ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ - ตอนที่ 349 โล่เก้ากระโหลก
ผ่านไปอีกหนึ่งวัน
ในบ้านหลังที่เผ่าเจ้าสมุทรอยู่
ขณะนี้ เจียหลานมีสีหน้ากังวลเป็นอย่างมาก นางเดินไปมาในห้องอยู่ไม่หยุด และมองดูลี่คุนกับฮูหยินหลานตลอดเวลา
ลี่คุนยังคงหลับตาสนิท เสื้อคลุมยาวมีรอยเลือดอยู่เป็นจุดๆ ใบหน้าอันผอมแห้งไม่มีเลือดฝาดเลยแม้แต่น้อย กลิ่นไอดูสับสนและอ่อนลงเล็กน้อย คลื่นพลังบนตัวก็ขาดๆ หายๆ ไม่มีอาการดีขึ้นเลย
วันนั้นเขาถูกผู้ฝึกฝนระดับผลึกอย่างชิงฉินกับชื่อลี่ร่วมมือกันโจมตีจนได้รับบาดเจ็บ ทั้งยังพยายามกระตุ้นวิชาหลบหลีกพุ่งกลับมาหุบเขาผลึกเป็นระยะทางร้อยกว่าลี้ จึงได้รับความเสียหายอย่างหนัก โชคร้ายจนกระทั่งถูกพลังที่ฝึกฝนสะท้อนกลับ หากช่วยไว้ไม่ทัน เกรงว่าชีวิตคงน่าเป็นห่วงแล้ว
และหญิงเผ่าเจ้าสมุทรผู้นั้น เป็นเพราะเหตุจวนตัว จึงกระตุ้นยันต์แสงทองที่ผู้อาวุโสในเผ่ามอบให้โดยไม่เสียดายอายุขัย ทำให้ใช้พลังจิตเกือบหมด จึงไม่อาจฟื้นขึ้นมาได้ แม้ว่าจะไม่เป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต แต่ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ก็ไม่อาจควบคุมเผ่าเจ้าสมุทรกลุ่มนี้ได้
เจียหลานคิดมาถึงจุดนี้ ก็กัดฟันในทันที และหันไปสั่งกับคนเผ่าเจ้าสมุทร “พวกเจ้าดูแลผู้อาวุโสลี่กับป้าอวี๋ให้ดี ข้าจะออกไปเดินข้างนอกสักระยะหนึ่ง ดูว่าสามารถหาวิธีช่วยให้ผู้อาวุโสลี่ฟื้นขึ้นมาได้หรือไม่”
จากนั้น ยันต์ผืนหนึ่งก็ปรากฏขึ้นในมือเจียหลาน อักขระหลากสีพุ่งออกมา รูปร่างของนางเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว นางกลายเป็นหญิงสาวรูปร่างผอมแห้งใบหน้าสวยสดงดงามผู้หนึ่ง หลังจากนั้น นางก็เดินออกประตูบ้านไป
ขณะนี้หลิ่วหมิงกำลังอยู่ในช่วงเวลาสำคัญของการปรับแต่งโซ่ตรวนสะกดวิญญาณ ไม่รับรู้เรื่องราวภายนอกเลย
ร่างของเขาถูกห่อหุ้มไปด้วยแสงสีฟ้า โซ่สีเงินเล็กๆ ที่มีขนาดไม่กี่ฉื่อลอยอยู่เหนือศีรษะอย่างสงบ
อักขระบนตัวโซ่ยังคงหมุนวนอย่างช้าๆ ดูเหมือนว่าจะค่อยๆ เชื่อมต่อกับหลิ่วหมิง
ดูท่าอีกไม่นาน หลิ่งหมิงก็จะทำการปรับแต่งเสร็จแล้ว
……
ใต้ดินส่วนลึกของหุบเขาเหล็กอัคคี ในห้องโถงใหญ่ที่สร้างมาจากแร่เหล็กสีดำทั้งหลัง
ภายในห้องโถงกว้างขวางอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ หมอกสีแดงแปลกประหลาดซึมออกมาจากทั่วทุกมุมห้อง และปกคลุมห้องโถงทั้งหลังไว้ ก่อเกิดเป็นม่านแสงที่เปล่งแสงสีแดงออกมา
ม่านแสงนี้เป็นชั้นจำกัดที่มีอานุภาพไม่ธรรมดา!
ขณะนี้ เงาร่างคนที่อยู่กลางห้องโถงกำลังประคองชามหยกแวววาว และลอยตัวอยู่เหนือบ่อน้ำที่กว้างหมู่กว่าๆ
คนผู้นี้สวมชุดคลุมยาวสีแดงทั้งตัว ใบหน้าดูธรรมดา แต่แก้มทั้งสองข้างกลับมีอักขระสีแดงจางๆ เมื่อถูกม่านแสงสีแดงรอบด้านสะท้อนลงมา จะเห็นมีว่ามีลักษณะแปลกๆ
เขาคือเหยียนเจวี๋ย ผู้เชี่ยวชาญการหลอมอาวุธที่เป็นมนุษย์เผ่าอัคคีบริสุทธิ์นั่นเอง
บ่อน้ำที่อยู่ด้านล่าง ล้วนเป็นโลหิตสดๆ สีแดง โลหิตมีลักษณะเหนียวข้น กลิ่นคาวค่อยๆ โชยมาจากบ่อโลหิตแห่งนี้
ปรากฏการณ์เช่นนี้ ทำให้คนรู้สึกหวาดผวา พอได้กลิ่นก็อยากจะอาเจียน แค่คิดก็อกสั่นขวัญหาย ไม่รู้ว่าต้องใช้โลหิตของสิ่งมีชีวิตจำนวนเท่าใด ถึงเติมเต็มบ่อโลหิตแห่งนี้ได้!
เมื่อมองขอบบ่อโลหิตอย่างละเอียด ก็จะเห็นว่ามีเส้นไหมสีดำตัดสลับไปมา และโยงใยด้วยวิธีการอันล้ำลึก จนก่อตัวเป็นอักขระสีดำ
การจัดวางตำแหน่งของอักขระสีดำเหล่านี้ก็พิถีพิถันมาก มันก่อตัวเป็นค่ายกลขนาดใหญ่ปกคลุมบ่อโลหิตไว้ตรงกลาง
เหนือบ่อโลหิต เหยียนเจวี๋ยเปลี่ยนท่ามืออยู่ไม่หยุด ขณะเดียวกันก็ร่ายคาถาออกมา
“ฟิ้ว!” เสียงแหลมคมดังขึ้นมา แสงเจิดจ้ารวมตัวในมือเหยียนเจวี๋ยอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็หายวับไปในชามหยกที่เขากำลังประคองอยู่
จากนั้นของเหลวสีดำมันวาวที่มีลักษณะเหนียวข้นในชามหยก ก็เริ่มเลื้อยขยุกขยิกราวกับมีชีวิต
ตอนแรกมันแรกมันยังคงเลื้อยอย่างช้าๆ แต่ต่อมาก็เร็วขึ้นเรื่อยๆ จนสุดท้ายก็วิ่งเต้นอยู่ในชามหยกไม่หยุด
ฉากนี้ทำให้เหยียนเจวี๋ยค่อยๆ หดรูม่านตาขึ้นมา แต่กลับมีรอยยิ้มดีใจปรากฏขึ้นบนใบหน้า
มือขวาของเขาค่อยๆ เปลี่ยนท่ามือ จากนั้นแสงสีดำก็พุ่งเข้าไปในชามหยก
ฉากอันน่าประหลาดใจปรากฏออกมา!
“ฟู่ๆ!” เงาร่างอสรพิษดำขนาดยาวหลายฉื่อปรากฎตัวเหนือชามหยก ท่ามกลางแสงสีดำที่พวยพุ่ง ร่างของมันค่อยๆ หดเล็กลง สุดท้ายก็จมลงในชามหยกอย่างน่าประหลาดใจ ทำให้ของเหลวเหนียวข้นค่อยๆ กลายเป็นอสรพิษดำที่มีขนาดเท่านิ้วโป้ง
ขณะที่อสรพิษดำตัวนี้ปรากฏตัวในชามหยก ร่างของมันก็บิดไปมาอย่างรุนแรง ท่าทางเหมือนอยากจะพุ่งออกมาจากชามหยก
เหยียนเจวี๋ยเห็นเช่นนี้ ก็เปลี่ยนท่ามือในทันที พอตบลงบนชามหยก แสงทรงกลดสีดำก็ปรากฏบนปากชาม
ขณะนี้ จะได้ยินเสียงร้องแหลมดังมาจากชามหยก แต่เพียงแค่ไม่กี่อึดใจ ร่างของอสรพิษดำก็ค่อยๆ สลายไป สุดท้ายก็กลายเป็นของเหลวสีดำมันวาวอีกครั้ง
เหยียนเจวี๋ยตื่นเต้นเป็นอย่างมาก พอพลิกข้อมือลง ของเหลวสีดำก็ถูกเทลงในบ่อโลหิต
“ฟู่!”
พริบตาที่ของเหลวสีดำเทลงไป โลหิตในบ่อก็ดูราวกับมีชีวิตขึ้นมา มันโหมซัดสาดและหมุนวนอย่างบ้าคลั่งจนก่อตัวเป็นระลอกคลื่น
เหยียนเจวี๋ยเห็นเช่นนี้ก็ไม่รอรี นิ้วทั้งสิบเคลื่อนไหวอยู่ไม่หยุด จนมองเห็นเป็นเงานิ้วมือ
ขณะเดียวกัน เสียงร่ายคาถาก็ดังมาจากปากเหยียนเจวี๋ย
ที่น่าประหลาดใจก็คือ ขณะที่เสียงร่ายคาถาดังขึ้นมา ระลอกคลื่นก็แผ่ขยายไปอย่างรวดเร็ว ส่วนหนึ่งจมหายเข้าไปในบ่อโลหิต
ค่ายกลขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่นอกบ่อโลหิตส่งเสียงดังหวึ่งๆ แสงสีแดงเจิดจ้าพุ่งออกจากค่ายกล
ระลอกคลื่นสีเลือดหมุนวนอย่างรวดเร็วอีกครั้ง ครู่เดียวก็มีขนาดใหญ่กว่าก่อนหน้านั้นเท่าตัว
ขณะนี้ ฉากอันน่าประหลาดใจยิ่งกว่าได้ปรากฏขึ้นเหนือบ่อโลหิต ไอดำเข้มข้นพลันพวยพุ่งออกจากก้นบ่อ ราวกับว่าจะมีอะไรบางอย่างกำลังพุ่งออกมาจากในนั้น
ผ่านไปไม่นาน
ขณะที่มีเสียงร้องต่ำดังออกมา ไอดำเหนือระลอกคลื่นสีเลือดก็หยุดพวยพุ่ง จากนั้นโล่กระดูกสีดำที่มีภาพเก้ากะโหลก ก็ค่อยๆ โผล่ขึ้นมาจากระลอกคลื่น และลอยขึ้นบนอากาศอย่างช้าๆ
โล่นี้มีสีดำมืด ขนาดใหญ่จั้งกว่าๆ พอเพ่งมองออกไป จะเห็นไอดำพุ่งออกจากหัวกระโหลกทั้งเก้า และก่อตัวเป็นใบหน้าปีศาจที่คำรามเสียงอยู่ไม่หยุด มันดูราวกับมีชีวิตจนน่าประหลาดใจ
พริบตาที่แผ่นโล่ลอยออกมานั้น ระลอกคลื่นในบ่อก็หยุดคลื่นไหว ดูสงบเป็นอย่างมาก
“สำเร็จแล้ว!”
พอเห็นแผ่นโล่ปรากฏออกมา เหยียนเจวี๋ยก็รู้สึกดีใจมาก เขาหยุดทำท่ามือในทันที ขณะเดียวกันก็ชี้นิ้วไปยังโล่
คลื่นสีเทากระเพื่อมออกมาจากอากาศบริเวณนั้น และห่อหุ้มโล่ไว้
มีเสียงดัง “เพล้ง!” บนผิวโล่ จากนั้นอักขระสีดำก็ทะลักออกมา และรวมตัวเป็นชั้นค่ายกลอักขระอันพร่ามัว ซึ่งมีราวๆ สามสิบสี่ชั้น
สามสิบชั้นในที่นี้ก็คือสามสิบสี่ชั้นจำกัดนั่นเอง!
ที่แท้โล่อันนี้ก็เป็นอาวุธจิตวิญญาณระดับสุดยอด คุณสมบัติของมันเหนือกว่าโล่คลื่นทะเลมาก ซึ่งห่างจากอาวุธจิตวิญญาณระดับเหนือสุดยอดในตำนานแค่สองชั้นจำกัดเท่านั้น
อย่างที่รู้ว่าอาวุธจิตวิญญาณที่มีสามสิบหกชั้นจำกัดขึ้นไป ก็สามารถเรียกได้ว่าเป็นอาวุธเวทย์แท้จริงที่มีอานุภาพถล่มภูเขาพลิกทะเลได้!
“นับว่าฟ้าดินไม่ได้ทำให้ผู้ที่มีใจปรารถนาอย่างแรงกล้าต้องผิดหวัง ในที่สุดก็สามารถหลอมโล่เก้ากระโหลกออกมาได้ ดูเหมือนว่าโล่อันนี้ จะทำให้ข้าสูญเสียวัสดุล้ำค่าที่สะสมมาทั้งชีวิต บ่อโลหิตบริสุทธิ์แห่งนี้ ก็ไม่รู้ว่าเสียไปเท่าไหร่ถึงรวบรวมมาได้ครบ หากข้าไม่เป็นขุนนางของวังเพลิงดำ อาศัยแค่ฝีมือที่ยอดเยี่ยมแลกกับทรัพยากรล่ะก็ อย่าหวังว่าจะหลอมมันออกมาได้เลย เพียงแค่หลอมมันให้เป็นอาวุธจิตวิญญาณระดับสุดยอดที่มีสามสิบหกชั้นจำกัด แล้วอาศัยอานุภาพของมัน ช่วยข้าทะลวงคอขวดที่ติดมานานหลายสิบปี ก็สามารถเข้าสู่ระดับผลึกได้แล้ว”
สายตาเหยียนเจวี๋ยดูบ้าคลั่งเป็นอย่างมาก เขาจ้องมองโล่เก้ากระโหลกอย่างไม่กระพริบตา และพูดพึมพำออกมา
“เฮ่อๆ! ผู้ที่แย่งชิงโล่คลื่นทะเลเหล่านั้น หาได้รู้ไม่ว่า โล่คลื่นทะเลเป็นแค่สิ่งที่ใช้ทดลองหลอมโล่เก้ากระโหลกเท่านั้น แต่อย่างไรก็ตาม ระดับของมันก็สูงเกินกว่าที่ไอ้แก่สองคนนั่นจะเข้าถึงได้ ฮึ! สามผู้เชี่ยวชาญการหลอมอาวุธอะไรกัน น่าขันสิ้นดี!”
ต่อมาเขาก็เหมือนจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ สีหน้าดูตื่นเต้นเป็นอย่างมาก
“โชคดีที่ได้ขนแข็งสองเส้นนี้มาจากเจ้าเด็กนั่น แต่วัสดุเพียงเท่านี้ พอที่จะหลอมได้ถึงสามสิบห้าชั้นจำกัดเท่านั้น หากอยากได้สามสิบหกชั้นจำกัดล่ะก็ คงต้องลงมือกับเจ้าเด็กนั่นแล้ว”
เหยียนเจวี๋ยพูดพึมพำอีกสองสามประโยค พอพลิกมือข้างหนึ่งขึ้นมา ขนแข็งสีดำสองเส้นที่ได้มาจากหลิ่วหมิว ก็ปรากฏบนมือ
ครู่ต่อมา เหยียนเจวี๋ยระงับอาการดีใจไว้แล้วโยนขนแข็งสีดำกับโล่เก้ากระโหลกขึ้นไป มือทั้งสองก็เริ่มทำท่ามือไม่หยุด
ขนแข็งสีดำขยายใหญ่ขึ้นมา พริบตาเดียวก็ยาวขึ้นหลายจั้ง มันหมุนวนรอบๆ โล่เก้ากระโหลกราวกับอสรพิษที่มุดออกจากรู
ขณะเดียวกัน โล่กระดูกสีดำก็ปล่อยไอดำที่เข้มข้นยิ่งกว่าเดิม ใบหน้าที่พร่ามัวของปีศาจค่อยๆ ชัดเจนขึ้นมา
หลายวันต่อมา เหยียนเจวี๋ยไม่ได้ออกไปจากห้องโถงแม้แต่ก้าวเดียว เขากำลังหลอมชั้นจำกัดที่สามสิบห้าอยู่ไม่หยุด
สองวันผ่านไป
“ฮึ่ม!”
เสียงคำรามดังมาจากโล่กระดูกสีดำที่ลอยอยู่เหนือศีรษะของเหยียนเจวี๋ย
จากนั้น จะเห็นใบหน้าปีศาจดุร้ายจำนวนมาก พุ่งออกจากแผ่นโล่ และปะทะใส่ส่วนต่างๆ จองห้องโถง จนเกิดเสียงดังโครมคราม
……………………………………