ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ - ตอนที่ 419 ศึกเผ่าเจ้าสมุทร (10)
พอชายหนุ่มชุดคลุมสีขาวตะคอกเสียงออกมา ก็มีเสียงดังโครมครามกลางระลอกคลื่น คลื่นอากาศสีฟ้าหมุนวนไปรอบ ๆ ในลักษณะที่ดูคล้ายพายุบ้าระห่ำ ทำให้ผมสีดำของเขาโบกสะบัดไปตามแรงลม
ในขณะเดียวกัน มีน้ำทะเลถูกประคองอยู่นอกม่านแสงสีฟ้า และพวยพุ่งขึ้นมาก่อนที่จะก่อตัวเป็นระลอกคลื่น
ไหมแสงสีฟ้าจำนวนมากพุ่งออกจากระลอกคลื่น และจมลงไปในม่านแสงสีฟ้า จากนั้นค่อยๆ จมหายเข้าไปในระลอกคลื่นบนฝ่ามือของราชาปีศาจสมุทร มันค่อยๆ ก่อตัวเป็นของเหลวสีฟ้าที่มีขนาดเท่าลูกกำปั้น แลดูแวววาวราวกับผลึกใส
ขณะนั้นเอง ชายหนุ่มชุดคลุมสีขาวยกแขนขึ้นและวางลงทันที พอโบกสะบัดแขนเสื้อไปด้านหน้า ระลอกคลื่นขนาดใหญ่บนมือก็สลายไปทันที เหลือไว้เพียงของเหลวสีฟ้าสิบกว่าหยดที่ลอยนิ่งๆ อยู่กลางอากาศ
“ฟู่!”
ไหมโลหิตพุ่งออกจากข้อมือของชายหนุ่ม จากนั้นค่อยๆ จมเข้าไปในของเหลวสีฟ้า จนทำให้มันกลายเป็นสีแดงในพริบตา
ชายหนุ่มชุดคลุมสีขาวทำท่ามือแล้วชี้ไปกลางอากาศอีกครั้ง
ของเหลวสีแดงหมุนตัวติ้วๆ แค่อึดใจเดียว ก็กลายเป็นมังกรโลหิตสิบกว่าตัว ตอนแรกมันมีขนาดไม่เกินชุ่นกว่าๆ แต่พริบตาเดียวก็ขยายใหญ่ตามแรงลมจนมีขนาดสี่สิบถึงห้าสิบจั้ง
มังกรโลหิตเหล่านี้แยกเขี้ยวยิงฟันหมุนวนรอบตัวราชาปีศาจสมุทร ดูจากกลิ่นไอที่มันแผ่ออกมาแล้ว แต่ละตัวต่างก็มีพลังไม่ต่ำไปกว่าระดับผลึกขั้นต้น
ไม่เพียงเท่านี้ หลังจากราชาปีศาจสมุทรสะบัดแขนเสื้ออีกครั้ง ก็มีแสงสว่างไสวบนมือ ธงขนาดยาวชุ่นกว่าๆ ที่มีอักขระสีเงินจางๆ ปกคลุมอยู่ปรากฏออกมา และพอชี้ไปทางอากาศ มันก็ขยายตัวตามแรงลมจนมีขนาดสูงใหญ่ราวกับหอ
ชายหนุ่มชุดคลุมสีขาวร่ายคาถาออกมาอย่างคลุมเครือ ธงยักษ์สีเงินเปล่งประกาย ขณะเดียวกัน ก็มีอักขระลึกลับหมุนวนอยู่บนธง จุดแสงสีเงินจำนวนมากพุ่งออกมาจากในนั้น ต่อมามันก็กลายเป็นหุ่นสูงใหญ่ที่สวมเกราะสีเงิน ตัวมันสูงสองจั้ง ใบหน้าไร้ความรู้สึก มือทั้งสองถือดาบคู่อยู่ และมีทั้งหมดราวๆ ร้อยตัว
ชั่วเวลานั้น มังกรโลหิตรอบตัวชายหนุ่มชุดคลุมสีขาวก็หมุนวนอยู่ไม่หยุด หุ่นสีเงินยืนตั้งเรียงรายปกคลุมพื้นที่ด้านบนของวังใต้สมุทรไว้
หลังจากที่ราชาปีศาจสมุทรเรียกหุ่นสีเงินจำนวนมากออกมาแล้ว เขาก็โยนธงสีเงินขึ้นเหนือศีรษะ และชักดาบสั้นแวววาวออกมา เพียงแค่แกว่งมันเบาๆ จุดแสงสีฟ้าก็ปรากฏออกมาบริเวณนั้น และกลายเป็นคลื่นยักษ์ห่อหุ้มร่างของเขาไว้ภายในพริบตา
ขณะเดียวกัน ก็ดีดนิ้วข้างหนึ่งลงบนดาบสั้นเบาๆ หลังจากมีเสียงดังกังวานดังขึ้น แสงสีฟ้าแน่นขนัดก็พุ่งออกมาจากคลื่นยักษ์ พอหมุนติ้วๆ รวมตัวกันแล้ว ก็กลายเป็นหอกยาวสีฟ้าจำนวนมาก
ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นแค่ชั่วเวลาที่แสงกระพริบเท่านั้น ทำให้เผ่าเจ้าสมุทรี่อยู่บริเวณรอบๆ รู้สึกตะลึงงันเป็นอย่างมาก
“ไป!”
ชายหนุ่มชุดคลุมสีขาวตะคอกเสียงต่ำออกมา มังกรโลหิตสิบกว่าตัวหยุดการเคลื่อนไหวในฉับพลัน จากนั้นก็กระโจนเข้าใส่เทพอสูรพร้อมกับหุ่นเกราะเงินร้อยกว่าตัว
และหลังจากเขาสะบัดแขนเสื้อ หอกยาวจำนวนมากที่หยุดนิ่งอยู่กลางอากาศ ก็กลายเป็นสายรุ้งสีฟ้าแวววาวพุ่งไปยังเจ้าวิหารทั้งหกด้วยเสียงที่ดังสะเทือนเลือนลั่น และระหว่างทางมันก็พร่ามัวหายไปในอากาศอย่างไร้ร่องรอย
ครู่ต่อมา มีคลื่นสั่นสะเทือนตรงอากาศบริเวณด้านหน้าของเจ้าวิหารระดับแก่นเสมือนทั้งหก จากนั้นพายุเย็นสะท้านก็ม้วนตัวขึ้นมา
พริบตาเดียว หอกแวววาวแต่ละด้ามก็เปล่งแสงเจิดจ้าในขณะที่พายุก่อตัวขึ้น และพุ่งไปทางผู้แข็งแกร่งระดับแก่นเสมือนทั้งหกอย่างรุนแรง
ขณะที่หอกยาวอยู่ห่างในระยะหลายจั้งนั้น ผู้แข็งแกร่งของเผ่าเจ้าสมุทรเหล่านี้ ก็สัมผัสได้ถึงพลังเย็นสะท้านที่พุ่งเข้ามา
เจินเถียนที่สวมชุดหลากสีเห็นเช่นนี้ ก็มีสีหน้าเปลี่ยนไปมาอยู่หลายรอบ พอคว้ามือข้างหนึ่งไปทางอากาศ สายฟ้าสีเงินจำนวนมากก็พุ่งออกมาเป็นหลาวสายฟ้าที่ยาวจั้งกว่าๆ
พอนางสะบัดข้อมือ หลาวสายฟ้าก็พุ่งยิงออกไปรับมือกับหอกยาวสีฟ้าที่พุ่งเข้ามา
แต่ทว่าฉากต่อมา สีหน้าของนางก็ต้องเปลี่ยนไปอย่างช่วยไม่ได้
เมื่อหลาวสายฟ้าสัมผัสกับหอกยาวสีฟ้า มันก็ระเบิดตัวพังพินาศไปอย่างง่ายดาย ดูเหมือนจะไม่สามารถต้านทานได้เลยแม้แต่น้อย
พอนางสะบัดแขนเสื้ออย่างรีบร้อน กระจกสีเขียวอ่อนก็ปรากฏขึ้นมาอีกบาน จากนั้นนางก็โยนไว้ด้านหน้า และดีดนิ้วทั้งสิบไปมาจนดูพร่ามัว
กระจกหมุนตัวติ้วๆ กลางอากาศจนก่อตัวเป็นพายุบ้าระห่ำสีเขียว ขณะเดียวกันร่างของนางก็ถอยออกไปทันที นางหยิบยันต์ออกมาเป็นจำนวนนมาก จากนั้นก็ทำให้มันกลายเป็นม่านแสงห่อหุ้มร่างของตนเองไว้
“เพล้ง!”
ภายใต้การก่อกวนของพายุบ้าระห่ำสีเขียวที่หญิงผู้นี้ปล่อยออกไป แม้ว่าหอกยาวสีฟ้าหลายอันจะถูกเบี่ยงเบนทิศทางจนแฉลบผ่านด้านข้างไป แต่ก็ยังมีหลายอันที่โจมตีลงบนม่านแสงป้องกันตัว จนมันระเบิดออกมาเป็นเสี่ยงๆ
แสงสีฟ้าเปล่งประกายขึ้นมาทันที หมอกน้ำแข็งสีฟ้าปรากฏออกมาเป็นกลุ่มๆ อย่างรวดเร็ว และม้วนตัวหญิงสาวไว้ในนั้น จากนั้นก็กลายเป็นก้อนน้ำแข็งแวววาวสีฟ้า
แต่ผ่านไปไม่กี่อึดใจ ก็มีเสียงแตกหักดังออกมาอย่างชัดเจน!
ก้อนน้ำแข็งสีฟ้าแตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ เผยให้เห็นร่างของหญิงสาวชุดหลากสีที่มีสายฟ้าสีเงินอยู่รายรอบ
ขณะที่นางเผยสีหน้าดีใจออกมา และคิดว่าสามารถต้านทานการโจมตีหอกน้ำแข็งสีฟ้าไว้ได้นั้น กลับค้นพบว่ามีหอกน้ำแข็งสีฟ้าจำนวนมากกระพริบมาถึงตรงหน้า นางจึงได้แต่ทำเสียงฮึดฮัดแล้วแสดงวิชารับมือกับมัน
สถานการณ์ทางด้านเจ้าวิหารคนอื่นๆ ก็แตกต่างกันไม่มากนัก ซึ่งต่างก็พากันแสดงวิชาและอาวุธจิตวิญญาณออกมา ถึงพอจะต้านทานการโจมตีของหอกน้ำแข็งจำนวนมากนี้ได้ พวกเขาจึงไม่สามารถทำการโจมตีชายหนุ่มชุดคลุมสีขาวได้ชั่วขณะหนึ่ง
พอเจ้าวิหารทั้งหกเห็นชายหนุ่มชุดคลุมสีขาวแสดงวิชาอย่างเชี่ยวชาญ ก็อดรู้สึกหวาดกลัวไม่ได้ ตอนนี้พวกเขาถึงรู้ว่า ความแข็งแกร่งของระดับแก่นแท้ มันเหนือกว่าที่พวกเขาคาดคิดไว้มาก
เพราะหากเป็นพวกเขาที่แสดงวิชาอันน่าหวาดกลัวเช่นนี้ เกรงว่าพลังเวทย์ทั้งหมดที่มีคงจะแสดงได้ไม่กี่รอบ
และขณะนี้ มังกรโลหิตเหล่านั้นก็กระโจนมาถึงด้านหน้าของฝูงชนแล้ว
พอปลาหมึกสีม่วงตัวนั้น เห็นมังกรโลหิตยักษ์สองตัวพุ่งตรงเข้ามา และหุ่นเกราะเงินสิบกว่าตัวก็ตามติดอยู่ด้านหลัง ใบหน้าอันงดงามของนางก็เปล่งประกายออกมา
พอหนวดขนาดใหญ่ทั้งแปดยื่นไปด้านหน้าและหดเข้ามา ร่างขนาดมหึมาก็ร่นถอยออกไปหลายสิบจั้ง ขณะเดียวกัน ก็พ่นหมอกควันสีม่วงออกมา
หมอกควันนี้เหม็นคาวอย่างหาที่เปรียบมิได้ มันแผ่ปกคลุมอยู่กลางอากาศ กินพื้นที่ราวๆ เกือบร้อยจั้ง และบดบังพื้นที่ว่างเปล่าตรงหน้าไว้ทั้งหมด
ภายใต้การพวยพุ่งของหมอกควัน มีเสียงดัง “เปรี๊ยะๆ!” จากด้านใน สายฟ้าสีม่วงจำนวนมากกระพริบอยู่ในนั้น
หลังจากมีเสียงมังกรคำรามดังออกมาสองครั้ง มังกรโลหิตสองตัวก็พุ่งเข้าไปในหมอกควัน
หมอกควันสีม่วงพวยพุ่งอยู่ครู่หนึ่ง ไม่นานก็ลดลงอย่างฉับพลัน ร่างของมังกรโลหิตทั้งสองกระพริบอยู่ในนั้น พวกมันอ้าปากดูดกลืนหมอกควันที่อยู่รอบด้าน
พริบตาเดียว หมอกควันสีม่วงที่ปกคลุมไปทั่วพื้นที่ขนาดใหญ่ ก็ถูกมังกรโลหิตสองตัวดูดกลืนจนเหลือไม่มากนัก
ขณะเดียวกัน ร่างของมันก็ขยายใหญ่ขึ้นมาราวกับถูกเป่าลม ร่างที่เดิมทีเป็นสีแดง ก็ค่อยๆ กลายเป็นสีม่วงและดูโปร่งแสงขึ้นมา
ขณะนี้ หุ่นเกราะเงินก็บุกมาถึงบริเวณด้านหน้า และทะลวงหมอกควันเบาบางอย่างรวดเร็ว และปรากฏตัวตรงด้านหลังมังกรโลหิต ดาบทั้งคู่เปล่งแสงเย็นสะท้านก่อนที่จะฟันลงบนร่างขนาดมหึมาของเทพอสูร
ดูเหมือนเทพอสูรของเผ่าเจ้าสมุทรจะคาดไม่ถึงว่าหมอกควันจะถูกทำลายในพริบตา หลังจากคำรามเสียงออกมาแล้ว หนวดทั้งแปดที่ยาวร้อยกว่าจั้ง ก็พร่ามัวไปโจมตีหุ่นเกราะเงินอย่างรุนแรงราวกับสายฝนกระหน่ำ ทุกการโจมตีล้วนรุนแรงจนทำให้อากาศบริเวณรอบๆ บิดเบี้ยวขึ้นมา
พอหุ่นเกราะเงินอยู่ต่อหน้าหนวดยักษ์ มันกลับดูตัวเล็กราวกับมด ภายใต้แรงกดดันอย่างหนัก ยิ่งทำให้ไม่สามารถถอยไปได้
ทันใดนั้นมีเสียง “โพล๊ะๆ!” ดังออกมาติดต่อกัน แต่พอหุ่นเกราะเงินถูกหนวดสะบัดใส่ แม้ว่าร่างจะกระเด็นออกไปราวกับกระสอบทราย และกระแทกลงบนพื้นหินที่ไกลออกไปหลายสิบจั้ง จนทำให้พื้นบริเวณนั้นกลายเป็นหลุมขนาดต่างๆ แต่หุ่นเหล่านี้ ก็วิ่งขึ้นมาจากหลุมราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น จากนั้นก็พุ่งไปทางเทพอสูรอีกครั้ง
เทพอสูรเห็นฉากเช่นนี้ ใบหน้างดงามก็ดูเหมือนจะแดงขึ้นเล็กน้อย จากนั้นก็โบกสะบัดหนวดอย่างบ้าคลั่ง แม้ว่าการโจมตีของนางจะทำให้หุ่นเกราะเงินจำนวนมากกระเด็นออกไป แต่ก็ยังคงมีเล็ดลอดเข้ามาอยู่ตลอดเวลา
แม้จะมีการป้องกันที่แข็งแกร่งราวกับเหล็ก แต่พอเผชิญหน้ากับดาบคู่ของหุ่นเกราะเงิน นางก็ไม่มีพลังต่อต้านใดๆ อีก!
แม้จะบอกว่าสำหรับรูปร่างขนาดมหึมาแล้ว บาดแผลแค่นี้ไม่สามารถทำอะไรได้ แต่ในระหว่างที่หุ่นเกราะเงินเหล่านี้โจมตีอยู่ไม่หยุด ร่างของนางก็เริ่มกลายเป็นหลุมเป็นบ่อ การเคลื่อนไหวก็เชื่องช้าลง
ขณะนั้นเอง มังกรโลหิตสองตัวนั้นก็กลืนกินหมอกควันสีม่วงจนหมดสิ้น และส่ายหางเข้าไปร่วมโจมตีด้วย
ภายใต้การร่วมมือของมังกรโลหิตสองตัวกับหุ่นเกราะเงินสิบกว่าตัว เห็นได้ชัดว่ามันยังคงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเทพอสูรยักษ์ตัวนี้ แต่กลับสามารถก่อกวนเทพอสูรได้ชั่วระยะเวลาหนึ่ง ทำให้มันไม่อาจเข้าใกล้ชายหนุ่มชุดคลุมสีขาวได้เลยแม้แต่น้อย
และสถานการณ์แบบเดียวกัน ก็เกิดขึ้นซ้ำในกลุ่มการต่อสู้อื่นๆ
ราชาปีศาจสมุทรผู้นี้ อาศัยพลังระดับแก่นแท้กับหุ่นจำนวนมาก กดดันผู้แข็งแกร่งระดับแก่นเสมือนทั้งหกกับเทพอสูรทั้งสิบสองไว้ได้ และยังดูเหมือนว่าจะเป็นเรื่องที่ง่ายดายเป็นอย่างมาก
ผลลัพธ์เหนือความคาดหมายนี้ ไม่เพียงแต่ทำให้เผ่าปีศาจระดับผลึกเหล่านั้นรู้สึกตกระคนดีใจ ผู้อาวุโสสวมมงกุฎสีทองที่อยู่บนเรือยักษ์ ก็มีสีหน้าที่ดูไม่ได้ขึ้นมา
เขาเงียบไปครู่หนึ่งแล้วถึงกล่าวด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น
“คิดไม่ถึงว่าระดับแก่นแท้จะแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ นี่เป็นแค่แก่นขั้นต้นที่อาศัยพลังจากสิ่งของภายนอกในการเกาะตัวขึ้นมาเท่านั้น หากที่เกาะตัวมาเป็นแก่นแท้ขั้นสุดยอดล่ะก็ พลังของเขาคงไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาสามารถจินตนาการได้! ไม่รู้ว่าทางหนีทีไล่ที่พวกเราเตรียมไว้นั้น จะสามารถรับกับมือเขาได้หรือไม่”
“ฝ่าบาทวางพระทัยเถิด เจ้าสารเลวนี่ได้ติดกับดักของพวกเราแล้ว วิธีการเหี้ยมโหดที่พวกข้าตระเตรียมมา ในสมัยบรรพกาลเคยสร้างความประหลาดใจอย่างคาดไม่ถึง มันเคยสังหารระดับดาราพยากรณ์ในตำนานมาแล้ว แม้ว่าตอนนี้จะชำรุดไปมาก แต่สำหรับระดับแก่นแท้ขั้นต้นคนหนึ่ง คงไม่มีปัญหาอะไร” ผู้อาวุโสรูปร่างค่อนข้างผอมที่อยู่ด้านหลังของผู้อาวุโสสวมมงกุฏทองคำกล่าวด้วยรอยยิ้ม ซึ่งเขาก็คือลี่คุนนั่นเอง!
“ดีมาก! ยุทธการการสู้รบในครั้งนี้ ข้าใช้เวลาเตรียมมาหลายสิบปี จะสำเร็จหรือล้มเหลวคงต้องขึ้นอยู่กับวิธีการนี้แล้ว หากสำเร็จถือว่าเจ้ามีความดีความชอบมาก ไม่เพียงแต่จะแต่งตั้งให้เจ้าเป็นขุนนางอาวุโส ทั้งยังมีสิ่งตอบแทนให้ด้วย ตอนนี้ก็ได้เวลาที่จะปล่อยมนุษย์พิษเหล่านั้นออกมาได้แล้ว” ผู้อาวุโสสวมมงกุฎทองคำค่อยๆ กล่าวออกมา
“ขอบพระทัยฝ่าบาท! ลี่คุนจงรักภักดีต่อราชวงศ์ชังไห่อย่างหาที่สุดไม่ได้ จะต้องไม่ทำให้ฝ่าบาทผิดหวังอย่างแน่นอน” พอลี่คุนได้ยินก็รีบคุมมือคารวะด้วยความดีใจ
…………………………………