ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ - ตอนที่ 342 การประมูลอันดุเดือด
“โล่นี้ใช้กระดองเต่ายักษ์พันปี และทองคำคลื่นทะเลที่ผู้อาวุโสในเผ่าท่านหนึ่งได้มาจากทะเลต้องห้าม มาผ่านการหลอมด้วยไฟต้นกำเนิดเป็นเวลาแปดสิบเอ็ดวันจึงสำเร็จออกมา ชั้นจำกัดสามสิบเอ็ดชั้นของมันล้วนไม่ธรรมดา หลังจากปรับแต่ง และทำการกระตุ้นแล้ว มันไม่เพียงแต่ปล่อยม่านวารีอันน่าตกใจออกมาปกป้องร่างกาย แต่ยังเสริมอานุภาพของวิชาธาตุน้ำด้วย!”
เหยียนเจวี๋ยหยิบโล่เล็กสีทองออกจากตลับ และค่อยๆ ยกขึ้นมาด้านหน้าพร้อมกับกล่าวออกมา น้ำเสียงเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ
พอได้ยินเหยียนเจวี๋ยพูดถึงอาวุธจิตวิญญาณระดับสุดยอดที่มีสามสิบเอ็ดชั้นจำกัด ไม่เพียงแต่จะทำให้เกิดเสียงฮือฮาขึ้นมา หลิ่วหมิงที่เหลือบมองด้วยสายตาเยือกเย็น ก็รู้สึกใจเต้นขึ้นมาไม่น้อย
อย่างที่รู้ว่าอาวุธจิตวิญญาณที่แฝงด้วยยี่สิบแปดชั้นจำกัด ก็พอจะเรียกว่าเป็นอาวุธจิตวิญญาณระดับสุดยอดได้แล้ว อาวุธจิตวิญญาณที่แฝงด้วยสามสิบเอ็ดชั้นจำกัดนี้ ย่อมเป็นอาวุธจิตวิญญาณระดับสุดยอดขั้นกลางแล้ว
แม้ว่ากระบี่จันทราทองคำในมือเล่มนั้น ก็เป็นอาวุธจิตวิญญาณระดับสุดยอดเช่นกัน แต่ก็มีแค่ยี่สิบแปดชั้นจำกัดเท่านั้น และพออาวุธจิตวิญญาณมีชั้นจำกัดเกินยี่สิบแปดชั้นขึ้นไป แต่ละชั้นของมันล้วนสามารถทำให้อานุภาพของอาวุธจิตวิญญาณแตกต่างจากก่อนหน้านั้นมาก
อาวุธจิตวิญญาณที่มีชั้นจำกัดมากเช่นนี้ หลิ่วหมิงเพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก ขณะนั้นเขาจ้องมองโล่เล็กโดยไม่กระพริบตา และคิดวกไปมาอย่างรวดเร็ว
ผู้ที่รู้สึกตกใจเหมือนกับหลิ่วหมิงย่อมมีไม่น้อย
เพราะก่อนที่เหยียนเจวี๋ยจะหยิบโล่ชิ้นนี้ออกมา ทุกคนต่างคิดว่าอาวุธระดับสุดยอดในงานประมูลนี้ คงเป็นอาวุธจิตวิญญาณระดับกลางขั้นต่ำ ที่แค่ใช้วัสดุหายากในการหลอมเท่านั้น ด้วยเหตุนี้ จึงอานุภาพเพิ่มขึ้นทวีเล็กน้อยท่านั้น
ตอนนี้กลับคิดไม่ถึงว่า อาวุธจิตวิญญาณระดับสุดยอดขั้นกลางนี้ จะทำให้ผู้คนบนเกาะตะพาบน้ำฮือฮาขึ้นมา
ต่อให้จะเป็นผู้ที่ไม่ได้ฝึกฝนพลังเกี่ยวกับธาตุน้ำ แต่หากมีอาวุธจิตวิญญาณระดับสุดยอดชิ้นนี้ ก็พอที่จะทำให้พลังของตนเองเพิ่มทวีขึ้นมาเป็นอย่างมาก
ดูเหมือนเหยียนเจวี๋ยจะรู้สึกพอใจที่เห็นท่าทีอันตกตะลึงเช่นนี้ หลังจากหยุดไปครู่หนึ่งแล้ว ก็ฟั่นหนวดกล่าวต่อ
“อาวุธจิตวิญญาณระดับสุดยอด ‘โล่คลื่นทะเล’ เริ่มประมูลที่ราคาหนึ่งล้านหินจิตวิญญาณ เสนอราคาได้ครั้งละไม่ต่ำกว่าห้าหมื่น เริ่มประมูลได้!”
พอเหยียนเจวี๋ยเปล่งคำพูดนี้ออกไป ก็มีเสียงสูดหายใจเข้าด้วยความเยือกเย็น คนจำนวนมากไม่ได้รู้สึกตกใจกับราคานี้
แม้จะบอกว่าอาวุธจิตวิญญาณระดับสุดยอดที่ปรากฏในโลกภายนอก ต่างก็อยู่ในงานประมูล และราคาประมูลในตอนท้าย ก็อยู่ที่หนึ่งล้านกว่าหินจิตวิญญาณ แต่ในเมื่อโล่คลื่นทะเลเป็นอาวุธจิตวิญญาณระดับสุดยอดขั้นกลาง ดังนั้นราคาเริ่มต้นที่หนึ่งล้านหินจิตวิญญาณ ก็ไม่นับว่าเป็นราคาที่สูงมากนัก
ผู้คนภายในถ้ำใต้ดินเงียบไปชั่วขณะหนึ่ง ราวกับว่ารอให้คนอื่นเอ่ยปากเสนอราคาขึ้นมาก่อน
เหยียนเจวี๋ยเห็นเช่นนี้ก็ไม่ได้รีบร้อนแต่อย่างใด เขาเพียงแค่มองดูผู้คนที่อยู่ด้านล่างอย่างเงียบๆ โดยไม่เปล่งอะไรออกมา
“หนึ่งล้านหินจิตวิญญาณ ในเมื่อสหายทุกท่านเกรงใจกันเช่นนี้ ข้าจะประเดิมก่อนก็แล้วกัน” หลังจากเงียบไปพักหนึ่ง น้ำเสียงเยือกเย็นของชายผู้หนึ่งก็ดังมาจากมุมห้อง ร่างของเขาถูกปกคลุมไปด้วยหมอกสีเทาควันบุหรี่
“หนึ่งล้านหนึ่งแสนหินจิตวิญญาณ” พอคนแรกเสนอราคาเสร็จ ก็มีคนเสนอราคาตามมา
“หนึ่งล้านหนึ่งแสนห้าหมื่น”
“หนึ่งล้านสองแสน”
ตั้งแต่มีคนเสนอราคาของโล่คลื่นทะเลออกมา ราคาของมันก็พุ่งขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ผู้ที่มีกำลังทรัพย์ไม่พอแต่คิดอยากจะลองประมูลดู มีสีหน้าเปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก พริบตาเดียวพวกเขาก็ล้มเลิกความคิดนี้ไป
แม้หลิ่วหมิงจะยังนั่งอยู่ในนั้นด้วยสีหน้าปกติ แต่ก็แอบรู้สึกตกใจไม่น้อย คิดไม่ถึงว่าราคาของอาวุธจิตวิญญาณชิ้นนี้ จะดึงดูดผู้ที่ทีกำลังทรัพย์เช่นนี้ได้
ดูท่าต่างก็คงมาจากตระกูลใหญ่หรือกลุ่มอิทธิพลต่างๆ
และที่เขารู้สึกแปลกใจก็คือ หญิงเผ่าเจ้าสมุทรกับคนใส่หมวกคลุมสีเหลืองสามคน ที่แย่งประมูลโซ่ตรวนสะกดวิญญาณกับเขาในก่อนหน้านั้น กลับรักษาท่าทีสงบเอาไว้ได้
เมื่อราคาประมูลทะลุไปถึงหนึ่งล้านห้าแสนหินจิตวิญญาณ คนเหล่านั้นก็ดูเหมือนจะนั่งไม่ติดอีกต่อไป และผู้ที่เสนอราคาอยู่ก็เหลือไม่กี่คน
“หนึ่งล้านหกแสนหินจิตวิญญาณ ข้าเป็นตัวแทนของราชวงศ์ชังไห่ ที่มารับอาวุธจิตวิญญาณชิ้นนี้ หวังว่าทุกท่านจะยืดหยุ่นให้เล็กน้อย” เห็นได้ชัดว่าน้ำเสียงแก่หง่อมดังมาจากข้างกายหญิงเผ่าเจ้าสมุทร
ทันใดนั้น พลังกดดันที่มีเฉพาะผู้ฝึกฝนระดับผลึก ก็แผ่ออกมาจากร่างของเขา ทำให้ผู้ฝึกฝนที่มีดีระดับไม่สูง เริ่มรู้สึกอกสั่นขวัญแขวนขึ้นมา
พอคำว่า ‘ราชวงศ์ชังไห่’ ออกมาจากปาก ประกอบกับพลังกดดันของพลังจิตที่ขาดๆ หายๆ ทำให้ผู้ที่ยังเสนอราคาอยู่เริ่มหยุดการเสนอราคาลง
“หนึ่งล้านหกแสนห้าหมื่น ฮึ! ข้าก็นึกว่าใคร ที่แท้ก็เป็นสหายลี่คุนจากเผ่าเกล็ดเงินนั่นเอง ราชวงศ์ชังไห่อะไรกัน ต่อหน้าราชาปีศาจสมุทรในเขตทะเลชังไห่ ใครก็ไม่กล้าเรียกตนเองว่าราชวงศ์ได้อีก” ชายผู้เสนอราคาในก่อนหน้านั้นดังขึ้นมาอีกครั้ง น้ำเสียงดูเยือกเย็นและแฝงด้วยการยั่วเย้า
“เผ่าเกล็ดเงิน! ลี่คุน!”
หลิ่วหมิงรู้สึกตกใจมาก หางตาค่อยๆ กระตุกขึ้นมา สีหน้าเปลี่ยนไปมาเป็นอย่างมาก ดีที่ถูกไอดำบนตัวห่อหุ้มไว้ ถึงได้ไม่กลัวว่าจะมีใครมาเห็น
เผ่าเกล็ดเงินมีผู้ฝึกฝนระดับผลึกอยู่แค่ไม่กี่คน หลังจากหลิ่วหมิงถูกตามล่าในวันนั้น เขาก็กลับไปสืบดูเล็กน้อย ก็รู้ชื่อแซ่ของลี่คุนแล้ว
เขาสงบจิตสงบใจ แล้วคิดที่จะดูการเปลี่ยนแปลงอย่างเงียบๆ
“ฮึ! ไม่เลว เป็นข้าเอง ในเมื่อท่านมีอารมณ์คึกคักเช่นนี้ ข้าก็จะคอยเป็นเพื่อนประมูลอย่างถึงที่สุด หนึ่งล้านเจ็ดแสนหินจิตวิญญาณ” คนเผ่าเจ้าสมุทรที่มีรูปร่างผอมแห้งกล่าวออกมา น้ำเสียงดูโมโหเล็กน้อย
พอเขายกแขนข้างหนึ่งขึ้น แสงทรงกลดสีฟ้าที่ปกคลุมร่างเขาอยู่ก็สลายไป เผยให้เห็นรูปร่างผอมแห้งผู้อาวุโสท่านหนึ่ง
เขาคือลี่คุนนั่นเอง!
“ข้าคือแม่ทัพชิงฉินของราชาปีศาจสมุทร อาวุธจิตวิญญาณระดับสุดยอดชิ้นนี้ ราชาปีศาจสมุทรจะต้องเอาไปให้ได้ หนึ่งล้านแปดแสนหินจิตวิญญาณ”
หมอกสีเทาบนตัวของผู้ที่พูดอยู่ตรงมุมห้องพวยพุ่งขึ้นมา จากนั้นชายฉกรรจ์หัวล้านสวมชุดคลุมสีดำก็ปรากฏออกมา
ภายใต้แสงสีเงินที่เปล่งประกายในดวงตา พลังกดดันบางอย่างที่ไม่ด้อยไปกว่าผู้อาวุโสร่างผอมแห้งในก่อนหน้านั้น ก็แผ่ออกมา ทำให้ดูน่าเลื่อมใสเป็นยิ่งนัก
ที่แท้ก็เป็นผู้แข็งแกร่งระดับผลึก!
“แค่ปีศาจเร่ร่อนในทะเลตนหนึ่งเท่านั้น มีอะไรน่าอวดดีกันเล่า” หญิงเผ่าเจ้าสมุทรที่อยู่ข้างลี่คุนกล่าวอย่างไม่แยแส
ชายฉกรรจ์ชุดคลุมสีดำมีสีหน้าเคร่งขรึมขึ้นมา หลังจากมองหญิงผู้นั้นด้วยหางตาแล้ว ก็ไม่ได้พูดโต้ตอบกลับไป
“สองล้านหินจิตวิญญาณ”
ในขณะที่ชิงฉินกับลี่คุนแข่งประมูลกันอย่างไม่มีที่สิ้นสุดนั้น ชายรูปร่างกำยำในกลุ่มผู้ที่สวมหมวกคลุมสีเหลืองทั้งสามคนที่เงียบมาโดยตลอด ก็เสนอราคาอันสูงลิ่วออกมา ซึ่งสูงกว่าราคาที่ชิงฉินเสนอถึงสองแสนหินจิตวิญญาณ
“ทำไมราชวงศ์ชังไห่กับราชาปีศาจสมุทรถึงส่งคนมาด้วยล่ะ อย่างนี้ก็น่าปวดหัวเล็กน้อยแล้ว”
คนรูปร่างผอมสูงที่อยู่ด้านขวาส่งเสียงบอกอีกสองคน พอกล่าวจบคนที่อยู่ด้านซ้ายก็กล่าวต่อทันที
“ไม่เพียงแค่นี้ ฝ่ายตรงข้ามยังมียอดฝีมือระดับผลึกด้วย ถ้าอย่างนั้นเรื่องที่เจ้าหุบเขามอบหมายให้ก็……”
“ไม่เป็นไร แม้ว่าครั้งนี้เราจะรับคำสั่งมา แต่การแทรกแทรงของทั้งสองฝ่ายเป็นเรื่องที่เหนือความคาดหมาย ดูจากสถานการณ์ในตอนนี้ ต่อให้จะถูกพวกเราเกทับ พวกเขาก็คงไม่เลิกรากันง่ายๆ ด้วยระดับการฝึกฝนของพวกเรา พอออกจากหุบเขาเหล็กอัคคี ก็ใช่ว่าจะกลับไปได้อย่างปลอดภัย ตอนนี้พวกเราก็แค่ดำเนินการตามโอกาสเท่านั้น สุดท้ายแล้ว ไม่ว่าอาวุธจิตวิญญาณชิ้นนี้จะตกอยู่ในมือใคร การเดินทางของเราในครั้งนี้ก็ไม่สูญเปล่า รอกลับไปรายงานแล้ว ค่อยให้เจ้าหุบเขาตัดสินใจเอาเอง” ผู้ที่อยู่ตรงกลางเงียบไปครู่หนึ่งแล้วส่งเสียงบอกทั้งสองเบาๆ
“สองล้านห้าหมื่นหินจิตวิญญาณ!” ลี่คุนกล่าวอย่างไม่ลังเล
“สองล้านหนึ่งแสน!” ชายฉกรรจ์ชุดดำก็ไม่ยอมเช่นกัน
พอราคาพุ่งสูงถึง ‘สองล้านสองแสนหินจิตวิญญาณ” ผู้สวมหมวกคลุมสีเหลืองที่อยู่ตรงกลาง ก็เริ่มหลับตาพักผ่อน ราวกับว่าพอมีคนเสนอราคาเพิ่ม ตนเองจึงถอยออกมา
ชายฉกรรจ์ชุดคลุมสีดำขมวดคิ้วเหมือนคิดอะไรอยู่ในใจ ประจักษ์ชัดว่าราคานี้เหนือกว่าความคาดหมายของเขามาก
“สองล้านสามแสน” ลี่คุนยังคงกล่าวออกมาอย่างไม่รีบร้อน
พอชายฉกรรจ์ชุดคลุมสีดำผู้นั้นฟังจบ ก็ทำเสียงฮึดฮัดออกมา และรีบเอ่ยปากทันที “สองล้านสี่แสน”
พอเขากล่าวจบ ก็จ้องมองลี่คุนด้วยสายตาที่ดูดุร้ายราวกับคมมีด กลิ่นไออันรุนแรงพุ่งออกมาอย่างน่ากลัว
ขณะที่ราชาปีศาจสมุทรผ่านด่านเคราะห์สวรรค์เพื่อเข้าสู่ระดับแก่นแท้นั้น อาวุธจิตวิญญาณของเขาถูกทำลายไปทั้งหมด ตอนนี้ต้องการอาวุธจิตวิญญาณอย่างเร่งด่วน ชิงฉินย่อมประมูลโล่คลื่นทะเลชิ้นนี้อย่างไม่เสียดายค่าตอบแทน หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งได้ว่า พอราชวงศ์ชังไห่ได้อาวุธจิตวิญญาณชิ้นนี้ไป ย่อมส่งผลไม่ดีกับราชาปีศาจสมุทรย่างแน่นอน
“สองล้านห้าหมื่น” สุดท้ายลี่คุนก็เสนอราคาอันสูงลิ่วออกมา
พอคำพูดนี้หลุดออกไป ความเงียบภายในถ้ำก็บังเกิดขึ้นอีกครั้ง ชายฉกรรจ์ชุดดำหยุดชะงักลง ประกายอันโหดร้ายปรากฏขึ้นในแววตา สุดท้ายก็ไม่ได้เอ่ยปากออกมา คิดว่าราคาสองล้านห้าแสนหินจิตวิญญาณ คงสูงเกินกว่าที่เขาจะรับได้
พอฉากนี้ตกอยู่ในสายตาของหลิ่วหมิง ย่อมทำให้เขาใจเต้นขึ้นมาไม่น้อย กลุ่มอิทธิพลใหญ่เหล่านี้ช่างดูลึกล้ำยิ่งนัก ประมูลอาวุธจิตวิญญาณระดับสูงชิ้นหนึ่ง คิดไม่ถึงว่าราคาจะทะลุสูงถึงสองล้านห้าแสนหินจิตวิญญาณ!
……………………………………