ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ - ตอนที่ 535 นายหน้า
ท่ามกลางข่าวการปรากฏตัวของโอสถผลึกเย็น ทำให้ในตลาดเกิดความวุ่นวายขึ้นมา คลื่นใต้น้ำแอบเคลื่อนไหวอยู่ไม่หยุด
แต่ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มอิทธิพลใดก็ตาม ในขณะที่ยังหาที่มาที่ชัดเจนของผู้เชี่ยวชาญการปรุงโอสถท่านนี้ไม่ได้ ต่างก็กำชับศิษย์ว่าอย่าได้ล่วงเกินผู้ที่จะมาขายโอสถโดยเด็ดขาด
ผู้ที่มีความสามารถล้วนมีนิสัยแปลกๆ หากทำให้ผู้เชี่ยวชาญการปรุงโอสถท่านนี้ไม่พอใจล่ะก็ อาจจะแย่จนถึงขีดสุดก็ได้
หอร้อยหลอมเป็นกลุ่มอิทธิพลของนิกายยอดบริสุทธิ์ ย่อมได้รับข่าวนี้อย่างรวดเร็วเช่นกัน
วันนี้ที่ชั้นสามของหอร้อยหลอม เถ้าแก่เย่ยืนอยู่ตรงหน้าหลิ่วหมิงด้วยสีหน้านอบน้อม และกำลังรายงานอะไรบางอย่างอยู่
“ท่านทูตหลิ่วรู้ไหมว่ามีเรื่องโอสถผลึกเย็นโผล่ในตลาดเป็นจำนวนมาก และยังมีผู้เชี่ยวชาญการปรุงโอสถท่านหนึ่งมาที่นี่ ทั้งยังปิดซ่อนที่อยู่ไว้…”
“อันนี้ไม่เคยได้ยินมาก่อน หลายวันนี้ข้ากักตัวฝึกฝนมาโดยตลอด ในตลาดเกิดเรื่องเช่นนี้ด้วยหรือ?” หลิ่วหมิงเลิกคิ้วกล่าวราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น สีหน้าดูสนใจเป็นอย่างมาก
“เรื่องนี้ถูกเล่าลือกันในตลาดอย่างโกลาหล ว่ากันว่าโอสถที่ปล่อยออกมามีหลายร้อยเม็ด ร้านค้าจำนวนมากต่างก็สืบที่มาของโอสถเหล่านี้อยู่” เห็นได้ชัดว่าเถ้าแก่เย่รู้สึกสนใจในเรื่องนี่มาก
“ตามที่ข้าทราบมา โอสถผลึกเย็นเป็นโอสถที่ปรุงได้ยากยิ่ง เหตุใดถึงปรากฏออกมาจำนวนมากเช่นนี้ได้ หรือว่าจะมีคนปรุงโอสถนี้ได้เป็นจำนวนมาก?” หลิ่วหมิงลูบคางแล้วกล่าวออกมา
“คนส่วนมากต่างก็คิดเช่นนี้ ดูท่าผู้เชี่ยวชาญการปรุงโอสถคงจะมาตลาดฉางหยางจริงๆ” เถ้าแก่เย่ยิ้มอย่างขมขื่นและกล่าวออกมา
“เถ้าแก่เย่ก็สนใจคนผู้นี้ด้วยหรือ?” หลิ่วหมิงจิบชาและกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“คนผู้นี้เชี่ยวชาญการปรุงโอสถหายาก หากดึงเข้านิกายได้ พวกเราก็นับว่าได้สร้างผลงานใหญ่ไปด้วย” เถ้าแก่เย่กล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง
“ดี! ถ้าอย่างนั้นเรื่องนี้มอบให้เถ้าแก่เย่เป็นคนจัดการก็แล้วกัน” หลิ่วหมิงกล่าวอย่างสงบ
“รับทราบ! ข้าน้อยจะตามหาผู้เชี่ยวชาญการปรุงโอสถผู้นั้นอย่างสุดความสามารถ” เถ้าแก่เย่ได้ยินเช่นนี้ ก็ตอบกลับด้วยสีหน้าดีใจ
หากเขาหาคนผู้นี้เจอจริงๆ ผลงานนี้จะต้องเป็นผลงานชิ้นใหญ่อย่างแน่นอน
จากนั้นผู้อาวุโสก็เปลี่ยนหัวข้อมาพูดถึงเรื่องอื่นๆ ในตลาด
ชั่วเวลาหนึ่งถ้วยชาต่อมา เถ้าแก่เย่ก็ลุกขึ้นและขอตัวลา
หลิ่วหมิงเองก็วางถ้วยกระเบื้องเคลือบลายครามลง มุมปากเผยรอยยิ้มอันขมขื่นออกมา
แม้ทั้งสองครั้งที่เขาออกไปขายโอสถ จะระมัดระวังตัวเป็นอย่างมาก แต่ในที่สุดก็หนีไม่พ้นสายตาของผู้ที่สนใจไปได้
ภายใต้สถานการณ์ที่กลุ่มอิทธิพลจำนวนมากตามหาเขาเช่นนี้ หากจะออกไปซื้อวัตถุดิบก็ดูจะเสี่ยงไปหน่อย
เรื่องโอสถจึงได้แต่รอให้ข่าวนี้จางไปก่อน
เวลาต่อมา หลิ่วหมิงกักตัวฝึกฝนทุกวัน และใช้โอสถผลึกเย็นอย่างฟุ่มเฟือยในทุกๆ สองสามวัน จากนั้นก็ค่อยกลั่นเอาพลังของมัน
ในขณะที่พลังเวทเพิ่มขึ้นอย่างมั่นคง เขาก็วางแผนตามหาโลหิตบริสุทธิ์ของตะพาบน้ำจิตวิญญาณ กับยกระดับต้นแบบอาวุธเวทของโล่เก้ากระโหลก เรื่องใหญ่ทั้งสองนี้ล้วนเกี่ยวพันถึงแผนการฝึกฝนในภายหน้า
ตะพาบน้ำจิตวิญญาณหมื่นปีที่ช่วยเสริมพลังชีวิตนี้ เป็นสิ่งที่หาได้ยากยิ่ง คงได้แต่อาศัยโชคแล้ว และวัสดุที่จำเป็นต้องใช้ในการปรับแต่งโล่เก้ากระโหลกขั้นสุดท้าย ส่วนมากหลิ่วหมิงหามาได้หมดแล้ว ตอนนี้ขาดแค่วัสดุเสริมสามอย่าง
น้ำหยินโสมม ผลึกปีศาจอีกา และผงวิญญาณบริสุทธิ์
วัสดุทั้งสามหาได้ยากนัก น้ำหยินโสมมกับผลึกปีศาจอีกาเป็นวัสดุธาตุหยินที่พบเจอได้น้อย และผงวิญญาณบริสุทธิ์ยิ่งเป็นวัสดุจิตวิญญาณที่พบเจอได้น้อยยิ่งกว่า
หลิ่วหมิงนำหินจิตวิญญาณหนึ่งล้านกว่าก้อนที่ได้มาจากการขายโอสถผลึกเย็น ไปหาวัสดุเหล่านี้ในตลาดฉางหยางเมื่อว่างจากการฝึกฝน ดีที่ว่าหลายวันก่อนเขาได้เดินตลาดไปรอบหนึ่งแล้ว ตอนนี้จึงไม่ถึงกับหาอย่างไร้จุดหมาย
……
ในตรอกตรงมุมตะวันออกเฉียงใต้ของตลาดฉางหยาง ทั้งสองข้างทางมีร้านค้าขนาดต่างๆ และในนั้นก็มีของขายครบครัน
ภายในร้านขายวัสดุหลอมอาวุธแห่งหนึ่ง หลังจากหลิ่วหมิงกับเถ้าแก่เสื้อเหลืองเจรจากันเรียบร้อยแล้ว เขาก็เดินออกมาด้วยสีหน้าอับจนหนทาง
หลายวันมานี้ เขาเดินไปหลายร้านแล้ว
สิ่งที่ให้เขารู้สึกท้อแท้ใจก็คือ ไม่เพียงแต่จะไม่ได้เบาะแสของตะพาบน้ำหมื่นปีเท่านั้น แม้แต่วัสดุเสริมทั้งสามอย่างก็หาไม่เจอเลย
ด้วยสถานะของเขา หากไหว้วานให้หอร้อยหลอมออกหน้าล่ะก็ จะรวดเร็วมากนัก แต่หากทำเช่นนี้ อาจจะดึงดูดความสนใจของคนจำนวนหนึ่ง พอถึงตอนนั้นก็จะเกิดปัญหาขึ้นมาอีก
ขณะที่หลิ่วหมิงกำลังหมุนตัวเดินไปยังร้านค้าวัสดุอีกแห่งนั้น พลันมีน้ำเสียงของชายคนหนึ่งดังขึ้นมาจากด้านหลัง
“สหายผู้นี้ โปรดหยุดก่อน”
พอหลิ่วหมิงชะงักฝีเท้าหมุนตัวกลับมา ก็เห็นชายชุดเขียวอายุสามสิบกว่าปียืนอยู่ไม่ไกล และกำลังจ้องมองเขาด้วยรอยยิ้ม
“ไม่ทราบว่าท่านคือใคร? เรียกข้าไว้มีเรื่องอันใดหรือ?” หลิ่วหมิงขมวดคิ้ว เขารู้สึกคุ้นตาคนตรงหน้าเล็กน้อย จากนั้นก็กล่าวออกมาอย่างเย็นชา
“ข้าหลูเหยียนผิง วันนี้เห็นสหายตามหาอะไรบางอย่างไปทั่ว ข้าใช้ชีวิตในตลาดมาหลายปี เชื่อว่าคุ้นเคยกับสถานแห่งนี้มากกว่าสหาย คงจะช่วยได้เล็กน้อย และก็เป็นการประหยัดเวลาของท่านด้วย” ชายชุดเขียวหัวเราะเฮ่อๆ! ดูเหมือนเขาจะไม่สนใจท่าทีเย็นชาของหลิ่วหมิง
“สหายสะกดรอยตามข้า?” หลิ่วหมิงมีสีหน้าเคร่งขรึมขึ้นมา และความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในสมอง
สองวันที่เขาตามหาวัสดุเหล่านี้ เคยพบเจอชายชุดเขียวผู้นี้มาก่อนจริงๆ แต่ว่าเดินเฉียดกันเท่านั้น และไม่เคยพูดคุยด้วย ดังนั้นจึงไม่ได้จดจำแต่อย่างใด
“สหายโปรดให้อภัย ข้าไม่ได้มีเจตนาอื่น เพียงแค่เป็นนายหน้าอยู่ในตลาดแห่งนี้เท่านั้น” พอชายชุดเขียวเห็นหลิ่วหมิงรู้สึกโมโหเล็กน้อย เขาก็รีบปัดมือปฏิเสธ
“นายหน้า?” พอหลิ่วหมิงได้ยินถึงมีสีหน้าผ่อนคลายลง
เขาสังเกตชายชุดเขียวอยู่ครู่หนึ่ง และไม่ได้พูดอะไรออกมาในทันที แต่กลับครุ่นคิดอย่างรวดเร็ว
สำหรับนายหน้าเหล่านี้ หลิ่วหมิงไม่ได้รู้สึกแปลกหน้าแต่อย่างใด เขาก็นับว่าเป็นคนที่เดินตลาดบ่อย จึงรู้มาว่าโดยทั่วไปแล้วจะแบ่งนายหน้าเป็นสองประเภท คือนายหน้าเปิดเผยกับนายหน้าลับ
นายหน้าเปิดเผยเป็นทำหน้าที่เป็นคนกลางให้กับผู้ฝึกฝนที่มาจากภายนอก เวลาสอบถามข้อมูล ก็เก็บค่าตอบแทนเล็กน้อย
นายหน้าลับ ภายนอกก็ทำเหมือนกับนายหน้าเปิดเผย แต่ขณะเดียวกันก็เป็นสายลับของกลุ่มอิทธิพลจำนวนหนึ่งที่แฝงอยู่ในพื้นที่ นำข้อมูลของผู้ว่าจ้างไปเปิดเผยให้กับคนอื่นๆ
ก่อนหน้านั้นเขาไม่ได้รู้สึกดีกับคนเหล่านี้ และไม่เคยร่วมงานกันมาก่อน เพราะตัวเขาเองก็ซ่อนความลับไว้มากมาย
แม้จะไม่รู้ว่าคนตรงหน้าเป็นนายหน้าประเภทใด แต่ตอนนี้เขาหาวัสดุมาสองวันแล้ว ก็ยังไม่พบอะไรเลย หากยังหาต่อไปเช่นนี้ อาจจะเสียเวลามากได้ ถ้าร่วมมือกับคนที่คุ้นเคยกับพื้นที่ บางทีก็น่าจะลองดู
ชายชุดเขียวเห็นท่าทีเช่นนี้ของหลิ่วหมิง ก็แอบมีความหวังอยู่ในใจ จึงรอคอยอย่างอดทน
“ท่านอยู่ที่นี่มานานเท่าใดแล้ว?” หลังจากคิดใคร่ครวญอย่างเงียบๆ ครู่หนึ่ง หลิ่วหมิงก็ถามด้วยน้ำเสียงที่สงบ
“ก็ไม่นับว่านานมาก น่าจะสิบกว่าปีได้” ชายชุดเขียวตอบกลับด้วยรอยยิ้ม
“เก็บค่าใช้จ่ายอย่างไร?” หลิ่วหมิงได้ยินก็พยักหน้า เขาคิดว่าประสบการณ์สิบกว่าปีคงจะคุ้นเคยกับตลาดฉางหยางมาก จึงได้เอ่ยปากถามออกไป
“เฮ่อๆ! อันนี้ต้องดูว่าสหายจะให้ข้าหาสิ่งของอันใดแล้ว หากท่านไม่รีบร้อน ไม่สู้พวกเราหาที่นั่งค่อยๆ คุยกันจะดีกว่าไหม?” ชายขุดเขียวแนะนำ
ไม่นาน ทั้งสองก็นั่งอยู่ในหอสุราเพียวเซียงในตลาด และจิบชาไปพลางพูดคุยไปพลาง
“น้ำหยินโสมม ผลึกปีศาจอีกา และผงวิญญาณบริสุทธิ์ล้วนเป็นวัสดุที่พบเจอได้น้อยมากจริงๆ ไม่อาจหาได้โดยง่าย” หลูเหยียนผิงฟังข้อเรียกร้องของหลิ่วหมิงแล้ว ก็วางถ้วยชาชง และก้มหน้าเงียบ
“คงเป็นไปไม่ได้ที่สหายหลูจะไม่มีเบาะแสใช่หรือไม่?” ในเมื่อตัดสินใจที่จะร่วมมือกับคนผู้นี้ หลิ่วหมิงกลับสงบขึ้นมา
“วัสดุทั้งสามที่สหายอยากได้นี้ สองอย่างแรกยังพอว่า แม้จะมีน้อยมาก แต่ตามที่ข้าทราบมา ในตลาดฉางหยางคงจะมีของอยู่ แต่ ‘ผงวิญญาณบริสุทธิ์’ นั้น ข้าเองก็ไม่มีความมั่นใจว่าจะหาได้” หลูเหยียนผิงยิ้มอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นถึงกล่าวออกมา
“ส่วนค่าใช้จ่าย ท่านจ่ายสองพันหินจิตวิญญาณต่อวัสดุที่ข้าช่วยท่านซื้อในแต่ละอย่างก็พอแล้ว” หลูเหยียนผิงนึกๆ อยู่ครู่หนึ่ง และพูดเสริมขึ้นมา
หลิ่วหมิงลังเลเล็กน้อย จากนั้นก็พยักหน้าตอบตกลง แม้ว่าค่าใช้จ่ายนี้จะไม่เบา แต่หากสามารถหาวัสดุได้อย่างราบรื่น เขาย่อมไม่ขี้เหนียวกับหินจิตวิญญาณแค่ไม่กี่พันก้อน
“ตกลงตามนี้ แต่ขอบอกไว้ก่อนเลย ต้องรอให้ข้าได้วัสดุก่อน ถึงจะจ่ายค่าตอบแทนให้ท่าน” หลิ่วหมิงเอานิ้วเคาะโต๊ะแล้วกล่าวออกมา
“ย่อมเป็นเช่นนั้น! ในเมื่อเป็นเช่นนี้ข้าจะพาสหายไปดูน้ำหยินโสมมกับผลึกอีกาดำก่อนเถอะ มีร้านค้าหนึ่งที่น่าจะมีของสองอย่างนี้” ขณะที่พูดหลูเหยียนผิงก็ลุกขึ้นมา
“ข้ายังมีเรื่องอีกอย่างที่อยากไหว้วาน หากสหายหลูช่วยข้าหาโลหิตบริสุทธิ์ของตะพาบน้ำจิตวิญญาณหมื่นปีได้ ข้ายอมจ่ายค่าตอบแทนสองเท่า” ขณะที่ชายหนุ่มขุดเขียวเพิ่งจะลุกขึ้น หลิ่วหมิงก็พูดออกมาเบาๆ
ครั้งนี้หลูเหยียนผิงคิดไตร่ตรองเล็กน้อย และไม่ได้รับปากในทันที หลังจากผ่านไปซักพักถึงค่อยๆ กล่าวออกมา
”โลหิตบริสุทธิ์ของตะพาบน้ำจิตวิญญาณหมื่นปีไม่สามารถเทียบกับวัสดุเหล่านั้นได้ นับว่าเป็นของล้ำค่ามหัศจรรย์ ข้าก็ได้แต่ช่วยสหายสอบถามดูก่อนเท่านั้น จะหาเจอหรือไม่นั้น คงต้องอาศัยโชคแล้วล่ะ”
“ดีมาก! ถ้าอย่างนั้นก็ฝากสหายด้วย” หลิ่วหมิงไม่มีข้อคัดค้านใดๆ ในเรื่องนี้
หลังจากทั้งสองออกจากหอสุราเพียวเซียงแล้ว ก็เข้าไปรวมกับฝูงชนบนท้องถนน
หลิ่วหมิงเดินตามเหยียนหรูผิงไปราวๆ ชั่วเวลาหนึ่งมื้อข้าว ก็มาปรากฏตัวในปากตรอกที่ค่อนข้างมืดแห่งหนึ่ง
หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ยังคงเดินตามไปอย่างเงียบๆ
หลังจากเดินไปได้พักหนึ่ง หลูเหยียนผิงก็หยุดอยู่ตรงหน้าประตูร้านเล็กๆ ที่ดูไม่เตะตาแห่งหนึ่ง
ร้านเล็กๆ แห่งนี้ไม่มีแม้แต่ป้ายร้าน ถูกร้านอื่นๆ บริเวณนั้นบีบอัดอยู่ตรงกลาง มีเพียงประตูเล็กๆ ที่กว้างแค่สองฉื่อเท่านั้น และดูโกโรโกโสเป็นอย่างมาก
“วัสดุที่สหายจะซื้อไม่ใช่สิ่งของทั่วไป คาดว่าทั่วทั้งตลาดฉางหยางคงมีแต่สถานที่แห่งนี้เท่านั้น ที่จะหาเจอได้” ชายชุดเขียวอธิบายเสร็จแล้ว ก็เดินไปผลักประตูออกครึ่งหนึ่ง จากนั้นก็ก้าวเข้าไปด้านใน
หลิ่วหมิงลังเลเล็กน้อยแล้วก็เดินตามเข้าไป
พอเขาเดินเข้าไปในประตู และกวาดสายตาดู ก็ค้นพบว่าภายในห้องมีชั้นวางของสองสามอันตั้งอยู่อย่างระเกะระกะ บนนั้นมีโอสถ และอาวุธธรรมดาจำนวนหนึ่งวางอยู่อย่างไม่ใส่ใจ
ผู้อาวุโสผอมแห้งที่มีผมและหนวดเป็นสีเหลืองเล็กน้อย เอนตัวอยู่บนเก้าอี้หลังตู้สินค้า และกำลังหลับตาพักผ่อนอยู่
…………………………………