนี้มีเขาเดี่ยวอยู่บนหัว ดวงตาทั้งคู่แดงก่ำ แต่ภายใต้การห่อหุ้มของไอสีดำ มันกลับพุ่งหนีออกไปโดยไม่หันมามองเลย ราวกับว่ามันไม่อยู่ในชั้นจำกัดของเจดีย์กักปีศาจ
“ตามไป! นี่ถึงเป็นร่างที่แท้จริงของมารอสรพิษ!” หลิ่วหมิงคำรามออกมา และขยับตัวพุ่งตามไปราวกับลูกธนู
ภายใต้ความตกใจ หานหลีก็ตามไปโดยไม่ทันได้คิดอะไรมาก
เห็นอย่างชัดเจนว่า แม้ว่าชายหนุ่มจะรวดเร็วมาก แต่เมื่อเทียบกับอสรพิษดำกับหลิ่วหมิงที่อยู่ตรงหน้าแล้ว ช่างแตกต่างกันราวฟ้ากับดิน หลังจากตามไปได้ไม่กี่ลี้ ก็มองไม่เห็นเงาร่างของทั้งสองอีก เขาจึงได้แต่หยุดฝีเท้าลง และยิ้มอย่างขมขื่น
หลิ่วหมิงอยู่ห่างอสรพิษดำสิบกว่าจั้ง ความเร็วของเขาไม่ด้อยไปกว่าอสรพิษดำที่อยู่ตรงหน้าเลย
นี่เป็นเพราะว่ากลิ่นไอของอสรพิษดำตรงหน้าอ่อนลงเป็นอย่างมาก จนไม่อาจเทียบกับมารอสรพิษในก่อนหน้านั้นได้ มิเช่นนั้น ด้วยลักษณะนิสัยที่รอบคอบอย่างหลิ่วหมิง คงไม่ตามติดไปคนเดียวเช่นนี้
พอเห็นว่ากลิ่นไอบนตัวของอสรพิษดำอ่อนลงเรื่อยๆ แต่ความเร็วกลับเพิ่มมากขึ้น หลิ่วหมิงที่ตามติดอย่างไม่ลดละ ก็ขมวดคิ้วขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ เขาสะบัดแขนเสื้อในทันที พอสายรุ้งสีทองม้วนตัวออกไป มันก็ฟันอสรพิษดำออกเป็นสองส่วน
“ฉับ!”
ร่างที่ถูกฟันเป็นสองส่วนของอสรพิษดำระเบิดออกมาเป็นไอดำสองกลุ่ม แต่พลันมีเสียงดังก้องออกมาจากในนั้น อสรพิษน้อยสีดำอีกตนหนึ่งพุ่งยิงออกไป ความเร็วของมันไม่ได้ลดลงเลยแม้แต่น้อย
แต่กลับเป็นเพราะหลิ่วหมิงกระตุ้นกระบี่บิน ทำให้ความเร็วลดไปเกือบครึ่งหนึ่ง ระยะห่างระหว่างเขากับอสรพิษดำจึงเพิ่มมากขึ้น
หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ ก็ทำเสียงฮึดฮัดออกมา พอแสงกระบี่สีทองหมุนวนและพุ่งเข้ามาในแขนเสื้อเขาแล้ว เขาก็ไม่กล้าแสดงวิชาขี่กระบี่อีก ได้แต่ไล่ตามไปอย่างเงียบๆ
………………………………………