ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ - ตอนที่ 522 ขายโอสถ
พอหลิ่วหมิงกวักมือ โอสถก็ค่อยๆ ตกลงในมือของเขาอย่างมั่นคง
เมื่อกวาดสายตาดู ก็ค้นพบว่าโอสถสองเม็ดนี้ไม่มีลายโอสถเลย จากประสบการณ์ปรุงโอสถผลึกเย็นที่ผ่านมาแล้ว มันคงจะมีความบริสุทธิ์ห้าถึงหกส่วน
ความเสียใจเล็กน้อยเกิดขึ้นในสายตาของหลิ่วหมิง เขาวางโอสถไว้ด้านข้างอย่างไม่ใส่ใจ พอโบกแขนเสื้อจัดการเศษโอสถในเตาหลอมจนสะอาดแล้ว ก็เริ่มปรุงโอสถรอบใหม่
หากมีผู้เชี่ยวชาญการปรุงโอสถเห็นเหตุการณ์เช่นนี้ จะต้องรู้สึกขุ่นเคืองเป็นอย่างมาก สิ่งนี้เป็นถึงโอสถผลึกเย็น ลำพังแค่ปรุงมันออกมาได้หนึ่งเม็ด ก็ทำให้พวกเขาดีใจมากแล้ว คิดไม่ถึงว่าหลิ่วหมิงจะรังเกียจที่มันมีคุณภาพไม่ดี
ยี่สิบกว่าวันผ่านไป หลิ่วหมิงใช้วัตถุดิบที่มีอยู่จนหมด สุดท้ายก็ปรุงโอสถผลึกเย็นได้สิบกว่าเม็ด และโอสถจินหยวนสามเม็ด
เขาจ้องมองโอสถแวววาวที่มีแสงจิตวิญญาณเปล่งประกายตรงหน้าด้วยความดีใจ โอสถผลึกเย็นเม็ดหนึ่งมีลายโอสถสีเงินอยู่หนึ่งเส้น มันคือโอสถธรรมดานั่นเอง
สามารถปรุงโอสถธรรมดาออกมาได้ หมายความว่าฝีมือการปรุงโอสถของเขาเข้าสู่ระดับที่ผู้คนในแผ่นดินจงเทียนเรียกกันว่าปรมาจารย์ผู้เชี่ยวชาญการปรุงโอสถแล้ว
และเชื่อว่าผู้เชี่ยวชาญการปรุงโอสถจำนวนหนึ่งในนิกายยอดบริสุทธิ์ ก็ไม่สามารถปรุงโอสถสองชนิดออกมาได้โดยง่าย
พอหลิ่วหมิงนึกถึงจุดนี้ ก็รู้สึกภาคภูมิใจอย่างอดไม่ได้ ในมือถือโอสถชื่นชมอยู่ แต่ในใจกลับครุ่นคิดถึงประโยชน์ใช้สอยของโอสถเหล่านี้
โอสถผลึกเย็นสิบกว่าเม็ด หากทานลงไปทั้งหมดและกลั่นเอาพลังล่ะก็ พลังเวทของเขาจะเพิ่มพูนขึ้นมามาก จนกระทั่งฟื้นฟูสู่ระดับของเหลวขั้นปลายก็อาจเป็นไปได้
แต่หลังจากคิดไตร่ตรองดูแล้ว เขากลับระงับความคิดนี้ไว้ และตัดสินใจไม่ทานโอสถเหล่านี้ แต่กลับเตรียมนำพวกมันไปแลกหินจิตวิญญาณ จากนั้นค่อยซื้อวัตถุดิบจำนวนมากมาปรุงโอสถต่อ
หากเป็นเช่นนี้ล่ะก็ เพียงแค่ทำซ้ำไม่กี่ครั้ง โอสถเหล่านี้ก็จะแลกหินจิตวิญญาณมาให้เขาจำนวนมาก หลังจากนี้ต่อไปก็ไม่ต้องเป็นกังวลเรื่องการขาดแคลนหินจิตวิญญาณอีก
โอสถผลึกเย็นกับโอสถจินหยวนล้วนเป็นของหายากของผู้ฝึกฝนระดับของเหลว เพียงแค่นำมันออกมา ก็ไม่ต้องกังวลว่าจะหาคนซื้อไม่ได้
แน่นอน! นี่เป็นเพราะว่าเขามีฟองอากาศลึกลับที่ทำให้พลังเวทบริสุทธิ์ ไม่ต้องกังวลระดับความบริสุทธิ์ของโอสถ หรือกังวลว่าหากทานมากเกินไป สิ่งปะปนที่อยู่ในนั้นจะส่งผลกระทบต่อการฝึกฝน และการทะลวงคอขวดในภายหลังหรือไม่
หากเป็นผู้ฝึกฝนธรรมดา ต่อให้จะมีกำลังทรัพย์เช่นนี้ ก็ไม่อาจทานโอสถนี้ตามอำเภอใจได้
หลังจากหลิ่วหมิงตัดสินใจแล้วก็วางโอสถลงไป และนำยันต์เก็บของออกมาเก็บโอสถ
เวลาต่อมา เขาไม่ได้ออกจากถ้ำในทันที แต่กลับเริ่มทำความเข้าใจเคล็ดวิชามังกรพยัคฆ์ทมิฬขั้นที่สามอย่างละเอียด
เพราะโอสถอะไรพวกนี้เป็นแค่พลังเสริมจากภายนอกเท่านั้น ที่สำคัญที่สุดก็คือยังต้องฝึกฝนพลังของตัวเอง
หนึ่งเดือนต่อมา
ภายในทะเลจิตรับรู้ของหลิ่วหมิง คัมภีร์สีดำเปล่งประกาย และกลายเป็นกลุ่มแสงสีดำก่อนที่จะค่อยๆ สลายไป
เขานำจิตออกจากทะเลจิตรับรู้ ใบหน้าดูหงุดหงิดเป็นอย่างมาก คิ้วทั้งสองขมวดขึ้นมา
ครั้งนี้หลิ่วหมิงใช้เวลาหนึ่งเดือนกว่า ถึงเข้าใจเคล็ดวิชามังกรพยัคฆ์ทมิฬขั้นที่สามอย่างทะลุปรุโปร่ง
ตามที่บันทึกไว้ในคัมภีร์วิชามังกรพยัคฆ์ทมิฬขั้นที่สาม ฝึกฝนยากกว่าสองขั้นแรกมาก
ขั้นแรกต้องการแค่ปราณหยินทั่วไปก็ฝึกฝนสำเร็จแล้ว และขั้นที่สองก็ใช้พลังจากภายนอกจำนวนหนึ่งมาบ่มเพาะร่าง แต่ขั้นที่สามไม่เพียงแต่จะฝึกฝนช้า แต่พอฝึกฝนสู่ระดับกลาง จำต้องอาศัยลมแกร่งฟ้าดินในการล้างไขกระดูกและร่างกาย ถึงจะฝึกฝนถึงขั้นที่สมบูรณ์แบบได้
และถ้ำลมสวรรค์ที่ให้กำเนิดลมชนิดนี้ แม้จะมีผลดีต่อการบ่มเพาะและฝึกฝนวิชาธาตุลมเป็นอย่างมาก แต่มันไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นได้เองตามธรรมชาติ
ต่อให้นิกายยอดบริสุทธิ์จะมีอิทธิพลมากแค่ไหน ก็ได้แต่อาศัยชัยภูมิพิเศษบางแห่งในเขาหมื่นวิญญาณ สร้างขึ้นมาด้วยพลังอภินิหาริย์ได้แห่งเดียวเท่านั้น
แต่หากจะเข้าไปฝึกฝนในนั้น จะต้องใช้แต้มคุณูปการมากกว่าถ้ำห้าธาตุมาก และมีแค่ศิษย์สายในเท่านั้นที่มีคุณสมบัติใช้มัน
แม้พลังของลมแกร่งนี้จะบ่มเพาะร่างและล้างไขกระดูกได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ในลมก็มีพลังกัดกร่อนอย่างหนึ่ง ที่มีอันตรายต่อร่างกายของคนเป็นอย่างมาก พอกัดกร่อนนานเข้าก็จะมีภัยแฝงอยู่ไม่น้อย
ดังนั้นตามที่บันทึกไว้ในคัมภีร์เคล็ดวิชามังกรพยัคฆ์ทมิฬ ก่อนเข้าถ้ำลมสวรรค์ทุกครั้ง ยังต้องอาศัยเคล็ดวิชาลึกลับบางอย่างของผู้อาวุโสในนิกายคอยช่วยถึงจะลดภัยแฝงนี้ได้
พอหลิ่วหมิงอ่านถึงจุดนี้ ถึงเข้าใจในฉับพลัน
ด้วยเหตุนี้ ต่อให้คนนอกนิกายจะได้เคล็ดวิชามังกรพยัคฆ์ทมิฬไปฝึกฝน แต่หากไม่ใช่ศิษย์นิกายยอดบริสุทธิ์ ก็ไม่อาจฝึกฝนวิชานี้ไปถึงขั้นที่สูงได้
ไม่ใช่แค่วิชานี้เท่านั้น เกรงว่าเคล็ดวิชาระดับสูงของนิกายยอดบริสุทธิ์ ก็คงมีข้อจำกัดที่คล้ายกันในขณะฝึกฝน
และหากเขาจะฝึกฝนเคล็ดวิชามังกรพยัคฆ์ทมิฬขั้นที่สามจริงๆ ก็ต้องกลายเป็นศิษย์สายในให้ได้ก่อน ถ้าอย่างนั้นภารกิจเร่งด่วนในตอนนี้ก็คือ ยกระดับพลังของตัวเองก่อน แล้วเข้าร่วมประลองใหญ่รอบสุดท้ายของนิกายหรือไม่ก็ไปบุกเจดีย์ชวีหลิง
สำหรับสถานการณ์ของหลิ่วหมิงในตอนนี้ สามารถทานโอสถผลึกเย็นเพิ่มความเร็วในการฝึกฝนได้ ส่วนการยกระดับวิถีทางอื่นๆ จำต้องพิจารณาถึงการฝึกฝนเคล็ดวิชาสองสามอย่าง และปรับแต่งโล่เก้ากระโหลกให้กลายเป็นอาวุธเวท
เพียงแค่ปรับแต่งชั้นจำกัดที่สามสิบหกของโล่เก้ากะโหลกให้กลายเป็นรูปแบบอาวุธเวท พลังของเขาย่อมเพิ่มพูนขึ้นมาไม่น้อย
ตามที่บรรยายไว้ใน ‘คัมภีร์หลอมอัคคี’ เขาได้ทยอยเตรียมวัสดุที่จำเป็นในการปรับแต่งชั้นจำกัดสุดท้ายมาพอประมาณแล้ว ส่วนวัสดุที่เหลือ คิดว่าเพียงแค่ใช้หินจิตวิญญาณจำนวนหนึ่งซื้อจากตลาดในนิกายก็น่าจะได้แล้ว
ด้วยเหตุนี้ สองเรื่องนี้เป็นเรื่องที่จำเป็นต้องทำ และต้องใช้หินจิตวิญญาณจำนวนมากถึงจะทำสำเร็จได้
หลังจากหลิ่วหมิงคิดไตร่ตรองอย่างละเอียดไปหนึ่งรอบแล้ว ก็ลุกเดินออกจากถ้ำไปทันที
สองชั่วยามต่อมา เมฆดำก้อนหนึ่งก็ร่อนลงตรงปากทางเข้าตลาดในนิกาย จากนั้นชายหนุ่มชุดคลุมสีดำก็ปรากฏตัวออกมา ซึ่งก็คือหลิ่วหมิงนั่นเอง
แต่เขาใช้เคล็ดวิชาเปลี่ยนกระดูกเปลี่ยนรูปร่างหน้าตาอยู่ครู่หนึ่ง เสื้อผ้าบนตัวก็เปลี่ยนเป็นชุดนักพรตสีดำ
หลิ่วหมิงมองดูผู้คนที่เดินขวักไขว่ในตลาดด้วยความรู้สึกฮึกเหิมเล็กน้อย
แม้เขาจะเคยมาอยู่หลายครั้ง แต่ก่อนหน้านั้นล้วนมาซื้อของ ครั้งนี้มาขายของเป็นครั้งแรก ความรู้สึกจึงแตกต่างกัน
หลิ่วหมิงเดินมาถึงถนนทางด้านตะวันออกอย่างรวดเร็ว สำหรับสถานที่แห่งนี้แล้ว เขาค่อนข้างแปลกหน้าอยู่บ้าง ส่วนถนนทางทิศตะวันตกกับทิศใต้ เขาเคยไปมาแล้วหลายครั้ง คงจะมีคนจำนวนมากจำเขาได้ เพื่อป้องกันปัญหาที่ไม่อยากให้เกิดขึ้น เขาจึงเลือกเดินไปไกลหน่อย ไปร้านค้าที่ไม่เคยคบค้าสมาคมกันมาก่อน จะได้ปลอดภัยขึ้นเล็กน้อย
หลังจากเขาเดินวนไปหนึ่งรอบแล้ว ก็เดินเข้าไปในร้านค้าวัสดุธรรมดาหลังหนึ่ง
หญิงสาวชุดแดงอายุยี่สิบกว่าปีนั่งอยู่หลังตู้สินค้า รูปร่างอวบเล็กน้อย มีกระเล็กๆ บนใบหน้าสองสามจุด หน้าตาดูธรรมดา
“สหายผู้นี้ ต้องการซื้อสิ่งใดหรือ?”
ภายในร้านค่อนข้างเงียบเหงา ไม่มีแขกเข้าร้าน พอหญิงชุดแดงเห็นหลิ่วหมิงเดินเข้ามา ก็รีบลุกขึ้นมาพร้อมรอยยิ้ม
หลิ่วหมิงหันมองไปรอบๆ ทีหนึ่ง จากนั้นก็เดินไปหน้าตู้
“เถ้าแก่ผู้นี้ ที่นี่รับซื้อโอสถหรือไม่?” หลิ่วหมิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“โอสถ? ปกติร้านเราก็รับซื้ออยู่บ้าง ไม่ทราบสหายจะขายโอสถชนิดใด?” หญิงชุดแดงพยักหน้าด้วยตาที่เป็นประกาย
หลิ่วหมิงยิ้มเล็กน้อย และควักยันต์เก็บของออกจากเอวมาผืนหนึ่ง จากนั้นก็หยิบกล่องหยกรูปสี่เหลี่ยมออกมายื่นให้หญิงสาว
หญิงชุดแดงรับกล่องหยกและเปิดฝามันออกมา มีโอสถขาวใสราวกับหยกวางอยู่ด้านในสามเม็ด กลิ่นหอมเตะจมูกโชยออกมา
นางเห็นเช่นนี้ก็รู้สึกดีใจมาก ลำพังแค่กลิ่นหอมอันเข้มข้นของโอสถ ก็ยืนยันได้ว่าความบริสุทธิ์ของมันจะต้องไม่ด้อยอย่างแน่นอน
หลังจากดูอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว นางก็พลันนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ ดวงตาจึงเป็นประกายขึ้นมาทันที
“โอสถผลึกเย็น!” หญิงชุดแดงมองหลิ่วหมิงด้วยความประหลาดใจ น้ำเสียงดูตื่นเต้นเล็กน้อย
“เถ้าแก่สายตาเฉียบแหลมมาก เป็นโอสถนี้จริงๆ ไม่ทราบว่าที่นี่รับซื้อหรือไม่?” หลิ่วหมิงกล่าวอย่างราบเรียบ
แม้ว่าโอสถผลึกเย็นจะพบเจอได้น้อย แต่เนื่องจากวัตถุดิบหลักเป็นผลผลึกเขียว มีกลิ่นหอมสดชื่น และมีไอเผ็ดร้อนเล็กน้อย ผู้ที่คุ้นเคยกับโอสถ จึงมองมันออกได้ในทันทีที่เห็น
”โอสถผลึกเย็นช่วยเพลิ่มพลังเวทของผู้ฝึกฝนระดับของเหลวได้เป็นอย่างมาก ทั้งยังปรุงได้ยากยิ่งนัก เป็นโอสถเฉพาะที่หายาก ร้านเราย่อมรับซื้อแน่นอน” หญิงชุดแดงมองกล่องหยกอีกที และกล่าวด้วยแววตาร้อนแรงอย่างเปิดเผย
หลิ่วหมิงมองหญิงชุดแดงด้วยความแปลกใจ และรู้สึกกลัดกลุ้มเล็กน้อย
ปกติแล้ว เวลาที่ร้านค้าโดยทั่วไปรับซื้อของนั้น ถึงแม้ว่าจะสนใจสินค้า แต่ก็จะหาข้ออ้างลดคุณค่าสิ่งของให้ต่ำลง เพื่อตีราคาที่ต่ำกว่า แต่ว่าหญิงชุดแดงกลับบอกจุดเด่นของโอสถผลึกเย็นอย่างละเอียด ไม่รู้ว่ามีจุดประสงค์ใดกัน
สิ่งที่เขาไม่รู้ก็คือ ตอนนี้นางเป็นผู้ฝึกฝนระดับของเหลวขั้นกลาง และการฝึกฝนก็มาถึงคอขวดแล้ว จึงต้องการโอสถเพิ่มพูนพลังเวทเป็นการเร่งด่วน พอนางเห็นโอสถผลึกเขียว ย่อมกล่าวออกมาด้วยความดีใจ
นี่ก็เป็นเพราะนางมีอายุไม่มาก เล่ห์เหลี่ยมยังไม่แพรวพราว หากเป็นผู้ที่ผ่านโลกมาอย่างโชกโชนล่ะก็ จะไม่เป็นเช่นนี้อย่างแน่นอน
“ถ้าเป็นเช่นนี้ เถ้าแก่จะเสนอราคาเท่าใด หากเหมาะสมล่ะก็ ข้าจะขายเลย” หลิ่วหมิงใช้นิ้วแตะตู้เบาๆ และกล่าวออกมาราวกับไม่ค่อยใส่ใจมากนัก
หญิงชุดแดงได้ยินก็แสดงสีหน้าลังเล หลังจากพินิจพิเคราะห์อยู่ครู่หนึ่งแล้ว ถึงบอกราคาออกมา
“หนึ่งหมื่นห้าพันหินจิตวิญญาณ”
นางมองหลิ่วหมิงทีหนึ่งแล้วกล่าวเสริมขึ้นมา
“ราคานี้สูงมากแล้ว อย่างที่รู้ว่าโอสถระดับของเหลวนั้น โดยทั่วไปใช้ไม่กี่พันหินจิตวิญญาณ ก็ซื้อมาได้หนึ่งเม็ดแล้ว”
หลิ่วหมิงได้ยินราคานี้ก็เงียบไปครู่หนึ่ง
“เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน สหายมาร้านเราเป็นครั้งแรก โอสถสามเม็ดนี้คิดราคาหนึ่งหมื่นหกพันหินจิตวิญญาณก็แล้วกัน!” หญิงชุดแดงเห็นเช่นนี้ก็รู้สึกร้อนใจเล็กน้อย เพื่อให้ได้โอสถผลึกเย็นมา นางจึงกัดฟันเพิ่มไปอีกหนึ่งพันหินจิตวิญญาณ
พอได้ยินราคาในตอนหลัง หลิ่วหมิงถึงพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม
ราคานี้สูงกว่าที่เขาคาดการณ์ไว้ไม่น้อย
พอหญิงชุดแดงเห็นหลิ่วหมิงตกลงแล้ว นางก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมา จากนั้นก็หยิบถุงผ้าแล้วผลักออกไป และเก็บกล่องหยกไว้กับตัวด้วยความดีใจ
หลิ่วหมิงใช้จิตกวาดดูด้านในถุงผ้า หลังจากมั่นใจว่าจำนวนหินจิตวิญญาณด้านในถูกต้องแล้ว เขาก็พยักหน้าและเก็บมันอย่างไม่เกรงใจ
…………………………………