ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ - ตอนที่ 414 ศึกเผ่าเจ้าสมุทร (5)
ขณะที่หลิ่วหมิงและคนอื่นๆ เข้าไปในเหวลึกนั้น
การต่อสู้ของเผ่าเจ้าสมุทรบริเวณพระราชวังใต้สมุทรก็ยังคงต่อสู้กันอย่างดุเดือด
“ฮึ่ม!”
อสูรยักษ์ใต้ทะเลลึกที่มีรูปร่างหลายสิบจั้ง ถูกหมอกดำที่มังกรยักษ์สีดำพ่นออกมาปกคลุมไว้ พริบตาเดียวตุ่มพุพองจำนวนมากก็ปรากฏขึ้นมาบนผิวหนัง ไม่นานมันก็เสียชีวิตจากแผลเปื่อยเน่า
มังกรดำตัวนั้นคำรามเสียงออกมา หลังจากมีเสียงดัง “ตู๊ม!” มันก็ถูกลำแสงสิบกว่าลำโจมตีจนสลายไป
ในขณะเดียวกัน บนแท่นสูงทรงสี่เหลี่ยมที่ตั้งอยู่ตรงหน้าพระราชวัง ผู้อาวุโสหลังค่อมผมสีขาวก็กระอักเลือดออกมา
และร่างของทหารเผ่าปีศาจที่ถือธงค่ายกลสีดำอยู่ด้านหลังของเขา ก็ระเบิดตัวจนเสียชีวิต
ขณะนี้ ธงค่ายกลมังกรห้าสีที่ปกคลุมโลกใต้สมุทรไว้ ก็เหลือเพียงมังกรสีเขียวที่ยังคงลอยวนไปมา มันพ่นไอสีเขียวออกมาเพื่อเสริมการป้องกันอยู่ไม่หยุด โดยไม่ออกไปรับศึกด้านนอกเลยแม้แต่น้อย
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ม่านแสงห้าสีที่มีพลังการป้องกันอันน่าตกใจ ก็เหลือเพียงแค่ชั้นสีเขียวจางๆ เท่านั้น
หลังจากกองกำลังเผ่าเจ้าสมุทรเปิดการโจมตีอยู่หลายครั้ง จนทำให้สูญเสียเรือยักษ์สองลำกับอสูรสมุทรสิบกว่าตน ในที่สุดม่านแสงห้าสีก็ใกล้จะพังทลายลง โลกใต้สมุทรดูล่อแหลมเป็นอย่างมาก
ขณะนี้ บนผืนทะเลที่ไม่รู้ว่าอยู่ห่างจากโลกใต้สมุทรไปเท่าใด
ชุดสีเขียวที่เย่เทียนเหมยสวมอยู่โบกสะบัดอยู่ไม่หยุด ขณะนี้เท้าของนางเหยียบอยู่บนกระบี่ยักษ์สีเงิน และลอยเงียบๆ อยู่กลางอากาศที่สูงร้อยกว่าจั้ง
นางจ้องมองแสงสีฟ้าที่วกกลับไปด้วยความแปลกใจ คิ้วของนางขมวดขึ้นมา ดูเหมือนนางกำลังคิดอะไรอยู่
นางทำท่ามือด้วยตาที่เป็นประกาย กระบี่ยักษ์ใต้เท้ากลายเป็นสายรุ้งแวววาวพานางพุ่งทะยานขึ้นฟ้า ทันใดนั้นก็พุ่งไปยังทิศทางที่จากมา
ครึ่งชั่วยามผ่านไป นางก็มาปรากฏตัวบนหินโสโครกก้อนหนึ่ง ตรงหน้าของนางมีทหารเผ่าเจ้าสมุทรชุดเกราะสีฟ้าที่หมดสติอยู่ ด้านข้างมีง้าวสามง่ามปักอยู่
ขณะนี้เย่เทียนเหมยกำลังใช้มือที่เปล่งแสงสีเงินกดศีรษะของทหารเผ่าเจ้าสมุทรผู้นี้ ดวงตาของนางหลับสนิท และร่ายคาถาออกมา
ผ่านไปไม่กี่อึดใจ ใบหน้าของทหารเผ่าเจ้าสมุทรก็บิดเบี้ยวขึ้นมา
“โพล๊ะ!” ศีรษะของเขาระเบิดตัวทันที
เพียงแค่มีแสงสีเงินเปล่งประกายบนร่างของเย่เทียนเหมย สิ่งของสีขาวแดงที่กระเด็นเข้ามาก็ถูกดีดกระเด็นออกไป ร่างของนางไม่มีรอยเปื้อนเลยแม้แต่น้อย
“คิดไม่ถึงว่าจะเลือกโอกาสนี้โจมตีรังของราชาปีศาจสมุทร แต่สำหรับข้าแล้ว มันเป็นโอกาสที่ดีมาก” เย่เทียนเหมยลุกขึ้นมา หลังจากมองไปทางพระราชวังใต้สมุทรแล้ว ก็พูดพึมพำออกมา
จากนั้นนางปล่อยลูกเปลวไฟออกไปหนึ่งลูก มันเผาไหม้ทหารเผ่าเจ้าสมุทรจนกลายเป็นขี้เถ้า ส่วนตัวนางก็กลายเป็นกลุ่มแสงสีเงินแล้วทะยานขึ้นฟ้า และพุ่งไปทางพระราชวังใต้สมุทรอย่างเงียบๆ
……
มีเสียงมังกรคำรามดังขึ้น!
มังกรยักษ์สีเขียวพุ่งออกจากม่านแสงสีเขียว หลังจากหมุนวนกลางอากาศหนึ่งรอบ มันก็พุ่งใส่เรือยักษ์ตรงหน้าอย่างรวดเร็ว
ขณะที่มังกรยักษ์กำลังจะปะทะกับเรือยักษ์นั้น แสงสีเขียวเจิดจ้าก็เปล่งประกายบนร่างของมังกรยักษ์ จากนั้นคลื่นอากาศก็สั่นสะเทือนออกมา
หลังจากมีเสียงระเบิดดังสะเทือนเลือนลั่น ม่านแสงสีฟ้าจางๆ ก็ปรากฏบนเรือยักษ์
จากนั้นพระอาทิตย์เจิดจ้าสีเขียวฟ้าก็ปรากฏอยู่ด้านหน้าเรือยักษ์ มันกลายเป็นแสงทรงกรดก่อนที่จะม้วนตัวออกไป
ม่านแสงสีฟ้าบนเรือยักษ์ประคองไว้ได้สองสามที ก็ระเบิดตัวออกมาเป็นเสี่ยงๆ
เมื่อแสงสีเขียวสลายไป คนเผ่าเจ้าสมุทรที่อยู่บนเรือลำอื่นก็ปรากฏออกมา มังกรยักษ์สีเขียวกับเรือยักษ์หายไปพร้อมกัน ทิ้งไว้เพียงซากปรักหักพังเท่านั้น
และทหารเผ่าเจ้าสมุทรบนเรือยักษ์ ก็ถูกแรงระเบิดจนกลายเป็นขี้เถ้า
ขณะเดียวกัน หลังจากมังกรยักษ์สีเขียวสลายตัวไป ม่านแสงสีเขียวที่เกือบจะโปร่งใสก็พังทลายลงมา
บนแท่นหินสี่เหลี่ยมตรงหน้าพระราชวัง
หลังจากทหารเผ่าปีศาจที่ถือธงสีเขียวกลายเป็นหมอกโลหิต ผู้อาวุโสหลังค่อมที่ยืนอยู่กลางแท่นสูง ก็ถูกแรงสั่นสะเทือนจนร่นถอยออกไปหลายก้าว หลังจากแหงนหน้ากระอักเลือดออกมาแล้ว ร่างของเขาก็อ่อนระโหยโรยแรงและล้มลงบนแท่นสูง กลิ่นไอบนตัวดูขาดๆ หายๆ ดูเหมือนว่าจะไม่สามารถลุกขึ้นมาได้อีก
จากนั้นค่ายกลมังกรห้าสีที่ปกคลุมโลกใต้สมุทรก็ถูกทำลายโดยสมบูรณ์ โลกใต้สมุทรทั้งหมดถูกเปิดเผยต่อสายตาของกองทัพเผ่าเจ้าสมุทรทันที
และทหารเผ่าปีศาจในก่อนหน้านั้น ก็ถูกเผ่าปีศาจระดับสูงสั่งให้ถอยกลับไปยังสิ่งก่อสร้างใต้สมุทร จากนั้นก็พากันวางชั้นจำกัดคุ้มกันไว้บนสิ่งก่อสร้าง และเปิดฉากการโจมตีกับเผ่าเจ้าสมุทร
พอเห็นฉากเช่นนี้ ผู้อาวุโสสวมมงกุฎทองคำที่อยู่บนเรือยักษ์ ก็ออกคำสั่งให้โจมตีเป็นครั้งที่สอง เพื่อทำลายสิ่งก่อสร้างและชั้นจำกัดของโลกใต้สมุทรให้สิ้นซาก
ทันใดนั้น อสูรสมุทรแต่ละตนที่มีขนาดเท่าเกาะเล็กๆ และเรือยักษ์ที่เหลือ ต่างก็แสดงวิชาการโจมตีต่างๆ ออกมา และเริ่มเคลื่อนพลไปยังใจกลางโลกใต้สมุทร
ท่ามกลางเสียงร้องตะโกนของทหารเผ่าเจ้าสมุทรจำนวนมาก พลังที่แสดงออกมาจึงแข็งแกร่งขึ้นหลายเท่า และทำลายแนวป้องกันต่างๆ ของเผ่าปีศาจได้อย่างง่ายดาย
และทางด้านกองกำลังของราชาปีศาจสมุทร กองกำลังทหารเกรียงไกรที่ติดอาวุธพร้อมพรั่งก็เริ่มเคลื่อนไหว
ภายใต้การนำของเรือยักษ์และรถสงครามจำนวนมาก หุ่นอสูรจำนวนมากก็คำรามเสียงออกมาจากด้านหลัง จากนั้นก็รับมือกับอสูรสมุทรขนาดใหญ่ และเรือยักษ์ของเผ่าเจ้าสมุทรเหล่านั้น
ลำแสงสีต่างๆ พุ่งออกมาจากทั้งสองฝ่าย มันประสานกันไปมาจนท้องฟ้าเปล่งประกาย และเกิดเสียงการทำลายล้างดังออกมาเป็นระลอกๆ เสียงรบราฆ่าฟันดังอยู่ข้างหูไม่ขาดสาย
บางช่วงเวลา เรือยักษ์ของเผ่าเจ้าสมุทรก็ถูกเผ่าปีศาจทำลายการป้องกัน โดยที่อสรพิษวารีกับหุ่นอสูรจำนวนมากกรูเข้าไปตะลุมบอนกับทหารเผ่าเจ้าสมุทร
บางช่วงเวลา อสรพิษวารีจำนวนมากก็ถูกอสูรสมุทรยักษ์บดจนเสียชีวิตอย่างง่ายดาย
บางช่วงเวลา หุ่นอสูรนับร้อยตัวก็ฉีกทึ้งทหารเผ่าเจ้าสมุทรสิบกว่าคนจนแหลกละเอียด
อีกด้านหนึ่ง หุ่นอสูรขนาดมหึมาที่เคลื่อนไหวได้อย่างคล่องแคล่วก็ปรากฏตัวขึ้น หลังจากมีฝ่ามือยักษ์เคลื่อนไหวอยู่ตรงขอบเรือของเผ่าเจ้าสมุทร ทหารหาญของเผ่าเจ้าสมุทรหลายสิบคนก็ถูกฆ่าภายในพริบตา แต่ต่อมาหุ่นอสูรยักษ์ก็ถูกทหารเผ่าเจ้าสมุทรที่อยู่บริเวณนั้น รุมโจมตีจนกลายเป็นเศษเหล็ก
ห่างออกไปไม่ไกล ทหารเผ่าเจ้าสมุทรหลายสิบคนที่ยืนอยู่บนตัวอสูรสมุทรยักษ์ ก็ถูกเผ่าปีศาจระดับสูงที่อยู่ในสิ่งก่อสร้างด้านหลังร่วมมือกันลอบโจมตี พริบตาเดียวก็เหลือแค่เจ็ดแปดคนเท่านั้น
ขณะนั้นเอง อสูรสมุทรยักษ์ก็คำรามออกมาด้วยความโมโห พอมันอ้าปาก ก็เกิดแรงดึงดูดมหาศาล ทันใดนั้น ทหารเผ่าปีศาจหลายคนที่หลบอยู่หลังสิ่งก่อสร้างบริเวณนั้นก็ถูกดูดออกมา ขณะที่ทหารเผ่าปีศาจส่วนหนึ่งเข้าใกล้อสูรยักษ์นั้น ก็ถูกคมดาบของทหารเผ่าเจ้าสมุทรที่อยู่บนหลังฟันจนแหลกละเอียด
และทหารเผ่าปีศาจที่เหลือก็ถูกกลืนเข้าไปในปากอสูรยักษ์
ภายใต้การโบกสะบัดแขนทั้งสองของอสูรยักษ์ ม่านแสงของสิ่งก่อสร้างสองหลังที่อยู่ตรงหน้าก็แตกแตกกระจายออกมาราวกับเต้าหู้
ภายใต้การโจมตีอย่างรุนแรงของกองกำลังเผ่าเจ้าสมุทร รถสงครามกับหุ่นอสูรทางด้านราชาปีศาจสมุทร ต่างก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส และเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก
ทางเผ่าเจ้าสมุทรที่ชนะอย่างต่อเนื่อง ก็ได้รับบาดเจ็บ และเสียชีวิตไปไม่ใช่น้อย แต่หลังจากทำลายชั้นจำกัดให้พังพินาศอย่างต่อเนื่อง จำกัดครึ่งหนึ่วก็ถูกทำลายไปในพริบตา
ขณะนี้ ผู้อาวุโสสวมมงกุฏทองคำกับเงาร่างข้างหลังของเขาที่มีกลิ่นไออันแข็งแกร่งหกคน ต่างก็ยังไม่ได้ลงมือแต่อย่างใด ราวกับกำลังรออะไรบางอย่างอยู่……
ในขณะนั้นเอง มีเสียงขลุ่ยดังกังวานขึ้นมา ทันใดนั้น อสรพิษวารีอีกกลุ่มที่ล้อมรอบพระราชวังใต้สมุทรอยู่ ก็ค่อยๆ พุ่งขึ้นมา มันโยกย้ายไปมาอยู่กลางอากาศ จากนั้นก็พุ่งไปทางเรือยักษ์ของเผ่าเจ้าสมุทร และอสูรยักษ์ราวกับกระแสน้ำอันเชี่ยวกราก
อสรพิษวารีปกคลุมไปทั่วฟ้าและพสุธา ทันใดนั้น ก็ปกคลุมกองกำลังเผ่าเจ้าสมุทรทั้งหมดไว้
ทหารเผ่าเจ้าสมุทรที่อยู่บนเรือยักษ์และบนตัวของอสูรยักษ์ พากันกระโดดหลบอย่างบ้าคลั่ง แต่ภายใต้การรวมตัวโจมตีของอสรพิษวารีจำนวนมาก ยังคงมีคนได้รับบาดเจ็บและล้มตายเป็นจำนวนมาก ผู้ที่ถูกพิษของอสรพิษวารี ต่างก็มีร่างที่เปื่อยเน่าพุพองจนเสียชีวิต
ภายใต้การนำของผู้บังคับบัญชาการระดับสูงของเผ่าเจ้าสมุทร ทหารเผ่าเจ้าสมุทรก็เพิ่มการโจมตีกลับอย่างสุดความสามารถ ภายใต้เงาดาบจำนวนมากที่พุ่งออกมาจากเรือยักษ์ อสรพิษวารีก็ถูกฟันขาดเป็นชิ้นๆ และหล่นลงพื้น
“ดูท่าคงจะไม่ไหวแล้ว หากกองกำลังอสรพิษถูกทำลาย คงเกิดเรื่องยุ่งยากอย่างแน่นอน! ไม่รู้ว่าทางด้านชิงฉินติดต่อกับราชาปีศาจสมุทรได้หรือยัง?” ภายในห้องโถงแห่งหนึ่ง ชายฉกรรจ์เผ่าปีศาจที่มีขนสีดำเต็มใบหน้ากล่าวกลับผู้อาวุโสผมขาวด้วยสีหน้ากังวล
“ก่อนหน้านั้นชิงฉินส่งข่าวมาว่า ดูเหมือนจะติดต่อกับราชาปีศาจสมุทรได้แล้ว และพระองค์กำลังรีบกลับมา เพื่อแผนการในวันนี้ พวกเราคงได้แต่โหมพลังต่อสู้ และพยายามช่วงชิงเวลามาให้เพียงพอ หวังว่าราชาปีศาจสมุทรจะไม่กลับมาช้าเกินไป” ผู้อาวุโสเผ่าปีศาจเงียบอยู่ครู่หนึ่งแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ดุเดือด
“ถ้าเป็นเช่นนี้ล่ะก็ พวกเราคงได้แต่รวมพลังเรียกเจ้าพวกนั้นออกมาแล้ว ลำพังพวกเราแค่ไม่กี่คน คงไม่สามารถต้านทานต่อไปได้” ชายเผ่าปีศาจรูปร่างเตี้ยเล็กแนะนำด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
คนเผ่าปีศาจอีกสองคนได้ยินเช่นนี้ ก็รู้สึกตกตะลึงเป็นอย่างมาก แต่หลังสบตากันทีหนึ่งแล้ว ก็พยักหน้าในทันที
ไม่นาน เมื่ออสรพิษวารีแต่ละตัวถูกฟันร่วงลงมาเป็นชิ้นๆ และหุ่นอสูรส่วนมากก็เหลือไม่ถึงครึ่งนั้น ก็มีเสียงคำรามดังสะเทือนเลือนลั่นมาจากพื้นด้านหลังพระราชวังใต้สมุทร!
ต่อมาสิ่งมีชีวิตขนาดมหึมาที่ดูคล้ายกับเขาเจ็ดแปดลูก ก็ค่อยๆ มุดขึ้นจากพื้น และพุ่งใส่กองกำลังเผ่าเจ้าสมุทรอย่างบ้าคลั่ง
มันคืออสูรยักษ์เจ็ดแปดตัวที่ดูคล้ายกับกิเลน มีหัวเป็นมังกรร่างเป็นม้า มีเขาแปลกประหลาดอยู่บนหัว ลำตัวเป็นสีฟ้า สูงราวๆ สามสี่ร้อยจั้ง พวกมันแต่ละตัวต่างก็แผ่กลิ่นไออันน่าหวาดกลัวของระดับผลึกขั้นปลายออกมา
และบนพื้นที่อยู่ห่างจากด้านหลังของปีศาจอสูรยักษ์เหล่านี้ไปไม่ไกล ก็มีค่ายกลสีเงินจางๆ ปรากฏออกมาอย่างไร้สุ้มเสียง
เผ่าปีศาจระดับผลึกสามคนที่ปรึกษาหารือกันในห้องโถงในก่อนหน้านั้น ต่างก็นั่งขัดสมาธิอยู่ในค่ายกล
…………………………………