ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ - ตอนที่ 430 การพ่ายแพ้ครั้งใหญ่ของราชาปีศาจสมุทร
ชายหนุ่มชุดคลุมสีขาวยื่นตัวไปคว้าเจียหลานขึ้นมา
หลังจากเงาร่างเล็กสีเขียวถูกดูดเข้าไปในฟองอากาศลึกลับแล้ว โซ่อาญาสิทธิ์ก็สูญสิ้นอานุภาพทันที พลังของมันลดลงจนไม่สามารถรัดพันราชาปีศาจสมุทรได้อีก
แต่ขณะนั้นเอง ‘หลิ่วหมิง’ ก็กลายเป็นเงาร่างสีม่วงพุ่งมาถึงตรงหน้า และคว้านิ้วทั้งห้าเข้ามาจนเกิดเสียงแหลมดัง
แม้การฝึกฝนของราชาปีศาจสมุทรจะเหนือกว่าหลิ่วหมิงมาก แต่ก็ต้องรู้สึกขนลุกชันจนไม่อาจสนใจเจียหลานได้ เขาได้แต่พุ่งถอยหลังออกไปอย่างรวดเร็ว ถึงพอจะหลบการโจมตีนี้ได้ ในระหว่างนั้นมีเสียงมังกรคำรามดังออกมา แสงสีฟ้าเปล่งประกายไปทั่วร่าง จากนั้นราชาปีศาจสมุทรก็กลายเป็นมังกรที่มีเกล็ดสีฟ้าปกคลุมเต็มตัว และมีขนาดยาวสิบกว่าจั้ง
ที่ราชาปีศาจสมุทรทำเช่นนี้ ก็เพราะไม่มีทางเลี่ยงใดๆ อีกแล้ว
เดิมทีคิดว่าหากระดับแก่นแท้อย่างเขา มีพลังเวทย์อยู่ในขั้นสมบูรณ์ ต่อให้ฝ่ายตรงข้ามจะร้ายกาจแค่ไหน เขาก็ไม่หวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย
ขณะนี้เขาไม่เพียงแต่บาดเจ็บสาหัส แต่ยังถูกพิษร้ายแรงด้วย จำเป็นต้องพลังเวทย์กว่าครึ่งหนึ่งระงับพิษในร่างไว้ และการต่อสู้กับหัวปีศาจยักษ์ในป่าหินในก่อนหน้านั้น ก็สูญเสียพลังเวทย์ไปส่วนหนึ่งแล้ว ด้วยเหตุนี้จึงได้แต่คืนร่างต่อสู้กับ ‘หลิ่วหมิง’
แต่จะว่าไปแล้ว ก็นับว่าราชาปีศาจสมุทรผู้นี้โชคร้ายเป็นอย่างมาก หากอาวุธเวทย์เพียงหนึ่งเดียวที่สามารถพึ่งพาได้อย่างเข็มหยินลึกลับ ไม่อยู่ในขั้นตอนสำคัญของการยกระดับ จนทำให้ไม่สามารถนำมารับมือกับศัตรูได้ ทั้งยังต้องบ่มเพาะอยู่ในร่างอยู่ตลอดเวลาล่ะก็ การต่อสู้กับเผ่าเจ้าสมุทรในวันนั้น คงยังไม่รู้ผลแพ้ชนะอย่างแน่นอน
แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ด้วยพลังระดับแก่นแท้ของราชาปีศาจสมุทรบวกกับร่างมังกร ก็ทำให้กายเนื้อของเขาแข็งแกร่งจนยากที่จะจินตนาการได้
‘หลิ่วหมิง’ โจมตีผ่านความว่างเปล่า เมื่อเผชิญหน้ากับมังกรสีฟ้าตรงหน้า เขากลับไม่สนใจเลยแม้แต่น้อย พอลวดลายสีม่วงบนตัวเปล่งประกายออกมา เขาก็กลายเป็นเงาสีม่วงประชิดเข้าไป ฝ่ามือทั้งคู่ที่ดูคล้ายกับกรงเล็บอันแหลมคมคว้าลงบนร่างมังกรสีฟ้า
บังเกิดเสียงดังติดต่อกัน!
มังกรสีฟ้ายกขาหน้าขึ้น จากนั้นกรงเล็บแวววาวทั้งสองก็ต้านทานไว้ตรงหน้า
“เต๊ง!” “เต๊ง!”
อากาศบริเวณรอบๆ ตัวทั้งสองสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง แม้กรงเล็บมังกรจะสามารถต้านทานการโจมตีร่างปีศาจของหลิ่วหมิงได้ แต่กลับถูกเล็บอันแหลมคมของฝ่ายตรงข้ามกรีดจนเกิดเป็นรอยเลือดที่มองเห็นได้อย่างชัดเจน!
ภายใต้การคำรามของมังกรสีฟ้า หางที่ปกคลุมด้วยเกล็ดก็ฟาดออกไปจนกลายเป็นเงา ขณะเดียวกัน มันก็อ้าปากปล่อยลำแสงสีฟ้าขนาดเท่าปากถ้วยพุ่งมาทางร่างแปลงหลิ่วหมิงทันที
แต่ลวดลายสีม่วงบนตัว ‘หลิ่วหมิง’ หมุนวนอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นร่างของเขาก็ค่อยๆ สั่นไหว และบิดตัวแบบแปลกๆ จนทำให้ลำแสงกระพริบผ่านอากาศไป
ส่วนมืออีกข้างก็ยื่นไปด้านหน้า ทันใดนั้นกรงเล็บก็เปล่งประกาย หางมังกรที่สะบัดเข้ามากระเด็นออกไปสิบกว่าจั้ง ราวกับถูกโจมตีอย่างรุนแรง
หลังจาก ‘หลิ่วหมิง’ คลายนิ้วทั้งห้า เกล็ดมังกรสีฟ้าจางๆ จำนวนมาก รวมถึงชิ้นเนื้อก้อนใหญ่ก็ตกลงบนพื้น
ขณะที่มังกรสีฟ้าเพิ่งจะตั้งตัวได้ ก็รู้สึกเจ็บปวดตรงหางเป็นอย่างมาก ในที่สุดก็เผยสีหน้าหวาดกลัวออกมา
ขณะที่เงาร่างสีม่วงกระพริบหายไป ‘หลิ่วหมิง’ ก็ปรากฏตัวออกมาด้วยสีหน้าดุร้าย เขายกแขนทั้งสองโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง และคว้ากรงเล็บเข้ามาด้วยเสียงอันดัง
มังกรสีฟ้าส่งเสียงร้องออกมาด้วยสีหน้าอึมครึม มันไม่สนใจกรงเล็บที่คว้าเข้ามาเลยแม้แต่น้อย แต่กลับสะบัดขาหน้าไปทางศีรษะหลิ่วหมิงอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้าแลบ
กรงเล็บมังกรยังไม่ทันคว้ามาถึงศีรษะของฝ่ายตรงข้าม ก็มีเสียงดังขึ้นมา!
มังกรสีฟ้ารู้สึกถึงความเจ็บปวดบนร่าง จากนั้นเกล็ดจำนวนมากก็ถูกคว้าออกไป
ขณะเดียวกัน ‘หลิ่วหมิง’ ก็หัวเราะออกมาแปลกๆ จากนั้นร่างของเขาก็พร่ามัวหายไปจากที่เดิม และมาปรากฏอยู่ห่างออกไปหลายจั้ง
ขณะนี้ กรงเล็บทั้งคู่ของมังกรถึงร่วงลงมา และคว้าได้แต่ความว่างเปล่า
……
ผ่านไปไม่นาน พลันมีเสียงดัง “ตู๊ม!” ภายนอกยอดเขาสีดำ
ภายใต้เศษหินดินทรายที่กระเด็นไปทั่ว รูขนาดใหญ่หลายจั้งก็ปรากฏขึ้นบนยอดเขา และมังกรสีฟ้ากับชายหนุ่มชุดคลุมสีเทาที่มีลวดลายสีม่วงปกคลุมเต็มตัวก็พุ่งออกมา
ซึ่งก็คือราชาปีศาจสมุทรกับร่างแปลงหลิ่วหมิงนั่นเอง
ทั้งสองต่อสู้กันตั้งแต่อยู่ในยอดเขา จนมาถึงป่าหินในก่อนหน้านั้นอีกครั้ง
พริบตาเดียว ทั้งสองก็ไล่ล่ากันออกไปหลายร้อยจั้ง และมาปรากฏตัวในบริเวณแท่นบูชาในก่อนหน้านั้น
บนพื้นหินในขณะนี้ เปลวเพลิงผู่ถัวสีเงินยังคงลุกไหม้คุโชนอยู่ และมีคลื่นแสงหมุนวนอยู่บนม่านแสงสีขาวหนาๆ บนอากาศเช่นเดิม
พอแสงสีฟ้ากลุ่มหนึ่งกระพริบผ่านไป ร่างมังกรสีฟ้าก็ปรากฏตัวด้านล่างม่านแสง
ตอนที่อยู่ในถ้ำ ทั้งสองแลกมือกันเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ หลังจากนั้นร่างมังกรก็ถูก ‘หลิ่วหมิง’ โจมตีจนมีบาดแผลเต็มตัว แม้แต่เกล็ดบนตัวก็ถูกกรงเล็บอันแหลมคมขูดออกไปไม่น้อย
พอราชาปีศาจสมุทรเห็นท่าทีไม่ดี ก็ได้แต่ล่าถอย และหลังจากพยายามพาเจียหลานไปหลายครั้งแต่ไม่สำเร็จ เขาจึงตัดสินใจทะลายภูเขาหนีออกมา
ร่างแปลงหลิ่วหมิงก็ตามออกมาอย่างไม่ลังเล
ขณะนี้ราชาปีศาจสมุทรได้รับบาดแผลเต็มตัว หลังจากเข้าสู่ระดับแก่นแท้ นี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกจนมุมถึงขั้นนี้
พอเขาสูดหายใจลึกๆ เข้าไปหนึ่งที เงาร่างด้านหลังก็ตามมาถึง จากนั้นแขนที่ถูกปกคลุมไปด้วยลวดลายสีม่วงก็ยื่นออกมา และขยายใหญ่เท่าตัวก่อนแทงไปยังจุดตายของราชาปีศาจสมุทร
แขนของเขาเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ราวกับว่ามันติดอยู่ในนั้นตั้งแต่แรก และค่อยดึงออกมาในภายหลัง!
ราชาปีศาจสมุทรตกใจจนหน้าถอดสี เขาไม่สามารถทำการหลบเลี่ยงใดๆ ได้เลย จึงได้แต่พยายามขยับตัวอย่างรวดเร็ว
“ตุ๊บ!”
‘หลิ่วหมิง’ คว้าหางมังกรไว้ได้ จากนั้นมือทั้งสองก็จับมันไว้แน่น และหมุนวนอย่างบ้าคลั่ง!
มังกรสีฟ้าไม่ทันได้ระวัง จึงถูกจับหมุนจนกลายเป็นเงา และเร็วขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้อากาศบริเวณนั้นมีเสียงดังออกมา
ราชาปีศาจสมุทรรู้สึกว่าอากาศรอบด้านพร่ามัวไปหมด และโลกก็หมุนจนไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้
“ฟิ้ว!”
พอ ‘หลิ่วหมิง’ ปล่อยมือทั้งสอง ร่างมังกรก็พุ่งยิงพุ่งออกไปกลางอากาศ
เกิดเสียงดังสะเทือนเลือนลั่น!
มังกรสีฟ้ากระแทกใส่ม่านแสงตรงจุดตัดมิติพอดี ทำให้ม่านแสงสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง และต่อมาก็ตกลงพื้นอย่างรุนแรง ดวงตาทั้งคู่ปิดสนิท ไม่มีการขยับเขยื้อนเลยแม้แต่น้อย
ขณะนี้ ‘หลิ่วหมิง’ ยกแขนข้างหนึ่งขึ้นมา ทันใดนั้น นิ้วทั้งห้าก็ขยายใหญ่ขึ้นหนึ่งเท่าตัว แสงสีม่วงขนาดยาวหลายชุ่นพุ่งออกจากปลายเล็บ และมาปรากฏอยู่บริเวณร่างมังกรสีฟ้าที่อ่อนปวกเปียก เขาคว้าลงไปอย่างรวดเร็วราวสายฟ้าแลบ เพื่อจะควักหัวใจออกมา
แต่ขณะนั้นเอง มังกรกลับลืมตาในฉับพลัน มันอ้าปากพ่นอักขระสีทองไม่ทราบชื่อออกมาตัวหนึ่ง และโจมตีลงบนท้องหลิ่วหมิงโดยไม่คาดคิด
อักขระเปล่งประกาย และระเบิดออกมาเป็นกลุ่มแสงสีทอง
ร่างหลิ่วหมิงสั่นสะท้าน และกระเด็นออกไป
จากนั้นราชาปีศาจสมุทรก็อ้าปากอย่างไม่ลังเล และพ่นอักขระสีเหลืองออกมาอีกตัว จากนั้นมันก็หมุนตัวติ้วๆ อยู่กลางอากาศ จนกลายเป็นสายฟ้าสีเงินที่มีขนาดเท่าปากถ้วย
ครู่ต่อมามีเสียงฟ้าผ่าดังขึ้น!
สายฟ้าสีเงินผ่าลงบนจุดตัดที่อยู่ด้านหลังของเขา และเปล่งประกายอยู่ม่านแสงสีขาวอย่างบ้าคลั่ง จนม่านแสงถูกเจาะเป็นรูขนาดใหญ่
มังกรสีฟ้าพร่ามัวกลายเป็นสายรุ้งสีฟ้า และมุดเข้าไปในนั้น
ขณะนี้ร่างแปลงหลิ่วหมิงที่อยู่กลางอากาศ เพิ่งจะตั้งหลักได้ และพอแสงสีม่วงบนตัวเปล่งประกาย เขาก็คิดจะพุ่งเข้าไปในจุดตัดมิติ
แต่ขณะนั้นเอง ม่านแสงก็สั่นสะเทือนขึ้นมา และรูขนาดใหญ่ก็ผสานเข้าหากันดังเดิม
‘หลิ่วหมิง’ รู้สึกตกตะลึง และโมโหอย่างสุดขีด ขณะที่เขาจะลงมือโจมตีม่านแสงนั้น พลันมีเสียงฟ้าร้องดังขึ้นข้างหู จนทำให้สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปในทันที พริบตาเดียวเขาก็หมดสติและตกลงจากอากาศ
ขณะที่ตกลงมานั้น ร่างของเขาก็หดลงไปหนึ่งเท่าตัว ลวดลายสีม่วงที่ปกคลุมอยู่บนตัวหายไปในพริบตา เล็บแหลมคมทั้งสิบก็หายไปพร้อมกัน จากนั้นร่างของเขาก็กลับมาเป็นปกติ
“โครม!”
ร่างหลิ่วหมิงตกลงพื้นอย่างรุนแรงจนเกิดเป็นหลุมขนาดใหญ่ จากนั้นก็ไม่มีการขยับเขยื้อนใดๆ อีก
……
ภายในถ้ำขนาดใหญ่บนยอดเขาสีดำ
ซินหยวนกำลังจ้องมองด้านบนแท่นบูชาด้วยสีหน้าเหลือเชื่อกับทุกสิ่งที่เกิดขึ้น
เจียหลานที่นอนอยู่ข้างเขาในขณะนี้ ยังคงสลบไสลไม่ได้สติ แต่นิ้วนางของนางกลับค่อยๆ ขยับอย่างไม่ตั้งใจ
แมงป่องกระดูกกับหัวบินที่ถูกหัวปีศาจยักษ์กดดันในก่อนหน้านั้น และต่อมาก็เกรงกลัวอานุภาพอันแข็งแกร่งของหลิ่วหมิงจนไม่กล้ากระดิกตัว ก็กลับมาเป็นอิสระอีกครั้งหลังจากหลิ่วหมิงจากไป จากนั้นพวกมันก็ค่อยๆ พุ่งไปบนอากาศเหนือแท่นบูชา
ผมยาวเต็มศีรษะของหัวบินพุ่งยิงออกไปทันที และจมเข้าไปในปาก จมูก และหูของหัวปีศาจยักษ์ จากนั้นก็ดึงผลึกสีม่วงขนาดเท่าเม็ดถั่วออกมาสิบกว่าก้อน และใส่เข้าไปในปากด้วยความดีใจ หลังจากขยับปากเคี้ยวด้วยเสียงอันดังแล้ว ก็กลืนมันลงไปทั้งหมด
จากนั้นก็กระโจนไปบนหัวปีศาจยักษ์ และอ้าปากดูดเลือดที่เหลืออยู่
ทางด้านแมงป่องกระดูก ก็ใช้ก้ามยักษ์ทั้งคู่ฉีกทึ้งหัวปีศาจยักษ์จนเผยให้เห็นกระดูกแวววาวที่อยู่ด้านใน และกัดลงไปอย่างไม่เกรงใจ!
พอกระดูกปีศาจยักษ์ที่ดูแข็งแกร่งอย่างหาที่เปรียบมิได้ ถูกพิษสีม่วงของแมงป่องกระดูกกัดกร่อน มันก็อ่อนตัวขึ้นมา และถูกแมงป่องกระดูกกลืนลงท้องไปอย่างรวดเร็ว
แต่นอนว่าที่เป็นเช่นนี้ สาเหตุหลักเป็นเพราะว่าไอปีศาจบนหัวปีศาจยักษ์ ถูกเงาฟองอากาศดูดไปจนหมดสิ้น มันจึงเหลือเพียงแค่เปลือกที่ว่างเปล่าเท่านั้น
หากเป็นเมื่อก่อน ต่อให้ปีศาจทั้งสองจะแข็งแกร่งแค่ไหน ก็ไม่อาจทำลายหัวปีศาจยักษ์ได้
ซินหยวนจ้องมองการกระทำของหัวบินกับแมงป่องกระดูกด้วยความตกตะลึงจนปากอ้าตาค้าง
……
หลิ่วหมิงจ้องมองไอหมอกสีเทาที่แผ่คลุมอยู่กลางอากาศ และป้ายหินสีขาวดำที่สูงสองจั้งตรงหน้าแล้ว ก็ต้องเผยรอยยิ้มอันขมขื่นออกมาอย่างช่วยไม่ได้
ขณะนี้ เขาเข้ามาในห้องว่างเปล่าลึกลับอีกครั้ง
…………………………………