ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ - ตอนที่ 385 ตลาดในถ้ำเหมืองแร่แล้ว
พอเห็นชายหนุ่มไปมาราวกับพายุ หลิ่วหมิงก็ลูบคางแล้วหัวเราะอย่างไม่ทีทางเลี่ยง จากนั้นก็มองดูแผนที่ในมือด้วยสีหน้าครุ่นคิด
จากข้อมูลที่ได้รับในก่อนหน้านั้น สถานการณ์ภายในถ้ำเหมืองแร่ไม่ค่อยดีมากนัก ไม่ว่าจะเป็นหินจิตวิญญาณหรืออาหารล้วนขาดแคลนเป็นอย่างมาก
แต่ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ผู้ที่มีกายเนื้อแข็งแกร่งกลับได้เปรียบอย่างชัดเจน
ด้วยกายเนื้อที่แข็งแกร่งระดับเขา ดูเหมือนจะไม่ต้องหวาดกลัวผู้ใดในถ้ำเหมืองแร่
แผนของหลิ่วหมิงก็คือ อยากถือโอกาสในตอนที่ยังมีพลังเวทย์ไปตรวจสอบส่วนลึกของสายแร่ก่อน และถือโอกาสไปดูว่าอสูรโฉดมีรูปร่างอย่างไรกันแน่
เพราะหากไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมแห่งนี้ภายในระยะเวลาสั้นๆ ได้ เมื่อพลังเวทย์ถูกใช้จนหมดสิ้น เขาก็จะเป็นฝ่ายถูกกระทำ
แม้จะบอกว่าเขายังมีหินจิตวิญญาณระดับสูงกับโอสถอยู่ในหอยสังข์ย่อส่วนจำนวนหนึ่ง แต่สถานที่แห่งนี้ทำให้พลังหมดไปอย่างรวดเร็ว ย่อมไม่สามารถยืนหยัดได้นาน
ทางที่ดีก่อนพลังเวทย์จะหมดสิ้น เขาต้องหาวิธีไปจากสถานที่แห่งนี้ให้ได้
หลิ่วหมิงจ้องมองสถานที่บางแห่งบนหนังอสูรด้วยแววตาเคร่งขรึม
ตามที่บันทึกไว้บนแผนที่ ทิศทางบางแห่งของทางสามแยกนี้มุ่งไปยังสายแร่ที่อยู่ลึกเข้าไป และยังผ่านเขตแลกเปลี่ยนสิ่งของด้วย
สำหรับสถานที่ที่ดูคล้ายตลาดในการแลกเปลี่ยนสิ่งของและทรัพยากรของผู้ฝึกฝนระดับนี้ หลิ่วหมิงย่อมไม่รู้สึกแปลกใจแต่อย่างใด เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าถ้ำเหมืองแร่ใต้ดินแห่งนี้จะมีสถานที่แบบนี้ด้วย
พอหลิ่วหมิงคิดมาถึงจุดนี้ ก็ขยับตัวติดต่อกันอย่างไม่ลังเล จากนั้นก็จมหายเข้าไปในทางเดินทางด้านซ้าย
สองชั่วยามผ่านไป หลิ่วหมิงเดินตามแผนที่เข้าไปยังทางเดินหลายแห่ง ในที่สุดก็มองเห็นแสงสีขาวจางๆ เปล่งประกายอยู่ไม่ไกลจากตรงหน้า ดูราวกับว่ามีอุโมงค์ขนาดใหญ่อยู่ไม่ไกล เขาจึงก้าวยาวๆ ไปด้านหน้าด้วยความดีใจ
ประจักษ์ชัดว่าที่นี่คือ ‘เขตแลกเปลี่ยน’ ที่พูดถึง
สถานที่กว้างโล่งที่มีเสาหินสิบกว่าต้นตั้งตระหง่านอยู่ได้ปรากฏต่อสายตาของเขา
เสาแต่ละต้นมีขนาดเท่าอ่างน้ำ มีหินแร่ฝังอยู่เป็นจำนวนมาก มันส่องแสงจนในอุโมงค์สว่างกว่าปกติ
หลิ่วหมิงกวาดสายตามองผ่านไป
พื้นที่กว้างราวๆ สองสามร้อยจั้งแห่งนี้ นอกจากทางเดินในตอนที่เข้ามาแล้ว ยังมีทางเดินอีกหลายแห่งที่ไม่รู้ว่ามุ่งไปยังสถานที่แห่งใด แต่ตามที่บอกไว้บนแผนที่ มันมีทางเดินหนึ่งในนั้นมุ่งไปยังส่วนลึกของสายแร่
ดูท่าสถานที่แห่งนี้ คงจะมีทางเดินเชื่อมไปทุกหนทุกแห่ง
ดูจากผนังถ้ำที่มีหลุมขนาดต่างๆ และรอยสึกหรอเป็นจำนวนมาก ทำให้รู้ว่าแต่ก่อนสถานที่แห่งนี้ ก็เป็นแหล่งแร่เช่นกัน แต่ตอนนี้ได้กลายเป็นที่รวมตัวของทาสเหมืองแร่มาระยะหนึ่งแล้ว
ตอนนี้มีทาสเหมืองแร่มารวมตัวกันสี่ห้าสิบคน จึงไม่ดูเงียบเงาเหงามากนัก
ทาสเหมืองแร่ส่วนมากเป็นเผ่าเจ้าสมุทร และก็มีมนุษย์และเผ่าอื่นๆ อยู่จำนวนหนึ่ง ส่วนเผ่าปีศาจนั้นมีน้อยมาก
และทาสเหมืองแร่เหล่านี้ ต่างก็มีผิวขาวซีด ผมเผ้ารุงรัง เสื้อผ้าบนตัวขาดรุ่งริ่ง สีหน้าดูเหมือนไม่สนใจใยดีกับเหตุการณ์ภายนอก มีแค่ไม่กี่คนที่มีสีหน้าไม่สะทกสะท้าน และใบหน้าดูโหดเหี้ยมเป็นอย่างมาก
คนเหล่านี้วางสิ่งของจำนวนหนึ่งไว้กลางลานกว้าง และทำการแลกเปลี่ยนวัสดุและอาหารจำนวนหนึ่ง พวกเขาหลายคนมีดาบกระดูกอยู่บนเอวเหมือนกับหลิ่วหมิง แต่อาวุธจิตวิญญาณกลับมีไม่กี่ชิ้น
พอพวกเขาเห็นหลิ่วหมิงเข้ามา นอกจากมีสองสามคนที่หันมามองทีหนึ่งแล้ว คนส่วนมากก็ดูจะเหมือนจะไม่สนใจเลย ยังคงนั่งยังคงนั่งขัดสมาธิสนทนาต่อ
และผนังรอบด้านก็ถูกใช้ประโยชน์ ถ้ำหินบางแห่งที่สร้างขึ้นอย่างง่ายๆ ล้วนว่างเปล่า ถ้ำที่ถูกครอบครองบางแห่ง คนที่อยู่ในนั้นล้วนมีกลิ่นไอและสีหน้าดูดีกว่าพวกที่อยู่บนลาน และสิ่งของที่วางอยู่บนแท่นหินตรงหน้าของพวกเขา ก็มีคุณสมบัติดีกว่ามาก ดูท่าคงเป็นยอดฝีมือที่มีพลังแข็งแกร่งของกลุ่มอิทธิพลที่อยู่ในนี้
จะว่าไปแล้ว ทาสเหมืองแร่ที่อยู่ในเขตแลกเปลี่ยนเหล่านี้ ส่วนมากเป็นคนของกลุ่มอิทธิพลที่อ่อนแอที่สุด มีจำนวนหนึ่งเป็นแค่ศิษย์จิตวิญญาณเท่านั้น เกรงว่าผู้มีพลังแข็งแกร่งที่แท้จริง คงจะเข้าไปในส่วนลึกของสายแร่แล้ว
หลิ่วหมิงเดินเข้าไปในถ้ำด้วยสีหน้าสงบ หลังจากนั่งลงไปในที่ที่ไม่ค่อยสะดุดตาคนแล้ว ก็เริ่มทำการสังเกตอย่างเงียบๆ
สถานที่แห่งนี้คล้ายกับที่เขาคิดไว้ในก่อนหน้านั้น ซึ่งเป็นตลาดแบบดั้งเดิม
ขณะนั้นเองก็มีเสียงดังเจี๊ยวจ๊าวมาจากทางเดินบางแห่ง
หลิ่วหมิงกวาดสายตามองไปทันที
มนุษย์ผู้ชายหัวล้านสามคนที่แผ่กลิ่นไอสังหารออกมาอย่างรุนแรงได้ปรากฏตัวบนทางเดินสายหนึ่ง และเดินตามหัวหน้าของพวกเขาไปยังมุมหนึ่งของถ้ำ
ภายใต้แสงที่ยังนับว่าพอสว่างอยู่บ้าง หลิ่วหมิงค้นพบว่าคนสองคนที่อยู่ด้านหลังกำลังแบกถุงผ้าป่านอยู่คนละใบ มีโลหิตเปื้อนอยู่บนถุง กลิ่นคาวโลหิตโชยเข้ามาในถ้ำทันที ทำให้ทาสเหมืองแร่บนลานกว้างต่างก็เงยหน้าขึ้นมาดู แววตาที่ไร้ชีวิตของทาสเหมืองแร่หลายคน กลับเต็มไปด้วยความปรารถนา
ชายหัวล้านสามคนเดินไปด้านหน้าถ้ำหินแห่งหนึ่งท่ามกลางสายตาของคนจำนวนมาก
ผู้ที่เป็นหัวหน้าคารวะชายวัยกลางคนที่กำลังนั่งสมาธิอยู่ในถ้ำ จากนั้นก็หยิบถุงเล็กๆ บนเอวยื่นออกไป ขณะเดียวกันก็พูดอะไรออกมาสองสามประโยค
แต่พอชายวัยกลางคนฟังจบ ก็ยื่นแขนข้างหนึ่งออกไปรับถุงใบนั้น หลังจากชั่งน้ำหนักด้วยมือเล็กน้อยแล้ว ก็ใส่มันเข้าไปในแขนเสื้อ และพยักหน้าออกมา จากนั้นก็ยื่นแขนอีกข้างออกไป หลังจากชี้ไปยังถ้ำที่อยู่ตรงกลางแล้ว ก็นั่งสมาธิต่อ
หลิ่วหมิงค้นพบว่าเสื้อผ้าบนตัวของชายวัยกลางคนสะอาดเรียบร้อยกว่าทาสคนอื่นๆ มาก ทั้งยังดูเหมือนจะไม่สนใจใครเลย แท่นหินตรงหน้าก็ไม่มีอะไรวางไว้ มีโอกาสเป็นไปได้มากว่า เขาเป็นคนที่กลุ่มอิทธิพลบางกลุ่มส่งมาดูแลที่นี่
เมื่อชายหัวล้านทั้งสามเดินไปถึงถ้ำที่ชายวัยกลางคนชี้ ผู้ที่เป็นหัวหน้าก็หันมาตะโกนในทันที
“เนื้ออสูรโฉดสดๆ สองพันจิน จินละสองหินจิตวิญญาณ หรือแร่ที่มีมูลค่าพอๆ กัน ใครมาก่อนได้ก่อน!”
พอน้ำเสียงสิ้นสุดลง คนสองคนที่อยู่ด้านหลังก็พากันวางถุงผ้าป่านไว้บนแท่นหน้าปากถ้ำ พอเปิดปากถุงออกมา ก็จะเห็นชิ้นเนื้อของอสูรโฉดอยู่ในนั้น
“หยวนเหมิง ใจดำไปหน่อยมั้ง! ก่อนหน้านั้นไม่นานยังหนึ่งจินหนึ่งหินจิตวิญญาณเลย” ทันใดนั้นทาสเหมืองแร่เผ่าเจ้าสมุทรผู้หนึ่งก็ร้องโวยวายออกมา ขณะเดียวกันก็มีทาสเหมืองแร่หลายคนเริ่มคล้อยตามด้วย
“ใจดำ? ฮึ! ตอนนี้อสูรโฉดร้ายกาจกว่าก่อนหน้านั้นมาก ถ้ามีความสามารถก็ไปล่าเอาเองสิ!” ผู้เป็นหัวหน้าที่ชื่อ ‘หยวนเหมิง’ จ้องมองชายเผ่าเจ้าสมุทรด้วยแววตาโหดเหี้ยม และตะโกนออกมา จากนั้นก็เดินเข้าไปนั่งหลับตาพักผ่อนภายในถ้ำ
ทาสเหมืองแร่คนอื่นๆ เห็นเช่นนี้ ต่างก็มองหน้ากันอย่างอดไม่ได้
สุดท้ายยังคงมีทาสหลายคนกลืนน้ำลาย และเดินไปยังถ้ำแห่งนั้น พวกเขาเข้าแถวและเตรียมหินจิตวิญญาณสำหรับแลกเนื้ออสูรโฉด พอหนึ่งในชายหัวล้านรับหินจิตวิญญาณไปแล้ว ชายหัวล้านอีกคนก็ใช้ดาบกระดูกตัดชิ้นเนื้อโยนไปให้
ไม่นานเนื้อที่วางอยู่บนแท่นหินตรงหน้าหยวนเหมิงก็เหลือไม่มากแล้ว และถูกแทนที่ด้วยหินจิตวิญญาณเป็นถุงๆ กับหินแร่ต่างๆ
พอชายเผ่าเจ้าสมุทรที่โวยวายในก่อนหน้า เห็นทุกคนต่างก็ไปแลกเนื้ออสูรโฉด เขาจึงนำหินจิตวิญญาณถุงหนึ่งไปแลกกับเนื้อสิบกว่าจินในที่สุด จากนั้นก็เดินไปยังทางเดินสายหนึ่ง
หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ก็ขมวดคิ้วขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ ดูท่าอาหารกับหินจิตวิญญาณในสถานที่แห่งนี้ คงจะล้ำค่ากว่าที่เขาคาดคิดไว้มาก มันทำให้เขาถอนหายใจออกมาอย่างอดไม่ได้
แต่ยังดีที่สถานที่แห่งนี้สามารถใช้หินจิตวิญญาณได้ ดูจากหินจิตวิญญาณระดับสูงที่อยู่ในหอยสังข์ย่อส่วนแล้ว เขาไม่ต้องกังวลเรื่องนี้ไปชั่วระยะเวลาหนึ่ง
หลิ่วหมิงอยู่ที่นี่สักพัก หลังจากพอจะเข้ามูลค่าของสิ่งของในนี้แล้ว ก็เดินไปยังเส้นทางที่มุ่งเข้าสู่ส่วนลึกของสายแร่
เพื่อป้องกันปัญหาที่เกิดขึ้น พอเข้าไปในทางเดินแล้ว เขาก็หยิบโอสถไม่ทราบชื่อออกมา หลังจากถูลงบนตัว สีหน้าของเขาก็ซีดขาวเหมือนกับทาสเหมืองแร่คนอื่นๆ
พอหลิ่วหมิงกระตุ้นพลังจิตเล็กน้อย กลิ่นไอบนตัวก็ดูอ่อนแอลง ด้วยเหตุนี้เขาจึงดูเหมือนทาสเหมืองแร่คนอื่นๆ ไม่มีผิด
เมื่อเขาทำทุกอย่างเสร็จสิ้น ก็หยิบแผนที่ขึ้นมาแล้วเดินไปตามทางที่บอกไว้ในนั้น
หลังจากไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าใด หลิ่วหมิงก็มาปรากฏตัวอยู่ในอุโมงค์ขนาดเล็กที่มีขนาดสิบกว่าจั้ง หน้าอุโมงค์มีทางเดินสองสาย หลังจากพิจารณาดูเล็กน้อยแล้ว เขาก็เตรียมเดินไปยังเส้นทางสายหนึ่งทันที
ขณะที่เขาปราดตามองอย่างไม่ใส่ใจ ก็ค้นพบศพที่มีแสงสีแดงสองสามศพนอนระเนระนาดอยู่มุมหนึ่งของอุโมงค์
พอหลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ ก็ชะงักฝีเท้าด้วยความตกตะลึง จากนั้นก็เดินเข้าไปสังเกตดูอย่างละเอียด เขาค้นพบว่าคนเหล่านี้ต่างก็ถูกตัดแขนตัดขา สภาพศพน่าอนาถยิ่งนัก และดูจากสภาพศพที่เน่าเปื่อย คงตายไปไม่ต่ำกว่าสามวัน เสื้อผ้าบนตัวก็ถูกดึงออกจนหมด
ที่น่าแปลกใจยิ่งกว่าก็คือ แสงสีแดงจางๆ ที่เปล่งประกายออกมาจากศพเหล่านี้ คือหนอนสีแดงเล็กๆ จำนวนมากที่ปีนป่ายอยู่บนตัวศพ สิ่งนี้ทำให้หลิ่วหมิงรู้สึกเย็นสะท้าน
…………………………………