ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ - ตอนที่ 537 ผลผลึกเขียวพันปี
ตามที่หลิ่วหมิงเข้าใจ สมบัติอย่างพวกต้นแบบอาวุธเวทนี้ เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีราคาประมูลขั้นต่ำสองสามล้านหินจิตวิญญาณ
แม้เขาจะไม่ได้มุ่งหวังสิ่งนี้ แต่หากมีสมบัติล้ำค่าอย่างอื่น ก็ไม่อยากพลาดโอกาสอันดีไป
เพราะขนาดของงานประมูลในครั้งนี้ ไม่ได้สิ่งที่สามารถพบเจอได้บ่อย
หากจะหาหินจิตวิญญาณจำนวนมากภายในเวลาหนึ่งเดือนกว่า วิธีการเดียวก็คือต้องหลอมโอสถผลึกเย็นระดับสูงให้มาก ซึ่งแต่ละเม็ดมีมูลค่าหลายแสนหินจิตวิญญาณ แม้ว่าจะไม่สามารถขายออกไปในได้ช่วงเวลานี้ แต่คิดว่าคงเป็นหลักค้ำประกันได้ไม่น้อย หรือไม่ก็ใช้สิ่งของแลกสิ่งของจำนวนหนึ่งที่เขาต้องการได้
หลิ่วหมิงวางแผนไว้ในใจ หลังจากสอบถามรายละเอียดของการประมูลอย่างละเอียดแล้วก็ลาจากไป
เขาไม่ได้รีบร้อนกลับไปเรือนร้อยหลอม แต่กลับปลอมตัวเป็นชายฉกรรจ์หน้าดำคนหนึ่ง
ขณะนี้ ในมือเขามีวัตถุดิบเสริมไม่น้อยแล้ว แต่วัตถุดิบหลักอย่างผลผลึกเขียวกลับไม่มีเลย
หลิ่วหมิงคิดไตร่ตรองอยู่ในใจ จากนั้นก็นำโอสถระดับสูงเหล่านั้น ไปหาร้านโอสถที่มนุษย์เผ่าค้างคาวเปิดขึ้นมา
พอเขาเหยียบเข้าไปในร้าน ชายเผ่าค้างคาวก็เดินออกมาต้อนรับจากหลังตู้บางแห่งด้วยความดีใจ
“พวกเราขึ้นไปคุยกันด้านบนเถอะ!” หลิ่วหมิงยังไม่ทันเอ่ยปาก เถ้าแก่มนุษย์เผ่าค้างคาวผู้นี้ก็เชิญหลิ่งหมิงขึ้นด้านบนโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง
หลิ่วหมิงได้ยินก็ยิ้มเล็กน้อย แต่ก็เดินขึ้นหอโดยไม่ได้พูดอะไรออกมา
ในขณะเดียวกัน ชายวัยกลางคนที่เหมือนกำลังจัดการกับวัตถุดิบในร้านอยู่ ก็เงยหน้ามองชายฉกรรจ์ที่หลิ่วหมิงปลอมตัวมาทีหนึ่ง จากนั้นก็ก้มหน้ายุ่งกับงานที่อยู่ในมือต่อ
ผ่านไปราวๆ หนึ่งถ้วยชา ห้องลับบนชั้นสามที่ค่อนข้างหรูหราห้องหนึ่ง
ชายชุดดำกำลังจ้องมองหลิ่วหมิงด้วยสีหน้าลำบากใจ และบนโต๊ะก็มีกล่องหยกที่เปล่งแสงสีเขียววางอยู่ ในกล่องหยกเป็นโอสถผลึกเย็นระดับธรรมดาสิบกว่าเม็ดที่หลิ่วหมิงปรุงขึ้นมาในช่วงนี้
“สหายเย่ แม้โอสถผลึกเย็นสิบกว่าเม็ดนี้จะเทียบกับผลผลึกเขียวพันปีลูกหนึ่งได้ แต่ทางเผ่าได้เตรียมผลผลึกเขียวที่เก็บเอาไว้ไปประมูล ข้าน้อยจึงไม่อาจตัดสินใจในเรื่องนี้ได้ ขอสหายโปรดให้อภัย!” เถ้าแก่ร้านเผ่าค้างคาวค่อยๆ ผลักกล่องคืนให้หลิ่วหมิง
หลิ่วหมิงได้ยินเช่นนี้ก็ค่อยๆ ขมวดคิ้วขึ้นมา หลังจากลูบคางแล้ว ก็เผยสีหน้าราวกับกำลังคิดอะไรอยู่
“แต่หากสหายนำโอสถระดับพสุธาขึ้นไปออกมาแลก บางทีอาจจะเปลี่ยนความคิดของเผ่าได้ ในเมื่อผู้เชี่ยวชาญการปรุงโอสถที่อยู่เบื้องหลังของสหาย สามารถปรุงโอสถธรรมดาออกมาได้มากมายเช่นนี้ คิดว่าคงจะมีโอสถระดับพสุธาขึ้นไปออกจากเตาด้วยใช่หรือไม่?” เถ้าแก่เผ่าค้างคาวพลันเปลี่ยนหัวข้อสนทนา และพูดหยั่งเชิงดูเบาๆ
หลิ่วหมิงไม่ตอบคำถามของฝ่ายตรงข้าม แต่กลับยกชาขึ้นมาจิบและเงียบไปอยู่ครู่หนึ่ง
ชายเผ่าค้างคาวก็รอคอยด้วยความตื่นเต้น
เวลาผ่านไปหนึ่งถ้วยชา ดูเหมือนหลิ่วหมิงจะตัดสินใจได้ หลังจากอุทานออกมาเบาๆ แล้ว ก็หยิบหล่องหยกสีขาวหิมะอีกใบออกจากแขนเสื้อมาวางไว้บนโต๊ะ
หลังจากใช้แขนเสื้อสัมผัสเบาๆ กล่องหยกก็ค่อยๆ เปิดออกมา พอไอเย็นม้วนตัวขึ้น แสงสีเขียวก็เปล่งประกายตามมา
โอสถสีเขียวที่มีลายโอสถสี่เส้นปรากฏอย่างชัดเจนถูกวางอยู่ในกล่อง
“โอสถพสุธา!”
เถ้าแก่เผ่าค้างคาวหลุดปากด้วยความตกใจ จากนั้นก็กล่าวด้วยสีหน้าดีใจเป็นอย่างมาก
“ขอสหายเย่รอสักครู่ ข้าจะไปรายงานเรื่องนี้ให้กับเผ่า”
พอกล่าวจบ เถ้าแก่เผ่าค้างคาวก็โบกมือข้างหนึ่ง จากนั้นแผ่นค่ายกลแปลกประหลาดที่มีขนาดชุ่นกว่าๆ ก็พุ่งออกจากแขนเสื้อ หลังจากหมุนติ้วๆ อยู่กลางอากาศแล้ว ก็ขยายใหญ่ฉื่อกว่าๆ ก่อนตกลงบนมือ
จากนั้นชายผู้นี้ก็ร่ายคาถาออกมา พอทำท่ามือ อักขระเล็กๆ แถวหนึ่งก็จมหายไปในแผ่นค่ายกล ครู่ต่อมา เขาก็พลิกฝ่ามือข้างหนึ่งอีกครั้ง
แผ่นค่ายกลส่งเสียงดังหวึ่งๆ จากนั้นก็ลดขนาดเหลือชุ่นกว่าๆ ก่อนพุ่งกลับเข้าไปแขนเสื้อ
“สหาย ทางเผ่าได้รับรายงานจากข้าแล้ว และจะส่งคนมาโดยเร็ว ขอสหายรอซักพัก”
หลิ่วหมิงพยักหน้าและเก็บกล่องหยกเข้าไป จากนั้นก็หลับตาทั้งคู่ลง และนั่งสมาธิด้วยสีหน้าสงบ
ผ่านไปไม่นาน หญิงวัยกลางคนที่สวมชุดดำ มีผ้าสีดำปิดหน้าก็เดินขึ้นมาด้านบน และผลักประตูออกเบาๆ
หลิ่วหมิงใช้จิตกวาดดูเล็กน้อย ก็รู้สึกว่ากลิ่นไอของนางผู้นี้ไม่อาจคาดเดาได้ อย่างน้อยคงอยู่ที่ระดับผลึก
“คิดว่าท่านนี้คงเป็นสหายเย่สินะ ข้ามาช้าไปหน่อย ทำให้สหายต้องรอนานแล้ว” หญิงวัยกลางคนหัวเราะทีหนึ่ง และคารวะหลิ่วหมิง
“มิกล้า! ไม่ทราบฮูหยินคือ……” หลิ่วหมิงรีบลุกขึ้นมาประสานมือคารวะ และตอบกลับไปอย่างไม่รอรี
“สหายไม่ต้องเกรงใจ ได้ยินเถ้าแก่บอกว่าสหายอยากใช้โอสถพสุธาแลกกับผลผลึกเขียวพันปี ข้าเป็นฮูหยินของหัวหน้าเผ่า จึงสามารถตัดสินใจในเรื่องนี้ได้บ้าง สหายนำโอสถพสุธาออกมาให้ข้าดูหน่อยได้หรือไม่?” หญิงชุดดำหัวเราะเบาๆ ขณะเดียวกันก็หันไปกระซิบกับชายวัยกลางคนสองสามประโยค
ชายวัยกลางคนรีบโค้งตัว และถอยออกไปจากห้องรับรอง
หลิ่วหมิงมองดูหญิงชุดดำตรงหน้าทีหนึ่ง หลังจากคิดๆ ดูแล้ว ก็นำกล่องหยกสีขาวหิมะออกมาวางบนโต๊ะอีกครั้ง พอตบมันเบาๆ ฝากล่องก็เปิดออกมา
กลิ่นหอมเข้มข้นของโอสถแผ่กระจายออกมา
หญิงชุดดำเห็นเช่นนี้ ก็งอปลายนิ้วเรียวยาวนิ้วหนึ่ง จากนั้นโอสถสีเขียวในกล่องหยกก็พุ่งขึ้น และค่อยๆ หล่นลงในมือที่สวยราวกับหยก
หลังจากที่นางหรี่ตามองโอสถตรงหน้าอยู่นาน ก็พยักหน้าด้วยความดีใจ และกล่าวกับหลิ่วหมิงด้วยรอยยิ้ม
“สหายเย่ โอสถระดับพสุธาเม็ดนี้พอที่จะแลกผลผลึกเขียวพันปีได้ลูกหนึ่ง ไม่ทราบว่าสหายจะแลกเท่าใด หากมีสามเม็ดขึ้นไป ร้านเรายอมเพิ่มหินจิตวิญญาณให้สหายด้วย”
หลิ่วหมิงใช้นิ้วเคาะโต๊ะตรงหน้าเบาๆ สีหน้าของเขายังคงเป็นปกติ แต่ในใจกลับวิเคราะห์ถึงข้อดีและข้อเสียอย่างรวดเร็ว
“สหายเย่วางใจได้เลย เผ่าค้างคาวเรารักษาสัจจะมาโดยตลอด ข้ารับรองว่าจะไม่แพร่งพรายเรื่องนี้เลยแม้แต่น้อย จะต้องไม่สร้างความเดือดร้อนใดๆ ให้สหายอย่างแน่นอน” ดูเหมือนหญิงชุดดำจะเห็นท่าทีลังเลของหลิ่วหมิง นางจึงเอ่ยปากออกมาอีกครั้ง
“ในเมื่อฮูหยินกล่าวมาถึงขั้นนี้แล้ว ข้าเองก็จะไม่ปิดบังอีกต่อไป ในมือข้ามีโอสถผลึกเย็นระดับพสุธาอยู่ห้าเม็ด อยากจะแลกผลผลึกเขียวพันปีจำนวนหนึ่ง หากแลกหินจิตวิญญาณได้จำนวนหนึ่งก็ได้” พอหลิ่วหมิงฟังจบดวงตาก็เป็นประกาย ในที่สุดเขาก็ถอนหายใจยาวๆ และกล่าวออกมา
จากนั้นเขาก็หยิบกล่องหยกที่มีรูปร่างเหมือนกันออกมาอีกสองใบ และวางไว้บนโต๊ะไม้ตรงหน้าหญิงวัยกลางคน
“ห้าเม็ด!” ดวงตาของหญิงชุดดำเต็มไปด้วยความดีใจ
แม้นางจะคาดเดาได้ว่าในมือหลิ่วหมิงคงไม่ได้มีโอสถพสุธาแค่เม็ดเดียว แต่คิดไม่ถึงว่าจะมีมากเช่นนี้ อย่างที่รู้ว่าต่อให้เป็นผู้เชี่ยวชาญการปรุงโอสถ ก็มีโอกาสในการปรุงโอสถระดับนี้สำเร็จน้อยมาก โดยเฉพาะโอสถผลึกเย็นยิ่งยากยิ่งกว่า
หลิ่วหมิงค่อยๆ เปิดฝากล่องหยกทั้งสอง ภายในกล่องหยกแต่ละใบมีโอสถผลึกเย็นวางอยู่สองเม็ด
พอหญิงวัยกลางคนกวักมือ กล่องหยกใบหนึ่งก็ค่อยๆ ตกลงบนมือของนางอย่างมั่นคง จากนั้นก็ทำการตรวจสอบโอสถพสุธาเหล่านี้อย่างละเอียด
“สหายเย่โปรดรอสักครู่!” หลังจากหญิงชุดดำตรวจสอบโอสถพสุธาในกล่องหยกทั้งสองใบเสร็จ และมั่นใจว่าไม่มีอะไรผิดพลาดแล้ว นางก็รู้สึกโล่งใจไปเปราะหนึ่ง หลังจากพูดออกมาด้วยรอยยิ้มแล้ว ก็เดินไปกระซิบกับเถ้าแก่ที่รออยู่นอกประตู
ชายเผ่าค้างคาวได้ยินเช่นนี้ ก็ตอบรับอย่างนอบน้อม และเดินลงหอไปอย่างรวดเร็ว
“ข้าได้สั่งคนไปเอาผลผลึกเขียวพันปีแล้ว ท่านคิดว่าผลผลึกเขียวพันปีขึ้นไปห้าลูก บวกกับหนึ่งล้านหินจิตวิญญาณเป็นอย่างไรบ้าง?” หญิงชุดดำกลับเข้ามาในห้องรับรอง และกล่าวกับหลิ่วหมิงด้วยรอยยิ้ม
หนึ่งล้านหินจิตวิญญาณ!
หลิ่วหมิงได้ยินก็รู้สึกดีใจมาก แม้จะเป็นการแสดงออกอย่างชัดเจนว่าฝ่ายตรงข้ามต้องการผูกมิตรกับตน แต่หนึ่งล้านหินจิตวิญญาณมันช่างเหนือความคาดหมายของเขาไปมาก
แน่นอน! ในเมื่อฝ่ายตรงข้ามยอมให้ เขาย่อมรับปากอย่างไม่เกรงใจ หลังจากผ่านไปราวๆ หนึ่งเค่อ เถ้าแก่เผ่าค้างคาวก็ผลักประตูเข้ามา มือข้างหนึ่งประคองกล่องไม้ใบหนึ่ง ส่วนอีกข้างก็ถือถุงที่ใส่หินจิตวิญญาณ
“สหายเย่! นี่คือผลผลึกเขียวพันปีขึ้นไปห้าลูกกับหนึ่งล้านหินจิตวิญญาณ เชิญท่านนับดู” พอหญิงชุดดำยกแขนขึ้น กล่องไม้กับถุงผ้าในมือชายวัยกลางคนก็ลอยขึ้นมา และค่อยๆ หล่นลงตรงหน้าหลิ่วหมิงอย่างมั่นคง
หลิ่วหมิงหยิบถุงผ้าขึ้นมาอย่างไม่เกรงใจ หลังจากใช้จิตกวาดดูแล้ว ก็พยักหน้าและเก็บมันเข้าไป จากนั้นก็เปิดกล่องไม้สำรวจดูผลผลึกเขียวที่อยู่ด้านใน
พอเขาเปิดกล่องไม้ออกมา กลิ่นหอมจรุงใจที่ซึมซ่านไปทั่วหัวใจและม้ามก็โชยออกมา มีผลสีเขียวขนาดเท่ากำปั้นวางอยู่ในนั้นห้าลูก
หลิ่วหมิงใช้นิ้วสามนิ้วหยิบผลผลึกเขียวลูกหนึ่งขึ้นมาอย่างระมัดระวัง และตรวจสอบดูอย่างละเอียด
ผลผลึกเขียวพันปีนี้แตกต่างจากผลผลึกเขียวห้าร้อยปีไม่มาก แต่ลวดลายจิตวิญญาณบนพื้นผิวกลับชัดเจนกว่ามาก ทั้งยังไม่เหมือนกับผลผลึกเขียวอายุสองสามร้อยปี และยังมีไอเย็นชุ่มชื้นแผ่ออกมาเป็นระยะๆ
ตามที่บรรทึกไว้ในคัมภีร์ ไอเย็นชุ่มชื้นเหล่านี้ มีแต่ผลผลึกเขียวพันปีขึ้นเท่านั้นที่สามารถแผ่ออกมาได้ และเห็นได้ชัดว่าไอเย็นชุ่มชื้นของผลผลึกเขียวหนึ่งในนั้น เหนือกว่าลูกอื่นเล็กน้อย จากการคาดเดาของหลิ่วหมิง มันคงมีอายุราวๆ หนึ่งพันสามร้อยปีแล้ว
หลิ่วหมิงใจเต้นขึ้นมาทันที
“ไม่เลว! เป็นผลผลึกเขียวพันปีขึ้นไปจริงๆ ด้วย” หลิ่วหมิงชมเชยด้วยสีหน้าพอใจ
“สหายเย่พอใจก็ดีแล้ว หากภายหลังยังมีผลผลึกเขียวจำนวนมากอีกล่ะก็ ไม่ว่าจะเป็นระดับใด เผ่าค้างคาวเราก็ยินดีจะรับซื้อทั้งหมด และจะเสนอผลผลึกเขียวอายุต่างๆ ให้ หากสหายมีสิ่งใดที่ต้องการล่ะก็ พวกเรายินดีช่วยท่านรวบรวมวัตถุดิบเสริม รวมถึงวัสดุอื่นๆ และข้ารับรองว่าจะไม่แพร่งพรายข้อมูลของสหายเลยแม้แต่น้อย ส่วนสถานที่แลกเปลี่ยนนั้น หากสหายไว้ใจก็ใช้ร้านแห่งนี้ แต่หากสหายมีความกังวลใจล่ะก็ สามารถเลือกสถานที่อื่นได้ตลอดเวลา” หญิงชุดดำกล่าวด้วยท่าทีที่ดูนอบน้อมและจริงใจเป็นอย่างมาก
“เรื่องนี้ให้ข้าคิดดูก่อน” หลิ่วหมิงใจเต้นเล็กน้อย หากเป็นเช่นนี้จริงๆ ก็สามารถลดปัญหาไปได้ไม่น้อย แต่เขาก็ยังกล่าวด้วยสีหน้าปกติ
…………………………………