ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ - ตอนที่ 346 วิชาขี่กระบี่บินหลบหลีก
ตั้งแต่หมาซู่กระตุ้นเคล็ดวิชาออกจากถ้ำในวันนั้น เขาก็ติดตามร่องรอยมาตลอดสามวันสามคืน จนมาพบศีรษะของฮูหยินหรูอวี้บนเขาเปล่าเปลี่ยว ทำให้เขารู้สึกโศกเศร้าเป็นอย่างมาก
พอเขาเห็นอักขระที่เย่เทียนเหมยสลักไว้ ก็โกรธจนไม่อาจระงับไว้ได้ เขาแหงนหน้าแผดเสียงออกมา และปล่อยลูกเปลวไฟเผาศีรษะของนางจนกลายเป็นขี้เถ้า จากนั้นก็ทะยานขึ้นฟ้าตามหาเย่เทียนเหมยต่อ
ในระหว่างทาง หมาซู่ยังเรียกผู้อาวุโสที่เขาสนิท และลูกน้องอีกหลายคนตามล่าเย่เทียนเหมย เขาสาบานว่าจะต้องเอาศีรษะนางมาเซ่นคู่รักของตนให้ได้
ขณะนี้ หมาซู่กับผู้อาวุโสหนวดสั้นจ้องมองหญิงชุดขาวที่ยืนอยู่บนยอดเขาฝั่งตรงข้ามด้วยสีหน้าดุร้าย
“เจ้าสารเลว! บังอาจมาก เจ้าไม่เพียงแต่บุกถ้ำสังหารข้ารับใช้ของข้าจนหมดสิ้น แต่ยังสังหารคู่รักฝึกฝนของข้าด้วย วันนี้ไม่ว่าอย่างไร เจ้าก็อย่าหวังไปจากที่นี่เลย” แววสังหารคุโชนอยู่ดวงตาของหมาซู่ เขาค่อยๆ กล่าวออกมา
“หมาซู่ คู่รักของเจ้าทำเรื่องอะไรไว้บ้าง คงไม่ต้องให้ข้าเตือนเจ้าหรอกนะ? ฆ่าคนต้องชดใช้ด้วยชีวิต เจ้ายังต้องการคำอธิบายใดอีก!” เย่เทียนเหมยกล่าวอย่างไม่สะทกสะท้าน เมื่อเผชิญกับผู้เข็งแกร่งระดับผลึกทั้งสอง นางก็ไม่มีสีหน้าเปลี่ยนไปแม้แต่น้อย
“แม้วันนี้เจ้าจะพูดจาไพเราะน่าฟังแค่ไหน ก็อย่าหวังจะไปจากที่นี่ได้” ในเมื่อหมาซู่ตามมาถึงที่ ย่อมไม่ฟังเหตุผลอะไรอีกต่อไป เขากล่าวด้วยแววตาดุร้าย
“ถ้าอย่างนั้น ต้องดูก่อนว่าสหายทั้งสองมีความสามารถหรือไม่”
พอกล่าวจบ ความรู้สึกเย็นยะเยือกก็แผ่ออกจากร่างเย่เทียนเหมย กระบี่ยาวในมือสั่นไหว ร่างของนางพร่ามัวขึ้นมาทันที จากนั้นก็กลายเป็นแสงสีเงินพุ่งไปยังยอดเขาที่อยู่ตรงข้าม
หมาซู่เห็นเช่นนี้ ก็พลิกฝ่ามือขึ้นมา แผ่นสีทองกลมๆ ขนาดเท่าฝ่ามือปรากฏออกมา พอกระตุ้นพลังเวทย์ พลังเวทย์ในร่างก็ไหลทะลักออกมา
แผ่นกลมๆ ขยายใหญ่ตามแรงลม พริบตาเดียวก็มีเส้นผ่าศูนย์กลางยาวสิบกว่าจั้ง แสงสีทองอร่ามเปล่งประกายตรงหน้าเขา
หมาซู่เป็นรองเจ้าหุบเขาผลึก ย่อมรู้ถึงความคมกริบของวิชากระบี่ ขณะที่เย่เทียนเหมยแสดงวิชากระบี่ออกมานั้น เขาก็หยิบอาวุธป้องกันออกมาทันที
ผู้อาวุโสหนวดสั้นมีสีหน้าเคร่งขรึมขึ้นมา มือข้างหนึ่งโยนลูกกลมๆ สีดำออกไป จากนั้นก็ทำท่ามือด้วยมือทั้งสองอยู่ไม่หยุด ขณะเดียวกันก็เริ่มร่ายคาถาออกมา
“ฟู่!” อักขระหลากสีปรากฏเหนือลูกกลมๆ สีดำ มันพร่ามัวกลายเป็นเงาร่างตะขาบยักษ์มาบังอยู่ตรงหน้าเขา
ตะขาบตัวนี้ยาวยี่สิบกว่าจั้ง มีสีแดงทั้งตัว แสงสีแดงเปล่งประกายอยู่ในดวงตาทั้งคู่ บนตัวมีหมอกโลหิตลอยวนเวียนอยู่ แลดูน่ากลัวเป็นอย่างมาก
ขณะนี้ ภายใต้เสียงแผดร้องที่แหลมดัง แสงกระบี่สีเงินก็ปรากฏตรงหน้าแผ่นกลมๆ ของหมาซู่ ขณะที่ใกล้จะฟันโดนแผ่นกลมๆ นั้น แสงสีเงินก็ระเบิดออกมาทันที ต่อมาก็กลายเป็นเงากระบี่เกือบร้อยเงาพุ่งไปรอบทิศทาง
ท่ามกลางเสียงแหลมและเศร้ากำสรด ประกายโลหิตพุ่งขึ้นฟ้า ผู้ฝึกฝนระดับของเหลวสองคนที่อยู่บริเวณนั้น ไม่ทันได้ป้องกัน จึงถูกเงากระบี่ฟันใส่จนเสียชีวิตคาที่
ผู้ฝึกฝนระดับของเหลวที่เหลือเห็นเช่นนี้ ก็รู้สึกหวาดดกลัวเป็นอย่างมาก พวกเขาพากันหยิบยันต์จิตวิญญาณออกมา เพื่อเพิ่มม่านแสงหลายๆ ชั้น ต้านทานการโจมตีนี้
ลำแสงสีต่างๆ เปล่งประกาย พอแสงกระบี่เปล่งประกายไปทั่วทิศ ก็มีเสียงดังออกมาอย่างต่อเนื่อง “เพล้ง!” “เพล้ง!” ม่านแสงที่ห่อหุ้มร่างผู้ฝึกฝนระดับของเหลวสี่คนแตกกระจายเป็นชิ้นๆ จากนั้นร่างของพวกเขาก็ถูกปั่นจนเละท่ามกลางเสียงร้องอย่างเวทนา
พริบตาเดียว ก็เหลือเพียงผู้ฝึกฝนระดับของเหลวขั้นปลายสองคน พวกเขายังคงถืออาวุธจิตวิญญาณในมือต้านทานไว้อย่างยากลำบาก แต่สีหน้าดูสิ้นหวังเป็นอย่างมาก
มีเสียงฮึดฮัดดังขึ้นกลางอากาศ จากนั้นร่างของเย่เทียนเหมยก็ปรากฏออกมา พอสะบัดข้อมือ แสงกระบี่ขนาดใหญ่ก็กระพริบผ่านไป
ม่านแสงที่ปกคลุมผู้ฝึกฝนระดับของเหลวขั้นปลายทั้งสองสั่นสะเทือน จากนั้นก็ระเบิดออกมาพร้อมกับอาวุธจิตวิญญาณที่กระตุ้นอยู่ ทั้งสองถูกแสงเย็นสะท้านฟันออกเป็นสองท่อน โดยที่ไม่ทันได้ส่งเสียงร้องใดๆ ออกมา
น่าสงสารอาจารย์จิตวิญญาณของหุบผลึกเหล่านี้ ยังไม่ทันได้เห็นร่างของเย่เทียนเหมยชัดเจน ก็ถูกสังหารอย่างรวดเร็วแล้ว
ทุกสิ่งเปลี่ยนแปลงรวดเร็วมาก รวดเร็วราวกับสายฟ้าแลบ
“รนหาที่ตาย!”
พอหมาซู่เห็นว่าตนเองประมาทเกินไป ถึงทำให้เย่เทียนเหมยสังหารลูกน้องเขาไปมากถึงเพียงนี้ เขาก็รู้สึกทั้งตกใจและโมโห
เขาคำรามออกมา และทำท่ามือก่อนใช้มือขวาแตะลงบนแผ่นกลมๆ
“อู้!” “อู้!” แผ่นกลมๆ พุ่งไปยังเย่เทียนเหมยทันที
อีกด้านหนึ่ง พอลมที่มีกลิ่นคาวพัดเข้ามา ร่างตะขาบยักษ์ก็พร่ามัวมาปรากฏตรงหน้าเย่เทียนเหมยทันที มันขยับเท้าอันแหลมคมทิ่มไปทางเย่เทียนเหมยอย่างบ้าคลั่ง จนเกิดเสียงดัง “ซู่ๆ!” ขณะเดียวกันก็พ่นหมอกพิษสีเขียวออกมา
เนื่องจากการกระทำของมันรวดเร็วมาก จึงมองเห็นเพียงแค่เงาสีแดงปรากฏขาดๆ หายๆ ตรงหน้าเย่เทียนเหมยเท่านั้น
พอเย่เทียนเหมยตะคอกออกมา เงากระบี่สีเงินก็ปรากฏตรงหน้า มันปะทะกับเงาสีแดงอยู่ไม่หยุด และส่งเสียงดังโครมคราม
ขณะนี้ แผ่นกลมๆ ก็พุ่งเข้ามาถึง ขณะที่ใกล้จะปะทะใส่เงากระบี่นั้น กลับมีเงาร่างสีขาวเปล่งประกาย จากนั้นร่างของเย่เทียนเหมยก็หายไป
ท่ามกลางการหมุนวนอย่างบ้าระห่ำ แผ่นกลมๆ ก็กรีดผ่านที่ที่เย่เทียนเหมยเคยยืนอยู่ มันทิ้งร่องรอยสีทองยาวๆ ไว้เส้นหนึ่ง หลังจากแผดเสียงแปลกๆ ออกมา ก็กลายเป็นแสงสีทองพุ่งกลับไปหาหมาซู่
ครู่ต่อมา อากาศก็สั่นสะเทือน เย่เทียนเหมยปรากฏตัวเหนือร่างตะขาบยักษ์
นางทำท่ามือด้วยมือเดียว พอชี้ไปที่กระบี่ยาวสีเงิน แสงกระบี่ขนาดใหญ่ก็ม้วนตัวออกมาทันที มันเปล่งแสงสีเงินจ้าละลานตา จากนั้นก็ฟันตะขาบยักษ์ด้วยพลังมหาศาลอย่างไม่ลังเล
พอมีเสียงดัง “ฉับ!” แสงโลหิตก็กระเด็นออกจากร่างปีศาจยักษ์ มันถูกเงากระบี่ขนาดใหญ่ฟันจนขาดเป็นสองท่อน
พอผู้อาวุโสของหุบเขาผลึกผู้นั้น เห็นหุ่นตะขาบของตนเองถูกฟันจนขาดเป็นสองท่อน ก็รู้สึกโกรธมาก เขาหันไปสบตากับหมาซู่ที่อยู่ด้านข้างแล้ว ก็โยนลูกกลมๆ สีดำออกไปอีกครั้ง หลังจากทำท่ามือ ลูกกลมๆ ก็กลายเป็นคางคกยักษ์ที่สูงหลายจั้ง
หลังจากคางคกตกถึงพื้น ขาหลังก็คุกเข่าลง ขาหน้ายกขึ้นมา ท้องของมันพองยุบอยู่ครู่หนึ่ง ทันใดนั้น มันอ้าปากขนาดใหญ่ พ่นไอหมอกสีเขียวเข้มออกมา พอพายุบ้าระห่ำก่อตัวขึ้น มันก็ปกคลุมเย่เทียนเหมยไว้ในพริบตา
หมาซู่เห็นเช่นนี้ก็เข้าใจในทันที แววตาเขาดูโหดเหี้ยมขึ้นมา เขากัดปลายลิ้น และพ่นโลหิตบริสุทธิ์ใส่แผ่นกลมๆ
แสงสีทองเปล่งประกายขึ้น จากนั้นก็พร่ามัวและหายไปกลางอากาศ
เย่เทียนเหมยไม่ทันได้ป้องกัน จึงถูกไอหมอกสีเขียวเข้มปกคลุมไว้ นางขมวดคิ้วขึ้นมาทันที และโยนกระบี่ยาวสีเงินขึ้นบนอากาศโดยไม่ทันได้คิด อาวุธจิตวิญญาณชิ้นนี้หมุนติ้วๆ อยู่เหนือศีรษะของนาง แสงกระบี่เป็นชั้นๆ พุ่งลงมาราวกับน้ำตก และปกป้องร่างของนางไว้อย่างหนาแน่น
ขณะนี้ ด้านหลังของเย่เทียนเหมยมีแสงสีทองจางๆ เปล่งประกาย จากนั้นแผ่นกลมๆ ขนาดใหญ่ก็ปรากฏออกมา มันชนใส่แสงกระบี่ที่ปกป้องร่างเย่เทียนเหมยอย่างรุนแรง
เสียงระเบิดดังขึ้นมาทันที พลังมหาศาลไร้รูปบางอย่างพุ่งออกมา คิดไม่ถึงว่ามันจะโจมตีแสงกระบี่จนแตกกระจาย
“วันนี้อย่าหวังจะรอดไปได้เลย ข้าจะต้องเอาชีวิตเจ้ามาเซ่นฮูหยินข้า” หมาซู่เห็นเช่นนี้ก็รู้สึกดีใจมาก หลังจากคำรามออกมาแล้ว ก็ชี้มือไปยังแผ่นกลมๆ กลางอากาศ
ทันใดนั้น แผ่นกลมๆ ขนาดใหญ่ก็สั่นไหวอย่างรุนแรง มันแยกออกเป็นเจ็ดแปดแผ่นกระจายไปทั่วทิศ และปิดทางหนีทั้งหมดของเย่เทียนเหมยไว้
พลังของหมาซู่พอจะเทียบกับระดับผลึกขั้นปลายได้ ส่วนผู้อาวุโสอีกคนก็มีพลังอยู่ที่ระดับผลึกขั้นต้น เมื่อทั้งสองร่วมมือกันแล้ว ต่อให้วิชากระบี่ของเย่เทียนเหมยจะร้ายกาจแค่ไหน ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขา
ขณะนี้ แม้ว่ากลิ่นไอบนตัวเย่เทียนเหมยจะอ่อนลงมาก แต่ดวงตาทั้งคู่กลับดูแวววาวยิ่งกว่าเดิม จากนั้นนางก็แค่ถอนหายใจเบาๆ มือทั้งสองค่อยๆ ประกบกัน
แสงสีเงินเปล่งประกายรอบๆ ตัวนาง และก่อตัวเป็นพายุขนาดใหญ่พัดไอหมอกที่ปกคลุมจนสลายไป พอแสงสีกระบี่ทั้งหมดดับลง มันก็กลายเป็นแสงสีเงินขนาดใหญ่หมุนวนรอบตัวนางอย่างบ้าคลั่ง
“แย่แล้ว! นางจะหนี!” พอหมาซู่เห็นเช่นนี้ก็ค่อยๆ หดรูม่านตาลง เขากระตุ้นท่ามือจนถึงขีดสุด จากนั้นแผ่นกลมๆ ที่มีลักษณะเหมือนกันจำนวนสิบหกแผ่นก็ปรากฏออกมา มันปิดล้อมเย่เทียนเหมยไว้ทุกด้าน
ครู่ต่อมา มีคลื่นสั่นสะเทือนใต้เท้าเย่เทียนเหมย พอแสงสีเงินรวมตัวกันแล้ว กระบี่เงินขนาดใหญ่ก็ปรากฏออกมา
“ฟิ้ว!”
กระบี่ยักษ์ค่อยๆ สั่นไหว จากนั้นก็หายวับไปพร้อมกับหญิงสาว และไปปรากฏตัวบนอากาศที่ไกลออกไปร้อยกว่าจั้ง
ขณะนี้ แผ่นกลมๆ สีทองขนาดใหญ่ที่ปิดทางหนีทั้งหมดของเย่เทียนเหมยไว้ ก็หักออกเป็นสองส่วน ไม่รู้ว่าถูกฟันตั้งแต่เมื่อไหร่
หญิงสาวชุดขาวไม่มีสีหน้าลังเลเลยแม้แต่น้อย หลังจากทำท่ามือแล้ว ก็รวมร่างเป็นหนึ่งกับกระบี่ จากนั้นก็กลายเป็นสายรุ้งสีเงินพุ่งยิงออกไปโดยไม่หันกลับมามองเลย ทิ้งไว้เพียงรอยสีเงินยาวๆ กลางอากาศ
ที่เย่เทียนเหมยแสดงออกมาในขณะนี้ ก็คือวิชาขี่กระบี่หลบหลีกในตำนานนั่นเอง!
“อย่าให้นางหนีไปได้ รีบตามไป!” หมาซู่คำรามออกมา
“วางใจเถอะ! ข้าคาดเดาได้แต่แรกแล้วว่านางไม่ใช้คู่ต่อสู้ของเรา จะต้องหลบหนีอย่างแน่นอน ข้าได้เตรียมทางหนีทีไล่ไว้แล้ว” ผู้อาวุโสหนวดสั้นหัวเราะออกมา จากนั้นก็นั่งขัดสมาธิลงพื้น และทำการร่ายคาถา
“ฟู่!” ร่างของผู้อาวุโสพร่ามัว หมอกดำกระจายออกจากร่างของเขาราวกับระลอกคลื่น และแผ่ไปทั่วทิศ จากนั้นก็พุ่งไปด้านหน้าอย่างรวดเร็วราวสายฟ้าแลบ
ต่อมาก็มีเสียงดังติดต่อกัน “ตู๊ม!” “ตู๊ม!” “ตู๊ม!”
แมงมุม อสรพิษยักษ์ และแมงป่อง โผล่ขึ้นด้านหน้าทิศทางที่เย่เทียนเหมยหลบหนี
มีคลื่นสั่นไหวตรงหัวของแมงมุมยักษ์ จากนั้นร่างของผู้อาวุโสหนวดสั้นก็ปรากฏออกมา โดยที่ยังอยู่ในท่านั่งขัดสมาธิอยู่
ขณะเดียวกัน ก็มีเสียงดังมาจากด้านหลังของเย่เทียนเหมย กลุ่มแสงสีทองแฉลบเข้ามาอย่างรวดเร็ว ซึ่งก็คือหมาซู่ที่กำลังพุ่งเข้ามานั่นเอง
เย่เทียนเหมยเห็นเช่นนี้ ก็ไม่ได้มีสีหน้าเปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย แต่แอบถอนหายใจเบาๆ และอ้าปากออกมาในฉับพลัน นางพ่นเงาร่างกระบี่เล็กสีเงินที่ยาวไม่กี่ชุ่นออกมา นอกจากจะมีขนาดใหญ่ไม่เท่ากระบี่ยักษ์ที่อยู่ใต้เท้าของนางแล้ว อย่างอื่นล้วนเหมือนกันทุกประการ
อีกอย่าง แสงสีเงินของเงากระบี่เล็กที่มีขนาดเท่าฝ่ามือนี้ ก็เข้มจนถึงระดับที่น่ากลัวมาก ขณะนี้ สิ่งที่อยู่ในฝ่ามือของเย่เทียนเหมยดูคล้ายกับพระอาทิตย์สีเงินอันเจิดจ้า
นี่คือจิตวิญญาณกระบี่ตัวอ่อน ที่เย่เทียนเหมยบ่มเพาะในร่างมานานหลายปีด้วยความยากลำบาก!
นางเพียงแค่ดีดนิ้วหยกเบาๆ เงากระบี่เล็กในมือก็กลายเป็นแสงกระบี่สีเงินที่ยาวร้อยกว่าจั้ง
มันกระพริบผ่านท้องฟ้าไปราวกับสายรุ้งหลังฝนตก
มีเสียงร้องอย่างเวทนาดังมาจากฝั่งตรงข้ามในทันที!
ผู้อาวุโสหนวดสั้น และหุ่นแมงมุมที่อยู่ใต้ร่าง ถูกแสงกระบี่ยักษ์ปกคลุมจนหมดสิ้น ไม่ว่าจะเป็นปราณแกร่งที่ปกป้องร่าง หรืออาวุธจิตวิญญาณต่างๆ ที่คุ้มกันตัว ต่างก็ค่อยๆ ระเบิดออกมาท่ามกลางแสงสีเงิน
“กระบี่บินพลังจิตวิญญาณ!” หมาซู่ถมึงตาจ้องมอง และคำรามด้วยความโมโห น้ำเสียงเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ท่าทางที่กำลังพุ่งยิงเข้ามาก็ชะลอลง
กระบี่ยักษ์ปรากฏขึ้นมาในพริบตา และหายไปอย่างรวดเร็ว!
เพียงชั่วอึดใจเดียว แสงกระบี่ยักษ์ก็กลายเป็นจุดแสงสีเงินและสลายไป เผยให้เห็นร่างผู้อาวุโสหนวดสั้นอีกครั้ง
ขณะนี้ ทั่วทั้งตัวเขามีหมอกโลหิตทะลักออกมา ร่างของเขาหล่นลงจากร่างของแมงมุมยักษ์ กลิ่นไอบนตัวอ่อนลงจนถึงระดับต่ำสุด เห็นได้ชัดว่าเขาได้รับบาดเจ็บสาหัส!
และหุ่นแมงมุมก็อยู่นิ่งๆ ไม่ขยับเขยื้อน แต่ครู่ต่อมา เมื่อมีลมพัดมาเบาๆ มันก็สลายตัวกลายเป็นผุยผง
ขณะเดียวกัน เย่เทียนเหมยยังคงจับเงากระบี่เล็กสีเงินอยู่ พอกระอักเลือดออกมา ใบหน้าก็ขาวซีดจนเกือบโปร่งใส
นางกลืนเงากระบี่เล็กลงท้องทันที จากนั้นก็แสดงวิชาขี่กระบี่อีกครั้ง หลังจากรวมเป็นหนึ่งกับกระบี่ยักษ์ที่อยู่ใต้เท้าแล้ว ก็กลายเป็นสายรุ้งสีเงินพุ่งออกไปไกลๆ
……………………………………
จบภาค 1 ติดตาม
ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ภาค 2