ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ - ตอนที่ 427 หัวปีศาจยักษ์
พริบตาที่นักรบเกราะทองคำถูกแทงทะลุจุดสำคัญ พายุบ้าระห่ำสีทองกับร่างของมันก็กลายเป็นจุดแสงสีทองก่อนสลายไป จากนั้นก็กลับมาเป็นยันต์สีเหลืองก่อนร่วงลงมา
“ยันต์ลึกลับพลังผ้าเหลือง!” พอใบหน้ายักษ์เห็นอักขระกับภาพคนสีทองเล็กๆ บนยันต์สีเหลืองอย่างชัดเจน ก็ดูเหมือนจะรู้สึกตกใจระคนดีใจเป็นอย่างมาก จากนั้นก็มีแสงสว่างม้วนออกไปจากปาก และตวัดยันต์สีเหลืองเข้าไปในปาก
ผ่านไปไม่กี่อึดใจ
เมื่อหลิ่วหมิงกับซินหยวนมาปรากฏตัวตรงหน้าใบหน้ายักษ์สีดำ พวกเขาก็ไม่สามารถกระดิกตัวได้แล้ว
ทั้งสามสบตากันด้วยรอยยิ้มกันขมขื่น
แม้เจียนหลานจะถูกรัดพันไว้แน่น แต่ก็ยังคงสลบไสลไม่ได้สติ และไม่รับรู้เรื่องราวใดๆ เลยแม้แต่น้อย
ขณะนี้หลิ่วหมิงย่อมจำโซ่อาญาสิทธิ์ที่รัดพันตัวเองไว้ได้แล้ว ซึ่งมันมีลักษณะเหมือนกับโซ่ที่หยุดยั้ง ‘บาทายักษ์’ ของปีศาจยักษ์โบราณ ที่เขาพบเจอในเจดีย์ลึกลับของนิกายหยวนหมัวในวันนั้น เพียงแต่โซ่ที่เห็นในตอนนี้นั้นมีเจ็ดสี และที่รัดพันตัวเองอยู่ในขณะนี้เป็นสีดำประกาย นอกจากนี้แล้วส่วนอื่นๆ ก็เหมือนกันไม่มีผิด
สีหน้าหลิ่วหมิงเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา ในใจพอจะคาดเดาอะไรได้ลางๆ
แต่ครู่ต่อมา หลังจากที่ใบหน้ายักษ์สูญเสียร่างที่ก่อตัวขึ้นมาจากหินและดินในก่อนหน้านั้น ก็ดูเหมือนว่ามันไม่มีอารมณ์จะกินพวกหลิ่วหมิงในทันที
มันกวาดสายตามองพวกหลิ่วหมิงทีหนึ่ง จากนั้นก็ร่ายคาถาออกมาเบาๆ!
หลิ่วหมิงและคนอื่นๆ รู้สึกว่าร่างเบาหวิว และลอยตัวขึ้นมา หลังจากนั้นก็ลอยตามใบหน้ายักษ์ไปยังยอดเขาที่อยู่ไม่ไกล
ศพของหลานสี่ ก็ถูกโซ่อาญาสิทธิ์รัดพันไว้ และถูกพาไปพร้อมกัน
ขณะที่ใบหน้ายักษ์เข้าใกล้ยอดเขานั้น มันก็อ้าปากในฉับพลัน จากนั้นแสงสีม่วงดำก็ม้วนตัวหายไปในยอดเขา
ยอดเขายักษ์ส่งเสียงดังอยู่ครู่หนึ่ง ไม่นานใบหน้าหินที่สูงพันกว่าจั้งก็ปรากฏออกมาตรงไหล่เขา มันมีลักษณะเหมือนใบหน้าสีดำตรงหน้าไม่มีผิด มันค่อยๆ อ้าปากออกมา เผยให้เห็นถึงทางเดินลึกที่เป็นหินสีดำสายหนึ่ง
เมื่อใบหน้ายักษ์สีดำทำทุกอย่างนี้เสร็จสิ้น มันก็หดตัวลงจนมีขนาดหนึ่งจั้งกว่าๆ และลอยเข้าไปในนั้น
หลิ่วหมิงและคนอื่นๆ ถูกมันลากเข้าไปด้วย
พอพวกเขาเข้าไปด้านใน แสงจากด้านหลังก็ค่อยๆ จางลง ทางเข้าก็ค่อยๆ ปิดลง
ต่อมาหลิ่วหมิงและคนอื่นๆ ก็ถูกใบหน้าสีดำค่อยๆ พาเข้าไปในส่วนที่อยู่ลึกเข้าไป
บัดเดี๋ยวมุ่งลงด้านล่าง บัดเดี๋ยวมุ่งไปด้านหน้า จนไม่รู้ว่าเวลาล่วงเลยไปเท่าไหร่แล้ว หลังจากลัดเลาะอยู่ช่วงหนึ่ง ก็มีแสงสว่างปรากฏขึ้นตรงหน้า ตอนนี้พวกเขามาถึงถ้ำหินที่มีขนาดหลายร้อยจั้ง
จากการวิเคราะห์ของหลิ่วหมิงในตลอดทางที่ผ่านมา สถานที่แห่งนี้คงเป็นใจกลางของยอดเขาลูกนี้
ใจกลางถ้ำหินมีแท่นบูชาสีดำที่ดูคล้ายกับแดนลึกลับในนิกายหยวนหมัวที่เป็นที่ผนึกบาทายักษ์ บนแท่นบูชามีค่ายกลอักขระประทับอยู่เป็นจำนวนมาก
เหนือใจกลางค่ายกล มีหัวอัปลักษณ์ที่มีขนาดเท่าหอหลังหนึ่ง ดวงตาทั้งคู่ของมันปิดสนิท!
มันมีเขาสีดำอยู่บนหัวอันหนึ่ง ผมยาวสีเงินดูยุ่งเหยิงราวกับหญ้า เกล็ดสีดำแวววาวชั้นหนึ่งปกคลุมพื้นผิวส่วนใหญ่ของใบหน้า บนตัวมีไอสีเทาหมุนวนอยู่ แลดูลึกลับเป็นอย่างมาก
โซ่อาญาสิทธิ์แต่ละเส้นเจาะผ่านส่วนต่างๆ ของหัว แต่หนึ่งในสามส่วนต่างก็กลายเป็นสีดำราวกับหมึก
และค่ายกลขนาดใหญ่ที่อยู่ด้านล่าง ก็ดูเหมือนจะมีสภาพชำรุดเล็กน้อย บริเวณขอบค่ายกลมีรอยกรงเล็บอยู่สองสามรอย ซึ่งจมลึกลงไปฉื่อกว่าๆ ดูเตะตาเป็นยิ่งนัก
พอหลิ่วหมิงเห็นหัวอัปลักษณ์กับสิ่งที่อยู่บนแท่นบูชาอย่างชัดเจน ก็รู้สึกใจเต้นขึ้นมา
ที่แท้สถานที่แห่งนี้ ก็เป็นที่ผนึกปีศาจยักษ์โบราณ และยังเป็นหัวของปีศาจยักษ์ที่ถือเป็นว่าส่วนที่สำคัญที่สุดของมัน!
ดูจากการฟื้นคืนของมันในตอนนี้ เห็นได้ชัดว่ามันหลุดพ้นจากผนึกได้ส่วนหนึ่งแล้ว มิน่าล่ะถึงได้แปลงร่างไปก่อกวนอยู่ภายนอกได้
พอราชาปีศาจสมุทรกับซินหยวนเห็นหัวปีศาจยักษ์ ย่อมแสดงสีหน้าเหลือเชื่อออกมา
ประจักษ์ชัดว่าทั้งสอง ต่างก็รู้ที่มาของหัวปีศาจยักษ์ที่ถูกผนึกอยู่!
สีหน้าของราชาปีศาจสมุทรดูอึมครึมกว่าปกติ ส่วนซินหยวนก็มีสีหน้าซีดขาวเป็นอย่างมาก!
หลังจากใบหน้าสีดำพาทุกคนมาถึงตรงหน้าหัวปีศาจยักษ์ มันก็กลายเป็นไอหมอกสีดำมุดเข้าไปในหัวปีศาจยักษ์ที่อยู่ตรงหน้า
“ตุ๊บ!” “ตุ๊บ!”
ร่างของหลิ่วหมิงและคนอื่นๆ รวมถึงเจียหลานสูญเสียการควบคุมจนตกลงพื้นอย่างรุนแรง
ในขณะเดียวกัน อากาศบริเวณที่ใบหน้าสีดำเคยอยู่ กลับทิ้งโลหิตแวววาวขนาดเท่าลูกกำปั้นไว้หลายหยด มีไอดำลอยออกมาบนพื้นผิวของมัน
มันคือโลหิตบริสุทธิ์ของทาสเหมืองแร่ที่ถูกมันกลืนกินในก่อนหน้านั้น
นอกจากนี้ บริเวณใจกลางกลุ่มโลหิตยังมียันต์สีเหลืองลอยอยู่ มันคือยันต์ลึกลับพลังผ้าเหลืองผืนนั้น!
ขณะที่ไอหมอกสีดำจมเข้าไปในหัวอัปลักษณ์ที่ประทับอยู่บนแท่นบูชานั้น ดวงตาทั้งคู่ก็ค่อยๆ ลืมขึ้นมา ทันใดนั้นเปลวเพลิงสีเงินก็คุโชนขึ้น สายตาของมันเหมือนกับใบหน้ายักษ์ในก่อนหน้านั้นไม่มีผิด
สายตาของหัวปีศาจยักษ์ค่อยๆ กวาดมองหลิ่วหมิงและคนอื่นๆ สุดท้ายก็ตกอยู่บนหยดโลหิตที่ลอยอยู่กลางอากาศ
ทันทีที่มันอ้าปาก แสงสีม่วงดำก็ม้วนตัวออกไป และดูดโลหิตบริสุทธิ์ที่อยู่กลางอากาศเข้าไปทั้งหมด
พอโลหิตบริสุทธิ์แต่ละหยดละลายเข้าไป แสงโลหิตก็เปล่งประกายบนพื้นผิวของหัวปีศาจยักษ์ กลิ่นไอของมันก็เพิ่มขึ้นเล็กน้อย
ขณะที่มันกลืนโลหิตทั้งหมดเข้าไป ดวงตาของมันก็เปล่งประกายแวววาวขึ้นมา และเริ่มดิ้นรนอย่างบ้าคลั่ง
ค่ายกลบนแท่นบูชาส่งเสียงดังหวึ่งๆ ในทันที โซ่อาญาสิทธิ์สีขาวแต่ละเส้นเปล่งแสงเจ็ดสีออกมา และเริ่มรัดแน่นมากขึ้นกว่าเดิม
และหัวปีศาจยักษ์ก็เผยสีหน้าเจ็บปวดออกมา แต่มันกลับคำรามเสียงดังราวกับเสียงฟ้าร้อง……
“เพล้ง!” “เพล้ง!” “เพล้ง!”
ชั่วเวลาหนึ่งมื้อข้าวผ่านไป โซ่สีขาวสามเส้นบนหัวปีศาจยักษ์ ก็ถูกมันดิ้นรนจนขาดออกจากกัน
หัวปีศาจยักษ์อ้าปากพ่นเปลวเพลิงปีศาจสีฟ้าแวววาวออกมาอีกครั้ง พริบตาเดียวก็ม้วนเอาโซ่ที่ขาดไว้ในนั้น และเริ่มทำการหล่อหลอมขึ้นมา
แต่พอโซ่สีขาวถูกเปลวเพลิงปีศาจเผาไหม้ มันก็เริ่มหดขยายตัว และค่อยๆ ดับแสงลง
ในเวลาเพียงชั่วครู่ โซ่ที่ถูกมันสลัดออกมาก็กลายเป็นสีดำราวกับหมึก
หัวปีศาจยักษ์ส่งเสียงแปลกประหลาดออกมา จากนั้นก็ดูดโซ่กับเปลวเพลิงปีศาจเขาไปในปากพร้อมกัน!
คิดไม่ถึงว่าอาวุธที่ผู้ฝึกฝนในสมัยโบราณใช้ผนึกหัวปีศาจยักษ์ จะถูกมันหล่อหลอมเป็นอาวุธของตนเอง!
“ที่แท้สถานที่แห่งนี้ ก็เป็นที่ผนึกหัวปีศาจยักษ์โบราณ”
พอราชาปีศาจสมุทรและซินหยวนรู้ที่มาของสิ่งที่รัดพันตัวเองอยู่ ก็รู้สึกทั้งตกใจทั้งโมโห!
หลิ่วหมิงหลับตาทั้งคู่ลงอย่างรวดเร็ว เขาพาจิตส่วนหนึ่งจมเข้าไปในทะเลจิตรับรู้ และเริ่มตรวจสอบดูศิลาหุนเทียนก้อนนั้น!
ก้อนศิลาที่ด้านบนเป็นสีดำด้านล่างเป็นสีขาวในขณะนี้ ครึ่งล่างของภาพนาฬิกาทรายสีทองนั้นเต็มไปด้วยกรวดสีเงินหนาๆ ด้านบนเหลือแค่หนึ่งในสี่ส่วนเท่านั้น
หลังจากหลิ่วหมิงมีประสบการณ์ดูดซับไอปีศาจจากมือเท้าของปีศาจยักษ์มาสองครั้ง เขาย่อมรู้ว่าความหวังเดียวที่จะรอดชีวิตได้ ก็ขึ้นอยู่กับว่าเขาสามารถกระตุ้นฟองอากาศลึกลับได้หรือไม่
หลังจากเขาตัดสินใจแล้ว ก็ส่งพลังเวทย์เข้าไปในศิลาหุนเทียนอย่างบ้าคลั่ง
ขณะนี้ หัวปีศาจยักษ์ที่หลอมโซ่สามเส้นจนสำเร็จ ก็มองดูศพของหลานสี่ที่อยู่ตรงหน้าทีหนึ่ง และเผยสีหน้าดุร้ายออกมา
มันอ้าปากขนาดใหญ่ดูดศพของหลานสี่เข้าไปทันที จากนั้นก็ขยับปากเคี้ยวอย่างรุนแรงจนส่งเสียงดังออกมา
ผ่านไปไม่นาน หัวปีศาจยักษ์ก็อ้าปากออกมาอีกครั้ง และพ่นก้อนเนื้อกลมๆ สีแดงที่มีขนาดจั้งกว่าๆ ออกมา
กลิ่นคาวแสบจมูกตลบอบอวลไปทั่วถ้ำ
ฉากอันน่าตกใจเช่นนี้ ไม่เพียงแต่ทำให้ราชาปีศาจสมุทรกับซินหยวนจ้องมองด้วยตาที่เป็นประกาย แม้แต่หลิ่วหมิงก็ต้องลืมตามาสังเกตก้อนเนื้อสองสามที
พื้นผิวของก้อนเนื้อถูกเส้นเอ็นสีเลือดปกคลุมอย่างแน่นหนา พอตกลงพื้นมันก็กลิ้งไปมาสองตลบก่อนที่จะหยุดนิ่งลง
จากนั้นก้อนเนื้อก็หดขยายตัวราวกับมีชีวิต และมีเสียงหัวใจเต้น “ตุ๊บๆ!” ดังออกมา
ผ่านไปไม่กี่อึดใจ เสียงหัวใจเต้นก็ดังขึ้นเรื่อยๆ จังหวะการเต้นก็ถี่ขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน
ฉากแปลกประหลาดเช่นนี้ แม้แต่ราชาปีศาจสมุทรก็ต้องมีสีหน้าเขียวปั๊ดเล็กน้อย
แต่หลังจากเห็นก้อนเนื้อสั่นสะท้าน ลำแสงสีแดงจำนวนมากก็ถูกพ่นออกมา ต่อมาลำแสงก็พุ่งออกมาหนาแน่นมากกว่าเดิม และค่อยๆ กลายเป็นกลุ่มแสงสีโลหิต ปกคลุมก้อนเนื้อสีแดงไว้
“ตู๊ม!”
แสงสีเลือดจางหายไปจนหมดสิ้น ก้อนเนื้อสีแดงหายไปอย่างไร้ร่องรอย และมีหมอกโลหิตปรากฏออกมาในตำแหน่งเดิมที่มันเคยอยู่
ท่ามกลางหมอกโลหิต มีเงาร่างผอมแห้งกำลังดิ้นรนเพื่อลุกขึ้นยืน
เมื่อหมอกโลหิตล่องลอยออกไป หลิ่วหมิงและคนอื่นๆ ก็ค้นพบว่า หลานสี่ที่ตายจนไม่รู้จะตายอย่างไรแล้ว กลับมายืนปรากฏกายต่อหน้าพวกเขา
ร่องรอยบาดแผลบนตัวของหลานสี่ในขณะนี้ กลับมามีสภาพสมบูรณ์เป็นปกติ เพียงแต่ชุดคลุมสีเทาขาดรุ่งริ่งไม่มีชิ้นดี ทั้งยังมีรอยเลือดแปดเปื้อนเป็นจำนวนมาก รอบตัวก็มีไอดำหมุนวนอยู่
ใบหน้าของเขาดูอัปลักษณ์กว่าก่อนหน้านั้นเล็กน้อย ผิวหนังตามตัวถูกปกคลุมไปด้วยลวดลายสีดำจางๆ บริเวณแขนขามีเกล็ดสีเขียวบางๆ ปกคลุมอยู่หนึ่งชั้น และเปล่งแสงระยิบระยับอย่างน่าประหลาดใจ แต่ดวงตาทั้งคู่ดูเลอะเลือนเป็นอย่างมาก และไม่มีจิตวิญญาณหลงเหลืออยู่เลยแม้แต่น้อย
หลังจากหลานสี่ปรากฏตัวออกมาแล้ว เขาก็คำรามเสียงออกมาราวกับอสูร สายตาที่จ้องหลิ่วหมิงและคนอื่นๆ ที่ถูกรัดพันอยู่ ก็เต็มไปด้วยความบ้าเลือด เห็นได้ชัดว่าไม่มีจิตรับรู้หลงเหลืออยู่เลย แม้แต่ความสามารถในการพูดก็สูญเสียไปด้วย!
คิดไม่ถึงว่าเขาจะกลายเป็นปีศาจไปแล้วครึ่งหนึ่ง!
ขณะนี้ หัวปีศาจยักษ์ถึงหัวเราะออกมาก่อนที่จะกล่าวกับหลานสี่
“สหายหลาน ข้าเคยรับปากเจ้าว่า เพียงแค่เจ้าช่วยข้าทำเรื่องนี้สำเร็จ ข้าจะช่วยให้เจ้าสำเร็จแก่นแท้ แม้ตอนนี้เจ้าจะเสียชีวิตไปก่อน แต่ข้าก็ได้ใช้ร่างของเจ้าทำเป็นหุ่นแล้ว ต่อไปเจ้าก็จะเป็นร่างแปลงแรกของข้า นานวันเข้าก็สามารถมีพลังระดับแก่นแท้ได้เช่นกัน เช่นนี้ก็ไม่นับว่าข้าผิดสัญญาที่ให้ไว้กับเจ้าแล้ว”
…………………………………