ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ - ตอนที่ 446 สังหารราชาอสูร
นึกว่าจะช้าไปแต่กลับรวดเร็วกว่าที่คิด แสงโลหิตบนตัวราชาอสูรเปล่งประกายอยู่หลายครั้ง หมอกโลหิตที่ตลบอบอวลพวยพุ่งอย่างรุนแรง ไม่นานก็กลายเป็นดาบแสงโลหิตพุ่งออกมาจำนวนมากอีกครั้ง ดูราวกับเป็นระลอกคลื่นโลหิต มันปกคลุมฟางเหยาและคนอีกสองคนไว้ในนั้น
หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ก็ตื่นตระหนกตกใจจนทำอะไรไม่ถูก เขาพยายามหลบอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกันก็หยิบยันต์จิตวิญญาณออกมาคุ้มกันตัวไว้
แสงโลหิตจำนวนมากกระพริบผ่านไป ขณะที่เผยให้เห็นสามคนที่อยู่ข้างในนั้น ร่างของพวกเขาต่างก็เปียกโชกไปด้วยโลหิต นอกจากผู้อาวุโสชุดดำที่ได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยแล้ว ร่างของฟางเหยากับหญิงหยาดเยิ้มก็โงนเงนจะล้มมิล้มแหล่ กลิ่นไอดูอ่อนแอเป็นอย่างมาก
ราชาอสูรตั๊กแตนโลหิตแผดเสียงร้องแหลมออกมา หมอกโลหิตบริเวณใกล้ๆ พวยพุ่งรวมตัวขึ้นอีกครั้ง จากนั้นก็พุ่งไปยังคนทั้งสาม
สีหน้าของผู้อาวุโสเปลี่ยนไปทันที พอสะบัดแขนเสื้อ ยันต์สีทองอร่ามก็พุ่งออกมา พริบตาเดียวก็กลายเป็นแสงสีทองห่อหุ้มคนทั้งสามไว้ในนั้น และกลายเป็นกลุ่มแสงสีทองพุ่งหนีไป มันเคลื่อนไหวแค่ไม่กี่ที ก็ทะลุไอหมอกโลหิตมาทางหลิ่วหมิงทั้งสอง
“สหายทั้งสอง รีบไป! ตอนนี้ไม่สามารถต่อสู้กับอสูรตนนี้ได้”
กลุ่มแสงสีทองกระพริบผ่านศีรษะของหลิ่วหมิงไปในพริบตา น้ำเสียงของฟางเหยาที่ดูโมโหเพราะความพ่ายแพ้ดังออกมาจากในนั้น
และขณะนี้ ราชาอสูรตั๊กแตนโลหิตระดับของเหลวขั้นปลาย ก็กระโจนตามมาพร้อมกับไอหมอกที่พวยพุ่ง
หลิ่วหมิงทำเสียงฮึดฮัด และถือโอกาสเปลี่ยนกระบี่ให้กลายเป็นสายฟ้าสีเงิน และฟันอสูรตั๊กแตนโลหิตสองตัวที่อยู่ด้านหลังจนกลายเป็นสองส่วน จากนั้นก็สะบัดข้อมือในทันที เงากระบี่จำนวนมากพุ่งออกมา หลังจากรวมตัวกันแล้ว มันก็กลายเป็นเงากระบี่ยักษ์ที่ยาวห้าถึงหกจั้ง และกระพริบออกไปรับมือกับหมอกโลหิต
“ฟิ้ว!”
พอราชาอสูรตั๊กแตนโลหิตที่ดูดุดันเป็นอย่างมาก ถูกกระบี่ยักษ์สีเงินฟันเข้าใส่ ไอหมอกหนาๆ ที่ต้านทานอยู่ตรงหน้าของมันก็สลายไปหมดสิ้น เกิดบาดแผลลึกบริเวณไหล่ของมัน จนเห็นกระดูกสีขาวอยู่รำไร
แต่พอราชาอสูรตั๊กแตนโลหิตคำรามด้วยความโมโห ไอหมอกที่สลายไปก็พวยพุ่งไปยังไหล่ของมัน มันสร้างโลหิตและเนื้อเยื่อขึ้นมาใหม่อย่างรวดเร็ว ทำให้บาดแผลของมันสมานเข้าหากัน
แต่ขณะนั้นเอง พลันมีเงากระบองสีดำหวดเข้ามาจากด้านข้างอย่างไร้สุ้มเสียง
ราชาอสูรตั๊กแตนโลหิตถูกพลังมหาศาลโจมตีจนกระเด็นออกไปด้านข้าง และส่งเสียงร้องออกมาอย่างแปลกประหลาด ทั้งหมดนี้เกิดจากการที่ซินหยวนหวดกระบองเข้ามาโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง
ในขณะเดียวกัน หลิ่วหมิงใช้มือข้างหนึ่งคีบกระบี่ไว้ และชี้นิ้วไปยังเงากระบี่ยักษ์กลางอากาศ
เกิดเสียงดังกังวาน!
เงากระบี่สลายไปทันที กระบี่เล็กสีเงินกลายเป็นสายรุ้งแวววาวม้วนตัวเข้าหาราชาอสูรตั๊กแตนโลหิต พริบตาเดียว ร่างของมันก็มีรูเลือดขนาดใหญ่หนึ่งรู โลหิตจำนวนมากไหลทะลักออกมา
ราชาอสูรที่เดิมทีจะล้มมิล้มแหล่ ไม่สามารถยืนได้อย่างมั่นคงอีก ทันใดนั้นมันก็ล้มลงไปพร้อมกับเสียงร้องอย่างน่าเวทนา
พอฟางเหยาและคนอื่นๆ ที่เดิมทีคิดจะหนีลอยนวลไปได้เห็นถึงฉากเช่นนี้ ก็รู้สึกตกตะลึงจนปากอ้าตาค้าง
ขณะนั้นเอง ซินหยวนได้สะบัดกระบองเหล็กในมือทุบตีอสูรตั๊กแตนโลหิตที่นอนอยู่บนพื้นอย่างบ้าคลั่ง เห็นได้ชัดว่าเขาคิดจะทุบมันให้เละเป็นโจ๊ก
แต่ขณะนั้นเอง ราชาอสูรตั๊กแตนโลหิตก็สะบัดหัวไปมา และอ้าปากพ่นหมอกดำเข้มข้นที่ดูคล้ายของเหลวออกมาอย่างบ้าคลั่ง หมอกดำขยายใหญ่หนึ่งหมู่กว่าๆ และคุ้มกันร่างของมันไว้ทั้งหมด ขณะเดียวกัน เกล็ดบนตัวก็ลุกชันขึ้นมา ไหมโลหิตจำนวนมากพุ่งออกมาจากในนั้น พริบตาเดียวก็รวมตัวเข้ากับหมอกดำ คิดไม่ถึงว่าจะทำให้มันแข็งแกร่งขึ้นมาเป็นอย่างมาก ราวกับว่าสิ่งนี้เป็นเปลือกแข็งๆ ของมัน
พอเงากระบองสีดำจำนวนมากโจมตีลงบนตัวราชาอสูร มันก็ส่งดัง “เต๊งๆ!” และดีดตัวกลับมา
ภายใต้แรงสะท้อนกลับ ทำให้ซินหยวนต้องร่นถอยออกไปไปสองก้าวโดยไม่ทันได้ตั้งตัว และอุทานออกมาเบา “เอ๊ะ!”
หลิ่วหมิงกระตุ้นพลังเวทด้วยแววตาเยือกเย็น กระบี่เล็กสีเงินที่เพิ่งเจาะทะลุไป ได้หมุนตัวกลับมา จากนั้นก็กลายเป็นสายรุ้งสีเงินฟันลงไปอีกครั้ง
“ฟิ้ว!”
วิชาขี่กระบี่ร้ายกาจอย่างหาที่เปรียบไม่ได้!
พอแสงสีเงินกระพริบผ่านไป เปลือกแข็งๆ ก็ถูกสายรุ้งสีเงินฟันจนกลายเป็นรู แต่ครู่ต่อมา กลับมีของเหลวสีดำราวดับหมึกพุ่งออกจากด้านใน
พอสายรุ้งสีเงินสัมผัสกับมัน ก็มีเสียงดังหวึ่งและดับแสงลง จากนั้นก็กลายเป็นกระบี่เล็กสีเงินก่อนที่จะร่วงลงไป
ขณะนี้ กระบี่บินเล่มนั้นไร้ซึ่งแสงใดๆ แล้ว ราวกับว่าได้รับความเสียหายเป็นอย่างมาก
หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ถึงได้รู้สึกตกใจขึ้นมาจริงๆ เขาคว้ามือข้างหนึ่งออกไปโดยไม่ต้องคิด ส่วนอีกข้างก็สะบัดแขนเสื้อออกไป
“ฟิ้ว!” กระบี่เล็กสีเงินถูกพลังไร้รูปบางอย่างดูดกลับมาในพริบตา นอกจากนี้ยังมีแสงสีขาวพุ่งยิงออกไป จากนั้นก็ไปปรากฏตัวบริเวณรูบนเปลือกแข็งที่ถูกเปิดออกในก่อนหน้านั้น และแทงลงไปอย่างโหดเหี้ยม
สิ่งนี้ก็คือแท่งวายุกระดูกที่หลิ่วหมิงสร้างขึ้นภายในถ้ำเหมืองแร่ในตอนนั้น
จากอานุภาพที่แท่งวายุกระดูกเคยสำแดงออกมา หากมันแทงลงบนตัวราชาอสูรตั๊กแตนโลหิตที่อยู่ด้านใน มันก็มีโอกาสเสียชีวิตเจ็ดถึงแปดในสิบส่วน
แต่ขณะนั้นเอง พลันมีของเหลวสีดำพุ่งออกจากรูบนเปลือกแข็งอีกครั้ง
พอแท่งวายุกระดูกสัมผัสกับมัน ก็สลายกลายเป็นควันสีเทาในทันที
หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ก็มีสีหน้าเปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก
ซินหยวนกลับสูดหายใจด้วยความสามารถรู้สึกเย็นสะท้าน
และในขณะนั้นเอง มีเสียงแตกหักดังมาจากเปลือกแข็งที่อยู่ไกลๆ จากนั้นมันก็แตกกระจายในทันที ของเหลวสีดำทะลักออกมาพอมันแยกตัวออก ราชาอสูรตั๊กแตนโลหิตก็ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง
ขณะนี้ บาดแผลบนตัวได้ฟื้นฟูกว่าครึ่งหนึ่งแล้ว ร่างของมันเล็กลงกว่าเดิมครึ่งหนึ่ง เกล็ดบนตัวหายไปอย่างไร้ร่องรอย และถูกแทนที่ด้วยลวดลายปีศาจสีดำจำนวนมาก
“สหายทั้งสองระวัง อสูรตัวนี้กลายพันธุ์โดยสมบูรณ์แล้ว” เสียงของผู้อาวุโสชุดดำดูเคร่งขรึมเป็นอย่างมาก
หลิ่วหมิงกวาดสายตามองดูอย่างรวดเร็ว ฟางเหยาและคนอีกสองคนหยุดอยู่ห่างออกไปร้อยกว่าจั้ง และปรากฏตัวออกมาอีกครั้ง ขณะเดียวกันก็ทานโอสถอย่างรวดเร็ว และมองมาทางด้านนี้ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
หลิ่วหมิงรู้สึกหมดคำพูดเล็กน้อย แต่พอใช้จิตกวาดดู ก็ค้นพบว่าหลังจากกลายพันธุ์แล้ว กลิ่นไอของราชาอสูรตั๊กแตนโลหิตแข็งแกร่งกว่าก่อนหน้านั้นมาก สิ่งนี้ทำให้เขารู้สึกใจสั่นสะท้าน ทันใดนั้นเขาก็ตะโกนบอกซินหยวนในฉันพลัน
”พี่ซิน ดูท่าวิธีการธรรมดาคงไม่อาจจัดการอสูรตนนี้ได้เร็วไว เจ้ากับข้าใช้วิธีการที่แท้จริงเถอะ มิเช่นนั้นพอไม่ทันได้ระวังมันอาจหนีไปได้ ซึ่งจะทำให้พวกเราเกิดปัญหาใหญ่ขึ้นมา”
“เฮ่อๆ! พี่หลิ่วไม่พูดข้าก็คิดเช่นนี้อยู่แล้ว” ซินหยวนได้ยินก็ตาเป็นประกาย เขาสะบัดกระบองเหล็กในมือโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง ทันใดนั้นปลายทั้งสองด้านของมันก็ยืดออกและงอตัวขึ้นมา จนกลายเป็นธนูยักษ์ที่มีสีดำราวกับหมึก
จากนั้นเขาก็คำรามออกมา พอง้างธนูออก ลูกธนูแสงสีทองเจิดจ้าก็ปรากฏอยู่บนธนู
“ฟิ้ว!”
แสงสีทองพุ่งยิงออกไป หลังจากที่มันสั่นสะท้านตามแรงลม ก็กลายเป็นลูกธนูสีทองจำนวนมาก มันปกคลุมราชาอสูรตั๊กแตนโลหิตตรงหน้าราวกับสายฝนกระหน่ำ
และในขณะเดียวกัน หลิ่วหมิงก็พลิกฝ่ามือข้างหนึ่งขึ้นมา แสงสีทองเป็นจุดๆ ปรากฏบนฝ่ามือ หลังจากโยนออกไป มันก็กลายเป็นทรายสีทองจำนวนมาก
สิ่งนี้ก็คือทรายทองคำร่วงที่เขาเพิ่งปรับแต่งขึ้นมาใหม่นั่นเอง
ขณะนี้ ราชาอสูรตั๊กแตนโลหิตตรงหน้าได้กระตุ้นของเหลวสีดำแล้ว และพัดพาคลื่นสีดำที่สูงสิบกว่าจั้งพุ่งเข้ามา
“ตู๊ม!”
พอลูกธนูสีทองปะทะกับคลื่นสีดำ มันก็ระเบิดออกมาเป็นกลุ่มแสงทรงกลดสีทอง ทำให้คลื่นยักษ์หยุดชะงักลง
ราชาอสูรตั๊กแตนโลหิตที่กำลังกระตุ้นของเหลวสีดำอยู่ด้านหลังคำรามเสียงออกมาในฉับพลัน ร่างของมันโงนเงนสองสามที
และในขณะนั้นเองก็มีเสียงดัง “ฟู่ๆ!”
หลังจากทรายสีทองพุ่งมาถึงด้านหน้าคลื่นสีดำ มันก็กลายเป็นลูกกลมๆ สีทองที่มีขนาดเท่าศีรษะ และหายวับเข้าไปในคลื่นสีดำ
ขณะที่มันโผล่ออกมาจากอีกด้านนั้น ก็ได้กลายเป็นหอกยาวสีทองอร่ามแล้ว จากนั้นก็พร่ามัวมาปรากฏอยู่เหนือหัวของราชาอสูรตั๊กแตนโลหิต และพุ่งลงมาด้วยความเร็วอันเหลือเชื่อ
ราชาอสูรตั๊กแตนโลหิตรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก คิดจะหลบหนีก็ไม่ทันเสียแล้ว
หลิ่วหมิงเปลี่ยนท่ามือในทันที
ปลายหอกสีทองเปล่งแสงสีทองเจิดจ้าออกมา จนทำให้อสูรสมุทรที่อยู่ด้านล่างสามารถลืมตาไม่ได้เลยแม้แต่น้อย
มีเสียงร้องดังออกมาอย่างน่าเวทนา!
หอกยาวสีทองจมเข้าไปในดวงตาของมัน และใช้พลังมหาศาลตรึงหัวมันไว้กับพื้นด้านล่าง
ราชาอสูรตั๊กแตนโลหิตได้รับบาดเจ็บถึงเพียงนี้ แต่กลับไม่ได้เสียชีวิตในทันที ร่างของมันพยายามดิ้นรนอย่างสุดชีวิต เพื่อที่จะดึงหัวออกจากหอกยาวให้ได้
แต่ขณะนั้นเอง หลิ่วหมิงก็ชี้นิ้วมาทางด้านนี้ และตะโกนออกมา “ระเบิด!”
ครู่ต่อมา หอกยาวสีทองที่ตรึงหัวราชาอสูรตั๊กแตนโลหิตอยู่ เปล่งประกายสองสามที จากนั้นก็ระเบิดออกมา เม็ดแวววาวจำนวนมากกระเด็นไปทั่วทิศท่ามกลางแสงสีทองอร่าม
ภายใต้การโจมตีอันน่าตกใจนี้ ทำให้หัวของราชาอสูรตั๊กแตนโลหิตแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ส่วนซากศพที่เหลือก็กระตุกสองสามครั้ง จากนั้นก็ไม่มีปฏิกิริยาใดๆ อีก
หลังจากราชาอสูรตั๊กแตนโลหิตตายไปแล้ว คลื่นยักษ์สีดำอันทรงพลังก็พังทลายลงมา และละลายเข้ากับน้ำทะเลบริเวณนี้จนหายไปอย่างไร้ร่องรอย
ขณะนี้ ซินหยวนถึงได้หัวเราะออกมา ธนูยักษ์ในมือพร่ามัวกลับมาเป็นกระบองยักษ์สีดำอีกครั้ง
แม้หลังจากราชาอสูรตั๊กแตนโลหิตกลายพันธุ์แล้ว จะสามารถควบคุมโลหิตได้อย่างน่าตกใจ ของเหลวที่พ่นออกมาในตอนท้ายก็ร้ายกาจเป็นอย่างมาก แต่ไหนเลยจะสามารถเทียบได้กับหลิ่วหมิงที่ใช้อาวุธจิตวิญญาณ และวิธีการต่างๆ โจมตีอย่างต่อเนื่อง
ครั้งนี้หลิ่วหมิงร่ายคาถาออกมา หลังจากคว้ามือไปกลางอากาศสองสามที ทรายทองคำที่กระจายอยู่ไกลๆ ก็กลายเป็นจุดแสงสีทองลอยกลับมาบนมือเขาอีกครั้ง
ฟางเหยาและคนอีกสองคนที่อยู่ไกลๆ เห็นเช่นนี้ ย่อมรู้สึกตกใจระคนดีใจเป็นอย่างมาก ทันใดนั้นพวกเขาก็พุ่งมาทางด้านนี้อย่างรวดเร็ว
พวกเขาทั้งสามได้ทานโอสถรักษาอาการบาดเจ็บไปแล้ว แต่สีหน้ายังคงซีดขาวเหมือนเดิม หากอยากฟื้นฟูพลังต้นกำเนิดล่ะก็ คงไม่สามารถทำได้ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ
“ครั้งนี้สามารถปราบราชาอสูรตั๊กแตนโลหิตกลายพันธุ์ได้ ทั้งหมดล้วนพึ่งพาสหายหลิ่วกับสหายซินแล้ว ท่านทั้งสองมีความสามารถเป็นอย่างมาก มากกว่าที่ข้าคาดเดาไว้เสียอีก” ฟางเหยาประสานมือคารวะจากที่ไกลๆ และกล่าวออกมาด้วยความเกรงใจมากกว่าปกติ
การแสดงพลังอันน่าตกใจของหลิ่วหมิงกับซินหยวน ทำให้ทั้งสามตื่นตระหนกตกใจมาก พวกเขาย่อมเกิดความหวาดกลัวขึ้นมา
“ไม่เป็นไร! ในเมื่อพวกข้าทั้งสองรับปากเข้าร่วมดำเนินการ ย่อมต้องออกแรงเล็กน้อย แต่คิดไม่ถึงว่าสหายฝานจะพลาดท่าถูกราชาอสูรตั๊กแตนโลหิตโจมตีจนเสียชีวิต ช่างน่าเสียดายยิ่งนัก!” หลิ่วหมิงกล่าวด้วยสีหน้าสงบ
…………………………………