ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ - ตอนที่ 416 ศึกเผ่าเจ้าสมุทร (7)
“ในเมื่อตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุดอย่างเย่เทียนเหมยหนีไปแล้ว คงต้องยืมร่างของเจ้ามาใช้แล้ว” ราชาปีศาจสมุทรกวาดสายตามองดูเจียหลานด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก และไม่สนใจคำพูดของนางเลย
จากนั้นเขาก็อ้าปากพ่นแสงสีฟ้าใส่ใบหน้าซีดขาวของหญิงสาวงดงามที่อยู่ในมือ
ริมฝีปากเจียหลานสั่นระริก คำพูดที่อยากจะพูดยังไม่ทันได้ออกจากปาก นางก็สลบไปก่อนแล้ว
ขณะนี้ ชายหนุ่มชุดคลุมสีขาวถึงหิ้วเจียหลานไปตรงหน้าก้อนน้ำแข็ง เขายื่นมือข้างหนึ่งไปสัมผัสใบหน้าหญิงสาวในก้อนน้ำแข็งเบาๆ ด้วยท่าทีที่ดูนุ่มนวลราวกับกลัวว่าจะทำให้นางตื่น ขณะเดียวกันก็กล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“พี่หลิง ข้าให้ท่านรอมานานมากพอแล้ว อีกไม่นานพวกเราคงได้หวนกลับมาพบกัน”
พอกล่าวจบ ดวงตาของเขาก็เป็นประกาย จากนั้นมีแสงเปล่งออกมาบนฝ่ามือของเขา มันแผ่ระลอกคลื่นสีฟ้าจางๆ ออกมา
ฉากอันน่าตกใจได้เกิดขึ้นแล้ว!
ท่ามกลางระลอกคลื่นสีฟ้าที่แผ่กระจายออกไป ทำให้ก้อนน้ำแข็งละลายอย่างรวดเร็ว
และชายหนุ่มชุดคลุมสีขาวที่มีสีหน้าสงบมาโดยตลอด ก็มีเม็ดเหงื่อขนาดเท่าเม็ดถั่วผุดขึ้นบนหน้าผาก
ชั่วเวลาหนึ่งก้านธูปผ่านไป
มีหญิงสาวสองคนนอนอยู่ตรงหน้าของชายหนุ่มชุดคลุมสีขาว
พวกนางก็คือหญิงสาวสวมชุดชาววังฝ่ายในที่อยู่ในก้อนน้ำแข็งในก่อนหน้านั้นกับเจียหลานนั่นเอง
และด้านล่างของพวกนางมีค่ายกลขนาดเล็กที่เปล่งแสงสีเงินอยู่ลางๆ
ภายใต้การสะบัดแขนเสื้อของชายหนุ่มชุดคลุมสีขาว ม้วนภาพวาดที่เปล่งแสงสีเงินจางๆ ก็ปรากฏออกมา
เขาโยนมันไปยังด้านข้างหญิงสาวที่สวมชุดชาววังฝ่ายใน จากนั้นมันก็ลอยขึ้นมาอยู่เหนือร่างของนาง และคลี่ออกมาราวกับสายน้ำตก ภาพวาดของบุคคลที่อยู่ในนั้นเหมือนกับหญิงสาวด้านล่างไม่มีผิด เพียงแต่ว่ามันพร่ามัวขึ้นทุกวัน
ชายหนุ่มชี้มือข้างหนึ่งไปยังรูปภาพขณะเดียวกันก็เริ่มทำการร่ายคาถา แต่พอมีแสงเปล่งประกายบนรูปภาพ มันก็ระเบิดตัวออกมา ไอดำกลุ่มหนึ่งและกลิ่นไอที่ดูอ่อนแรงเป็นอย่างมากแผ่ออกมาจากในนั้น และกระพริบจมหายไปในร่างของหญิงสาวสวมชุดชาววังฝ่ายในที่อยู่ด้านล่าง
ขณะนั้นเอง จี้หยกที่ห้อยอยู่บนเอวก็ส่งเสียงดังหวึ่งๆ
ราชาปีศาจสมุทรเห็นเช่นนี้ ก็คว้ามันมาไว้ในมือ จากนั้นมีเสียงดังมาจากจี้หยกท่ามกลางแสงสีขาวที่เปล่งประกาย
“ราชาปีศาจสมุทร ท่านกลับมาแล้ว วิเศษไปเลย! กองกำลังเผ่าเจ้าสมุทรได้…….”
ยังพูดไม่ทันจบ ชายหนุ่มชุดคลุมสีขาวก็ออกแรงบีบจี้หยกจนแตกกระจาย
จากนั้นนิ้วทั้งสิบของเขา ก็ดีดไปยังหญิงสาวที่อยู่บนค่ายกลอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันก็ร่ายคาถาออกมา
ค่ายกลส่งเสียงดังเบาๆ ทันใดนั้นแสงสีเงินก็เปล่งประกายออกมา มันห่อหุ้มหญิงสาวที่สวมชุดชาววังฝ่ายในไว้อย่างรวดเร็ว
ขณะนั้นเอง ชายหนุ่มชุดคลุมสีขาวก็ตะโกนคำว่า “ขึ้น!” ออกมา
แต่พอมีแสงสีทองเปล่งประกายบนร่างของหญิงสาวที่สวมชุดชาววังฝ่ายใน กลุ่มไอดำที่มีขนาดใหญ่กว่าก่อนหน้านั้นเล็กน้อย ก็ค่อยๆ ลอยออกมาจากหน้าผากของนาง
กลุ่มไอดำปรากฏขาดๆ หายๆ และกลิ่นไอที่แผ่ออกมาก็ดูอ่อนแรงเป็นอย่างมาก
ชายหนุ่มยื่นนิ้วชี้ออกไปด้วยสีหน้าเคร่งขรึม และค่อยๆ ย้ายมันไปเหนือร่างของเจียหลานอย่างระมัดระวัง
ขณะที่กลุ่มไอดำมาถึงบนหน้าผากของเจียหลานนั้น มืออีกข้างของชายหนุ่มก็ค่อยๆ ชี้ไปที่นาง
จากนั้นไอดำก็กระพริบหายเข้าไปในหน้าผากของเจียหลาน
ขณะนี้ ราชาปีศาจสมุทรร่ายคาถาออกมาทันที ยันต์สีทองผืนหนึ่งพุ่งออกมาจากตัว หลังจากที่มันกระพริบหายไปแล้ว มันก็ไปติดอยู่ที่ระหว่างคิ้วของเจียหลาน และเปล่งแสงสีทองจางๆ ออกมา
ร่างของเจียหลานค่อยๆ สั่นสะท้าน และลุกขึ้นมานั่งขัดสมาธิเอง ขณะเดียวกัน อักขระสีทองไม่ทราบชื่อจำนวนมากก็โผล่ออกมา พริบตาเดียวก็ปกคลุมไปทั่วร่าง
ชายหนุ่มชุดคลุมสีขาวตบฝ่ามือใส่ค่ายกลสีเงินด้านล่างอีกครั้ง
“ฟู่!” ค่ายกลสีเงินส่งเสียงดังกังวานออกมาทันที จากนั้นไหมแสงสีเงินจำนวนมากก็พุ่งออกมาพันตัวของเจียหลานไว้ พริบตาเดียวก็ห่อหุ้มร่างของนางจนกลายเป็นรังไหมสีเงินที่สูงจั้งกว่าๆ
เมื่อทำทุกอย่างนี้เสร็จสิ้นแล้ว ชายหนุ่มชุดคลุมสีขาวก็ดูเหมือนจะโล่งใจไปเปราะหนึ่ง จากนั้นก็พูดพึมพำออกมา
“เจ็ดจิตหกวิญญาณของนางผู้นี้ ได้ถูกยันต์ลึกลับกับค่ายกลกำราบไว้แล้ว! เช่นนี้แล้ว อีกไม่นานข้าก็จะได้พบกับพี่หลิงอีกครั้ง น่าเสียดายที่ครั้งนี้ไม่อาจหาร่างที่สมบูรณ์แบบมาให้ท่านได้”
พอกล่าวจบ ชายหนุ่มก็ใช้สายตาอาลัยอาวรณ์มองไปทางเจียหลานทีหนึ่ง หลังจากสะบัดแขนเสื้อ ร่างของเขาก็พร่ามัวหายไป
……
การต่อสู้ในโลกใต้สมุทรในขณะนี้ ภายใต้สถานการณ์ที่ราชาเผ่าเจ้าสมุทรกับผู้แข็งแกร่งระดับแก่นเสมือนทั้งหกยังไม่ได้ลงมือ ทางด้านเผ่าเจ้าสมุทรก็ได้เปรียบกว่ามาก และสุดท้ายก็ประชิดเข้ามาอยู่ห่างจากวังใต้สมุทรแค่ไม่กี่ลี้
ทางด้านราชาปีศาจสมุทร หลังจากที่ผู้แข็งแกร่งระดับผลึกหลายคนเรียกอสูรยักษ์แปดตัวที่สีรูปร่างคล้ายกิเลนออกมาแล้ว มันก็ร่วมมือกับหุ่นยักษ์ค้ำฟ้าแปดตัว ทำการต่อสู้อย่างไม่หยุดยั้ง
“เพล้ง!” “เพล้ง!” หลังจากหุ่นค้ำฟ้าที่สูงหลายร้อยจั้งตัวหนึ่งขยับแขนซ้ายจนดูพร่ามัว โล่ยักษ์โล่ทองสัมฤทธิ์บนมือก็ต้านทานการโจมตีของทหารเผ่าเจ้าสมุทรที่อยู่บนเรือยักษ์และบนตัวอสูรสมุทรไว้ได้ จากนั้นดวงตาขนาดใหญ่ทั้งสองของมันก็กวาดมองไปตรงหน้า และเปล่งลำแสงสีทองเจิดจ้าออกมา ทำให้ทหารเผ่าเจ้าสมุทรหน้ามืดตาลายไปชั่วขณะ
บังเกิดเสียงดังสะเทือนเลือนลั่น!
แสงดาบสีขาวจำนวนมากพุ่งออกมาจากดาบยักษ์ที่หุ่นยักษ์โบกสะบัดไปมาอย่างบ้าคลั่ง จนกลายเป็นทะเลดาบสีขาว และพริบตาเดียวเรือยักษ์ก็จมอยู่ในนั้น
ม่านแสงบนเรือยักษ์กระเพื่อมแค่ทีเดียว ก็แตกกระจายออกมาด้วยเสียงอันดัง ทหารเผ่าเจ้าสมุทรที่อยู่บนนั้น ถูกฟันเป็นชิ้นเล็กลิ้นน้อยโดยที่ไม่ทันได้ส่งเสียงร้องออกมา
และภายใต้แสงสีทองที่สาดส่องเข้ามา แม้ว่าอสูรสมุทรยักษ์ตนนั้นจะไม่สามารถลืมตาขึ้นมาได้ แต่มันกลับแหงนหน้าคำรามด้วยความโมโห และภายใต้การผลักดันของสันชาตญาณ เกล็ดที่ปกคลุมตามตัวก็เปล่งแสงทรงกลดออกมา ขณะที่แสงดาบสีขาวม้วนตัวเข้ามา ก็มีเสียงของโลหะกระทบกันดังอยู่ไม่ขาดสาย และพอที่จะสามารถต้านทานการโจมตีของทะเลดาบไว้ได้
แต่ทหารเผ่าเจ้าสมุทรที่ยืนอยู่บนตัวของมันกลับไม่ได้โชคดีขนาดนั้น แม้ว่าแสงดาบส่วนมากจะถูกอสูรสมุทรต้านทานไว้ได้ แต่ผู้ที่ถูกสะเก็ดไฟกระเด็นใส่เพียงนิดเดียว ก็จะถูกม้วนตัวเข้าไปในนั้น และถูกปั่นจนแหลกละเอียด
ชั่วเวลาแค่เพียงไม่กี่อึดใจ ทหารเผ่าเจ้าสมุทรที่อยู่บนหลังของมันก็ถูกกวาดล้างจนหมดสิ้น
ขณะที่อสูรสมุทรลืมตาขึ้นมา กลับค้นพบว่าหุ่นยักษ์ค้ำฟ้าตรงหน้ามาถึงด้านหน้าแล้ว ดาบยักษ์ในมือก็ลอยอยู่เหนือศีรษะของมัน และฟันลงมาอย่างรุนแรง
“ฟู่!” ภายใต้การโจมตีของดาบยักษ์ ร่างของอสูรสมุทรก็ถูกฟันออกเป็นสองส่วนและตกลงบนพื้นด้วยเสียงอันดัง
ม่านแสงที่คุ้มกันตัวอยู่ไม่อาจต้านทานดาบตรงหน้าได้!
ต่อมา หุ่นค้ำฟ้าก็เดินกลับไปยืนอยู่ตรงจุดเดิมด้วยเสียงที่ดังสะเทือนเลือนลั่น
และในห้องลับตรงส่วนหัวของหุ่นตัวนี้ ทหารเผ่าปีศาจจำนวนหนึ่งที่มีลวดลายจิตวิญญาณประทับอยู่บนใบหน้า ก็นำหินจิตวิญญาณระดับสูงไปเปลี่ยนหินจิตวิญญาณบริเวณรอบๆ ที่เริ่มติดๆ ดับๆ
“ฟู่!”
อีกด้านหนึ่ง มีพายุก่อตัวขึ้นที่ใต้เท้าทั้งสี่อสูรยักษ์ที่คล้ายกิเลนตัวหนึ่ง จากนั้นมันก็พุ่งเข้าใส่กองกำลังทหารเผ่าเจ้าสมุทรอย่างรุนแรง และกลายเป็นแสงแวววาวสีฟ้ากระพริบผ่านไป
“ตู๊ม!” เรือยักษ์ลำหนึ่งถูกชนจนแตกออกมาเป็นชิ้นๆ ทหารที่อยู่บนนั้นก็ร่วงลงมาราวกับสายฝน
อสูรกิเลนยักษ์ชะงักฝีเท้าในทันที มันหันกลับมาและอ้าปากพ่นลูกเปลวไฟสีฟ้าขนาดเท่าศีรษะออกไปอย่างบ้าคลั่ง จากนั้นลูกเปลวไฟก็ระเบิดออกมา
ทันทีที่ทหารจำนวนมากสัมผัสโดนมัน ร่างของพวกเขาก็ถูกเปลวไฟสีฟ้าแปลกประหลาดห่อหุ้มไว้ พริบตาเดียวก็กลายเป็นกองขี้เถ้าบินว่อนไปในอากาศ
พอเห็นการโจมตีอันน่าตกใจเช่นนี้ สีหน้าของทหารเผ่าเจ้าสมุทรที่โชคดีมีชีวิตรอดหลังจากหล่นลงพื้น ก็ดูซีดขาวเป็นอย่างมาก พอเผชิญหน้ากับลูกเปลวไฟสีฟ้าอีกลูกที่อสูรยักษ์พ่นออกมา สีหน้าของพวกเขาก็ดูสิ้นหวังในทันที
ขณะนั้นเอง มีเสียงดัง “ฟู่!” มาจากด้านหลัง
มีเงาร่างมาปรากฏอยู่ตรงหน้าของพวกเขา เจ้าของร่างเป็นผู้แข็งแกร่งเผ่าเจ้าสมุทรที่มีกลิ่นไอของระดับผลึกขั้นปลาย และมีเกล็ดสีเขียวประทับอยู่บนใบหน้า
พอปรากฏตัว เขาก็คำรามออกมาพร้อมกับทำท่ามือด้วยมือเดียว
ทันใดนั้น จุดแสงสีแดงจำนวนมากปรากฏออกมาบริเวณรอบๆ มันสั่นไหวแค่ทีเดียวก็ขยายใหญ่ขึ้นมา จากนั้นก็กลายเป็นดอกบัวสีเขียวที่มีขนาดเท่าฝ่ามือ มันหมุนวนอย่างรวดเร็ว และปล่อยแรงดึงดูดไร้รูปออกมา
เปลวไฟสีฟ้าถูกแรงดึงดูดเหล่านี้ ดูดเข้าไปในดอกบัวอย่างรวดเร็ว จากนั้นมันก็ค่อยๆ ดับไป
ขณะนี้ มีเสียงดังสะเทือนลั่นดังขึ้นอีกหลายครั้ง!
มีเงาร่างสั่นไหวข้างตัวผู้แข็งแกร่งเผ่าเจ้าสมุทรผู้นี้ ทันใดนั้นก็มีผู้แข็งแกร่งเผ่าเจ้าสมุทรปรากฏตัวออกมาอีกสามคน
หลังจากที่ทั้งสี่สบตากันแล้ว ก็แยกย้ายกันไปปิดล้อมอสูรกิเลนยักษ์ตรงหน้าไว้ และใช้อาวุธในมือโจมตีอยู่ไม่หยุด แต่ภายใต้การป้องกันอันน่าตกใจของอสูรยักษ์ ดูเหมือนว่าจะไม่สามารถทำอะไรมันได้เลย
อสูรยักษ์เห็นเช่นนี้ ก็โมโหเป็นอย่างมาก มันกระโจนใส่ผู้แข็งแกร่งเผ่าเจ้าสมุทรผู้หนึ่งด้วยแววตาดุร้าย
ดูเหมือนว่าผู้แข็งแกร่งเผ่าเจ้าสมุทรผู้นั้นจะคาดการณ์ได้ตั้งแต่แรกแล้ว ร่างของเขาพร่ามัวแค่ทีเดียว ก็หลบอสูรยักษ์ที่กระโจนเข้ามาได้
ผู้แข็งแกร่งอีกสามคนกลับอาศัยจังหวะนี้สะบัดแขนเสื้อในฉับพลัน ขณะเดียวกันยันต์ที่เปล่งแสงสีเขียวก็พุ่งออกไป ขณะที่มันเข้าใกล้อสูรยักษ์นั้น ก็ค่อยๆ ระเบิดตัวออกมา
พายุบ้าระห่ำสีเขียวสามลูกก่อตัวขึ้นในพริบตา และหมุนวนอยู่รอบๆ อสูรกิเลนยักษ์อย่างรวดเร็ว มันก่อตัวเป็นพลังไร้รูปบางอย่างโอบล้อมไว้อย่างแน่นหนา และยังผลักดันเข้าไปตรงกลางอยู่ไม่หยุด
อสูรกิเลนยักษ์เห็นเช่นนี้ ก็ไม่ได้ตื่นตระหนกแต่อย่างใด แต่เกล็ดและเกราะบนหลังกลับเปล่งประกายแสงออกมา จากนั้นก็กลายเป็นเงาแสงสีฟ้ามาสกัดกั้นอยู่ตรงหน้า
หลังจากที่ทั้งสองปะทะกัน ก็ก่อเกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว!
พอแสงสีฟ้าเขียวประสานกันไปมา พายุบ้าระห่ำก็ถูกสกัดกั้นไว้ด้านนอก โดยไม่สามารถเข้าใกล้ได้เลยแม้แต่น้อย
…………………………………