ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ - ตอนที่ 503 ผลพวง
หลิ่วหมิงกับจั้งเสวียนสบตากันทีหนึ่ง จากนั้นก็เล่าเรื่องการสังหารราชาอัคคีจิตวิญญาณอย่างคร่าวๆ ส่วนเจียงจ้งก็พยักหน้าและกล่าวชมเชยอย่างอดไม่ได้
“เรื่องการทดสอบเบื้องต้นสิ้นสุดเพียงเท่านี้ ในบรรดาศิษย์ใหม่ พวกเจ้าโดดเด่นที่สุด คิดว่าพวกเจ้าทั้งสองก็คงรู้ดี อีกสองปีก็จะเป็นการประลองใหญ่ที่สิบปีมีครั้ง พลังของพวกเจ้าทั้งสองไม่ธรรมดา หากภายในสองปีนี้ตั้งใจฝึกฝนให้ดีๆ ก็ใช่ว่าจะไม่สามารถได้อันดับที่ดีในการประลองใหญ่ หากเข้าสิบอันดับแรกได้ ไม่เพียงแต่จะได้รับรางวัลจากนิกายมากมาย ทั้งยังมีโอกาสเตะตาผู้อาวุโสในนิกาย และรับพวกเจ้าเป็นศิษย์สายในได้” เจียงจ้งเผยรอยยิ้มออกมา ขณะเดียวกันก็กล่าวกำชับทั้งสองไปด้วย
หลิ่วหมิงทั้งสองย่อมพยักหน้าตอบรับ
“เอาล่ะ! พวกเจ้าไปพักผ่อนเถอะ!” เจียงจ้งพยักหน้าด้วยความพอใจ จากนั้นก็โบกมือไปทางทั้งสอง เพื่อบ่งบอกให้พวกเขาออกไปได้
หลังจากหลิ่วหมิงกับจั้งเสวียนกล่าวลาหัวหน้าสาขาแล้ว ก็หมุนตัวไปจากวิหารใหญ่ของสาขาห่านฟ้าทันที จากนั้นก็ทักทายปราศรัยกันตรงหน้าประตูสองสามประโยค และแยกย้ายกลับไปยังที่พักของตนเอง
ชั่วเวลาหนึ่งถ้วยชาผ่านไป หลิ่วหมิงก็กลับถึงถ้ำที่พัก
พอเหยียบเท้าเข้าไปในถ้ำ เขาก็เดินเข้าไปในห้องลับโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง จากนั้นก็ตบถุงหล่อเลี้ยงวิญญาณ ทันใดนั้น แสงสีม่วงก็ม้วนตัวออกมาพร้อมกับเสียงแผดร้อง พริบตาเดียว ก็กลายเป็นแมงป่องเงินขนาดเท่าฝ่ามือที่มีหมอกสีดำปกคลุมอยู่
หลิ่วหมิงใช้จิตเชื่อมโยงเล็กน้อย และสั่งให้แมงป่องกระดูกปล่อยกลิ่นไอออกมาทั้งหมด
เปลวไฟสีเขียวเป็นประกายในแววตาของแมงป่องกระดูก ไอหมอกดำพวยพุ่งอยู่บนผิว ทันใดนั้น กลิ่นไออันแข็งแกร่งก็ถาโถมเข้ามา ทำให้ปราณพลังฟ้าดินในห้องลับสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ก็รู้สึกดีใจมาก
ดูจากกลิ่นไอบนตัวแมงป่องกระดูก ดูเหมือนมันจะมีพลังระดับของเหลวขั้นปลายแล้ว
แมงป่องกระดูกก็ดูเหมือนอยากจะโอ้อวดนายของมันสักรอบ ทันใดนั้น มันก็เปล่งแสงสีเงินออกมา และขยายใหญ่สิบกว่าจั้ง จนเกือบจะดันห้องลับจนพัง พอแสงสีเงินเปล่งประกายอีกครั้ง มันก็ลดขนาดเหลือไม่กี่ชุ่น และกระโดดขึ้นบนไหล่ของหลิ่วหมิง ทั้งยังใช้ก้ามยักษ์ทั้งสองลูบคออย่างสนิทสนม สุดท้ายก็พุ่งกลับไปที่เดิม และฟื้นคืนขนาดกลับมาเท่าเดิม
แต่พอยกก้ามยักษ์ทั้งคู่ขึ้น มันก็ขยายใหญ่หลายเท่า แสงสีเงินเป็นประกายอยู่บนพื้นผิว และยังดูเหมือนจะมีอักขระสีดำประทับอยู่จำนวนหนึ่ง และพอออกแรงสะบัดก็มีเสียงดัง “ตู๊ม!”
แสงสีดำกระพริบผ่านไป พื้นดินแข็งแกร่งภายในห้องลับมีรอยร้าวยาวๆ ปรากฏออกมา
หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ ก็เผยแววตาประหลาดใจออกมา และสั่งให้แมงป่องกระดูกอยู่นิ่งๆ ทันที พอเขาสะบัดแขนเสื้อ คมวายุสีเขียวสายหนึ่งก็พุ่งยิงออกไป หลังจากกระพริบผ่านไปแล้ว ก็ฟันลงบนหลังแมงป่องกระดูก
“เพล้ง!” คมวายุกระเด็นออกมา บนหลังแมงป่องกระดูกไม่มีรอยใดๆ เลยแม้แต่น้อย
หลิ่วหมิงรู้สึกดีใจมากกว่าเดิม ประจักษ์ชัดว่าหลังจากแมงป่องตรงหน้าเกิดการวิวัฒนาการแล้ว พลังของมันก็เพิ่มขึ้นเป็นทวี ความแข็งแกร่งของร่างกายก็เพิ่มขึ้นอย่างน้อยหนึ่งเท่าขึ้นไป
แมงป่องกระดูกส่งเสียงหัวเราะ และกระโดดขึ้นบนไหล่หลิ่วหมิงอีกครั้ง
“เจ้ามีความสามารถอะไรใหม่ๆ ก็แสดงออกมาให้หมดเถอะ!” หลิ่วหมิงลูบก้ามยักษ์ของแมงป่องเบาๆ และหัวเราะก่อนกล่าวออกมา
แมงป่องกระดูกในขณะนี้ ดูเหมือนจะมีสติปัญญาระดับเด็กอายุสิบสองขวบ สามารถเข้าใจคำพูดหลิ่วหมิงได้โดยตรง ไม่จำเป็นต้องเชื่อมจิตอีก มันรีบเอาก้ามยักษ์ทั้งสองชนกันสองสามที จากนั้นก็กระโดดมุดลงใต้ดิน
ครู่ต่อมา มีไอดำพวยพุ่งบนพื้นมุมหนึ่งของห้องลับ แมงป่องกระดูกปรากฏตัวอย่างไร้สุ้มเสียง และอ้าปากพ่นหมอกพิษสีดำขนาดเท่าลูกกำปั้นใส่ผนังบริเวณนั้น
ฉากที่ทำให้หลิ่วหมิงรู้สึกตกใจก็ได้บังเกิดขึ้น!
พอชั้นจำกัดบนผนังสัมผัสกับไฟแห่งหมอกพิษสีดำ มันก็สลายไปทันที และเกิดรูขนาดเท่ากำปั้นขึ้นหนึ่งรู ทั้งยังขยายใหญ่อย่างรวดเร็ว
หลิ่วหมิงขมวดคิ้วขึ้นมา ร่างของเขาพร่ามัวมาปรากฏบริเวณมุมห้อง และสังเกตดูผนังอย่างละเอียด
หมอกพิษสีดำค่อยๆ เคลื่อนไหวอยู่บริเวณขอบรูอย่างต่อเนื่อง บริเวณที่หมอกพิษสัมผัส เดิมทีเป็นผนังหินสีดำที่แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก แต่ขณะนี้กลับถูกกัดกร่อนจนกลายเป็นควันสีดำแล้วก็สลายไป
ผ่านไปซักพัก ในที่สุดหมอกพิษก็สลายไปจนหมด และผนังหินในห้องลับก็ปรากฏโพรงขนาดครึ่งจั้ง
“ทำได้ไม่เลว!” หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ ก็ชมแมงป่องกระดูกไปหนึ่งประโยค
หมอกพิษที่แมงป่องกระดูกพ่นออกมาแข็งแกร่งมาก เห็นได้ชัดว่าเมื่อก่อนไม่อาจเทียบได้
พอแมงป่องกระดูกที่หมอบอยู่บนพื้นได้ยินคำพูดของหลิ่วหมิง ก็เห็นได้ชัดว่ามันรู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก หางตะขอหัวมังกรตรงหลังแกว่งไปมาเบาๆ ทันใดนั้นกลุ่มแสงทรงกลดสีม่วงก็ประทุออกมา ทำให้มันมีลักษณะกึ่งโปร่งแสง
พอขยับหางตะขอ ก็มีเสียงดังออกมา “ฟิ้วๆ!”
หลิ่วหมิงรู้สึกเพียงแค่ว่ามีเงาจางๆ กระพริบอยู่บนพื้น จากนั้นรูขนาดเท่าเข็มแทงก็ปรากฏไปทั่วทุกแห่ง
ครั้งนี้เขารู้สึกตกใจจริงๆ แล้ว
ด้วยสายตาระดับเขา ยังไม่สามารถมองเห็นร่องรอยการโจมตีของหางตะขอได้อย่างชัดเจน ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะความรวดเร็วในการโจมตีของมัน อีกส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะหางตะขอเป็นผลึกแวววาว ทำให้แทบจะมองไม่เห็นการโจมตีของมัน
“เอาล่ะ! เข้ามาเถอะ!”
ขณะที่แมงป่องกระดูกจะสะบัดหางตะขอใส่ผนังอีกนั้น หลิ่วหมิงก็รีบโบกมือห้ามมันไว้
หลังจากหางตะขอกลายเป็นผลึกสีม่วงแล้ว ดูเหมือนอานุภาพมันจะแข็งแกร่งมาก หากแมงป่องกระดูกยังแสดงอานุภาพเช่นนี้ต่อไป เกรงว่าห้องลับของเขาคงจะเสี่ยงต่อการถูกทำลาย
แมงป่องกระดูกได้ยิน ก็เคลื่อนตัวมาอยู่บนไหล่ของหลิ่วหมิง และพูดตะกุกตะกักออกมา “นายท่าน”
“ข้าถามเจ้า หลังจากฟื้นขึ้นมาในครั้งนี้ นอกจากความสามารถเหล่านี้แล้ว ยังมีความเชี่ยวชาญอะไรใหม่ๆ หรือไม่?” หลิ่วหมิงฉุกคิดขึ้นมา และถามออกไป
แมงป่องกระดูกได้ยิน ก็ใช้น้ำเสียงอ่อนนุ่มของเด็กสาวตอบอย่างตะกุกตะกัก
ที่แท้ในขณะที่ต่อสู้กับหัวปีศาจยักษ์ในวันนั้น แมงป่องกระดูกก็กลืนกินซากศพจำนวนมากกับผลึกสีม่วงจำนวนหนึ่งที่อยู่ภายในร่างของมัน หลังจากหลับลึกและกลายพันธ์ุไปหนึ่งรอบ ไม่เพียงแต่สติปัญญาจะสูงขึ้นมามาก ทั้งยังได้พลังแปลกประหลาดส่วนหนึ่งของหัวปีศาจยักษ์มาด้วย
ยกตัวอย่างเช่น ในตอนที่อยู่ท่ามกลางหลุมใหญ่ภายในแดนอบอ้าว มันรับรู้พลังของโอสถสีเงินเม็ดนั้นได้อย่างลางๆ และนั่นก็เป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น
ส่วนความสามารถอื่นๆ นั้น แม้แมงป่องกระดูกจะรับรู้ได้ลางๆ ว่ายังมีอีกสองสามอย่าง แต่ก็ไม่รู้ว่าจะนำออกมาใช้อย่างไร และยังไม่รู้ผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม คงได้แต่รอทดลองทำดูในภายหลังแล้ว
“ใช่สิ! นาย……ท่าน ข้า……ดูเหมือนว่าจะยังได้รับ……ความจำส่วนหนึ่งของปีศาจยักษ์ เพียงแต่……มันปลีกย่อยมาก ข้าเพิ่งฟื้นขึ้นมา……ยังไม่สามารถปะติดปะต่อ…..เข้าด้วยกันได้” เสียงตะกุกตะกักของเด็กสาวดังขึ้นมา
ความจำปีศาจยักษ์!
หลิ่วหมิงรู้สึกตกตะลึงเล็กน้อย แม้เขาจะรู้เรื่องเกี่ยวกับปีศาจยักษ์และการกลายร่างเป็นปีศาจจากหลัวโหวมาบ้าง แต่เขาก็ยังรู้สึกแปลกใจอยู่ดี
“เจ้าเพิ่งจะฟื้นได้ไม่นาน ยังจำเป็นต้องพักผ่อนให้มากๆ ส่วนเรื่องเกี่ยวกับความจำปีศาจยักษ์ หากเจ้านึกอะไรขึ้นมาได้ก็บอกข้าแล้วกัน”
“ได้……นาย……ท่าน” แมงป่องกระดูกตอบด้วยน้ำเสียงพร่ามัว
หลิ่วหมิงพยักหน้า พอตบเอว ร่างแมงป่องกระดูกก็พร่ามัวกลายเป็นไอหมอกดำ และมุดเข้าไปในถุงหล่อเลี้ยงวิญญาณราวกับพายุ
หลังจากแมงป่องกระดูกกลายพันธุ์อีกครั้ง พลังของมันก็เพิ่มขึ้นเป็นทวี และมีความต้องการปราณหยินมากขึ้นด้วย ขณะนี้ถุงหล่อเลี้ยงวิญญาณไม่ค่อยเหมาะสมกับมันแล้ว จำเป็นต้องเพิ่มระดับที่สูงขึ้นถึงจะได้
หลิ่วหมิงใช้จิตกวาดดูหัวบินที่อยู่ในถุงหนังอีกใบ ก็ค้นพบว่าหัวปีศาจตนนี้ยังคงหลับสนิทอยู่
หลังจากเขาลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้ว ก็หยิบกล่องหยกที่บรรจุโอสถสีเงินเม็ดนั้นออกมาจากหอยสังข์ย่อส่วนที่อยู่บริเวณเอว หลังจากดึงยันต์ออกเบาแล้วๆ เขาก็เปิดฝามันออกมา
แสงสามสีเปล่งประกายขึ้นมาในทันที โอสถสีเงินที่ถูกเปลวไฟสามสีห่อหุ้มอยู่ ก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าหลิ่วหมิงอีกครั้ง
ในแดนอบอ้าวในวันนั้น เขาได้แต่ปราดตามองแบบผ่านๆ จากนั้นก็เก็บมันเข้าไป ตอนนี้กลับมาถึงห้องลับแล้ว ย่อมต้องศึกษาอย่างละเอียดอีกรอบ
แต่จะเห็นว่าโอสถสีเงินค่อยๆ หมุนวนอยู่ท่ามกลางเปลวไฟสามสีอย่างต่อเนื่อง ลวดลายสีทองสามเส้นบนพิ้นผิวก็เลื้อยขยุกขยิกราวกับมีชีวิต
หลิ่วหมิงยื่นนิ้วสองนิ้วแตะเปลวไฟเบาๆ ทันใดนั้น ความรู้สึกอบอุ่นอ่อนนุ่มก็แผ่เข้ามา พอออกแรงคีบมันขึ้นมา ก็มีพลังบางอย่างแผ่ออกจากในนั้น
หลิ่วหมิงขมวดคิ้วเล็กน้อย และออกแรงนิ้วที่คีบอีกเล็กน้อย ดูเหมือนว่าแรงต่อต้านที่ส่งออกจากเปลวไฟจะเพิ่มขึ้นเช่นกัน หลังจากลองดูแล้ว ก็ยังไม่สามารถทำอะไรมันได้ ช่างแปลกประหลาดยิ่งนัก
ดวงตาของเขาเป็นประกายเยือกเย็น และปล่อยพลังจิตอันแข็งแกร่งออกไป แต่กลับถูกเปลวไฟสามสีขัดขวางไว้ ไม่อาจเข้าไปในนั้นได้เลยแม้แต่น้อย
หลังจากหลิ่วหมิงคิดใคร่ครวญสองสามรอบแล้ว ก็ส่ายหน้าและเก็บมันใส่กล่องอย่างระมัดระวังโดยไม่กล้าทดสอบมันอีก จากนั้นก็นำยันต์มาแปะไว้ และใส่ลงไปในหอยสังข์ย่อส่วน
เปลวไฟสามสีแปลกประหลาดเช่นนี้ ดูท่าโอสถสีเงินที่อยู่ในนั้นจะต้องไม่ธรรมดา และมีความเป็นไปได้มากว่า จะมีความเกี่ยวข้องกับเตาหลอมยักษ์สีแดงใบนั้น รอวันหลังไปหาคัมภีร์โอสถอ่านดูผลลัพธ์ของโอสถนี้ให้ชัดเจนก่อน แล้วค่อยวางแผนกันต่อไป
หลังจากหลิ่วหมิงคิดไตร่ตรองไปรอบหนึ่ง เขาก็หยิบยันต์เก็บของออกมาจากเอว พอปล่อยพลังเข้าไปแล้ว ก็โยนออกไปด้านหน้า จากนั้นวัสดุจำนวนมากก็กองอยู่บนพื้นท่ามกลางแสงที่เปล่งประกาย
สิ่งของเหล่านี้ก็คือ สิ่งที่เขาเก็บเกี่ยวมาได้จากการทดสอบในแดนอบอ้าว
นอกจากผลึกพลังเวทแปดเม็ดของราชาอัคคีจิตวิญญาณแล้ว ยังมีแก่นบริสุทธิ์อัคคีจิตวิญญาณยี่สิบกว่าเม็ด หลินจือทองคำสามต้น หินจื่อหยางหนึ่งก้อน ไม้ตะวันยักษ์สองท่อน และวัสดุของอสูรเพลิงต่างๆ เป็นจำนวนมาก
หลังจากนับดูคร่าวๆ หลิ่วหมิงก็รู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก วัสดุต่างๆ ตรงหน้าคงแลกหินจิตวิญญาณได้สามแสนกว่าๆ
และนี่ยังไม่รวมแต้มคุณูปการที่หอคุมกฎกับสาขาห่านฟ้าจะมอบให้
“นิกายยอดบริสุทธิ์สมกับเป็นหนึ่งในสี่นิกายใหญ่แห่งแผ่นดินจงเทียนจริงๆ แค่การทดสอบศิษย์ใหม่เบื้องต้น ก็เก็บเกี่ยวได้มากถึงเพียงนี้”
หลิ่วหมิงพูดพึมพำออกมา จากนั้นก็เก็บวัสดุทั้งหมดเข้าไป เขากะจะหาโอกาสที่เหมาะสม นำสิ่งที่ไม่ได้ใช้ไปแลกหินจิตวิญญาณที่ตลาด จากนั้นค่อยเปลี่ยนถุงหล่อเลี้ยงวิญญาณที่มีคุณสมบัติดีหน่อยให้แมงป่องกระดูกกับหัวบิน และซื้อกระบี่ที่เหมาะสมมาสักเล่ม
กระบี่บินธาตุน้ำเล่มนั้น โดนทำลายไปในตอนที่ต่อสู้กับราชาอัคคีจิตวิญญาณอย่างดุเดือดแล้ว หากเขาไม่สามารถใช้วิชากระบี่ได้ล่ะก็ มันมีผลกระทบกับพลังของเขามาก
หลิ่วหมิงคิดไตร่ตรองเช่นนี้อยู่ในใจ และนั่งขัดสมาธิลงในห้องลับ เพื่อเข้าฌานอย่างเงียบๆ
…………………………………