ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ - ตอนที่ 410 ศึกเผ่าเจ้าสมุทร (1)
ขณะเดียวกัน ภายใต้การบัญชาการของผู้แข็งแกร่งระดับผลึกในโลกใต้สมุทร พวกเขาต่างก็เริ่มแสดงใบหน้าที่น่าเกลียดออกมา
บนพื้นว่างเปล่าแห่งหนึ่งที่อยู่ห่างจากพระราชวังใต้สมุทรไปไม่ไกล ชายเผ่าปีศาจรูปร่างเตี้ยเล็กยืนอยู่ที่นั่น เขากำลังสั่งอะไรบางอย่างกับทหารเผ่าปีศาจจำนวนมากที่อยู่ตรงหน้า
ต่อมาทหารเผ่าปีศาจเหล่านี้ก็พยักหน้าแล้วพากันแยกย้ายออกไป จากนั้นก็เดินเข้าไปในสิ่งก่อสร้างสีดำขนาดใหญ่
หลังจากมีเสียงดังโครมครามเกิดขึ้น หลังคาของสิ่งก่อสร้างเหล่านี้ก็ถูกเปิดออกมา รถสงครามทองสัมฤทธิ์ที่ยาวสิบกว่าจั้งปรากฏตัวขึ้น
รถสงครามเหล่านี้มีรูปร่างแปลกประหลาด มีแสงสีฟ้าเปล่งประกายระยิบระยับอยู่บนพื้นผิว และสิ่งที่ใช้ลากรถสงคราม ก็เป็นม้าสมุทรยักษ์ที่ลำตัวยาวหลายจั้ง และมีหนามแหลมปกคลุมอยู่เต็มตัว
ผิวของรถเหาะทองสัมฤทธิ์เหล่านี้ มีอักขระสีฟ้าจางๆ ประทับอยู่เป็นจำนวนมาก หลังจากปรากฏตัวออกมาแล้ว ก็ลอยอยู่กลางอากาศเงียบๆ
ภายใต้การนำของชายรูปร่างเตี้ยเล็ก ทหารเผ่าปีศาจแต่ละกองที่รออยู่ด้านข้าง ก็พากันกรูเข้ามา
อีกด้านหนึ่ง ผู้อาวุโสเผ่าปีศาจที่มีผมและหนวดเคราสีขาว รูปร่างผอมสูง กำลังยืนถือคทาหยกอยู่กลางอากาศด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก
และบนพื้นว่างเปล่าด้านล่าง ทหารเผ่าปีศาจแต่ละกองกำลังวางธงค่ายกลขนาดต่างๆ อย่างรวดเร็ว
ภายใต้การกระตุ้นพลังเวทย์ของผู้อาวุโส คทาหยกในมือก็เปล่งแสงออกมา อักขระจำนวนมากเปล่งประกายออกมาจากในนั้น และค่อยๆ จมหายไปในค่ายกลที่อยู่ด้านล่าง
ต่อมา หุ่นอสูรยักษ์แต่ละตัวพุ่งออกจากค่ายกลอย่างไม่ขาดสายท่ามกลางแสงสีเขียวที่เปล่งประกาย ไม่รู้ว่ามันมีจำนวนเท่าไหร่
อีกด้านหนึ่ง
ชั่วขณะที่มีเสียงราวกับเสียงขลุ่ยดังขึ้นมา อสรพิษวารีที่มีเขาอยู่บนหัวก็พุ่งขึ้นมาจากรูต่างๆ ที่อยู่บริเวณรอบๆ พระราชวังใต้สมุทร
แม้อสรพิษวารีเหล่านี้จะมีรูปร่างไม่เหมือนกัน แต่ทุกตัวล้วนมีกลิ่นไอของระดับของเหลวอยู่ มันชูคอส่งเสียงที่ทำให้รู้สึกขนลุกขนพองขึ้นมา
พริบตาเดียว บริเวณรอบๆ พระราชวังใต้สมุทรก็มีอสรพิษวารีล้อมอยู่พันกว่าตัว
และเหนือพระราชวัง มีชายฉกรรจ์ที่มีขนสีดำบนใบหน้าลอยอยู่บนนั้น เขากำลังลูบไล้ขลุ่ยหยกในมือเบาๆ
และทหารเผ่าปีศาจที่ปรากฎตัวในก่อนหน้านั้น ก็ถูกคนเผ่าปีศาจระดับสูงแบ่งออกเป็นหลายสิบกอง และยืนเรียงแถวเป็นค่ายกลสำหรับการสู้รบ ในมือถือง้าวสามง่ามที่มีแสงสีเขียวเปล่งประกาย พวกเขายกมันขึ้นเหนือศีรษะและร่ายคาถาบางอย่างออกมา
พอแสงสีแดงเปล่งประกายในแววตาของทหารเหล่านี้ กลิ่นไอรอบตัวก็ประทุออกมาอย่างบ้าคลั่ง ทำให้รู้สึกถึงพลังมหาศาล
ที่น่าตกใจยิ่งกว่าก็คือ สิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่บริเวณพระราชวังที่ดูคล้ายเจดีย์ยักษ์สี่หลัง หลังจากที่มันสั่นไหวอย่างรุนแรง มันก็เริ่มเปลี่ยนรูปร่างท่ามกลางเสียงดังโครมคราม พริบตาเดียวก็กลายเป็นหุ่นมนุษย์ยักษ์สี่ตัวที่สูงพันจั้ง ดวงตาขนาดใหญ่ของมันเปล่งแสงสีทองอร่าม มันส่องแสงจนทำให้ใต้ทะเลที่มืดมิดสว่างไสวขึ้นมา และมองเห็นทุกสิ่งที่อยู่ใต้ทะเลอย่างชัดเจน
พอหุ่นค้ำฟ้าเหล่านี้ยกแขนขึ้นพร้อมกัน ดาบเย็นสะท้านขนาดใหญ่ และโล่สัมฤทธิ์ยักษ์ก็ปรากฏออกมา ทำให้อากาศบริเวณรอบๆ บิดเบี้ยวในทันที ทั้งยังส่งเสียงแหลมดังแสบแก้วหูออกมาเป็นระลอกๆ พวกมันแต่ละตัวแผ่กลิ่นไออันน่ากลัวของระดับผลึกออกมา
ขณะที่หุ่นค้ำฟ้าปรากฏออกมานั้น ก็มีเสียงฟ้าร้องดังมาจากแท่นสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่สิบกว่าจั้งที่ตั้งอยู่หน้าพระราชวัง ผู้อาวุโสหลังค่อมที่มีผมสีขาว ยืนประคองผลึกสีครามเข้มอยู่บนนั้น
ขณะที่ผู้อาวุโสร่ายคาถาออกมา เมฆอัคคีแปลกประหลาดจำนวนมากก็ปรากฏอยู่เหนือแท่นหิน หลังจากมีเสียงฟ้าร้องฟ้าผ่าดังขึ้น มังกรน้อยยาวจั้งๆ ที่มีผิวแวววาวจำนวนห้าตัว ก็บินออกมาจากเมฆอัคคี มันแยกเขี้ยวยิงฟันลอยวนไปมาอยู่ไม่หยุด
ผู้อาวุโสอ้าปากพ่นโลหิตบริสุทธิ์ออกมาทันที จากนั้นมันก็กลายเป็นหมอกโลหิตจมหายเข้าไปในผลึกกลมๆ เมื่อดวงตาของเขาเผยแววดุร้ายออกมา พลังเวทย์ในร่างก็ถูกกระตุ้นในทันที
ใบหน้าของผู้อาวุโสแก่ลงเล็กน้อย ผลึกกลมๆ เปล่งแสงโลหิตออกมา อักขระโลหิตลอยออกมาจากในนั้น และค่อยๆ จมหายเข้าไปร่างของมังกรน้อยที่อยู่บนอากาศ ทำให้ร่างของพวกมันขยายยาวร้อยกว่าจั้งภายในพริบตา
รอบๆ แท่นหินมีทหารเผ่าปีศาจยืนเรียงเป็นรูปวงกลม ในมือถือธงค่ายกลห้าสีอยู่ พริบตาที่พวกเขาเห็นมังกรก่อตัวขึ้นมา ก็รีบปล่อยพลังเวทย์ใส่ธงค่ายกลบนมืออย่างบ้าคลั่ง พอธงค่ายกลเปล่งแสงออกมา ก็โหมกระหน่ำโบกธงค่ายกลในมือ จนเกิดเป็นแสงห้าสี และพุ่งเข้าไปในร่างของมังกรเช่นกัน
มังกรทั้งห้าหมุนตัวทีเดียว ก็กลายเป็นแสงสีดำ สีขาว สีเขียว สีแดง และสีฟ้า พวกมันลอยไปมาบนม่านแสงสีฟ้า
ครู่ต่อมา มังกรทั้งห้าก็ส่ายหางไปมาอยู่ชั่วขณะหนึ่ง จากนั้นแสงที่เปล่งออกจากตัวก็ผสานกันจนกลายเป็นม่านแสงห้าสี และปกคลุมโลกใต้สมุทรไว้
พื้นผิวของม่านแสงห้าสี มีมังกรห้าตัวลอยไปมาอยู่ไม่หยุด และส่งเสียงคำรามดังลั่นขอบฟ้าอยู่เป็นระยะๆ
“ฮึ! ให้มัจฉาปะปนอย่างพวกเจ้าได้ลิ้มรสความร้ายกาจของค่ายกลมังกรห้าสี ที่ราชาสมุทรจัดวางอย่างไม่เสียดายพระโลหิตซะบ้าง!” ผู้อาวุโสแหงนหน้ามองม่านแสงห้าสีที่ปรากฏอยู่เหนือม่านแสงสีฟ้า และกล่าวด้วยสีหน้าดุร้าย
……
ในบ้านหินบางแห่งที่อยู่ในถ้ำเหมืองแร่ใต้ทะเลลึก
เจียวฉานที่ดูแลผู้พิทักษ์เหมืองแร่ทั้งหมด กำลังขมวดคิ้วจ้องมองแผ่นค่ายกลหยกที่เปล่งแสงสีขาวอยู่
ก่อนหน้านั้นไม่นาน เขาได้รับข่าวที่เผ่าปีศาจระดับผลึกคนอื่นๆ ส่งมา สีหน้าจึงดูไม่ได้ขึ้นมาทันที
แต่หลังจากที่เขาก้มหน้าคิดไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง ก็ตัดสินใจตะโกนออกมาในทันที
“เรียกหัวหน้าผู้พิทักษ์ทั้งหมดมาพบข้าเดี๋ยวนี้”
“ทราบ! ท่านเจียวฉาน!” เสียงตอบรับดังมาจากหน้าห้องในทันที จากนั้นก็วิ่งไปถ่ายทอดคำสั่งอย่างรวดเร็ว
ไม่นาน ก็มีหัวหน้าผู้พิทักษ์เผ่าปีศาจสวมชุดทะมัดทะแมงสี่คนมายืนอยู่ตรงหน้า บนใบหน้าของพวกเขามีลวดลายสีเงินประทับอยู่
‘เฉินกัง’ ผู้พิทักษ์เหมืองแร่วัยกลางคนที่เคยค้นเอากระบี่จันทราทองคำกับเกราะหนังมังกรแดงของหลิ่วหมิงไป ก็อยู่ในนั้นด้วย
“ขณะนี้เผ่าเจ้าสมุทรเข้ามาล่วงล้ำอาณาเขตของพวกเรา พวกเจ้ารีบไปเรียกรวมกองกำลังในบังคับบัญชา และส่งคนครึ่งหนึ่งตามข้าไปเป็นกองกำลังสนับสนุน”
“นายท่าน ตามที่สายสืบรายงานมา แผนการหลบหนีของหลานสี่และคนอื่นๆ อาจจะเริ่มดำเนินการในเร็วๆ นี้ หากเสี่ยงนำคนออกไปจำนวนมาก เกรงว่า……” ตอนแรกเฉินกังก็รู้สึกตกตะลึง แต่ก็กุมมือคารวะ และกล่าวกับเจียวฉานด้วยความไม่สบายใจ
“ไม่เป็นไร เรื่องนี้ได้ผ่านการพิจารณาของข้ามาแล้ว ตอนนี้ราชาสมุทรออกไปข้างนอกกระทันหัน ใต้สมุทรถูกฝ่ายตรงข้ามวางชั้นจำกัดไว้ พระราชวังใต้สมุทรก็ตกอยู่ในอันตรายเช่นกัน หากวังใต้สมุทรถูกเผ่าเจ้าสมุทรโจมตีได้ล่ะก็ ไหนเลยจะสามารถฟื้นตัวกลับมาได้ ต่อให้พวกเราจะซ่อนตัวอยู่ในสายแร่ ก็คงหนีไม่พ้นความตาย อีกอย่างดูจากเวลาที่เหยียนลัวบอกแล้ว เหลือเวลาอีกหนึ่งเดือน แผนการของหลานสี่ถึงจะเริ่มเคลื่อนไหว พาผู้พิทักษ์ออกไปจากที่นี่ครึ่งหนึ่งคงไม่มีปัญหาอะไร” เจียวฉานโบกมือกล่าว
เฉินกังและคนอื่นๆ สบกันอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็ได้แต่โค้งตัวตอบรับกลับไป
ภายใต้คำสั่งของเจียวฉาน เฉินกังกับหัวหน้าผู้พิทักษ์อีกคน และผู้พิทักษ์อีกครึ่งหนึ่ง ถูกสั่งให้อยู่ในสายแร่เพื่อเฝ้าดูการเคลื่อนไหวของทาสเหมืองแร่เหล่านี้
และตัวเขาเองก็พาผู้พิทักษ์เหมืองแร่เกือบร้อยคนกับอสูรยักษ์ที่มีหัวเป็นหมูและมีร่างเป็นช้างออกไปจากสายแร่ใต้ทะเลลึกอย่างรีบร้อน
……
ครึ่งชั่วยามต่อมา กองทหารอันยิ่งใหญ่เกรียงไกรของเผ่าเจ้าสมุทรก็มาถึงจุดหมายของการเดินทางในครั้งนี้ พื้นที่ใต้ทะเลที่อยู่นอกเขตการควบคุมของราชาปีศาจสมุทร มีกองทหารติดอาวุธพรั่งพร้อมนับแสนคนกำลังล้อมรอบพระราชวังใต้สมุทรไว้อย่างแน่นหนา
และบนอากาศเหนือผืนทะเลของโลกใต้สมุทร ก็ถูกวิหคยักษ์สีดำจำนวนมากบดบังไว้ เสียงวิหคดังขานรับกันอย่างต่อเนื่อง มันบินวนปิดล้อมอากาศบริเวณนั้นไว้
ท่ามกลางทะเลลึก ด้านหน้าของเรือยักษ์ที่เต็มไปด้วยเผ่าเจ้าสมุทรเกล็ดทอง
ผู้อาวุโสเผ่าเจ้าสมุทรที่สวมมงกุฎทองคำกำลังจ้องมองมังกรทั้งห้าที่ลอยวนอยู่บนม่านแสงห้าสี ทันใดนั้นเขาก็หัวเราะออกมาอย่างเยือกเย็น และยกแขนขึ้นมาโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง ทันใดนั้นก็มีแตรเสียงสัญญาณดังมาจากด้านหลัง
ต่อมาก็มีคลื่นก่อตัวขึ้นตรงด้านหลัง เรือยักษ์สิบกว่าลำที่ดูคล้ายเขาลูกเล็กๆ พุ่งออกไปด้านหน้า หลังจากมีลำแสงเปล่งประกายบนแท่งแหลมคมที่ฝังอยู่ตรงหน้า ลำแสงสีฟ้านับพันก็พุ่งยิงออกมาพร้อมกัน พริบตาเดียวก็ปะทะใส่ม่านแสงห้าสีจนเกิดเสียงดังสะเทือนเลือนลั่น
ในขณะเดียวกัน ก็มีเสียงฟ้าร้องดังขึ้น สายฟ้าสีฟ้าพุ่งออกจากอาวุธที่ทหารชุดเกราะสีฟ้าถืออยู่ในมือ จากนั้นมันก็รวมตัวเป็นสายฟ้าขนาดยักษ์ที่ยาวร้อยกว่าจั้ง และโจมตีม่านแสงห้าสีในทันที
เกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว
ลูกแสงขนาดยักษ์ลอยออกมาเป็นกลุ่มๆ จากนั้นก็ค่อยๆ ระเบิดตัวกลายเป็นคลื่นสั่นสะเทือนพุ่งออกไปรอบด้าน มันมีอานุภาพน่าตกใจเป็นอย่างมาก!
ขณะนั้นเอง มีเสียงมังกรคำรามออกมาหลายเสียง!
ท่ามกลางคลื่นสั่นสะเทือนอันรุนแรง ม่านแสงห้าสีเพียงแค่สั่นสะท้านเล็กน้อย แต่แสงบนตัวกลับมืดลงกว่าก่อนหน้านั้น
ต่อมา มังกรยักษ์สีแดงในม่านแสงก็เปลี่ยนรูปร่างในทันที มันอ้าปากพุ่งยิงลำแสงสีแดงที่มีขนาดใหญ่หลายจั้งไปยังเรือยักษ์ที่อยู่นอกม่านแสง
“ตู๊ม!”
ม่านแสงสีฟ้าโผล่ออกมาบนเรือยักษ์ในทันที ภายใต้การประสานกันระหว่างแสงสีแดงกับแสงสีฟ้า ทำให้เรือยักษ์ค่อยๆ สั่นสะท้านขึ้นมา ทหารชุดเกราะที่อยู่ใกล้กับม่านแสง ถูกเปลวเพลิงอันร้อนแรงปกคลุมอย่างรวดเร็ว พริบตาเดียวก็กลายเป็นขี้เถ้า
ในขณะเดียวกัน ทหารเผ่าปีศาจจำนวนมากที่อยู่ในค่ายกลห้าสี ก็ร้องตะโกนออกมา พวกเขาโบกสะบัดง้าวสามง่ามในมือ เพื่อปล่อยลำแสงโจมตีออกไปนอกม่านแสง
…….
และในขณะเดียวกัน ภายในห้องลับใต้พระราชวังใต้สมุทร
ชิงฉินยังคงร่ายคาถาอยู่ แต่ด้านหน้าของเขากลับมีค่ายกลสีเขียวจางๆ หมุนวนอย่างช้าๆ
ทันใดนั้นค่ายกลสีเขียวก็หยุดชะงักลง และส่งเสียงดังหวึ่งๆ ออกมา
…………………………………