ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ - ตอนที่ 424 กุ่ยหลี
ร่างของพวกเขาถูกไหมดำรัดพันภายในพริบตา และมันยังปล่อยไอดำแปลกประหลาดออกมาอย่างไม่ขาดสาย พวกเขาดิ้นรนได้ไม่กี่ที ก็ไม่สามารถดิ้นรนได้อีก กล้ามเนื้อและผิวหนังบนตัวแห้งเหี่ยวขึ้นมา สุดท้ายก็กลายเป็นซากศพแห้งๆ
แท่นบูชาดูนิ่มขึ้นมาเป็นอย่างมาก ขณะที่มันส่งเสียงดัง “โครมคราม!” อยู่ครู่หนึ่ง ฝุ่นสีเทาที่เกาะอยู่บนพื้นผิวก็เริ่มหลุดร่วงลงมา เผยให้เห็นถึงกล้ามเนื้อสีเลือดที่ขยับตัวขยุกขยิก แผ่นป้ายที่อยู่ตรงกลาง ก็โค้งตัวพุ่งออกไป มันลากศพแห้งเหี่ยวเหล่านั้นเข้าไปในหลุมลึกท่ามกลางไอดำที่พวยพุ่ง
ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นภายในพริบตาเดียว พอทาสเหมืองแร่ที่อยู่ห่างออกไปเล็กน้อยเห็นเช่นนี้ ต่างก็พากันถอยออกไปด้วยความตกใจและโมโห
ขณะนี้ หลิ่วหมิงและคนอื่นๆ ที่ยืนอยู่ไกลออกไป ถึงมองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าอย่างชัดเจน
ทันใดนั้น มีใบหน้าอัปลักษณ์ขนาดใหญ่ที่ก่อตัวมาจากหินทรายโผล่ออกมาบนพื้นกว้างโล่งตรงหน้า รูปลักษณ์ภายนอกดูคล้ายกับปีศาจดุร้าย หลุมขนาดใหญ่เป็นแค่ปากของมันเท่านั้น และแท่นบูชากับป้ายหินก็คือลิ้นของมันนั่นเอง
แต่ในขณะที่ทาสเหมืองแร่คนอื่นๆ เพิ่งจะถอยออกไปนั้น หลานสี่ที่ยืนนิ่งมานานก็โบกแขนทั้งสองท่ามกลางแสงสีฟ้าที่เปล่งประกาย
“ฟู่!” “ฟู่!”
พลังไร้รูปสองสายปะทะใส่ทาสเหมืองแร่สองสามคนที่อยู่ใกล้เขา
และร่างของเขาก็พร่ามัวหายไปจากที่เดิม ครู่ต่อมาก็มาปรากฏอยู่บนอากาศเหนือใบหน้าปีศาจยักษ์ เขาเอามือไขว้หลัง และจ้องมองผู้คนด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก
“อ๊าก!”
ภายใต้สถานการณ์ที่ทาสเหมืองแร่สองสามคนไม่ทันได้ระวัง ร่างของพวกเขาจึงถูกพลังมหาศาลปะทะใส่จนร่วงลงมาแต่ยังไม่ถึงพื้น
ไหมดำพุ่งขึ้นมาจากด้านล่าง และรัดพันพวกเขาไว้อย่างแน่นหนา เมื่อมีเงาร่างขนาดยักษ์กระพริบผ่านไป ร่างของคนเหล่านี้ก็หายไปท่ามกลางเสียงร้องอย่างน่าเวทนา
ที่แท้พวกเขาก็ถูกลิ้นยักษ์ด้านล่างม้วนตัวไป!
ลิ้นที่ดูใหญ่เทอะทะ แต่กลับเคลื่อนไหวรวดเร็วราวกับสายฟ้าแลบ
ขณะนั้นเอง ใบหน้ายักษ์ถึงขยับปากอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกันก็มีเสียงเคี้ยวดัง “เอี๊ยดๆ!” ออกมาจากปาก
หลิ่วหมิงยืนอยู่กลางอากาศที่ไกลออกไป พอเขาภาพเช่นนี้สีหน้าก็ค่อยๆ เปลี่ยนไป แม้แต่สายตาระดับเขา ก็ไม่สามารถมองเห็นการม้วนตัวของลิ้นเมื่อครู่ได้อย่างชัดเจน
ตอนนี้ทาสเหมืองแร่ที่เหลือถึงได้สติกลับมา และเริ่มด่าทอด้วยความโมโห
เดิมทีสองคนในนั้นเป็นคนสนิทของหลานสี่ เมื่อพวกเขาหนีตายมาได้ ย่อมรู้สึกโมโหเป็นพิเศษ
มาถึงตอนนี้ ใครก็รู้ว่าที่หลานสี่พาพวกเขามาที่นี่ ย่อมไม่ประสงค์ดีอย่างแน่นอน
แต่สถานที่แห่งนี้ เป็นจุดตัดมิติอีกแห่งหนึ่งอย่างแน่นอน สิ่งนี้ทำให้พวกเขาอยากจะหนีไปทันที แต่กลับตัดใจไม่ได้
ประการแรก พวกเขาไม่รู้ว่าท่ามกลางเหวลึกเวิ้งว้างแห่งนี้ จะไปหาจุดตัดมิติได้อย่างไร ประการที่สอง ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่มีของเหลวจิตวิญญาณ หากเผชิญหน้ากับอสูรโฉด คงต้องตายลูกเดียวเท่านั้น
แม้คนเหล่านี้จะรู้สึกโกรธแค้นหลานสี่เป็นอย่างมาก แต่ในใจกลับรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
ขณะนี้ หลานสี่กลับเอ่ยปากอย่างไม่สะทกสะท้าน
“ข้าสัญญาว่าจะพาพวกเจ้าหนีไปจากสายแร่ใต้ทะเลลึก และหาวิธีไปจากสถานที่แห่งนี้ ตอนนี้จุดตัดก็อยู่ตรงหน้าแล้ว ข้าโกหกพวกเจ้าซะที่ไหน? ส่วนจะมีชีวิตรอดออกไปได้หรือไม่นั้น ก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของพวกเจ้าแล้ว”
จากนั้นเขาก็ก้มหน้ากล่าวกับใบหน้ายักษ์ที่อยู่ด้านล่างด้วยสีหน้าเคร่งขรึม โดยไม่สนใจผู้คนที่อยู่ตรงหน้าอีก
“ผู้อาวุโสกุ่ยหลี ข้าน้อยได้นำโลหิตบริสุทธิ์มาให้ตามสัญญาแล้ว และคำสัญญาที่ท่านให้ไว้กับข้าในตอนนั้น ก็ควรจะเอามาแลกกันได้แล้ว?”
“ฮ่าๆ! เจ้าหลาน โชคดีที่เจ้าทำสำเร็จ ตอนนั้นเจ้าติดต่อกับข้าได้โดยไม่ได้ตั้งใจ ข้าจึงไม่ได้คาดหวังมากนัก เจ้าวางใจเถอะ! เพียงแค่ข้าได้โลหิตบริสุทธิ์เหล่านี้มา ก็สามารถคลายผนึกบนตัวได้ และฟื้นฟูระดับการฝึกฝนได้ส่วนหนึ่ง พอถึงตอนนั้นก็สามารถช่วยเจ้าทะลวงคอขวดตรงหน้าได้แล้ว หากมีข้าคอยช่วยเหลือล่ะก็ ย่อมไม่มีสิ่งใดมาขัดขวางการเข้าสู่ระดับแก่นแท้ของเจ้าในภายหลังได้” ใบหน้าขนาดใหญ่ที่อยู่ด้านล่างบิดเบี้ยวอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ส่งเสียงหัวเราะออกมาอย่างแปลกประหลาด
ต่อมาใบหน้าของมันก็หดตัวลงท่ามกลางเสียงดังโครมคราม จากนั้นก็ค่อยๆ โผล่ขึ้นมาจากพื้น สุดท้ายก็กลายเป็นศีรษะที่สูงเจ็ดแปดจั้ง ซึ่งล้วนก่อตัวมาจากดินและก้อนหิน
อักขระสีดำเปล่งประกายระยิบระยับบนพื้นผิว และแผ่ไอดำออกมา เบ้าตาขนาดใหญ่ทั้งสองมีเปลวไฟสีเงินขนาดเท่าอ่างล้างหน้าลุกไหม้อยู่ไม่หยุด
“ดีมาก! ข้าน้อยต้องขอบคุณผู้อาวุโสกุ่ยหลีล่วงหน้าแล้ว แต่ว่าในกลุ่มคนเหล่านี้ มีผู้แข็งแกร่งระดับแก่นแท้อยู่ด้วย ผู้อาวุโสต้องระวังให้มาก” พอหลานสี่ได้ยินคำพูดเช่นนี้ สีหน้าของเขาก็ดูผ่อนคลายลง แต่ยังคงพูดเตือนออกมา
“กะอีแค่ระดับแก่นแท้? ฮึ! เจ้าหมายถึงเจ้าเด็กเผ่าปีศาจผู้นั้นใช่ไหม! ไม่บอกก็เห็นอยู่ว่าตอนนี้ร่างกายของเขามีปัญหา ต่อให้จะอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ข้าก็หาได้สนใจไม่ ในความคิดของข้า เจ้าเด็กระดับนี้เทียบเท่ากับมดตัวหนึ่งเท่านั้น แค่อึดใจเดียวก็สามารถเป่าขวัญของเขาจนกระเจิงได้ และไม่สามารถไปเกิดใหม่ได้อีก” ใบหน้าขนาดใหญ่ค่อยๆ หันหน้ามา หลังจากมองดูชายหนุ่มชุดขาวทีหนึ่งแล้ว ก็ทำเสียงฮึดฮัดก่อนกล่าวออกมา
พอคำพูดนี้ออกมาจากปาก ซินหยวนและทาสเหมืองแร่คนอื่นๆ ต่างก็มองหน้ากันอย่างอดไม่ได้ ดูเหมือนพวกเขาจะไม่ค่อยเชื่อคำพูดนี้มากนัก!
ดูจากคำพูดของมัน หากผู้แข็งแกร่งระดับแก่นเพียงหนึ่งเดียวในทะเลชังไห่เป็นเด็กคนหนึ่ง แล้วผู้ฝึกฝนระดับของเหลวอย่างพวกเขา ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเข้าไปใหญ่
ตั้งแต่หลิ่วหมิงเห็นใบหน้ายักษ์ปรากฏออกมา เขากลับจ้องมองอักขระสีดำที่เปล่งประกายอยู่บนผิวของมันด้วยตาที่เป็นประกาย ซึ่งไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
“ฮึ! ไม่ว่าก่อนหน้านั้นเจ้าจะมีสถานะอันใดก็ตาม ตอนนี้ก็มีพลังอยู่ที่ระดับผลึกขั้นปลายเท่านั้น แต่กลับมีมาดในการพูดจาไม่เบา” ชายชุดคลุมสีขาวที่ลอยอยู่กลางอากาศได้ยินเช่นนี้ สีหน้าก็ดูอึมครึมลงทันที
ครู่ต่อมา เขาคว้ามือข้างหนึ่งไปทางอากาศ จากนั้นดาบสั้นแวววาวก็ปรากฏขึ้นบนฝ่ามือ พอเขาโบกมันเบาๆ หอกน้ำแข็งสีฟ้าที่ยาวหลายจั้งก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าทันที จากนั้นก็พุ่งใส่ศีรษะยักษ์ด้วยเสียงที่แหลมดัง
แสงแวววาวเปล่งประกาย หอกน้ำแข็งพุ่งมาอยู่ห่างศีรษะยักษ์เพียงแค่ลัดมือดียว
ศีรษะยักษ์เผยรอยยิ้มชั่วร้ายออกมา และอ้าปากกลืนหอกน้ำแข็งเข้าไป และในขณะที่กำลังเคี้ยวหอกอยู่ มันก็หัวเราะแปลกๆ ออกมา
“รสชาติไม่เลว! โยนมาอีกสองสามอันก็ได้ ให้ข้าได้เสพสุขกับมันสักหน่อย”
ราชาปีศาจสมุทรเห็นเช่นนี้ก็เลิกคิ้วขึ้นมา สีหน้าของเขาดูเคร่งขรึมขึ้นมาในที่สุด
แม้จะบอกว่าเมื่อครู่เป็นแค่การหยั่งเชิงเท่านั้น แต่อานุภาพขีดสุดของหอกน้ำแข็งที่เขาปล่อยออกมา สามารถกดดันผู้แข็งแกร่งระดับแก่นเสมือนได้ถึงหกคน ตอนนี้กลับถูกเจ้าสิ่งนี้กลืนกินไปอย่างง่ายดาย มันออกจะดูน่าตกใจไปหน่อย
พอหลานสี่เห็นฉากตรงหน้า เขากลับถอนใจออกมายาวๆ ดวงตาของเขาดูเบิกบานเป็นอย่างมาก
คนอื่นๆ เห็นฉากเช่นนี้ก็รู้สึกหวาดกลัวมาก ทันใดนั้น ทาสเหมืองแร่สองคนก็หมุนตัวพุ่งออกไปทันที เพื่อคิดจะหนีไปจากที่นี่
ดวงตาของราชาปีศาจสมุทรเป็นประกายเมื่อเห็นเช่นนี้ เขาโบกดาบสั้นแวววาวในมือทันที จากนั้นหอกน้ำแข็งสองอันก็พุ่งยิงออกไป
“ฟิ้วๆ!”
หอกน้ำแข็งเจาะทะลุร่างทาสเหมืองแร่สองคนที่กำลังหลบหนี จากนั้นร่างของพวกเขาก็กลายเป็นรูปปั้นแกะสลักน้ำแข็งแวววาว
“ใครกล้าถอนตัวในตอนนี้ ‘ฆ่า’ ให้หมด เพื่อแผนการในวันนี้ จะต้องรวมพลังกันสังหารตัวประหลาดตรงหน้ากับหลานสี่เท่านั้น พวกเจ้าถึงจะหนีไปจากดินแดนเหวลึกได้อย่างแท้จริง มิเช่นนั้น พวกเจ้าคิดว่าเจ้าสารเลวคนนี้เสียเวลาพาพวกเจ้ามาถึงที่นี่แล้ว จะยอมปล่อยให้พวกเจ้าหนีไปอย่างง่ายดายหรือ?” ราชาปีศาจสมุทรกวาดสายตามองดูหลิ่วหมิงกับซินหยวน และคนอื่นๆ จากนั้นก็กล่าวด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก
ในระหว่างที่เขากล่าว ศีรษะยักษ์ก็ตวัดลิ้นออกมา และม้วนเอารูปปั้นแกะสลักน้ำแข็งสองก้อนเข้าไปในปาก จากนั้นก็ขยับปากเคี้ยวราวกับว่ากำลังลิ้มรสอย่างเอร็ดอร่อย
สิ่งนี้ทำให้หลิ่วหมิงรู้สึกขนลุกขนพองเป็นอย่างมาก
ทาสเหมืองแร่คนอื่นๆ เห็นเช่นนี้ ใบหน้าก็ซีดขาวขึ้น
ชั่วระยะเวลาเพียงสั้นๆ เมื่อรวมราชาปีศาจสมุทร หลิ่วหมิง ซินหยวนด้วยแล้ว ก็มีคนอยู่ที่นั่นไม่ถึงสิบคน
เพื่อที่จะได้อิสรภาพคืนอีกครั้ง ทาสเหมืองแร่เหล่านี้บุกป่าฝ่าหนามมาจากสายแร่ใต้ทะเลลึก เดิมทีคิดว่าจะสามารถหลุดพ้นไปได้ แต่ใครเล่าจะรู้ว่าต้องมาพบเจอกับฉากเช่นนี้
และหลานสี่ที่เป็นผู้เริ่มทำเรื่องไม่ดีงาม ก็หนีไปอยู่บนอากาศตรงด้านหลังศีรษะยักษ์ตั้งแต่ตอนที่ราชาปีศาจสมุทรลงมือโจมตีศีรษะยักษ์แล้ว เขาเผยรอยยิ้มบางๆ ราวกับว่ากำลังรอความตายของทุกคนอย่างเงียบๆ
“ลงมือ!”
ทาสเหมืองแร่เหล่านี้ยังไม่ทันได้คิดอะไร ราชาปีศาจสมุทรก็ขมวดคิ้ว และตะโกนออกมา
ขณะเดียวกัน เขาก็โยนเจียหลานไปด้านหลัง และกระแทกฝ่ามือข้างหนึ่งผ่านอากาศ
ทันใดนั้น พายุปีศาจสีฟ้าก็ก่อตัวขึ้นมา จากนั้นก็กลายเป็นม่านแสงห่อหุ้มนางไว้อย่างแน่นหนา และลอยอยู่กลางอากาศ
ชายหนุ่มชุดคลุมสีขาวทำทุกอย่างรวดเร็วราวกับประกายไฟแลบ
ดาบสั้นแวววาวบนฝ่ามือเปล่งแสงเจิดจ้าออกมา พอสะบัดข้อมือ เงาดาบจำนวนมาก็พาดผ่านตรงหน้า ทันใดนั้นหอกน้ำแข็งที่มีขนาดใหญ่กว่าก่อนหน้านั้น ก็ปรากฏออกมานับไม่ถ้วน และมันก็พุ่งยิงออกไปทั้งหมด
การลงมือของราชาปีศาจสมุทรในครั้งนี้ เห็นได้ชัดว่าทุ่มอย่างสุดกำลัง!
และในขณะเดียวกัน หลิ่วหมิงที่อยู่ไม่ไกลก็หรี่ตาทั้งคู่ลง พอสะบัดแขนเสื้อ ดาบเล็กสีฟ้าก็ปรากฏบนมือ จากนั้นก็ทำท่ามือโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง
กระบี่เล็กสีฟ้าส่งเสียงดังกังวานออกมา จากนั้นก็กลายเป็นสายรุ้งแวววาวม้วนตัวไปยังศีรษะยักษ์ท่ามกลางแสงที่เปล่งประกาย
คิดไม่ถึงว่าเขาจะเป็นคนแรกที่ลงมือตามราชาปีศาจสมุทร ทั้งยังใช้วิชาขี่กระบี่ที่มีอานุภาพสูงสุดด้วย และทุกอย่างก็เกิดขึ้นภายในอึดใจเดียว โดยไม่มีการอืดอาดยืดยาดเลยแม้แต่น้อย ราวกับว่าได้เตรียมการไว้แต่แรกแล้ว
อีกด้านหนึ่ง หลังจากซินหยวนเลิกคิ้วขึ้นมาแล้ว เขาก็นำกระบองเหล็กมาตั้งขวางไว้ตรงหน้า จากนั้นก็ใช้มือข้างหนึ่งลูบจนเกิดแสงเจิดจ้า หลังจากมีเสียงแตกหักดังออกมา ก็มีแสงสีทองพุ่งออกจากปลายกระบองเหล็ก พริบตาเดียว ก็ก่อตัวเป็นหัวหอกแหลมคมที่มีสีทองอร่าม
พอเขาส่งเสียงตะโกน เส้นเอ็นบนขนทั้งสองก็นูนขึ้นมา ทันทีที่สะบัดข้อมือ เงาหอกแพรวพราวก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า จากนั้นก็กลายเป็นหนามสีทองเจิดจ้า และพุ่งออกไปด้วยเสียงที่ดัง “ฟิ้วๆ!”
มาถึงเวลานี้แล้ว ซินหยวนก็แสดงพลังที่แท้จริงออกมาในที่สุด เห็นได้ชัดว่ากระบองเหล็กหลอมในมือไม่เพียงจะมีน้ำหนักมากเท่านั้น
…………………………………